STARCIN ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 14 ย่อท้อหรือจะสู้
" เฮ้ ! ซากิรอด้วย " ชาญโบกมือทักทายและเดินตีคู่มาด้วยกันกับซากิ
" แล้วซันนี่ไปไหนแล้วล่ะ ? " ซากิมองดูข้าง ๆ ชาญที่มักจะมีซันนี่อยู่ด้วยตลอดด้วยความสงสัยจึงเอ่ยปากถาม
" เธอไม่ค่อยสบายน่ะ เลยขอพักอยู่ที่ห้อง "
" เด็ก ๆ ตั้งใจฟังนะ " อาจารย์สาวสวยหุ่นนางแบบกำลังเขียนตัวหนังสือบนกระดาน
" ดันเจี้ยนทั้งหกระดับ " สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กระดานด้านหน้า
" ระดับที่หนึ่ง C ไม่มีความซับซ้อนเดินทางลงไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอราชาดันเจี้ยน ระดับสอง B ไม่ซับซ้อนเช่นกันแต่มอนสเตอร์ส่วนใหญ่จะเริ่มใช้เวทได้แล้ว ระดับสาม A พื้นที่คล้ายกับข้างนอกมากทั้งใหญ่และมีมอนสเตอร์มากขึ้นตามพื้นที่ แต่สามารถเดินทางลงไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอราชาดันเจี้ยนอาจจะมีสติปัญญาหรือไม่ก็ได้ " เธอชี้ตั้งแต่รูปแบบโครงสร้างของดันเจี้ยนแบบย่อที่อยู่ตรงหน้าไล่ไปทีละอัน
" ตั้งแต่ S ขึ้นไปราชาจะมีสติปัญญามากน้อยแล้วแต่ที่ ระดับสี่ S พื้นที่ใหญ่มาก มีมอนสเตอร์จำนวนมากมีทางเข้าลับเพื่อลงไปหาราชา ระดับห้า SS พื้นที่ใหญ่มากและมีมอนสเตอร์จำนวนมากเช่นเดียวกับระดับสี่มีทางเข้าลับเพื่อลงไปชั้นต่อไปแต่ก็ยังไม่เจอราชาต้องหาทางลับลงไปเรื่อย ๆ มักจะหาทางลงไปต่อไม่ได้จึงมีข้อมูลน้อยมาก " ซากิเผลอไปสบตากับอาจารย์สาวตกใจหลบตาแทบไม่ทัน
" และระดับหก SSS มอนสเตอร์ส่วนใหญ่มีความฉลาดและมักอยู่กันเป็นฝูง มีสังคม พื้นที่ภายในมีการพึ่งพาอาศัยกันคล้ายกับบ้านเมืองมนุษย์ ราชามีสติปัญญาสูงสามารถควบคุมมอนสเตอร์ภายในดันเจี้ยนได้ทั้งหมด "
" ดันเจี้ยนที่เราเคยไปก็แค่ระดับสองน่ะสิ " ชาญนั่งเอาหลังพิงเก้าอี้ด้วยความเซ็งและเบื่อ
" โห นายเคยไปดันเจี้ยนจริง ๆ มาแล้วเหรอ ? " เสียงจากพ่อหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเขาชะโงกหน้าเข้ามา
" ฉันยังไม่เคยไปเลย ที่นั่นมีที่อาบน้ำไหม ? " หญิงสาวที่นั่งข้างกันถามเหมือนกำลังตื่นเต้น
" เอ่อ...แล้วที่นั่นมีอะไรให้กินบ้าง ? " ชายร่างท้วมนั่งอยู่ตรงหน้ากำลังกินขนมที่ใส่ในถุงผ้าอยู่
" พวกนายไม่เคยไปดันเจี้ยนกันเลยเหรอ ? " ต่างคนต่างก็ตั้งคำถามใส่กันไม่หยุดไม่สนใจสายตาของอาจารย์ที่จ้องมาเหมือนจะกินหัวอยู่แล้ว
" พวกเธอคุยอะไรกัน เงียบก่อน...ดูสิคนอื่น ๆ กำลังตั้งใจฟังอยู่นะ " เธอพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลเมื่อชาญหันไปเห็นซากิหลุดขำออกมานิดหนึ่ง ชาญกับคนอื่น ๆ ก็ยิ้มเขินเล็กน้อยที่เพื่อน ๆ ในห้องหันมามอง
" ว่าแต่เราจะรู้เรื่องพวกนี้ไปทำไมอะ ? " ชาญนอนลงบนโต๊ะขณะที่ฟังไปก็เริ่มง่วงไปด้วย
" รู้ก็ยังดีกว่าไม่รู้...เรื่องพวกนี้ต้องได้ใช้อยู่แล้วแหละ " ซากิพูดกับชาญแต่ก็ยังหน้ามองตรงไปที่กระดานและอาจารย์สาว
พวกเขาเดินเล่นอยู่แถวสวนที่มีต้นไม้ร่มเย็น ระหว่างที่เปลี่ยนคาบเรียน
" ทั้งพีชทั้งฟรานก็แยกกับพวกเราแล้วด้วยสิ ทั้งที่เมื่อก่อนพวกเราออกจะสนิทกันแท้ ๆ " ชาญถอนหายใจนั่งลงที่ม้านั่งใกล้ ๆ
" แต่ละคนก็มีเป้าหมายของตัวเอง ให้เวลาพวกเธอหน่อย...ยังไงพวกเราทุกคนก็เป็นเพื่อนกันอยู่ดี " ซากิมองดูสเตตัสของตัวเองพลางมองเห็นนักเรียนมากหน้าหลายตาเดินผ่านไปมา
" ว่าแต่นายเลเวลอะไรแล้ว ? " ชาญเอ่ยปากถามขณะที่นั่งหลับตาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
" พึ่งขึ้นเลเวลห้า เลเวลพวกเราก็คงจะไม่ต่างกันอยู่แล้วแหละ " ซากิมองชาญก่อนที่จะตอบ
" แต่ไอ้เลเวลพวกนี้มันจะเพิ่มขึ้นตามสเตตัสหรืออะไรนะ ฉันยังงงอยู่เลย " ชาญดีดตัวลุกขึ้นยืนและเดินไปต่อ
" อาจจะเป็นค่าเฉลี่ยของสเตตัสก็ได้ เห็นทีคงต้องไปหาข้อมูลสักหน่อยละ " ซากิพูดขณะที่เหลือบไปเห็นฟรานที่กำลังเดินดุ้ม ๆ ไปที่ไหนสักแห่ง
" นั่นฟรานใช่ไหม ? " ซากิถามพร้อมกับชี้ไปที่เธอ
" น่าจะใช่นะ " ชาญเพ่งสายตามองก่อนจะตอบ
" เฮ้ ! ฟราน " ชาญตะโกนและโบกมือเรียก
เธอโบกมือทักทายกลับทำให้ชาญวิ่งตรงเข้าไปหาตามมาด้วยซากิ
" ช่วงนี้เธอหายไปไหนมา ? พวกเราแทบจะไม่เห็นเลย " จริง ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าไปฝึกพิเศษกับอาจารย์คนนั้น ชาญยิ้มทักทาย
" อ่อ...คือว่าฉันกำลังฝึกพิเศษอยู่น่ะ ขอโทษด้วยนะที่หายหน้าไป " ฟรานยิ้มฝืนด้วยใบหน้าที่เศร้า
" จะเป็นอะไรไหมถ้าพวกเราอยากไปฝึกด้วย ? " ซากิพูดขึ้นมาขณะที่ฟรานคุยกับชาญเสร็จแล้ว
" จริงด้วยฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าฝึกพิเศษจะสนุกขนาดไหน " ชาญฉีกยิ้มด้วยความตื่นเต้นตาเป็นประกายจ้องมองฟราน
" อืม...ฉันคงต้องไปถามอาจารย์ก่อน งั้นไว้เจอกันคราวหน้าจะบอกนะ " เธอยิ้มให้ก่อนจะจบบทสนทนาแล้ววิ่งต่อไปทันที
" ไว้เจอกัน " ชาญเอามือปล้องที่ปากตะโกนบอกพร้อมกับยกอีกมือโบกลา
" เราก็รีบไปเข้าเรียนเถอะ " ซากิจับไหล่ชาญก่อนจะเดินไปต่อ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนถึงเวลาเลิกเรียน ซากิแยกกับชาญแทนที่เขาจะกลับไปที่ห้องพักแต่ไปที่ห้องสมุดแทน
อาณาจักรเซีย ประวัติศาสตร์การปฏิวัติ เวทมนตร์และหน้าต่างสเตตัส เขาเดินไล่ดูชื่อหนังสือที่น่าสนใจไปเรื่อย ๆ ตามชั้นหนังสือ
หน้าต่างสเตตัส เล่มนี้น่าจะมีข้อมูล เขาหยิบมันออกมาจากชั้นและนั่งอ่านอยู่พักหนึ่ง
เรื่องที่เขียนไว้ก็มีแค่ที่ได้เรียนไม่ได้ต่างกันเลย หรือมันจะไม่มีใครหาข้อมูลมากกว่านี้แล้ว
หลังจากไล่อ่านหนังสืออยู่หลาย ๆ เล่มจนตัดใจเดินออกมาจากห้องสมุดที่คนแทบจะไม่มี
ถ้าจะเกิดสงครามในอีกสี่ปี สำหรับการเตรียมตัวแล้วถือว่าแย่มาก ๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งท่องบทเรียน การฝึกภาคปฏิบัติก็น้อยมากเมื่อเทียบกับตอนฝึกในค่าย ซากิเดินเหม่อคิดไปเรื่อยระหว่างทางจนถึงห้องของตัวเอง
ความสามารถในความเข้าใจการต่อสู้ก็ไม่มี เมื่อถึงสงครามพวกเขาก็คงเป็นได้แค่ทหารที่ตายในสนามรบ อีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือพวกนักเรียนที่นี่ต่างก็มีเส้นกันทั้งนั้น ดูจากสถานที่ที่ดูดีเกินไปสำหรับนักเรียน ซากิถอดเสื้อผ้าออกเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำที่มีแม้กระทั่งฟักบัวและอ่างอาบน้ำ เขานั่งแช่อยู่ในอ่างเอาหัวหนุนขอบคิดไปเรื่อย ๆ
ที่แห่งนี้เป็นเมืองหลวงที่มีแต่พวกลูกคุณหนู ถ้าเป็นชาวบ้านในเขตชนบทก็คงได้ไปเป็นด่านหน้าให้ตายก่อนแน่ ๆ ส่วนพวกนี้ก็คงจะติดยศไปงั้น ๆ แล้วค่อยสั่งการและดูอยู่ห่าง ๆ
เราก็คงจะสรุปเลยไม่ได้เพราะแค่ได้เห็นเมืองที่ผ่าน ๆ มาไม่กี่เมือง การได้อยู่ที่นี่ก็เหมือนคุกที่จำกัดความสามารถของคนไว้...ถ้ามัวแต่ทำตามหลักสูตร
หรือที่ฟรานแยกตัวออกไปเพราะเรื่องนี้ เธอคงจะอยากเป็นอิสระ...แล้วก็คงไม่พ้นเรื่องของซึฮากิแน่ ๆ เขาลุกขึ้นมาชำระล้างร่างกายทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเมียดละไม
" ... " เสียงไอจากการสูดฝุ่นเข้าไปเต็มจมูก คานะมองเซนด้วยความเป็นห่วง
" เราเดินเลาะกำแพงดันเจี้ยนมาหลายชั่วโมงแล้วนะยังไม่มีวี่แววของอะไรเลย " คานะพูดเหมือนสิ้นหวังหน้าตาอมทุกข์
" ยังไงมันก็ต้องมีสุดทางบ้างอยู่แล้ว ไม่ใช่อวกาศสักหน่อย ฮ่าฮ่าฮ่า " เซนยิ้มหัวเราะให้คานะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
" ระวัง ! " คานะร้องออกมาเสียงดังเมื่อเธอเหลือบไปเห็นก้อนหินแหลม ๆ พุ่งตรงเข้ามาก่อนจะเอาตัวบังเซนไว้
" คานะเป็นอะไรไหม ? " เซนส่องไฟไปที่ทิศทางที่มาและเพ่งสายตามองแต่ก็ไม่เจออะไร
" ฉันไม่เป็นไร ดูเหมือนมันจะเข้ามาไม่ลึกน่ะ " คานะใช้มือค่อย ๆ ดึงก้อนหินที่แทงเข้าไปตรงหลังเหนือเอวมานิดหน่อย เธอกัดฟันกลั้นใจดึงมันออกมารวดเดียว
" เมื่อกี้เป็นฝีมือของใครกันแน่ ? " พวกเธอช่วยกันดูหน้าดูหลังไม่ทันขาดคำ ก้อนหินแหลม ๆ ก็พุ่งตรงเข้ามาอีก
" อ๊าก ! อาวุธฉันก็หล่นหายไปหมดแล้วใช้เวทไม่ได้ " คานะถูกหินอีกก้อนแทงเข้าไปที่ท้องด้านหน้าเกือบโดนปอดก่อนจะดึงมันออกมาอีกครั้ง
" [ Mana Shield ] ถึงมานาจะฟื้นได้ไม่เยอะแต่คงต้องใช้ก่อนแล้ว " เซนร่ายเวทป้องกันรอบตัวก้อนหินพุ่งเข้ากระแทกกับโล่มานาจนหายไปจุดหนึ่ง
" ไอ้เวรเอ๊ย " คานะก้มลงหยิบก้อนหินที่มีเลือดของตัวเองติดอยู่ ง้างมือไปด้านหลังก่อนจะออกแรงขว้างกลับไปที่เดิมที่มันออกมา เสียงของก้อนหินที่กระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่กำแพงดันเจี้ยนทำให้คานะก้มลงไปหยิบก้อนหินและขว้างเข้าไปอีกแต่ก็หายไปแล้ว
" หนีไปแล้ว ? " หลังจากรอดูท่าทีอยู่พักหนึ่งก็ไม่มีก้อนหินปาเข้ามาอีก
" มันเป็นตัวอะไรกันนะ ? มืดก็มืดสภาพเราก็ไม่พร้อมสะด้วย " เซนบ่นและหยุดร่ายเวทโล่มานาไปเหลือแค่ไฟที่ปลายมีด
" อะ " แรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาถึงพื้นที่ยืนอยู่ทำเอาพวกเธอตกใจ
" มีอะไรอีกล่ะเนี่ย ? " เซนตะโกนออกมาอยากจะระบาย เสียงอะไรบางอย่างกำลังตรงเข้ามาใกล้พวกเธอ
" [ Mana Shield ] " แสงไฟของเซนส่องไปเห็นเท้าคู่โตที่มีนิ้วสามนิ้วขนาดใหญ่ เมื่อมองขึ้นไปพร้อม ๆ กับส่องไฟไปด้วยก็ได้เห็นมอนสเตอร์ที่คล้ายกับลิงแต่ตัวสูงถึงสามเมตรไม่มีตา แต่มีใบหูที่ใหญ่อย่างกับช้างกำลังสะบัดไปมาเหมือนตามหาเสียง
คานะกับเซนยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนหรือพูดอะไร เจ้าสัตว์ประหลาดสูงสามเมตรก็เดินเลยไป
" คิดว่ามันไปยัง " พวกเขายืนนิ่งอยู่หลายนาทีจนแน่ใจว่ามันไปแล้ว
" เฮ้อ....หัวใจจะวาย แต่ก็โชคดีที่มันไม่เห็นเรา " เซนถอนหายใจพร้อมกับเลิกร่ายเวทโล่มานา
" ซ-เซน " คานะพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินชี้ไปที่ด้านหลังของเขา ใบหน้าที่ไม่มีตากำลังยื่นเข้ามาใกล้ขณะที่คานะหน้าซีดมองอยู่ข้าง ๆ
" กรี๊ด ! " เซนหันหน้าไปมองหน้ามันพอดีร้องออกมาด้วยความตกใจเช่นเดียวกับมันที่ส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกับเซน
" วิ่ง ! " เซนจับมือคานะวิ่งหนีด้วยความกลัวเมื่อหันหลังไปก็จะเห็นสัตว์ประหลาดสามเมตรตามมาติด ๆ
" คานะเราจะทำยังไงดี "
" หลบตรงก้อนหินด้านหน้า " เธอสังเกตเห็นก้อนหินขนาดใหญ่วางอยู่กลางทาง พวกเธอเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังเงียบสนิท คานะหยิบก้อนหินที่เก็บมาด้วยขว้างออกไปให้ไกลที่สุด ทำให้มันวิ่งผ่านพวกเธอไป
" รอด- " คานะเอามือปิดปากเซนไว้ก่อนที่จะพูดไปมากกว่านี้ เธอส่ายหน้าเป็นสัญญาณบ่งบอกให้เงียบ
เซนหยักหน้าตอบ พวกเขาจับมือกันแน่นค่อย ๆ เดินไปพร้อมกับระวังเสียงให้เงียบที่สุด
" เซน คานะ " สเตล่าตะโกนออกมาแต่เสียงก็เบาลงเรื่อย ๆ
หายไปไหนกันนะ ? หรือว่าจะไม่ได้ลงมา เธอเป็นกังวลคิดไม่ตกระแวงสิ่งรอบข้างตลอด
" นี่ปุย ทำไมตอนแรกฉันถึงไม่เห็นแกล่ะ หรือว่าแกจะให้เห็นเฉพาะคนที่เชื่อใจแล้ว "สเตล่าลูบหัวปุยระหว่างเดินไปข้างหน้า
" อะ ? " เสียงและสั่นสะเทือนจากที่ไหนสักแห่งที่ส่งมาถึงสเตล่า
" อาจจะเป็นพวกเซนก็ได้ " สเตล่าวิ่งไปตามที่มาของเสียงนั่น
" เอ๊ะ ! " ใครบางคนที่ยืนหลังอยู่ตรงหน้าแม้แสงจากปุยจากส่องใส่ก็ไม่ขยับหรือรู้สึกอะไร
" เซนใช่นายหรือเปล่า ? " เธอเดินเข้าไปหาช้า ๆ เอามือสัมผัสกับไหล่ของคนที่อยู่ด้านหน้าก่อนที่เขาจะหันหน้ามาเผยให้เห็นคนไม่มีตาที่มีจมูกใหญ่ขึ้นมาแทนตาที่หายไปกับแขนที่มีใบมีดแหลมคม
" กรี๊ด ! " สเตล่าตกใจถึงกับเสียหลักล้มลงก้นกระแทกพื้น ขณะเดียวกับการที่มันยกแขนขึ้นมาสองข้าง
สเตล่ารีบยันตัวเองขึ้นและอุ้มปุยวิ่งหนีสุดชีวิต เมื่อหันหลังไปมองก็เห็นมันวิ่งตาม เสียงของใบมีดที่ลับกันไปมาเหมือนเป็นการขู่ข่มขวัญให้กลัว
" [ Wild Slash ] " เธอฟันมีดด้วยเวทลมใส่ไปที่มันแต่ก็ถูกกันโดยแขนใบมีดได้ไม่มีแม้รอยขีดข่วน
" ตัวบ้าอะไรเนี่ย ? " เธอวิ่งด้วยความกลัวจนน้ำตาแทบจะไหล จนสลัดออกมาได้และหลบอยู่หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง
มันไม่มีตาก็คงจะใช้แสงได้ปกติสินะ เธอยังคงให้ปุยส่องแสงเพื่อคอยดูเจ้าตัวใบมีด
เสียงฝีเท้าที่เดินมาข้าง ๆ หยุดลงตรงนั้น สเตล่าเงยหน้าไปมองเห็นมันสูดลมเข้าจมูกพร้อมกับจ้องมาที่เธอ
ท่าไม่ดีแล้ว มันง้างแขนขึ้นจะฟันลงมาที่เธอ สเตล่ากลิ้งตัวออกไปข้างหน้าหลบได้พอดีและวิ่งไม่คิดชีวิต
อย่าบอกนะว่ามันตามกลิ่นได้ แล้วอย่างงี้จะหนีได้ยังไงเนี่ย เธอสามารถทิ้งระยะห่างไปได้แต่ไม่นานมันก็ตามมาอยู่
" อะ ! " เธอสะดุดล้มหน้าคว่ำลงกองโคลนพร้อมกับปุย
" ตายแล้ว ๆ ปุย " เธอพยายามจะเช็ดโคลนที่เปื้อนตัวปุยแต่ปุยกลับกระโดดลงไปคลุกตัวเองกับโคลนจนดำไปทั้งตัว
" แกทำอะไรเนี่ย ต้องรีบไปแล้ว " ปุยกระโดดแรง ๆ ทำให้โคลนกระเด็นใส่ตัวสเตล่าวินาทีนั้นเธอก็นึกขึ้นได้และนอนกลิ้งทาโคลนให้ทั่วตัว
ขอให้ได้ผลเถอะ เธอนั่งสวดภาวนากอดเจ้าปุยไว้ในอ้อมอก เจ้าสัตว์ประหลาดจมูกดีก็เดินมาถึง
ไปเลย ไปเลย ไปเลย มันสูดลมเข้าลึก ๆ ดมหากลิ่นของเธออยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินต่อไป แต่สเตล่าก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมจนแน่ใจแล้วว่าปลอดภัย
" ขอบใจมาก ๆ เลยปุย " เธอกอดปุยด้วยความรักแต่ก็ผ่อนแรงไว้กลัวมันจะเจ็บ
" ว่าแต่กองโคลนพวกนี้มันมาได้ยังไง แสดงว่าต้องมีน้ำอยู่แถว ๆ นี้ " สเตล่าพยายามมองหาแหล่งน้ำหรือเส้นทางน้ำจากจุดนั้นนานอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่เจอ
" ไปกันต่อดีกว่า " เธอยอมตัดใจทำหน้าเซ็งอุ้มปุยเดินต่อไป
" ถ้าเราเจอไอ้ตัวแบบเมื่อกี้อีกจะฆ่ามันได้ยังไงล่ะ ? " สเตล่ายิ้มพูดกับปุยเหมือนคุยกับคน
" แต่ขนาดตัวแกเต็มไปด้วยโคลนก็ยังส่องแสงได้อีกนะ แปลกจริง ๆ " ปุยส่งเสียงเป็นการตอบกลับ
แสงได้สาดไปถึงร่างของสัตว์ประหลาดอีกตัวที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับก่อนหน้านี้
ไม่ใช่ว่าไปอีกทางเหรอวะ เธอเดินเลี่ยงออกไปข้าง ๆ ด้วยความระมัดระวังพลางมองดูรอบ ๆ
เดี๋ยวก่อนนะ เธอยืนชะงักอยู่ไม่ไกลจากมัน
ส่วนที่แข็งอาจจะมีแค่ใบมีดก็ได้ ถ้าโจมตีมันตรงอื่นก็อาจจะฆ่ามันได้ สเตล่าชักมีดขึ้นมาเล็งไปที่หัวของมัน
แต่ถ้าร่ายสกิลมันรู้ตัวแน่ ๆ เธอเพ่งสมาธิดึงมานาออกมาผ่านมีดของเธอก่อตัวรวมกันที่ปลายมีด
ฉันต้องทำได้สิ เสี้ยววินาทีที่เธอเปลี่ยนกลุ่มก้อนมานาเป็นเวทลมที่เหมือนกับใบมีดและฟันจากระยะไกลเข้าไปที่หัวของมันขาดครึ่ง และมันยังลอยต่อไปกระแทกกับกำแพงดันเจี้ยนเสียงดังโครมครามก่อนจะหมดแรงล้มลงกับพื้น ขาและมือสั่นไปหมด
เราใช้มานาเยอะไป แต่ก็ทำได้แล้ว เธอเกร็งและกำมือที่สั่นอยู่แน่นยิ้มด้วยความดีใจ
" แกเห็นไหมปุย ฉันใกล้จะไล่ตามพวกเขาทันแล้ว " ยิ้มเริงร่าอย่างสบายใจเธอยันตัวเองลุกขึ้นยืนอีกครั้งและเดินต่อไป
" ฉันรู้สึกผิดจริง ๆ นะที่ตอนเจอกันครั้งแรกก็เล่นไปโจมตีใส่กิเลย " ระหว่างทางเธอก็บ่นกับปุยไปเรื่อย ๆ
" ตอนที่ฉันได้ยินกิเขาใช้สกิลของพวกมนตร์ดำเลยคิดว่าเป็นคนที่ตามหาแต่พอได้รู้จักก็เลยรู้ว่าเข้าใจผิดไปเอง " ใบหน้าแสนเศร้าที่นึกถึงอดีตที่ได้ทำพลาดไป
" พอได้มาอยู่กับพวกเขาฉันก็เลยยิ่งรู้จักมากขึ้น คานะก็น่ารักแถมแข็งแกร่งสะด้วย เซนก็เป็นคนตรง ๆ ชอบช่วยเหลือ แต่กิน่ะสิฉันบอกไม่ถูกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ? "
" ฮัดเช้ย " เสียงจามดังสนั่นก้องออกไป ซึฮากิรีบเงยหน้าขึ้นมองรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
โชคดีที่เรามีสกิลช่วยให้มองในความมืดได้ถึงมันจะไม่ชัดแต่ก็ยังดี เขาเดินผ่านช่องที่เกิดจากก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนวางต่อ ๆ กัน
อยากจะได้สกิลแบบฟรานจริง ๆ จะได้หาตัวได้ง่าย ๆ
ปกติจะมีคนที่มายืนข้าง ๆ พร้อมกับเรียกกิจัง ๆ พอฟรานไม่อยู่ก็รู้สึกว่าอะไรขาดหายไป ครั้งแรกที่ได้ยินฟรานเรียกกิจังตอนนั้นรูัสึกขนลุกจริง ๆ นะ เขาคิดอะไรไปเรื่อยระหว่างเดินผ่านก้อนหินใหญ่ตรงข้ามกับพื้นที่ที่แคบและทางเดินที่คดเขี้ยว
ซึฮากิได้เจอกับเส้นอะไรบางอย่างขนาดเท่าแขนเกาะติดกำแพงและก้อนหินโยงไปมา เขาต้องคอยหลบหมอบแทรกไปเรื่อย ๆ อย่างยากลำบากแต่จู่ ๆ เส้นที่อยู่กับที่ก็สั่นและเคลื่อนไหวไปมาเมื่อมองลึกเข้าไปข้างหน้ามีมอนสเตอร์ที่คล้ายคลึงกับมนุษย์
แย่ละ เส้นพวกนี้คือมือของมอนสเตอร์ตัวนั้นซึฮากิรีบวิ่งต่อไปโดยที่เขาต้องคอยหลบแขนของมันด้วย
นอกจากไม่มีตาทุกอย่างก็เหมือนกับคนเลย ราชาดันเจี้ยนหรือไงนะ ? ตรวจสอบ
Lv.4 filament arm
STR 160 AGI 150
WIT 190 DEF 45
INT 180 LUK 87
HP 535 MP 462
ไม่น่าจะใช่ ซึฮากิชักมีดขึ้นมาฟันกวาดเข้าไปด้วยเวทลมแต่ก็ปะทะเข้ากับแขนส่วนหนึ่งขาดก่อน
บอบบางกว่าที่คิด งั้นเจอนี่หน่อย แขนจำนวนมากพยายามจะจับตัวซึฮากิแต่ก็ถูกตัดขาดหมดเพียงชั่วขณะที่มีช่องโหว่ ซึฮากิก็ได้ยิงกระสุนเวทจากปลายมีดพุ่งตรงเข้าที่หัวของมันทะลุเป็นรูโบ๋
แขนมากมายได้ร่วงลงพื้นพร้อมกับร่างของมัน ซึฮากิวิ่งต่อไปทันทีโดยไม่ได้เก็บซากที่เหลือไปด้วย
ถ้าเป็นมอนสเตอร์ในที่มืด ๆ ก็คงจะพัฒนาประสาทสัมผัสอื่น ๆ ขึ้นมาทดแทนดวงตา เพราะฉะนั้นการที่เรามองเห็นได้ก็ยังเป็นข้อได้เปรียบที่ชัดเจนที่สุด มอนสเตอร์ที่มีจมูกใหญ่โตพร้อมกับแขนใบมีดอยู่ตรงหน้าของซึฮากิทั้งสองวิ่งสวนทางใส่กันพอดี
การโจมตีทื่อ ๆ แบบนี้ก็ยิ่งสบาย สายลมที่พัดผ่านตัวของมันมาพร้อมกับซึฮากิได้ตัดร่างของมอนสเตอร์ขาดครึ่งตัว
เสียงฝีเท้าที่แรงสั่นทุกครั้งที่ก้าวเดิน สัตว์ประหลาดสูงสามเมตรที่มีประสาทหูยอดเยี่ยมกำลังวิ่งตรงมาหาเขา
คราวนี้ตัวใหญ่มากกว่าก่อน ๆ แต่ก็ไม่มีอาวุธอะไรทั้งนั้น " [ Shadow Clone ] " ซึฮากิกลิ้งตัวหลบไปทางซ้ายตรงข้ามกับร่างแยกที่ไปทางขวาทั้งสองใช้มีดตัดเข้าไปที่เอ็นข้อเท้าจนมันล้มหน้าคว่ำ
ทั้งซึฮากิและร่างแยกพุ่งเข้าตัดเอ็นที่ต้นแขนทันทีโดยไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนที่ทั้งคู่จะแทงเข้าไปที่คอของมันซ้ำหลายครั้งจนตาย
ซึฮากิวิ่งไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด เสียงของเขาทำให้มอนสเตอร์หลายตัวมุ่งตรงมาหาแต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ถูกฆ่าทันทีที่เจอกับเขา ตอนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแต่เพราะอะไรกันที่ทำให้ซึฮากิยิ้มออกมา เขากำลังสนุกและตื่นเต้นกับการสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้
25 กันยายน พ.ศ.2575
" ตั้งแต่ตอนที่เจอกันรอบก่อน ฟรานก็หายหัวไปเลย " ชาญยืนกระซิบคุยกับซันนี่อยู่ตรงโถงทางเดิน
" ไม่ได้ยินข่าวคราวบ้างเลยเหรอ ? " ซันนี่ถามขณะที่หลับตานึกอะไรในใจอยู่
" เฮ้อ...ไม่เลย " ชาญถอนหายใจตอบด้วยสีหน้าเซ็ง
" เธอคงไม่เป็นอะไรหรอก " ชาญมองหน้าเธอด้วยความสงสัย
" ก็แม้ต่อให้พวกเราสี่คนรุม...เธอก็คงจะชนะได้ไม่อยาก ที่หายไปก็คงจะไปฝึกพิเศษอะไรนั่นแหละ "
" ทำอะไรกันอยู่ไม่ไปเรียนล่ะ ? " ซากิเดินผ่านมาพอดีแวะถามไถ่
" ก็รอนายไง ไปกันเลย ! " เธอตะโกนพร้อมกับชกมือขึ้นไปเหนือหัวยิ้มร่าเริงออกไปไม่อายใคร
ซันนี่กอดคอทั้งสองเดินไปด้วยกันอย่างสนิทสนม บรรยากาศที่แสนเป็นกันเองต่างจากตอนอยู่ในค่ายลิบลับเลย
" นี่คิโนริพี่...กิเขาบอกว่าไม่ต้องห่วงไง ทำไมทำหน้าเศร้าตลอดอย่างงั้นล่ะ...เจี๊ยก " มังกี้นั่งอยู่ข้างคิโนริที่เหม่อลอยอดเป็นห่วงพวกซึฮากิไม่ได้
" [ Mana Shield ] " คิโนริร่ายเวทออกมากันมังกี้ไว้
" นี่คือวิธีใช้เวทมนตร์เหรอคิโนริ...เจี๊ยก " มังกี้เอาหน้าแนบกับกำแพงมานาทำหน้าทำตาให้ดูตลก
" มันก็หลายวันแล้วนะคะ พวกพี่เขายังไม่กลับมาเลย " คิโนรินั่งกอดเขาเอาหัวมุดลงไประหว่างแขน
" พวกเขาแข็งแกร่งจะตายไม่เป็นไรหรอก ระหว่างที่รอคิโนริก็ฝึกเวทมนตร์เอาให้พวกพี่เขาตกใจไปเลย...เจี๊ยก "
" ก็ได้ หนูจะตั้งใจฝึกฝนต่อให้พวกพี่กิกลับมาเมื่อไหร่ต้องตกใจ " จากใบหน้าที่แสนเศร้า เธอลุกขึ้นยืนยิ้มออกมาอีกครั้ง
" [ Mana Shield ] [ Mana Ball ] [ Mana Shield ] [ Mana Ball ] " เธอฝึกฝนซ้ำไปเรื่อยตรงที่โล่งของหมู่บ้านพร้อมกับน้องเอจนมานาหมดก็พักและกลับมาฝึกอีกครั้ง รวมทั้งการฝึกใช้มีดและดาบไม่หยุดแม้แต่วันเดียว
พี่กิต้องภูมิใจในตัวหนู รอยยิ้มที่สนุกสนานและหยาดเหงื่อที่ต้องอดทน ความพยายามของเธอทำให้ชาวบ้านหลาย ๆ คนเห็นก็ตกใจจนเริ่มมีคนมาฝึกพร้อมกับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ วันแล้ววันเล่า
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 782
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น