STARCIN ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 6 เกินเลย (รีไรท์)
31 สิงหาคม พ.ศ.2575
"ช่วงนี้ฟรานดูแปลก ๆ ไปนะ" ซันนี่และชาญพักอยู่ห้องเดียวกันไม่มีปัญหาอะไร แม้จะอายุแค่สิบแปดแต่พวกเขาก็มองว่าเป็นเรื่องปกติของคนหนุ่มสาวและวัฒนธรรมของโลกนี้เมื่ออายุสิบหกก็อาจจะแต่งงานเข้าหอกันได้แล้ว
"นั่นสิ พักนี้เธอพยายามตีตัวออกหากเหมือนกำลังเก็บความลับอย่างไว้" ชาญกระโดดขึ้นเตียงให้มันเด้งขึ้นลงเล่นเป็นเด็กไปได้
"อืม...เราไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรแต่ต้องคอยจับตาดูไว้ก่อน ถึงแม้คนอื่นจะเห็นเธอสมบูรณ์แบบมากแค่ไหนแต่ถ้าได้ใกล้ชิดก็จะเห็นจุดบกพร่อง" ซันนี่นั่งเก้าอี้ใกล้ ๆ มองดูชาญเล่นกับเตียง
หลังจากได้เข้าเรียนวิชาพื้นฐานในเขตหนึ่งพวกเธอก็เริ่มแตกพวกแยกกันไปคนละทาง โดยที่พีชมักจับคู่อยู่กับโยและฟรานก็ไม่ค่อยได้เข้าเรียนจนบางครั้งก็ไม่เห็นหน้าทั้งวัน จนแล้วจนเล่าก็เหลือเพียงซันนี่ ชาญและซากิที่ยังเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันไม่รู้ว่าเพราะสนิทกันมากหรือไม่กล้าเข้าหาคนแปลกหน้ากันแน่
"นี่ฟราน เธอไม่คิดจะเข้าเรียนบ้างเหรอ?" เมื่อซากิได้เห็นฟรานเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาทันทีกลัวว่าจะหายไปไหนอีก
"ฉันค้างอยู่ที่เลเวลสี่มาตั้งนานแล้ว ถ้าอยู่แบบนี้ต่อไปพวกเราคงไม่ไปไหนสักที" ฟรานพูดด้วยเสียงประชดประชันพลางกวาดสายตามองเพื่อน ๆ
"ฉันขอหาวิธีด้วยตัวเองก่อน ถ้าได้อะไรเดี๋ยวจะบอกก็แล้วกัน" แม้จะดูมั่นอกมั่นใจแต่สีหน้าก็ยังแฝงไปด้วยความสับสน
ภาพอันเลื่อนลอยของบ้านหลังเก่า เด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนหลับสบายใจจนลืมเวลาก่อนจะมีเด็กสาววิ่งเข้ามาหา
"กิจัง..." เสียงเด็กสาวตัวน้อยกำลังส่งเสียงเรียกทำให้เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแต่ก็ไม่เห็นใคร
"กิ !" แทนที่จะได้เห็นสาวน้อยคนนั้นแต่กลับเป็นเสียงตะโกนแสบหูจากเซนแทน
"ว่าไง?" ซึฮากิลุกขึ้นด้วยสภาพงัวเงียอยากจะนอนต่อ
"แปลกนะเนี่ยที่นายตื่นสาย" เซนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้เห็นของหายากเช่นนี้ก่อนจะเปิดหน้าต่างให้แสงส่องสว่าง
"นั่นสิ ปกตินายตื่นก่อนพวกเราตลอดเลยนะหรือจะมีปัญหาอะไร" คานะเองก็ยังเป็นห่วงกลัวซึฮากิจะเป็นอะไรไป
ซึฮากินั่งนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะลุกขึ้น "ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็ช่างมันเถอะ เตรียมตัวให้เรียบร้อยพวกเราจะออกไปกินข้าวกันก่อน"
ในที่สุดพวกเขาก็ได้ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่อีกทั้งยังได้อาบน้ำในรอบหลายสัปดาห์
ที่น่าแปลกเลยก็คือไม่มีพวกใบประกาศจับหรืออะไรพวกนั้นเลย เมืองนี้มันมีเรื่องไม่ชอบมาพากล ขณะที่กำลังกินอาหารกันอยู่ซึฮากิก็เหลือบไปเห็นชายในชุดปกคลุมทั้งตัวคนเดียวกับเมื่อวาน เขากำลังจ้องมองอยู่ไกล ๆ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยจิตสังหารออกมาเหมือนอย่างเคย
"โธ่เว้ย !" เสียงร้องคร่ำครวญของชายหนุ่มที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่โต๊ะข้าง ๆ เขาร้องห่มร้องไห้หนักเอาการ
"เอาน่า พวกนายรอดชีวิตกลับมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว" หญิงสาวที่เป็นพนักงานกำลังปลอบใจเขาอยู่
"ปู่เธอก็โดนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง เธอไม่คิดจะโมโหมันเลยเหรอวะ?" เขายกเหล้าดื่มหมดในครั้งเดียว
"ฉันแค่เสียขาไปข้างเดียวอย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่เนี่ยไง" เสียงชายชราที่กำลังเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับไม้ค้ำ ชั่วขณะที่ซึฮากิได้เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร
ชายชราเหลือบตามาเห็นพวกซึฮากิเช่นเดียวกับพวกเซน "ดูเหมือนแขนจะเริ่มหายแล้วนะพ่อหนุ่ม" ชายชราเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลและเป็นมิตร
"แล้วขาคุณไปโดนอะไรมา?"
"ปู่รู้จักพวกเขาด้วยเหรอคะ?" หญิงสาวคนนั้นพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
"ก็คนที่ปู่เล่าให้ฟังไง"
"พวกเราเดินไปเดินในเมืองนี้แต่ก็ไม่เห็นทหารสักคน ที่นี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" ซึฮากิออกตัวถามเจาะประเด็นก่อนใคร
"ดูเหมือนเมืองนี้จะถูกทิ้งแล้ว" เขาพูดพร้อม ๆ กับจ้องตาซึฮากิที่มีอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจแฝงมาด้วย
"หลังจากที่พวกเขาปล่อยเมืองนี้ทิ้ง ไม่นานก็มีพวกนักเลงจากเมืองอื่นมารวมตัวกันและเรียกตัวเองว่าเจ้าถิ่น" ทุกคนในร้านต่างก็หันมาสนใจสิ่งที่พวกเขากำลังคุยกันต่างก็เข้าใจความรู้สึกนั้น
"ปกติแล้วเมืองของเราเป็นเมืองทางผ่านแม่น้ำ ทำให้สะดวกต่อการขนส่งหรือเดินทางแต่หลังจากทะเลปิดพวกเขาก็ไม่ค่อยได้สัญจรมาทางนี้เสียเท่าไร แต่ประเด็นหลัก ๆ ก็คือพวกเจ้าถิ่นมากกว่าที่ทำให้เมืองเป็นเช่นนี้"
หลังจากกินอาหารและได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ พวกเขาได้ไปที่ตึกนักผจญภัยอีกครั้งด้วยร่างของพ่อหนุ่มผมเทา เขามองหากระดานงานที่เหล่านักผจญภัยสามารถรับงานไปทำได้
"งานระดับเอกำจัดพวกเจ้าถิ่น ค่าตอบแทนสิบเหรียญทองและเพิ่มได้ขึ้นอยู่กับผลงาน" ค่าตอบแทนเยอะเอาเรื่องเลยนะเนี่ย แต่ทำไมงานกำจัดพวกโจรแค่นี้ถึงได้อยู่ระดับเอล่ะ เขามองไปทั่วกระดานนั่น
"ทำอะไรอยู่น่ะ?" เสียงชายหนุ่มปิดหน้าจากด้านหลังทำให้ซึฮากิยังไม่กล้าขยับตัวไปไหน
"ต้องการอะไร?" เขาตอบกลับด้วยเสียงเบา ๆ ไม่ให้คนอื่นได้ยิน ดูเหมือนชายหนุ่มปริศนาจะเอาหน้าเข้ามาใกล้กระซิบที่ข้างหู
"งานนั้นฉันขอนะ" แม้จะใส่หน้ากากอยู่แต่ก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอทำเอาขนลุก
"ก็ได้..." เขายอมปล่อยงานนั้นไปโดยไม่ขัดขืนและเดินออกจากตึกมา
"เป็นไงมีงานอะไรให้ทำบ้าง?" เซนถามด้วยความตื่นเต้นรอฟังคำตอบเช่นเดียวกับคานะ
"ไม่ได้รับงานมา" สีหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความสิ้นหวังฝันสลาย
"ฉันให้คนอื่นรับแทนไปแล้วแต่ก็นะ ใครไวกว่าก็ได้ไป" เซนกับคานะรู้สึกถึงความน่ากลัวของซึฮากิภายใต้ใบหน้าที่แสนจะเฉยชากลับแฝงไปด้วยความลับมากมาย
"งั้นเหรอ?"
"คืนนี้เราจะออกไปสำรวจกัน" ซึฮากิไปหาที่พักถูก ๆ ที่หาได้ใกล้ ๆ แม่น้ำที่ทอดผ่านใจกลางเมืองและเมื่อถึงเวลาพลบค่ำพวกเขาก็เริ่มแยกออกไปสำรวจ
ไม่มีใครออกมาจากบ้านเลยเหรอเนี่ย บรรยากาศเงียบสนิทไร้วี่แววผู้คนตลอดเส้นทางที่เซนวิ่งสำรวจ
ก็คิดไว้แล้วว่าตอนกลางคืนไม่มีใครกล้าออกจากบ้านแน่ ๆ ซึฮากิวิ่งเลาะริมแม่น้ำไปเรื่อย ๆ โดยมีปุยกระโดดตามมาตลอดทาง
นายคิดอะไรอยู่กันแน่นะกิ?คานะวิ่งไปตามตึกใหญ่ ๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับตึกนักผจญภัยและมองเห็นผู้คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ
ชาวบ้านไม่มีใครกล้าออกมากลางคืนแท้ ๆ แต่พวกนั้นกลับเดินลอยหน้าลอยตาสบายใจ คานะแอบย่องตามไปจนพวกเขาเข้าไปยังโกดังใหญ่ทำให้คานะหยุดตามและรีบกลับมายังที่พักทันที
"ฉันไม่เจออะไรเลย" เซนรายงานด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
"ฉันก็ด้วย" ซึฮากิก็เช่นกัน
"ทางฉันเจอพวกน่าสงสัยด้วยล่ะ" พวกเขาต่างก็หันมาจดจ่อฟังทุกคำพูด
"พวกมันเข้าไปในตึกที่เหมือนจะเป็นโกดังในตรอกตรงข้ามกับตึกนักผจญภัย"
ต้องใช่พวกเจ้าถิ่นแน่ ๆ"วันนี้เราพักผ่อนกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่"
1 กันยายน พ.ศ.2575
เมื่อรุ่งเช้าพวกเขาก็ได้ไปที่ตึกนักผจญภัยเพื่อรับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ หาเงินใช้อยู่กิน ระหว่างนั้นก็ยังคงตามสอดส่องและสำรวจละแวกนั้นอยู่ตลอด
สนามฝึกภายในโรงเรียนหลวงมีหญิงสาวผู้หนึ่งฝึกหนักจนหมดแรงและผล็อยหลับไป
"ฟราน ๆ" เสียงชายหนุ่มกำลังเรียกทำให้เธอค่อย ๆ ลืมตาและเหลือบไปเห็นพวกซากิกับนักเรียนคนอื่น ๆ ยืนมุงเธออยู่
"กี่โมงแล้วเนี่ย?" เธอเอามือยันตัวเองลุกขึ้นยืนขณะที่ยังถือดาบไม่ปล่อย
"ช่างเรื่องนั้นเถอะ ดูจากร่องรอยแล้วเธอคงจะฝึกอยู่ที่นี่มานานแล้วสินะ? ทำไมถึงต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นด้วย" ซากิหันไปมองรอบ ๆ ลานกว้างที่มีรอยดาบและหลุมบ่อกระจายอยู่ทั่วเห็นถึงความพยายามอันหนักหน่วงของฟราน
"นั่นสิถึงจะรีบแค่ไหนก็ต้องพักสักหน่อยสิ ตอนนี้พวกเรากำลังจะมาฝึกภาคปฏิบัติกันเธอจะเข้ามาดูก็ได้นะ" ฟรานไม่ตอบอะไรแต่พยักหน้าแทน ไม่นานก็มีอาจารย์หลายคนเดินเข้ามาภายในสนามฝึก
"ทำแบบที่สอน เข้าใจไหม?" เด็ก ๆ เริ่มจับคู่และเว้นระยะห่างหลายเมตรจากนั้นพวกเขาก็ถอยห่างออกจากคู่ของตนเอง
"[เสริมกำลังระดับสอง]" เหล่านักเรียนยกอาวุธประจำตัวขึ้นตั้งท่าเตรียมเข้าปะทะกันขณะที่ฟรานยืนดูอยู่กับพวกอาจารย์
เสียงอาวุธกระทบกันดังไปทั่ว เหล่านักเรียนกำลังต่อสู้กันจนบางคู่ก็เลือดตกยางออกแต่ก็ไม่หยุดเสียที
"แล้วจุดประสงค์หลักของการฝึกนี้คืออะไรคะ?" ฟรานเอ่ยปากถามขณะที่ยังจ้องมองการต่อสู้ที่เหมือนกับจะแลกชีวิตกันให้ตายไปข้าง
"มันคือการคัดคนครับ พวกที่แพ้ก็จะถูกเอาไปฝึกขั้นแรกใหม่พร้อมกับพวกหน้าใหม่ที่จะมา ส่วนคนที่ชนะก็จะได้ไปขั้นต่อไป" อาจารย์ผู้ชายแก่ ๆ ตัวท่วม ๆ เขาพูดไปพร้อม ๆ กับรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจที่แสดงอยู่บนใบหน้า
"แล้วถ้าหนูดวลชนะพวกที่ขั้นสูงกว่า...จะได้เลื่อนขึ้นไปไหมคะ?" ฟรานเอ่ยถามพลางจ้องตาอาจารย์คนนั้นทำเอาพวกเขาสะดุ้งกับคำถามของท่านผู้กล้า
"ได้สิครับ ถ้าเขารับคำท้าก็ได้อยู่แล้ว" จากใบหน้าที่ตกใจก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้น
ฟรานเดินออกมาจากลานประลองและกลับไปห้องพักของตนเองและตลอดเวลาหลายวันเธอก็ยังคงฝึกฝนหนักสาหัสจนกล้ามเนื้อฉีกขาด เอ็นอักเสบ กระดูกร้าว ฝืนร่างกายฝึกวิชาดาบและเวทมนตร์ทุกวัน เพียงไม่กี่สัปดาห์เธอก็สามารถขึ้นสู่เลเวลห้าได้สำเร็จ
8 กันยายน พ.ศ.2575
"นี่เราก็ตามดูไอ้พวกนั้นมาทั้งสัปดาห์แล้วนะ...ทำไมไม่จัดการให้มันเสร็จ ๆ ไปเลย" เซนนอนบ่นด้วยความเบื่อหน่ายอีกทั้งยังหาวไม่หยุดด้วย
"คืนนี้นี่แหละเราจะไปจัดการมันให้สิ้นซาก" พวกเขาต่างก็เตรียมตัวกันพร้อมโดยเฉพาะท้องที่ต้องกินให้อิ่มก่อน
เมื่ออาทิตย์ตกดินหนุ่มสาวทั้งสามก็ได้ไปที่ตึกแห่งนั้นและมุดเข้าไปทางช่องเล็ก ๆ ที่ทำไว้ล่วงหน้า พวกเขาสังเกตเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์กว่าสิบคนกำลังผลิตน้ำแปลก ๆ บรรจุใส่ขวดแก้ววางเรียงกันไว้ก่อนจะเก็บใส่กล่อง
"เอาเลยไหม?" เซนยิ้มเยาะกระซิบกับเพื่อน ๆ
"รอให้เจ้านั่นโผล่ออกมาก่อน" นานเกือบครึ่งชั่วโมงจนเซนกับคานะเกือบจะนั่งหลับ
ขณะที่กำลังเฝ้าสังเกตการณ์ก็มีชายปริศนาปิดหน้าพังหลังคาเข้ามา จากนั้นเขาก็ปามีดสั้นใส่เข้าที่ต้นคอพวกชายฉกรรจ์ล้มไปได้สี่คนทันที
"เฮ้ย ! รีบจัดการมันเร็ว" ชายฉกรรจ์เหล่านั้นกรูกันเข้าใส่พร้อมกับดาบและสารพัดอาวุธเหวี่ยงมั่วซั่วไม่โดนชายปริศนานั่นเลยสักคน
"[บอลเพลิง]" ชายหนุ่มสองคนร่ายเวทมนตร์ยิงโดนแต่กล่องไม้กับพื้นไม่รู้ว่าชายปิดหน้าหลบเก่งหรือพวกมันอ่อนหัดเกินไปกันแน่
"[พายุมีดบิน]" ชายปิดหน้าขว้างมีดหลายเล่มใส่แต่พวกมันก็ใช้กล่องเป็นที่กำบัง พอได้โอกาสก็มีคนหนึ่งวิ่งหนีออกจากตึกไปทันที
"[เสริมกำลังระดับสาม]" ชายปิดหน้าวิ่งหลบไปตามกล่องไม้พร้อมกับขว้างมีดใส่ทันทีเมื่อมีโอกาส แต่ดูเหมือนทางเหล่าชายฉกรรจ์จะคุ้นชินกับรูปแบบการต่อสู้แล้วจึงสามารถจับทางการเคลื่อนไหวรวมทั้งลักษณะการขว้างปามีดทำให้หลบได้ไม่ยาก
"[คลื่นวายุกระแทก]" เขาตั้งสมาธิสร้างมานาก่อรวมเป็นคลื่นลมพัดเอากล่องหนัก ๆ กระแทกใส่ศัตรูตรงหน้า
"[คมมีดวายุ]" ชายปิดหน้าเปลี่ยนรูปแบบจากระยะไกลเป็นการฟาดฟันด้วยมีดสั้นในระยะประชิด คมมีดที่เคลือบไปด้วยมานาวายุเฉือนขาและสะบั้นคอได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่พวกเขากำลังชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ก็มีเสียงฝีเท้าจำนวนมากกำลังเดินเข้ามาสมทบ
"ไอ้เวรนี่เหรอวะ" พวกมันกรูกันเข้าไปหาชายผ้าปิด
"ตอนนี้แหละ" เสียงกระซิบคุยกันของพวกซึฮากิ ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นตรงกลางวงพวกเขา แรงระเบิดทำให้มีคนตายมากกว่าครึ่ง หัวแตกเละสมองไหลกระจาย ลำตัวขาด ไส้และเครื่องในกระจายไปติดตามตัวคนอื่น ๆ ส่วนคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็แขนขาดขาขาดบ้าง บางคนโชคร้ายสะเก็ดระเบิดกระเด็นเข้าที่เบ้าตา เสียงร้องโอดโอยด้วยความทรมานทำให้พวกมันยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่
เพียงไม่กี่วินาทีใบมีดของซึฮากิก็เฉือนเข้าที่คอของพวกมันด้วยความใจเย็น กลับกันเซนที่ไม่เคยฆ่าใครมาก่อนกลับต้องฆ่าฟันเหล่าโจรชั่วโดยนึกคิดในใจว่าทำไปเพื่อช่วยผู้คน ส่วนคานะเลือกที่จะใช้มีดสั้นแทนธนูพุ่งเข้าจู่โจมพร้อม ๆ กับซึฮากิโดยอาศัยความโกลาหลจนพวกมันตั้งตัวไม่ทัน เช่นเดียวกับหนุ่มผ้าปิดหน้าที่กำลังตกใจขาแข็งก้าวไม่ออก ทั้งเลือด เนื้อ ไส้ สมอง กระเด็นติดตามตัวแค่เห็นก็อยากจะอาเจียนแล้ว
"หมดหรือยัง?" ซึฮากิเอ่ยปากถามขณะที่กำลังหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยหลังจากที่เสียงร้องหายไปจนหมด
"คิดว่านะ" พวกเขาต่างก็เหนื่อยหอบและถูกอาบไปด้วยเลือดเต็มตัว ขณะที่ชายผ้าปิดหน้าพยายามประคองตัวเองหนี
"แล้วเขาคนนั้นจะทำยังไง?" คานะถามขณะที่ตามตรวจสอบว่าพวกมันตายหมดหรือยัง
พวกเซนยืนล้อมชายคนนั้นไว้จ้องตาเขม็ง "เงินรางวัลของงานนี้เป็นของเรา ตามกฎแล้วใบรับงานมันก็แค่ใบประกาศซึ่งสิทธิ์ในการรับเงินก็คือหลักฐาน" ซึฮากินั่งลงตรงหน้าจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้นที่กำลังสั่นคลอน
"ดะได้" เขาตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นกลัวจนตัวก็สั่นไปด้วย
"ดี ฉันจะแบ่งให้ยี่สิบส่วนถือว่าช่วย ๆ กัน" ซึฮากิยิ้มในหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกไป
หลังจากที่ตัดหัวของพวกมันเรียบร้อยก็นำใส่กระสอบเดินทางไปยังสำนักงานกิลด์เพื่อส่งหลักฐาน
"เอ่อ...สวัสดีค่ะ" พนักงานแง้มประตูออกมาดูก่อนจะเปิดให้
"ผมมาส่งหลักฐานการทำงานครับ" เขายกกระสอบที่เลือดไหลทะลุออกมาให้เห็น
ซึฮากิเปิดกระสอบแสดงให้เห็นหัวของพวกเจ้าถิ่นจำนวนมากอยู่ภายในนั้นทำเอาพนักงานตกใจร้องเสียงหลง
"ถ้าอย่างนั้นขอเราตรวจสอบสักครู่นะคะ" พวกพนักงานมาช่วยกันยกกระสอบเข้าไปในห้องด้านหลัง ไม่นานนักเธอก็กลับออกมาอีกครั้ง
"นี่ค่ะ เงินของคุณ" เธอยื่นเหรียญทองสิบเหรียญให้กับซึฮากิ
เมื่อกลับมายังที่พักก็มีเซน คานะ และปุยก็รอลุ้นจนตัวโกงว่าจะได้เงินมาเท่าไรหรือจะโดนจับไปแทน
"ฉันได้มาแล้ว" ซึฮากิวางเหรียญกองไว้บนโต๊ะให้พวกเซนได้เห็นได้เชยชม
"อีกไม่นานพวกเจ้าถิ่นก็จะเริ่มอาละวาด เราคงต้องหาวิธีรับมือก่อน" พวกเซนทำหน้างงกับสิ่งที่ซึฮากิพูด
"นายหมายความว่ายังไง" คานะเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าจริงจังพลางเอามือกุมหน้าอกไว้
"คิดจริง ๆ เหรอว่าพวกมันมีกันแค่นั้น ที่นี่มันก็แค่ฝั่งเดียวของตัวเมือง" ซึฮากินั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ
"พวกของมันอีกฝั่งของแม่น้ำจะต้องออกอาละวาดแน่ ๆ" พูดจบเขาก็เดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทำอย่างกับทองไม่รู้ร้อน
อัฒจันทร์ที่เต็มไปด้วยผู้คนกำลังรับชมการประลองของหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าผู้กล้า แค่ได้ยินว่าผู้กล้าจะประลองกับใครพวกเขาก็พร้อมจะเข้ามาดูทุกเมื่อ
"หนึ่ง...สอง..." เสียงอันหนักแน่นของฟรานเสมือนกันดึงสติก่อนที่จะประลองกับรุ่นพี่คนหนึ่ง ร่างกายสูงใหญ่น่าเกรงขามถือดาบยักษ์ได้ด้วยมือเดียว
เสียงกรรมการลั่นกลองเปิดฉากการดวลท่ามกลางผู้ชมที่มีทั้งนักเรียนและอาจารย์
"ฉันล่ะชอบสาวแกร่งจริง ๆ ไม่นึกเลยว่าจะกล้ามาท้าขั้นสามได้" เขาหัวเราะเสียงดังทำวางท่าเปิดช่องว่างเต็มไปหมด ตรงข้ามกับฟรานที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลยนัก
"ลงดาบรูปแบบที่สี่ [ลมกรด]" ฝ่ายผู้ชมกำลังตื่นเต้นที่ได้เห็นอะไรแปลกใหม่ รอบตัวฟรานเต็มไปด้วยมานาสีชาดที่มากับแรงกดดันพร้อมฟาดฟันให้ตายกันไปข้าง
"[เสริมกำลังระดับสาม]" ชายหนุ่มวิ่งเข้าใส่เหวี่ยงดาบจากสุดแขนมาพร้อมกับแรงในการวิ่งกวาดไปเป็นแนวนอน
ฟรานก้มตัวลงต่ำเตะไปที่หน้าแข้งของเขาจนเสียหลักและใช้ดาบฟันเสยขึ้นไปขณะที่กำลังจะล้ม แม้แผลจะไม่ถึงตายแต่มันก็มากพอที่จะทำให้เขาขยับตามใจไม่ได้อีก
"ลงดาบรูปแบบที่สอง [สับสน]" เธอกระหน่ำฟันไปที่เอ็นแขนและขาด้วยความรวดเร็วจนพวกนักเรียนมองไม่ทันมีเพียงเหล่าคณาจารย์ที่รู้ว่าเธอทำอะไรไป
"อา ! ยอมแล้ว ๆ เธอชนะแล้ว" เสียงโอดครวญแสนทรมานเขาได้แต่ก้มหน้าลงแนบกับพื้น แผลที่ได้จากฟรานไม่ได้ใหญ่มากพอที่จะเสียเลือดจนหมดสติ แต่มันกลับมอบความเจ็บปวดให้เขาแทน
"ยุติการประลอง ผู้ท้าชิงเป็นฝ่ายชนะ !" เสียงตะโกนแสดงความดีใจจากผู้ชมทั้งหลายและยังหัวเราะให้กับความพ่ายแพ้ของชายผู้นั้น ไม่นานก็มีหน่วยแพทย์เข้ามาช่วยเหลือรักษาบาดแผล
ขณะที่ฟรานกำลังจะเดินออกไป กรรมการที่ยืนอยู่ก็เดินเข้ามาหา "ท่านฟรานมีเรื่องอันใดอยากจะกล่าวไหมครับ?"
เธอยิ้มด้วยความดีใจพร้อมกับโบกมือให้กับผู้ชม "จากนี้ไปก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ !" เสียงโห่ร้องจากผู้ชมที่บ้าคลั่งในความงดงามของเธอกำลังดังลั่นไปไกลถึงตึกเรียน
เป้าหมายต่อไปก็เป็นพวกขั้นสี่ ทำไมถึงรู้สึกง่ายกว่าตอนเข้าไปในดันเจี้ยนอีกเนี่ย เธอนอนกลิ้งตัวไปมาบนเตียงระบายความกดดันที่ได้รับมา
พอมาลองคิดอีกทีแต่ละเขตก็เป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้นแต่ทำไมถึงไม่มีสิ่งนั้น การแพทย์หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต
9 กันยายน พ.ศ.2575
แสงอาทิตย์ส่องเข้าตาเพราะปิดหน้าต่างไม่สนิททำให้พวกเซนตื่นทันที
"ฉันยังรู้สึกเหมือนจะอ้วกอยู่เลย การฆ่าคนนี่มันไม่เหมือนกับพวกมอนสเตอร์เลยสักนิด" เซนนั่งอยู่ขอบเตียงจ้องมองมือคู่นั้นที่ได้สังหารเพื่อนมนุษย์เป็นครั้งแรก
"เราจำเป็นต้องฆ่าพวกเขาเลยเหรอกิ?" คานะสบตากับซึฮากิก่อนที่เธอจะหลบหน้า
"ลดโอกาสเสี่ยง ถึงพวกมันจะเลเวลไม่มากแต่ด้วยจำนวนขนาดนั้นมันจะมีผลกระทบวงกว้าง ไม่ดีกว่าหรือยังไงที่เราลดจำนวนพวกมันลงก่อนที่จะมารวมตัวกัน" พวกเขาพร้อมกับปุยออกไปสำรวจจุดอื่น ๆ ของตัวเมืองต่อ
เมืองที่มีแม่น้ำขนาดใหญ่ตัดกลางเมืองไหลออกไปทางตะวันตก พวกชาวเมืองได้สร้างสะพานเชื่อมไว้หลายแห่งมันแข็งแรงมากพอที่จะขนรถม้าไปกลับได้
"ฉันว่าฝั่งนี้ไม่น่ามีอะไรแล้วนะ เราไปอีกฝั่งกันดีกว่า" เซนพูดขึ้นมาขณะที่เดินไปตามบ้านเรือนที่อยู่ห่างออกไป
"เอางั้นก็ได้ เหลือเวลาอีกครึ่งวันน่าจะสำรวจได้พอสมควร" พวกเขาเดินได้ตลอดโดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
ความรู้สึกแบบนี้ เขาแอบตามมาอีกแล้วใช่ไหม ซึฮากิเหลือบสายตาไปเห็นชายผ้าปิดหน้าอยู่ห่างออกไป
"เมื่อไรจะเลิกตาม !" ซึฮากิตะโกนไปในทิศทางที่เห็นชายคนนั้นทำเอาพวกเซนสะดุ้งตกใจ
ชายคนนั้นเดินออกมาจากตรอกท่าทางเหนื่อย ๆ ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ "ไหนล่ะส่วนของข้า?" เขายื่นมือออกมาด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ
"มาทวงเงินด้วยล่ะ" เซนกระซิบข้างหูซึฮากิแซวเล่น ๆ ก่อนที่เขาจะหยิบถุงใส่เหรียญออกมา
"นี่ส่วนของนาย" ซึฮากิยื่นเหรียญทองให้สองเหรียญและเขาก็รับมันไป
ขณะที่เขากำลังจะเดินออกไปแต่ซึฮากิก็จับไหล่ไว้จนทำให้ตกใจเผลอร้องเสียงหลง "มะมีอะไรอีก"
"สนใจจะมาช่วยจัดการเจ้าถิ่นที่เหลือไหม?"
"จะดีเหรอกิ...ให้คนแปลก ๆ แบบนี้มาทำงานด้วย" คานะกระซิบถาม
"เชื่อฉันสิ"
ถ้ากิพูดขนาดนั้นก็คงจะวางแผนหรือคิดอะไรไว้แล้วแหละ คานะจ้องไปที่ชายคนนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทำไมถึงต้องปิดหน้าแบบนั้นตลอดเลยนะ หรือจะมีฝีขึ้นที่หน้า?เซนจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาที่กำลังสั่นกลัว
"เฮ้ !" ซึฮากิตบหน้าเบา ๆ เรียกสติให้ชายผ้าปิดหน้า
"กะก็ได้" แม้จะลังเลคิดอยู่นานแต่เขาก็ตอบตกลงเสียที
"งั้นไปสำรวจกันต่อเถอะ" ซึฮากิยังคงเดินนำหน้าโดยทิ้งเขาให้เดินรั้งท้ายสุด
"เจ้านั่นไม่พูดอะไรมาตลอดทางเลยนะ" เซนกระซิบกับคานะสองคน พวกเขาเดินไปตามทางที่มีอาคารบ้านเรือนที่ทำจากไม้และอิฐไม่ต่างกับอีกฝั่งของเมือง
ซึฮากิหยุดและแอบมองเห็นหนุ่มสาวกำลังยืนเกาะกลุ่มคุยอะไรกันอยู่
"นายแอบเข้าไปฟังพวกนั้นสิ" ซึฮากิหันหน้ามาจ้องชายผ้าปิดหน้าตาเขม็ง
เขากระโดดขึ้นไปตามหลังคาและหายไปจากสายตา เวลาล่วงเลยไปประมาณครึ่งชั่วโมงเขาจึงกลับมา
ชายผ้าปิดหน้าโผล่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้มายืนอยู่ข้าง ๆ เซนโดยไม่รู้ตัว "ได้ความว่ายังไง?" ซึฮากิเอ่ยปากถามขึ้นมาขณะที่พวกเซนยังไม่รู้ตัวว่าเขากลับมาแล้ว
"พวกเขารู้เรื่องนั้นแล้ว และกำลังเตรียมพรรคพวกอยู่"
"ตกใจหมดเลย" เซนกับคานะร้องลั่นออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
ว่าแล้วไง คืนนี้ต้องรีบลดจำนวนพวกมันลงให้ได้มากที่สุด เท่าที่มองดูในเมืองนี้ผู้คนไม่หนาแน่นนัก ชาวเมืองมากมายยังคงทำงานกันปกติในตอนกลางวันเพียงแค่หลบอยู่ในบ้านในช่วงกลางคืน พวกเจ้าถิ่นเองก็ไม่น่าจะเกินหนึ่งร้อยคนและด้วยจำนวนเท่านั้นพวกมันก็คงไม่กล้าลงมือทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า
"กิ ! เหม่ออะไรอยู่" เซนตะโกนใกล้ ๆ ทำให้ซึฮากิรู้สึกตัว
"โทษที คืนนี้เราจะมาที่นี่อีกครั้ง" พวกเขาเดินทางกลับไปที่พักแล้วกินอาหารที่ร้านเดิมจนอิ่มท้อง
"ว่าแต่นายจะมานอนกับเราเลยไหมล่ะ?" เซนถามขณะที่กำลังเคี้ยวเนื้อชิ้นโตอยู่เต็มปากจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง ส่วนชายผ้าปิดหน้านั่งนิ่งเงียบไม่ได้กินอะไรทำเพียงใช้มือดึงผ้าตรงปากออกเพื่อดื่มน้ำ
"หา?" ซึฮากิ คานะและชายคนนั้นเผลอพูดออกมาพร้อมกัน
"อีกทีสิเซนเมื่อกี้พูดว่าอะไร" คานะจ้องตาเขม็ง
เซนกลืนอาหารเข้าคอไปก่อนจะพูด "ฉันบอกว่านายจะมานอนกับพวกเราด้วยไหม?"
"นี่นายไว้ใจเขาแล้วเหรอ? ก่อนหน้านี้พึ่งถามไม่ใช่หรือยังไงว่าไว้ใจคนแปลกหน้าได้หรือเปล่า" คานะกระซิบกับเซนสองคน
"นายมีความคิดที่จะหักหลังเราไหม?" ซึฮากิยื่นหน้าไปใกล้จ้องเข้าไปในดวงตาของเขา
"มะไม่..."
สภาพโดยรวมบอกว่าไม่ได้โกหกแต่เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องปิดหน้าแบบนั้น
"ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นจนกว่างานของเราจะเสร็จ" ซึฮากิเดินไปจ่ายเงินกับพนักงานหญิง
"คืนนี้เราจะกลับไปพักผ่อนก่อนจะได้มีแรง"
และพวกเขาทั้งสี่คนกับอีกหนึ่งตัวก็ได้รวมทีมกันเพื่อจัดการกับพวกเจ้าถิ่นที่เหลือ
เสียงฝีเท้าเหยียบย่ำใบไม้ใบหญ้า ชายหนุ่มปริศนากำลังเดินทางเข้ามาที่เมืองท่าแห่งนี้ในยามค่ำคืน เขามองไปรอบ ๆ เมืองด้วยความรู้สึกเบิกบานฉีกยิ้มเริงร่าที่แสดงออกมาโดยที่ควบคุมไม่ได้
"ฉันกลับมาแล้ว"
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 620
แสดงความคิดเห็น