บ้านไร่สายสมรตอนที่ 1
หญิงสาววัยประมาณ 22 หุ่นเพรียวบาง ผิวขาว ลงจากรถมินิสปอร์ตสีดำดุดัน หล่อนสวมกระโปรงชีฟองสีหวาน เสื้อเข้าชุดกับกระเป๋าถือแบรนด์เนม แว่นสีชานั่นทำให้มาดของหล่อนดูมั่นจนใครต่อใครในสำนักงานสีโทนทึบของกรมส่งเสริมการเกษตรอดเหลียวมองไม่ได้
หน้าห้องอธิบดี...
“ไม่ได้ค่ะ ท่านชลิตยังมีแขกอยู่ค่ะ” เสียงของเลขาฯหน้าจืดพยายามจะอธิบาย ถึงแม้ว่าอธิบดีจะไม่มีแขก ก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบถ้าไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า หญิงสาวผู้มาใหม่ดึงแว่นออก ดวงตาคู่นั้นมีประกายของความดื้อรั้นเอาแต่ใจ น้ำเสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบ เต็มไปด้วยอาการหยิ่งทะนง
“ช่วยเรียนให้ท่านอธิบดีทราบอีกครั้งจะได้ไหมคะว่า คุณไหมตะวันขออนุญาตเข้าพบ”
“ไม่...”
“ทำตามที่ฉันบอก”
“เอ้อ... ค่ะ” เลขาฯหน้าจืดยอมจำนน เมื่อเห็นท่าทีเอาเรื่องของหญิงสาว แต่ก่อนเลขาฯจะทันได้รายงาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของชายวัย 50 ปี ในชุดสูทขรึมก้าวออกมา
“ลูกไหม”
“คุณพ่อคะ” หญิงสาวโผเข้าสวมกอดอธิบดี ทำเอาเลขาฯหน้าจืดกลืนน้ำลายเหนียวคอ เพราะงานเข้าจังเบอร์ แต่สายตาของผู้เป็นนายที่มองข้ามไหล่ของหญิงสาวชื่อไหมตะวันนั้นไม่ได้มีแววตำหนิ จึงทำให้เจ้าตัวแอบโล่งใจ
“จะมาทำไมไม่บอกล่วงหน้า”
“ก็ไม่คิดว่าการเข้าพบท่านอธิบดีจะยากขนาดนี้นี่คะ” ไหมตะวันทำเสียงตัดพ้อ จนผู้เป็นพ่อต้องดึงร่างนั้นเข้ามาสวมกอด
“ที่นี่เป็นสถานที่ราชการ เจ้าหน้าที่เค้าทำงานตามหน้าที่น่ะ ไม่ใช่ว่าเข้าพบไม่ได้ แต่มันต้องมีกฎกติกาเอาไว้บ้าง”
“ไม่รู้ละ ไหมจะฟ้องคุณแม่”
ชลิตหัวเราะให้กับความไม่รู้จักโตของไหมตะวัน ขณะเดียวกันใจก็กระหวัดถึง ‘สุรีย์ฉาย’ ผู้เป็นภรรยา ยี่สิบกว่าปีแล้วสำหรับการครองคู่กับไฮโซสาว ลูกสาวของอดีตอธิบดีซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับเขาในเวลานี้ ชลิตไม่เคยลืมว่าลำพังแค่ความรู้ความสามารถของนักการเกษตรเล็กๆจากต่างจังหวัดอย่างเขา ไม่มีวันเจริญก้าวหน้ามากนัก ถ้าไม่มีเส้นสายระดับการเป็นเขยของท่านอดีตอธิบดี แต่ก็นั่นแหละ สุรีย์ฉายอาจมีส่วนสำคัญทำให้เจริญก้าวหน้าก็จริง แต่นางก็ใช้ความเหนือกว่า ‘ข่ม’ ให้เขาอยู่ในโอวาทจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ภาพของสุรีย์ฉายถูกแทนที่ด้วยภาพอันลางเลือนของผู้หญิงอีกคน เป็นผู้หญิงที่เขาทำผิดอย่างมหันต์ชนิดที่ว่าไม่อาจจะแก้ตัว ถึงแม้ในก้นบึ้งของความรู้สึกแล้ว ชลิตยังรักผู้หญิงอีกคนนั้น รักไม่เคยจาง ไม่เคยเปลี่ยน แต่เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดด้วยซ้ำ
“คุณพ่อคะ...” เสียงของไหมตะวันกระตุกชลิตจากห้วงอดีต “คิดอะไรอยู่คะ ไหมถามไม่ยอมตอบ”
“เปล่า”
“มีพิรุธนะคะเนี่ย”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย” ชลิตยีหัวลูกสาวแล้วย้อนถาม “จริงสิ มาหาพ่อมีธุระอะไร”
“ไม่มีธุระมาหาไม่ได้ใช่มั้ยคะคุณพ่อ”
“ได้ แต่ไม่ใช่กับไหมตะวัน”
“คุณพ่ออ่ะ เบื่อคนรู้ทันจริงๆ”
“เอ้า ว่ามา” ชลิตยกข้อมือมองเวลา “แต่มีอยู่เรื่องนึงที่พ่อตามใจเราไมได้”
ใบหน้าที่เจือด้วยรอยยิ้มของไหมตะวันถึงกับสะดุดกึก “ไหมกำลังจะมาขออนุญาตคุณพ่อไปดูคอนเสิร์ตคู่ดูโอเกาหลีที่กำลังดังมากๆค่ะ”
“ได้สิ” ชลิตตอบ “คอนเสิร์ตวันไหนพ่ออนุญาตให้ไปให้ได้ทั้งนั้น ยกเว้นวันมะรืนนี้ หนูต้องไปงานแจกรางวัลเกษตรกรดีเด่นประจำปีที่อำเภอสายทองกับพ่อ”
“แต่คอนเสิร์ตมีมะรืนนี้นะคะ ไหมรับปากพี่อัคแล้วด้วย”
ใบหน้าของหญิงสาวงอง้ำ ชลิตแอบถอนใจ นี่แหละ...บุคลิกแบบเดียวกับสุรีย์ฉายเป๊ะ...เป๊ะเวอร์ แต่งานนี้เขาจะใจอ่อนไม่ได้ เพราะได้บอกเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเป็นแรมเดือน ไม่ใช่เพิ่งบอก ชลิตรู้ดีว่าการจะบังคับให้ไหมตะวันให้เป็นไปตามที่ต้องการนั้น จะต้องมีเหตุมีผลชนิดที่เถียงไม่ออกนั่นแหละ เจ้าตัวถึงยอม ไม่กล้าบิดพลิ้ว
“เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยหนูถึงมาหาพ่อถึงกรม”
“ค่ะ ไหมแค่จะมาขอให้คุณพ่อเห็นใจ...”
“พ่อไม่อนุญาต เกาหลีจะดูเมื่อไหร่ก็ได้ เดี๋ยวมันก็มาอีกเชื่อสิ”
“คุณพ่อคะ เค้าเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการเล่นคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบนะคะ” หล่อนเสียงดัง ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจเสียเต็มประดา
“ก็ใช่ ถ้าพ่อเป็นเกาหลี พ่อก็ต้องเลือกประเทศที่คนมันคลั่งเกาหลีเป็นชาติแรกเหมือนกัน ไม่เห็นจะมีอะไรแปลก”
“คุณพ่อไม่เข้าใจ”
“พ่อเข้าใจ แต่วันมะรืนนี้ หนูต้องไปอำเภอสายทองตามที่หนูรับปากกับพ่อเอาไว้แล้ว สัญญานี้จะบิดพลิ้วไม่ได้”
“คุณพ่ออ่ะ”
“กลับบ้านได้แล้ว พ่อจะทำงาน”
----------------
มือถือกรีดเสียงดัง แต่ชายหนุ่มเจ้าของเครื่องกำลังพันตูอยู่กับเรือนร่างฉุๆของสาวใหญ่ แค่ขยับจะถอยออกห่างก็ถูกท่อนแขนเหมือนปลีกล้วยตวัดรอบต้นคอเอาไว้
“อย่าไปสนใจเลยค่ะเบบี๋”
ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด อยากจบเกมรักนี้ให้เร็วที่สุด เขารู้สึกเหนื่อยไม่มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น บางครั้งนึกรังเกียจตัวเอง แต่ไม่มีทางเลือกมากนัก เขาเกิดในตระกูลไฮโซ เปลือกดูดี ข้างในกลวง ดีหน่อยที่มีรูปเป็นทรัพย์ อาศัยรูปกายกับชื่อเสียงครั้งอดีตของตระกูล จึงกลายเป็นที่หมายปองของเหล่าซ้อๆเศรษฐินีเงินหนาทั้งหลาย มันอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่ใครไม่อยู่ในฐานะแบบเดียวกับเขาย่อมไม่รู้สึกหรอกว่า การยอมให้คนหมิ่นหยามนั้น น่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตาย
เกมจบแล้วในสภาพเหงื่อโซมกาย เรี่ยวแรงถดถอยเหมือนเพิ่งผ่านสนามวิ่งมาราธอน แต่ยังอ้อยอิ่ง อ้อยสร้อย คล้ายจะขออีกสักยก ชายหนุ่มต้องใช้มารยาที่ผู้ชายอย่างเขามีมากกว่าผู้หญิง ทั้งปลอบประโลมทั้งขู่กลายๆว่า ความสัมพันธ์อาจไม่ยืดยาว นั่นแหละจึงสามารถขับรถออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่พร้อมเงินติดกระเป๋าอีกปึกหนึ่ง
ชายหนุ่มฉุกคิดถึงสายเข้า หยิบมือถือเหลือบมองหน้าจอแวบเดียว ใจหายวูบ เพราะมีถึง 19 สายไม่ได้รับ
“งานเข้า” พึมพำ ก่อนจะตบไฟเลี้ยวเพื่อหาที่จอดรถเพื่อเคลียร์...
----------------
สุรีย์ฉายดึงร่างของไหมตะวันที่ออกอาการกระฟัดกระเฟียดตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน นางรับฟังแล้วปลอบโยนอย่างเข้าข้างลูกสาว คนอื่นผิดหมด ลูกสาวของนางถูกต้องเสมอ นิสัยของไหมตะวันจะว่าไปแล้วถอดแบบมาจากสุรีย์ฉายนั่นเอง ไฮโซ หรูหรา ฟุ่มเฟือย เอาแต่ใจ วีนแตก ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก
สุรีย์ฉายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของอธิบดีกรมใหญ่ มีชีวิตเป็นคุณหนูตลอดมา ไหมตะวันเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้โคนต้น เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ เพราะคุณสมบัติที่หล่อนเป็น ก็คือ คุณสมบัติเดียวกับสุรีย์ฉายผู้เป็นแม่นั่นเอง
“เรื่องคุณพ่อ เอาไว้แม่จัดการให้เอง เป็นพ่อประสาอะไรไม่รู้จักตามใจลูก” นางให้ท้ายลูกสาวสุดที่รักสุดๆ
“ไหมไม่อยากไปงานบ้าๆ บ้านๆนั่นเลยนะคะคุณแม่”
“แม่เข้าใจหนูดี เรามันผู้ดี เรื่องอะไรจะต้องไปข้องแวะกับพวกชาวนาชาวไร่จนๆ มันคนละชั้นกัน” น้ำเสียงของสุรีย์ฉายแสดงความหมิ่นหยามคน ซึ่งเป็นนิสัยปกติของนางนั่นเอง
“โอ.นะลูก มะรืนนี้หนูเตรียมชุดสวยๆไปดูคอนเสิร์ตกับคุณอัคราได้เลยนะ เรื่องคุณพ่อปล่อยให้แม่จัดการเอง”
“ไม่ค่ะ” ไหมตะวันขยับออกห่างมารดาพร้อมปฏิเสธทันควัน
“อ้าว...” สุรีย์ฉายอ้าปาก ตามอารมณ์ของไหมตะวันไม่ทัน “ไหนบอกว่าอยากไปดูคอนเสิร์ตกับคุณอัครา แต่ติดที่ต้องไปงานกับคุณพ่อ”
“ไหมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละค่ะ โกรธพี่อัคแล้วด้วย”
“อ้าว... ไหม... เดี๋ยว...” สุรีย์ฉายมองตามหลังไหมตะวันที่เดินลงส้นหนักๆจากไป แววตาของนางมีประกายพึงพอใจ ไม่ได้เป็นกังวลแม้แต่นิดเดียว เพราะนี่แหละคือความต้องการของนาง สุรีย์ฉายออกแบบไหมตะวันให้เป็นอย่างที่นางต้องการ
ประกายตาของสุรีย์ฉายยามนี้ จะมีสักกี่คนที่อ่านความคิดของนางออกว่า นางไม่ได้มีความปรารถนาดีต่อไหมตะวันแม้แต่นิดเดียว
----------------
ลูกดอกปลิวจากมือของไหมตะวันไปปักที่รูปภาพของอัคราที่แปะอยู่กับผนังห้อง ดอกแล้วดอกเล่า ท่ามกลางเสียงกรีดดังของมือถือซึ่งเป็นสายเรียกเข้าจากอัครานั่นเอง ถ้าใครมาเห็นความแม่นยำในการปาลูกดอกของไหมตะวันอาจต้องอ้าปากค้าง
หล่อนเลือกเป้าแล้วปาลูกดอกออกไป ไม่พลาดแม้แต่ดอกเดียว ที่เป็นอย่างนี้เพราะไหมตะวันนั้นถูกสอนให้รู้จักศิลปะป้องกันตัวจากชลิตตั้งแต่ยังเด็ก มวยไทย คาราเต้ ยูโด ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแทบจะทุกแขนง รวมทั้งการยิงปืน หล่อนมีดีกรีเป็นถึงแช้มป์นักกีฬายิงปืนสมัครเล่นตั้งแต่เพิ่งเข้าปีหนึ่ง เพราะฉะนั้นการปาลูกดอกจึงเป็นเรื่องเด็กๆสำหรับไหมตะวัน
เสียงมือถือเงียบลง ไหมตะวันหยุดปาลูกดอก ก่อนจะหยิบมือถือมากดปิด หล่อนยังไม่พร้อมจะให้อภัยใคร แม้ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนที่คบหากันมาอย่างยาวนาน โดยได้รับการสนับสนุนจากสุรีย์ฉายผู้เป็นมารดา
“คุณหนูขา...” เสียงอ่อนโยนของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง “ให้ป้าเข้าไปนะคะ”
“....” ไหมตะวันระบายลมออกจากปาก หล่อนอาจจะไม่น่ารักกับสุรีย์ฉายได้ หล่อนวีนกับทุกคนได้ ยกเว้นนิ่ม ผู้เป็นแม่นม ดูแลหล่อนเสมือนเป็นแม่คนหนึ่ง ไหมตะวันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมกับแม่นม หล่อนถึงไม่กล้าแสดงกิริยาไม่น่ารักให้นางเห็น หรืออาจจะเป็นเพราะ...เกือบทุกครั้งที่หล่อนรู้สึกแย่ๆ หล่อนรู้สึกดีกับคำพูดของแม่นม
เปรียบเทียบแม่นมกับสุรีย์ฉายผู้เป็นมารดา แม่นมไม่ใช่คนที่ตามใจหล่อนเสียทุกเรื่อง ตรงกันข้าม เป็นอีกคนหนึ่งที่คอยทักท้วงเมื่อเห็นหล่อนตั้งป้อมตั้งแง่กับชลิตหรือสุรีย์ฉาย
“ไม่ได้ล็อกหรอกค่ะคุณป้า”
ป้านิ่มเปิดประตูเข้ามา สายตาที่มองมายังหญิงสาวรุ่นราวคราวลูก ยังเต็มไปด้วยความห่วงใยไม่ต่างจากเดิม
“ทะเลาะกับคุณอัครามาหรือคะคุณหนู”
“เปล่าค่ะ”
“ยังจะโกหกป้าอีกนะคะ”
“ก็ไม่ได้ทะเลาะจริงๆนี่คะ แค่โทร.หาเป็นสิบๆสาย แต่พี่อัคไม่ยอมรับเท่านั้น”
“คุณอัคบอกว่าติดประชุมกับลูกค้าอยู่ค่ะ”
หญิงสาวสบตากับแม่นม “พี่อัคฟ้องคุณป้าหรือคะ”
“เปล่าหรอกจ้ะ คุณอัคมานั่งรอคุณหนูอยู่สักพักใหญ่แล้ว ท่าทางเธอดูร้อนใจมาก โทร.หาคุณหนูเป็นร้อยสายได้แล้วมั้ง... ลงไปหาพี่เค้าหน่อยนะคะคุณหนูขา สงสารคุณอัคออก”
ไหมตะวันพยักหน้าอายๆ ป้านิ่มดึงร่างนั้นเข้ามาสวมกอด ใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้มละไม
----------------
“คุณหนูไม่อยู่ค่ะ ออกไปกับคุณอัคตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายแล้วละค่ะ”
ชลิตชะงักเท้าหยุด เมื่อได้รับคำตอบแรกจากป้านิ่ม หลังกลับจากกรม โดยส่วนตัวแล้วเขาไม่ได้ชอบนิสัยใจคอของอัคราแม้แต่นิดเดียว แม้พยายามเปิดใจยอมรับเพียงใดก็ตาม เนื่องจากมีข่าวลือเข้าหูบ่อยครั้งว่า ไฮโซหนุ่มผู้นี้มีพฤติกรรมคั่วสาวแก่แม่ม่ายโดยเฉพาะหญิงแก่มีเงินทั้งหลาย อาจไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ผู้ชายด้วยกันย่อมมองผู้ชายออก อีกอย่างไม่ปรากฏว่าไฮโซหนุ่มผู้นั้นมีการงานเป็นหลักแหล่ง มีเพียงชาติตระกูลกับนามสกุลไฮโซบังหน้าเท่านั้น คนเราถ้าไม่มีการงานทำ เอาแต่ลอยชายไปมา ต่อให้เป็นไฮโซก็ไม่ได้มีความหมายอะไร
“คุณผู้ชายคะ จะรับของว่างไหมล่ะคะเดี๋ยวฉันไปจัดให้”
“ไม่ละ ขอบใจนะ จริงสิ คุณฉายล่ะ”
“คุณฉายเพิ่งออกไปค่ะ”
“ไปไหน”
“เห็นบอกว่าเพื่อนก๊วนเก่าโทร.ตามกะทันหันค่ะ ให้คุณทานข้าวก่อนได้เลยค่ะ อาจกลับค่ำ”
“แย่จริง ไม่มีใครอยู่บ้านเลยทั้งแม่ทั้งลูก”
ชลิตบ่น ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรของครอบครัว เขาเดาได้ไม่ยากว่าสุรีย์ฉายไปเมาท์มอยเรื่องอะไรกับกลุ่มก๊วนของนาง ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ความคิดของสุรีย์ฉายยังเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และเป็นความคิดของไฮโซกลุ่มเล็กๆที่ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องไลฟ์สไตล์โดยไม่สนใจว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว
“พี่นิ่ม”
“คะคุณผู้ชาย”
“คิดว่าอัคราเป็นคนยังไง”
“หล่อค่ะ”
“ผมรู้ว่าหล่อ แต่หมายถึงนิสัยใจคอ”
“ดีมั้งคะ” ป้านิ่มตอบอย่างไม่สู้มั่นใจ
“ถามจริงๆ” ชลิตทำเสียงเข้ม “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมอยากรู้จริงๆว่าป้านิ่มจะคิดยังไงกับอัครา”
“งั้นตอบไม่เกรงใจเลยนะคะ”
“ว่า...”
“หน้าหม้อเกิ๊น ถ้าฉันมีลูกสาวละก็จะไม่ให้เฉียดใกล้ผู้ชายแบบนี้เลยค่ะ”
ใบหน้าขรึมของชลิตถึงกับหลุดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเกือบจะทันที
“ผมเป็นห่วงลูกไหมนะพี่นิ่ม ไม่รู้จะทำยังไงจึงจะแยกลูกไหมจากนายอัคราได้”
“ฉันคิดว่าคุณผู้ชายปลื้มซะอีก”
“ไม่ ไม่เลย”
ชลิตตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว ก่อนขอตัวเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้สาวใหญ่นิ่วหน้าคิด เพราะเท่าที่รับใช้ครอบครัวนี้มา ชลิตไม่เคยมีความคิดขัดขวางสุรีย์ฉายได้เลย เมื่อสุรีย์ฉายเห็นดีเห็นงามให้ไหมตะวันคบหากับอัครา ก็ต้องเป็นไปตามที่สุรีย์ฉายต้องการนั่นเอง ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอื่น
“คุณผู้ชายมาหลอกถามเราหรือเปล่าเนี่ย” สาวใหญ่บ่นพึมพำ “ขืนไปฟ้องคุณผู้หญิง มีหวังถูกเฉดหัวออกจากบ้านแน่ โธ่...”
----------------
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 755
แสดงความคิดเห็น