STARCIN ภาคที่ 9 Black Purge ตอนที่ 19 เศษเสี้ยว
ขณะที่เด็ก ๆ คนอื่นวิ่งหนีก็มีแค่เด็กชายที่เคยจะฆ่าวีด้าที่ยังยืนหยัดพุ่งเข้าใส่ฟาเดย์ ความบ้าบิ่นที่เหมือนคนสติไม่ดีเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียโดยเฉพาะกับเด็กที่ยังโตไม่เต็มที่ ต่อให้มีใจกล้ามากแค่ไหนก็ไม่อาจข้ามผ่านความต่างของพลังไปได้ง่าย ๆ
“เข้ามาสิ พอดีเก็บกดจากไอ้พวกนั้นอยู่พอดีเลย” ฟาเดย์มองดูแขนซ้ายที่โดนคานะพรากไปได้แต่เจ็บใจและรอให้หัวหน้าแก้แค้นให้
วีด้าเดินวนหาจังหวะทีเผลอแต่เด็กชายผู้นั้นกลับพุ่งใส่ไม่รีรอใด ๆ ทั้งนั้น มีดสั้นของเขาเหวี่ยงฟันจากด้านข้างแม้มันจะรวดเร็วกว่าเด็กฝึกคนอื่นแต่ก็ยังช้าเกินไปสำหรับฟาเดย์ หลังจากหลบมีดได้เขาก็ถีบกระเด็นแถมยังยิ้มสนุกที่ได้รังแกเด็กตัวน้อยด้วย
“เป็นน้องของผู้หญิงคนนั้นเหรอ? คนอื่น ๆ หนีกันไปหมดแล้วแต่ยังดันทุรังมาช่วยเนี่ยนะ?”
วีด้าอาศัยจังหวะที่ฟาเดย์กำลังประมาทเข้าประชิดตัวแล้วง้างแขนหวังฟันคอให้ขาดแต่นั่นกลับเป็นแผนของฟาเดย์ เขาหันมองหน้าวีด้าแล้วกดปุ่มระเบิดมานาจากเกราะอีกครั้งและพอวีด้าเสียหลักเขาก็ขว้างระเบิดใส่ทันที
เป็นเวทมนตร์ที่น่ารำคาญจริง ๆ พอเข้าใกล้ก็โดนผลักออกมาตลอด หรือจะเปลี่ยนไปใช้การโจมตีระยะไกลแทน
วีด้ายกมีดขึ้นมาในระดับสายตาเพื่อเล็งเป้า จากนั้นก็ยิงกระสุนมานาที่พยายามเลียนแบบซึฮากิมาแต่ความแม่นยำกลับต่ำเตี่ยเรี่ยดิน
หมอนั่นมันทำยังไงวะ ก็เล็งตรง ๆ แล้วนี่ทำไมมันถึงเบี้ยวไปทางอื่นล่ะ
“เล่นอะไรอยู่?” ฟาเดย์ใช้ปืนยิงกระสุนมานาใส่แทนกระสุนปกติ แต่วีด้าก็ยังสร้างโล่มานาป้องกันได้ทันและระหว่างนั้นเด็กชายก็ลุกขึ้นได้อีกครั้ง
เด็กชายผู้นั้นยังคงพุ่งใส่อย่างไม่ลดละปะทะมานากันอย่างดุเดือดแต่ภาพที่ฟาเดย์เห็นกลับเป็นตัวทดลองที่น่าเก็บไว้มากกว่าจะกำจัดทิ้ง ถ้าหากเขาต้องการจะฆ่าเด็กเหล่านั้นก็คงจะไม่รอมาตอนนี้
“มานาใกล้จะหมดแล้วนะเด็กน้อย ถ้าขืนยังสู้ต่อเดี๋ยวก็หมดสติหรอก” ระหว่างที่ฟาเดย์กำลังรับมือกับเด็กชายเขาก็ยังหันมายิงปืนและโยนระเบิดใส่วีด้าไม่ให้เธอเข้ามายุ่ง
มันพกของมาเยอะแค่ไหนเนี่ย ไอ้กระเป๋าใบใหญ่นั่นมีแต่ระเบิดหรือยังไง วีด้ายังคงหาช่องโหว่สลัดให้พ้นจากการมองเห็นของฟาเดย์แต่ไม่ว่าจะหลบไปทางไหนเขาก็ยังรับรู้ตำแหน่งของเธออยู่ดี
แม้จะอยากหนีแต่พอเห็นเด็กชายคนนั้นวิ่งใส่มันก็ทำให้เธอไม่อยากน้อยหน้าเด็กตัวน้อย ต่อให้ขาจะเจ็บหรือแขนจะถือมีดไม่ไหวแต่ถ้าใช้เทคนิคควบคุมมานาก็อาจจะทำอะไรได้บ้าง
จงคิดว่ามานาคือแขนขาของเรา หากต้องการให้มันพุ่งไปข้างหน้าก็จงขยับมันให้เหมือนยกมือ หากต้องการให้มันอยู่นิ่ง ๆ ก็จงเงียบสงบให้เหมือนตอนนอน หากต้องการให้มันเป็นเวทมนตร์ก็จงบีบมันให้เหมือนกำมือ
วีด้าตั้งมั่นในบทเรียนที่เคยได้ยินมาจากโรงเรียนที่เอลโฟเรีย บทเรียนง่าย ๆ ที่ทำให้เด็กตัวน้อยเรียนแต่ตอนนี้มันกลับล้ำค่ายิ่งกว่าเพชรในกระเป๋าทองคำเสียอีก
ถ้าทำกระสุนแบบปกติไม่ได้ก็ทำให้มันเป็นทรงกลมก็พอ แค่บีบอัดมันจากทุกทิศทางก็จะได้ทรงกลมหยาบ ๆ แต่มันก็คงดีกว่ารูปแบบกระสุนที่ยิงไม่โดน
“ยอมแพ้แล้วคลานออกมาฉันอาจจะไม่ฆ่าก็ได้” ฟาเดย์กระทืบเด็กชายตัวน้อยจนหมดสติ จากนั้นก็เดินมาหาวีด้าที่แอบอยู่มุมตึกระหว่างนั้นก็กำลังเตรียมระเบิดชุดใหม่ไปด้วย
“ออกมาเถอะน่า ไม่ว่าเธอจะหลบยังไงก็หลบไม่พ้นสายตาของฉันหรอก”
วีด้าเงียบไม่ตอบอะไรแต่การรวบรวมมานาของเธอก็ถูกจับได้ว่ากำลังเตรียมโต้กลับ ฟาเดย์สร้างโล่มานาเตรียมไว้พอดีกับปริมาณมานาที่วีด้าใช้เพื่อประหยัดมานา
“ไหน ๆ ขอดูหน้าสาวน้อยหน่อยสิ” ทันทีที่ฟาเดย์เข้าใกล้วีด้าก็ยิงกระสุนมานาใส่เป็นไปตามที่เขาคำนวณไว้ทุกอย่าง กระสุนมานาเหล่านั้นไม่อาจทะลุโล่มานาของฟาเดย์ได้ทำให้วีด้าต้องล่าถอยอีกครั้ง
“อย่าพึ่งไปสิ” ฟาเดย์โยนระเบิดดักหน้าทำให้วีด้าต้องเสียมานามาป้องกันอีก
หญิงสาวตรงหน้าหยุดชะงักเพื่อหันมองมาที่ฟาเดย์ เธอเลือกที่จะรอตั้งรับแทนที่จะหนีด้วยขากะเผลก ๆ ต่อ
“ไหนมีอะไรมาโชว์อีก?”
วีด้าปั้นกระสุนมานาอีกครั้งแล้วกระหน่ำยิงด้วยมานาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ ส่วนฟาเดย์ก็น้อมรับความใจสู้ด้วยการยืนตั้งรับเช่นกันกลายเป็นการดวลว่ามานาของใครจะหมดก่อนไปแล้ว
แต่ระหว่างที่ฟาเดย์กำลังยิ้มเยาะชอบใจจู่ ๆ ก็สัมผัสถึงมานาจากด้านบนได้ ในจังหวะสุดท้ายเขาสร้างโล่มานาป้องกันได้ทันไม่เช่นนั้นเขาก็จะเป็นศพไปแล้ว
“ใครวะ?” ฟาเดย์พยายามมองหาที่มาของเวทมนตร์นั้นและด้วยความประมาทที่คิดว่าวีด้าไร้เรี่ยวแรงทำให้เขาต้องเลือดตกยางออก
เพียงไม่กี่วินาทีวีด้าได้ใช้ช่องโหว่นั้นพุ่งเข้าจู่โจมฟันทะลุโล่มานาและเฉือนลำตัวของฟาเดย์ได้หนึ่งแผล
“อะไรเนี่ย สภาพร่อแร่อย่างนั้นยังจะมีแรงเหวี่ยงมีดอีกเหรอ?” แต่ไม่ทันไรฟาเดย์ก็หมุนตัวเตะวีด้าเพื่อเว้นระยะห่างก่อน
“พูดมากน่ารำคาญว่ะ” วีด้ายิ้มยียวนราวกับเป็นการยิ้มครั้งสุดท้าย เธอใช้มานาที่เหลืออยู่เพื่อโยนระเบิดมานาขึ้นไปด้านบนและยิงกระสุนมานาใส่ตรงหน้า
“ใช้ลูกเล่นแบบนี้นี่เอง แต่ร่ายเวทมนตร์ให้เห็นต่อหน้าก็อย่าหวังจะโดนเลย” ฟาเดย์ใช้ระเบิดมานาของชุดเกราะอีกครั้งซึ่งมันก็ทำลายเวทมนตร์ของวีด้าทั้งหมด เขาเดินเข้าประชิดแล้วมองด้วยสายตาเหยียดหยามราวกับกำลังมองสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่าเป็นการตอกย้ำความอ่อนแอของวีด้า
“ในเมื่อการเจรจาล้มเหลวก็คงต้องกำจัดทิ้ง”
ปากกระบอกปืนจ่อเข้ามาที่หัวของวีด้าค่อย ๆ กดดันหวังให้ร้องขอชีวิตแต่สิ่งที่ได้กลับเป็นรอยยิ้มเลศนัย
“ยิ้มอะไร?”
ทันใดนั้นฟาเดย์ก็รู้สึกอ่อนล้าเวียนหัวและตาก็เริ่มพร่ามัวเหมือนทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวัน จังหวะนั้นเองวีด้าจึงแย่งปืนจากมือแล้วยิงสวนกลับทันที
“มนตร์ดำนี่หว่า” เสริมกำลังของฟาเดย์ปกป้องเขาไว้แต่ขณะที่กำลังมุ่งเป้าสนใจหญิงสาวตรงหน้า จู่ ๆ ก็มีกระสุนมานาพุ่งมาจากด้านหลังทะลุเสริมกำลังจนสร้างบาดแผลให้เขาได้
“แกโง่เองที่ไม่ทันสังเกต” วีด้าโยนปืนทิ้งแล้วเข้าประชิดตัวเพื่อใช้มีดสั้นที่ตนเองถนัดแทน เธอใช้จังหวะที่อีกฝ่ายกำลังอ่อนแรงเพื่อเจาะการป้องกันแล้วเฉือนร่างกายของชายผู้นั้นให้ได้
แต่นั่นก็ยังไม่พอเพราะเกราะที่ฟาเดย์สวมอยู่ได้ระเบิดมานาออกมาอีกครั้งทำให้วีด้าโดนดันถอยออกมา
“ฉลาดดีจริง ๆ” ฟาเดย์ดื่มมานาสำรองและกินยาเพิ่มเข้าไปทำให้กลับมามีแรงปกติอีกครั้ง
“ฉลาดกับผีน่ะสิ” วีด้าวิ่งเข้าประชิดอีกครั้งและฟาเดย์ก็ตอบโต้ด้วยการใช้ถุงมือแบบพิเศษสร้างโล่มานาทุกครั้งที่ออกหมัด
“รู้จักวิธีใช้โล่มานาหรือเปล่า?” ฟาเดย์ยิ้มเยาะแล้วชกปะทะกับมีดสั้นของวีด้าแต่มันไม่ใช่การปะทะตรง ๆ เพราะการออกหมัดของฟาเดย์จะมีโล่มานาโผล่ออกมาตรงถุงมือ
จากสิ่งที่ใช้ป้องกันกลับกลายเป็นเวทมนตร์โจมตีแบบหนึ่งแทน เขาใช้โล่มานาขนาดเล็กชกใส่วีด้าอย่างต่อเนื่องแม้เธอจะพยายามหลบเลี่ยงวิถีหมัดแต่ก็ไม่พ้นโล่มานาที่พุ่งมาอยู่ดี
“อ้าว ๆ อย่าถอยสิ ยังเล่นกันได้อีกนานเลย”
“เล่นไปคนเดียวเถอะ” วีด้าสร้างควันบดบังวิสัยทัศน์แล้ววิ่งหนีแต่ฟาเดย์ก็ใช้เวทมนตร์ตรวจจับมองตามทันอยู่ดี
“ลืมดูสังขารตัวเองหรือยังไง? สภาพแบบนั้นไม่มีทางหนีพ้นหรอก”
ฟาเดย์วิ่งตามหลังวีด้าไปติด ๆ จากนั้นก็ขว้างระเบิดใส่ทำให้วีด้าเสียหลักล้ม เขาไม่รอช้าเหมือนครั้งก่อนจึงกระโจนเข้าใส่เพื่อสังหารให้ไวที่สุดแต่ก็มีใครบางคนเข้ามาขวางเสียก่อน
“มีพวกอีกเหรอ?” ฟาเดย์กวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าดูว่ามีอาวุธหรือลูกไม้อะไรอีกไหม
“ดีที่ยังมาทัน” เรียลขว้างระเบิดควันใส่จากนั้นก็สร้างดาบวายุพุ่งจู่โจมโดยอาศัยม่านควันเหล่านั้น จังหวะเดียวกันเขาก็อุ้มวีด้าหนีตอนที่ยังมีโอกาส
“นึกว่าจะเห็นได้อะไรดี ๆ ซะอีก สุดท้ายก็วิ่งหนีหางจุกตูดเหมือนเดิม” ฟาเดย์ยกมือเล็งเป้าด้วยนิ้วและยิงกระสุนมานาโดยไม่ได้ใช้ปืนเหมือนก่อนหน้านี้ กระสุนมานานั้นพุ่งเข้าที่แขนขาและลำตัวของเรียลหลายนัดแต่เขาก็ยังฝืนทนหนีไปได้
แปลกแฮะ เสริมกำลังของมันอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า ขนาดผู้หญิงคนนั้นยังกันกระสุนมานาได้เลยแต่เจ้านั่นกลับทำไม่ได้
ฟาเดย์ได้แต่เอียงคอมองด้วยความสงสัยแล้วเดินไปเก็บปืนของตนเอง แต่วินาทีที่เขาหยิบขึ้นมามันกลับระเบิดทันที
เขาหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ “ฉลาดเป็นกรดเลยนี่หว่า ใช้ระเบิดมานาวางไว้ตรงปืนและระเบิดเมื่อเรามาเก็บมัน...แต่มานาที่ใส่ลงไปมันน้อยเกินกว่าจะทะลุเสริมกำลังซะอีก”
วีด้าที่หนีมากับเรียลได้ไปหยุดอยู่ที่ป่าใกล้ ๆ สำนักซึ่งเป็นจุดที่ศิษย์คนอื่นโดนซึฮากิเก็บไป
“ต้องหยุดเลือดก่อน” วีด้าสำรวจแผลของเรียลเพื่อประเมินสถานการณ์ในขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มยักไหล่ราวกับกำลังบอกว่าสบาย ๆ น่า
“โชคดีจริง ๆ ที่ไม่โดนจุดอันตรายเลยสักจุด” เรียลมองดูแผลตามตัวที่มีเลือดไหลนองแต่เมื่อใช้เวทมนตร์รักษาเลือดก็หยุดไหลทันที
วีด้าถอนหายใจแล้วเอนหลังนั่งพิงต้นไม้ “คราวหน้าอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นระวังตัวให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ”
“ครับ ๆ ส่วนพวกเด็ก ๆ ไม่ต้องห่วงนะเพราะฉันให้หนีเข้าป่าแล้วเหมือนกัน พวกเขาน่าจะอยู่ใกล้ ๆ เนี่ยแหละ”
“ก็รอบคอบเหมือนกันนี่แต่ก็ยังโดนยิงจนพรุนเลย” วีด้ายันตัวลุกยืนเตรียมไปสมทบกับเด็ก ๆ
“เดี๋ยวนะ ยังมีเด็กอีกคนที่หมดสติอยู่ในสำนัก”
“ยังมีอีกเหรอ? หรือจะเป็นเด็กที่พุ่งใส่เธอ เด็กแบบนั้นถ้าพาไปด้วยจะไม่ยิ่งแย่กว่าเดิมเหรอ?”
“ก็คงงั้น แต่การที่เด็กคนหนึ่งจะก้าวร้าวได้ขนาดนี้แสดงว่าต้องมีแผลใจอะไรแน่ ๆ เขาอาจจะโดนสำนักทารุณหรือฝึกซ้อมหนักยิ่งกว่าใครก็ได้”
“ก็เป็นไปได้ ดูจากฝีมือที่เหนือกว่าเด็กฝึกคนอื่นเขาอาจจะได้รับการฝึกจากเจ้าสำนักเลยด้วยซ้ำ”
ทั้งสองแอบกลับไปที่สำนักเพื่อดูว่าเด็กก้าวร้าวคนนั้นยังอยู่ดีหรือไม่แต่ที่ตรงนั้นกลับเหลือเพียงเด็กชายตัวน้อยไร้วี่แววของฟาเดย์
“รีบไปกันเถอะ” วีด้าอุ้มเด็กชายตัวน้อยแล้ววิ่งตามหลังเรียลไปรวมกลุ่มกับเด็กคนอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้อีกฟากหนึ่งของสำนักก็ได้มีการปะทะกันของหัวหน้าเบลแฮมกับเซนและคานะ ความร้อนระอุจากเวทมนตร์ของเซนทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เหมือนอยู่กลางทะเลทรายขณะที่อีกด้านหนึ่งกลับเหมือนยืนอยู่บนเสากระโดงเรือท่ามกลางพายุที่พัดโหมกระหน่ำอยู่
“ดูสิจะหนีเก่งเหมือนเดิมหรือเปล่า?” เซนกระโจนใส่ก่อนเป็นอันดับแรกโดยมีคานะคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านหลัง
“หนีเหรอ? ก็แค่มาตั้งหลักเฉย ๆ” เบลแฮมยกดาบรับการโจมตีของเซนไว้แล้วผลักเขาถอยออกห่าง จากนั้นก็ตามมาสวนกลับด้วยเวทมนตร์วารีที่กลายเป็นเกลียวคลื่นพุ่งออกมาตามทิศทางที่เหวี่ยงดาบ
เซนฟาดฟันเกลียวคลื่นเหล่านั้นด้วยดาบคู่คู่ใจและเมื่อมีโอกาสเขาก็จะสร้างบอลเพลิงขว้างผ่านช่องว่างไปด้วย
“เบาขนาดนี้ไม่ต้องใช้ให้เปลืองมานาหรอก” เบลแฮมวิ่งฝ่าบอลเพลิงเข้ามาหน้าตาเฉย ไม่เพียงแค่นั้นเขายังยกดาบขึ้นเหนือหัวแล้วฟันลงตรง ๆ แยกพื้นสำนักออกเป็นสองฝั่งแต่เซนก็ไหวตัวทันแล้วกระโดดหลบออกไปก่อน
“แกนั่นแหละที่อ่อนหัด ท่วงท่าสุดจะเบื่อหน่ายพวกนั้นไม่มีพลังพอหรอก จงดู ! ผลผลิตจากการขัดเกลาอันแสนหฤโหดของฉัน...” เซนยกดาบคู่ขึ้นเหนือหัวเหมือนกับที่เบลแฮมทำ
“สุดยอดวิชาดาบแห่งเทือกเขาทรหดผู้จมอยู่ในบึงรัตติกาล...ฟันตรงบรรจบร่าง”
แทนที่จะฟันลงแบบขนานแต่ดาบทั้งสองกลับไขว้กันเป็นกากบาท เมื่อมานาถูกปล่อยออกมามันทำให้จุดกึ่งกลางที่ทับซ้อนกลายเป็นแหล่งรวมมานาที่พร้อมระเบิด วินาทีที่เปลวเพลิงกากบาทปะทะกับดาบวารีของเบลแฮมมันก็ระเบิดจากตรงกลางก่อนทำให้เปลวเพลิงสี่แฉกบิดโค้งเข้าหาตรงกลางเหมือนตาข่าย
“สุดยอดไปเลย แม้จะเป็นพวกลิงสมองช้าแต่กลับสร้างเวทมนตร์แบบนี้ได้ด้วย” เบลแฮมยิ้มกว้างตามสัญชาตญาณของความอยากรู้อยากเห็น
ขณะที่เปลวเพลิงสี่แฉกกำลังใกล้เข้ามา เบลแฮมก็ได้บิดดาบเพื่อเบี่ยงแรงปะทะและในจังหวะเดียวกันเขาก็เอื้อมไปชักดาบอีกเล่มขึ้นมากลายเป็นดาบคู่เหมือนกับเซน เพียงชั่วพริบตาเวทมนตร์วารีของเบลแฮมก็ได้ปกคลุมพื้นที่โดยรอบทำให้เวทมนตร์เพลิงของเซนสิ้นฤทธิ์เดชทันที
“มีอะไรเด็ด ๆ ก็แสดงมันออกมาซะ” เบลแฮมต่อดาบเข้าด้วยกันกลายเป็นอาวุธแปลกประหลาดที่ถ้าฝึกไม่ดีอาจจะฟันโดนตัวเองแทน
“ยังมีเด็ด ๆ อีกเยอะเลยล่ะ” เซนยิ้มเริงร่าตอบรับความคาดหวังและเพียงชั่วพริบตาก็มีศรเวทมนตร์พุ่งใส่จากอีกฝั่งพอดี
แม้เบลแฮมจะป้องกันได้ด้วยกำแพงวารีแต่การคลาดสายตาเพียงหนึ่งวินาทีมันก็ทำให้เซนเข้ามาถึงตัวแล้ว เขาหมุนตัวฟันด้วยดาบคู่ทำลายกำแพงวารีหนึ่งครั้งและทิ้งแรงทั้งตัวเพื่อเหวี่ยงดาบฟันตรง ๆ
แรงเยอะจริง ๆ ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็คอยลอบโจมตีตอนทีเผลอ เราต้องรีบกำจัดสักคนก่อน เบลแฮมสร้างโดมวารียักษ์ครอบตัวเขากับเซนไว้และเลือกที่จะดวลดาบกันโดยไม่ให้คานะเข้ามายุ่ง
“สบายขึ้นมาหน่อยนะพ่อหนุ่ม” เบลแฮมใช้ดาบชี้หน้าท้าทาย
“โน ๆ ๆ ไม่สบายอะไรทั้งนั้นแหละ” เซนยกดาบชี้หน้ากลับ
ทั้งสองยกดาบขึ้นในระดับสายตาพร้อมเพรียงราวกับกำลังจะเต้นรำ ในขณะที่ดาบอีกเล่มเหยียดไปด้านหลังเตรียมปล่อยเวทมนตร์ เบลแฮมเป็นฝ่ายบุกก่อนโดยการใช้เวทมนตร์วารีสร้างเป็นเชือกสะบัดไปทั่วซึ่งได้เปรียบในเรื่องระยะ เซนที่เห็นเช่นนั้นจึงแทงดาบมาข้างหน้าปล่อยเสาเพลิงพุ่งปะทะกับเวทมนตร์วารี
เซนวิ่งตามหลังเสาเพลิงของตนเองเพื่อใช้มันบังวิสัยทัศน์แต่ขณะที่กำลังวิ่งหน้าตั้ง จู่ ๆ เบลแฮมก็สร้างพื้นวารีงัดขึ้นมาจากพื้นและเขาก็กระโจนใส่เซนที่เสียหลักอยู่กลางอากาศ
“มานายังเหลืออยู่ไม่ใช่เหรอ? ช่วยแสดงอะไรที่มันน่าสนใจให้ดูหน่อยสิ” เบลแฮมฟาดฟันกดเซนลงพื้นและกระหน่ำแทงคลื่นวารีใส่จนไม่เห็นตัวเซน
“โน ๆ ๆ ฉันยังไม่อยากเผาที่นี่หรอกนะ กิอุตส่าห์บอกไว้ว่าพยายามอย่าทำลายข้าวของเพราะอาจจะมีข้อมูลหรือของดี ๆ อยู่บ้าง ถ้าอยากเห็นฝีมือของฉันจริง ๆ แกก็ลองมาสู้กันที่โล่ง ๆ สิ” เซนขุดดินด้วยดาบคู่แล้วไปโผล่อยู่ด้านนอกโดมวารี
“อะไรวะ ! มาพูดใกล้ ๆ ให้ได้ยินหน่อยไม่ได้เหรอยังไง?” เบลแฮมคลายโดมวารีทิ้งทำให้ทั้งสำนักเหมือนโดนน้ำท่วมไปแล้ว
จังหวะเดียวกันคานะก็ยิงศรสายฟ้าลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำแต่เบลแฮมที่เคยเห็นมาก่อนจึงสร้างเสริมกำลังและโล่มานาห่อหุ้มตัวเองไว้ไม่ให้โดนไฟช็อต
“ใช้เป็นอยู่แค่นั้นหรือยังไง?” เบลแฮมใช้เวทมนตร์วารียิงไปข้างหลังเพื่อดันตัวเองไปหาคานะ เมื่อเข้าใกล้เขาก็ยกดาบฟันแต่เซนกลับโผล่ออกมารับไว้แทน
“อย่าลืมฉันสิ” เซนต้านคมดาบของเขาไว้จากนั้นก็เอียงตัวเตะส่งเบลแฮมไปกระแทกกับตึกรามบ้านช่องของสำนัก
ไม่เพียงแค่นั้นเพราะคานะยกคันธนูเล็งโดยมีเซนคอยประคองเพื่อใช้เวทมนตร์ผสาน คานะเป็นผู้ถืออาวุธที่คอยสร้างมานาและเล็งเป้าในขณะที่เซนเป็นผู้ง้างแล้วปล่อยศรเวทมนตร์
“เอาไปกินให้อิ่มซะนะ [มังกรเพลิงคำราม]” มังกรวารีเป็นเวทมนตร์ของคานะได้กลายเป็นมังกรเพลิงพุ่งใส่เบลแฮมที่อยู่ใต้เศษซากอาคาร ความร้อนระอุแพร่ขยายออกไปรอบ ๆ เผาทุกอย่างราวกับกำลังเดินอยู่ในนรกอเวจี
ทันใดนั้นก็มีน้ำพุพุ่งขึ้นจากจุดที่เบลแฮมอยู่ น้ำเหล่านั้นโดนความร้อนจากเวทมนตร์เพลิงจนระเหยกลายเป็นไอทำให้ทั้งสำนักเหมือนอยู่ในหมอกมรณะที่พร้อมกลืนกินทุกสิ่งที่เข้าไป
“นี่เราเล่นแรงเกินไปหรือเปล่า? กิเขาจะว่าอะไรไหมเนี่ย…” จู่ ๆ ก็มีดาบมานาฟาดผ่านหน้าเซนไปพอดี ถ้าเกิดไม่ถอยกลับก็คงจะโดนจัดการไปแล้ว
“ดูเหมือนพวกเธอจะใช้ตรวจจับไม่ได้สินะ ไม่ก็ใช้ได้แต่อ่อนหัดมากจนเหมือนไม่ใช้ เพราะฉะนั้นศึกนี้คงเป็นชัยชนะของฉันแล้ว” เสียงของเบลแฮมดังมาจากด้านหน้าทำให้เซนฟาดดาบเพลิงสวนกลับทันทีแต่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า
“ต่อให้ดาบจะรุนแรงแค่ไหนแต่ถ้าฟันไม่โดนมันก็ไร้ความหมาย” คราวนี้เสียงมาจากด้านหลัง พอได้ยินคานะก็ยิงศรมานาใส่แต่ก็ยังช้าเกินไป
“คุณสมบัติของเวทมนตร์วารีเข้ากันได้ดีกับเวทมนตร์สายฟ้า ผู้ได้ครอบครองมีเพียงหยิบมือจนนับได้ด้วยนิ้วทั้งสิบด้วยซ้ำ” เบลแฮมคอยปั่นหัวด้วยการพูดหลอกล่อไปเรื่อย ๆ ทำให้ฝั่งคานะและเซนเสียมานากับการโจมตีที่ไม่เคยโดนเป้า
“ถ้าพูดถึงในแง่ความอรรถประโยชน์ยังไงก็คงไม่พ้นเวทมนตร์ตรวจสอบกับตรวจจับ ผู้ที่ได้ครอบครองทั้งสองสิ่งนี้มักจะได้เปรียบทั้งในสนามรบและการประลอง” คราวนี้เสียงของเขามาจากบนหัวทำให้เซนและคานะรวมพลังใช้เวทมนตร์ผสานยิงมังกรเพลิงคำรามอีกครั้ง
“ผิดทางแล้วเจ้าหนู”
วินาทีที่พวกเซนเพ่งสมาธิไปด้านบนจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงข้าง ๆ หูและตามมาด้วยดาบวารีฟันไขว้เป็นกากบาทสร้างบาดแผลสาหัสให้กับทั้งสอง
“ถ้าฉันได้เวทมนตร์สายฟ้าบ้างก็คงจะไร้เทียมทานไปแล้ว ช่างน่าเสียดายที่มันไปตกอยู่ในมือของศัตรู” เบลแฮมกระโจนเข้ามากระหน่ำฟันอีกครั้งซึ่งคานะก็ยังฝืนสังขารสร้างโล่มานาป้องกันไว้
“เอาสิ ! มีแรงมีมานาอีกสักเท่าไรกันเชียว” เบลแฮมค่อย ๆ ดันพวกคานะลงพื้นด้วยแรงปะทะของดาบคู่ ต่อให้ใช้โล่มานาป้องกันแต่เมื่อไม่มีฐานยืนมันก็เป็นเพียงแค่การยื้อเวลาเท่านั้น
เซนตั้งหลักได้อีกครั้งแล้วเข้ามาขวางโดยการรับการฟาดฟันของเบลแฮมด้วยดาบคู่ของตนเอง พวกเขาทั้งสองดวลดาบพร้อมกับเวทมนตร์ที่เป็นขั้วตรงข้ามกัน
“ไอ้ท่าทางอวดดีนั่นหายไปไหนแล้วล่ะ? หรือจะกลัวตายขึ้นมาก็เลยพูดไม่ออก...”
เซนยกขาถีบจังหวะที่ดาบกำลังต้านแรงกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เซนก็ได้เป็นฝ่ายรุกกลับ
“เริ่มช้าลงแล้วนะพวก แถมมีโอกาสแท้ ๆ แต่ทำอะไรฉันไม่ได้เลยเนี่ยนะ” เบลแฮมถอยห่างหนึ่งก้าวแล้วปักดาบลงพื้นสร้างคลื่นวารีพุ่งใส่ จากนั้นเขาก็ตามหลังมากับเวทมนตร์เพื่อใช้ข้อได้เปรียบของเวทมนตร์ตรวจจับ
“ถึงตอนโน้นจะไม่ค่อยเข้าใจแต่พอได้สัมผัสกับมันหลาย ๆ ครั้งก็พอจะเข้าใจ” เซนผ่าคลื่นวารีทิ้งแล้วยกดาบกันเบลแฮมได้พอดีเหมือนรู้ว่าจะเข้ามาทางไหน
“พูดอะไรแปลก ๆ” เบลแฮมถอยห่างอีกครั้งเพื่อดูท่าทีของเซนและคานะที่กำลังเตรียมศรมานาอยู่ข้าง ๆ
“ความบ้าคลั่งและความกระหายเลือดที่มักจะแสดงท่าทีเป็นอันตรายจนบางครั้งก็อาละวาด แต่สิ่งเหล่านั้นกลับทำให้ตัวเราสงบลงได้...มันคงจะเป็นโชคชะตาสินะ” เซนสร้างเกราะเพลิงที่เคยใช้เมื่อตอนสู้กับแม็ก เกราะเพลิงที่พร้อมเผาทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่คานะที่อยู่ใกล้ ๆ เธอจึงต้องถอยออกไปคอยสนับสนุนอยู่ห่าง ๆ
“เกราะไฟเนี่ยนะ แม้จะเคยวิจัยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้มันใช้ได้ เวทมนตร์เพลิงเป็นคุณสมบัติที่ทำร้ายผู้ใช้บ่อยที่สุดเพราะแค่เปลวเพลิงเล็ก ๆ หากใช้ไม่ระวังก็จะโดนเผาเสียเอง เห็นทีฉันต้องจับพวกนายไปแบบเป็น ๆ แล้ว”
เบลแฮมใช้เสริมกำลังพร้อมกับสร้างเกราะวารีเพื่อลดอุณหภูมิ หากไม่ทำเช่นนั้นทุกครั้งที่ปะทะฝีดาบเขาก็จะโดนความร้อนเผาร่างกายไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เจ้าของเกราะเพลิงยังยืนนิ่งไม่เป็นอะไรเลย
อีกด้านหนึ่งซึฮากิที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับกองทัพศิษย์สำนักมนตร์ดำก็ได้ติดต่อไปหาซีโร่เพื่อแจ้งข้อมูลและการเคลื่อนไหวของศัตรู
“พวกมันไม่อยู่ที่สำนักแล้วสินะ แล้วเห็นพวกศิษย์อยู่แถวไหนบ้าง?”
“ฉันยังไม่เห็นเลย” ซีโร่วิ่งไปทั่วเพื่อหาทางออกให้ซึฮากิแต่รอบ ๆ สำนักกลับเงียบสงบอย่างกับป่าช้า
“งั้นเธอไปสมทบกับพวกเซนก่อนแล้วค้นของในสำนักให้ทั่ว”
“ตามนั้น”
ซึฮากิไม่ได้ถอดใจเพราะหาทางออกไม่เจอแต่เขากำลังตรวจจับเจอศัตรูจำนวนมากและยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับเขาอยู่อีกด้วย ถ้าหากซีโร่มาอาจจะกลายเป็นภาระแทนก็ได้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 34
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น