บทที่ 193: มีเรื่องเกิดขึ้นกับแม่ทัพจ้าว
มู่ไป๋ไป่เดินทำหน้าบึ้งตึงกลับมาที่ห้องของตัวเอง ทำให้หลัวเซียวเซียวกับเจ้าส้มที่รออยู่มองเห็นท่าทางของเธอแล้วคิดว่าแผนการของเธอล้มเหลว ดังนั้นพวกนางจึงรีบเอ่ยปากปลอบใจเธอ
“สำเร็จแล้ว!” คนตัวเล็กนั่งห้อยขาอยู่บนเก้าอี้ ในขณะที่ใบหน้าของเธอยังคงบูดบึ้งเหมือนเดิม “เซียวถังอี้ใช้เหยี่ยวส่งจดหมายให้ข้า”
“เหยี่ยวเป็นนกที่บินเร็วมาก มันจะสามารถบินไปถึงเมืองหลวงและส่งจดหมายให้ท่านแม่ได้เร็วที่สุดภายใน 7 วัน”
“องค์หญิงหก แล้วเหตุใดพระองค์ถึงดูไม่มีความสุขนักเพคะ?” หลัวเซียวเซียวเอ่ยถามขึ้นมาอย่างมึนงง
“เพราะท่านพ่อเป็นคนมอบเหยี่ยวตัวนั้นให้กับเซียวถังอี้!” มู่ไป๋ไป่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ “ฮึ่ม! หลังจากข้ากลับไปในครั้งนี้ ข้าจะทูลขอเหยี่ยวหล่อ ๆ จากท่านพ่อเช่นกัน”
“เป็นเพราะเหตุผลนี้น่ะหรือ?!” เจ้าส้มโผล่หัวออกมาตะคอกใส่เด็กหญิง “มู่ไป๋ไป่ นี่เจ้าโลภเกินไปหรือไม่ การที่มีข้าที่เป็นถึงแมวทรงเลี้ยงยังไม่เพียงพออีกหรือ เจ้ายังคิดจะเลี้ยงเหยี่ยวอีกหรืออย่างไร!”
“เจ้าบินได้หรือไม่ล่ะ?” มู่ไป๋ไป่เหลือบมองแมวอ้วนด้วยหางตา “เจ้าสามารถส่งจดหมายให้ข้าในช่วงเวลาวิกฤตได้หรือไม่?”
เจ้าแมวอ้วนนี่รู้จักแต่กิน!
แล้วคอยสร้างความเดือดร้อนให้เธอเท่านั้น!
เจ้าส้มถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกถามเช่นนั้น มีหลายครั้งที่มันอ้าปากอยากจะโต้เถียง แต่สุดท้ายมันก็ได้แต่หมอบตัวนอนบนเตียง
ขณะเดียวกัน ที่ค่ายทหารบริเวณชายแดน
มู่จวินเซิ่งควบม้าไปตลอดทาง แต่พอมาถึงประตูค่ายทหารเขาก็ถูกขวางเอาไว้
“คนที่มาเป็นใคร?!” ทหารที่ไม่คุ้นหน้า 2 นายได้ก้าวเข้ามายืนขวางผู้มาเยือน “แม่ทัพจ้าวมีคำสั่ง ประกาศกฎอัยการศึกห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออกจากค่าย”
กฎอัยการศึก?
จะเกิดสงครามเช่นนั้นหรือ?
มู่จวินเซิ่งระงับอารมณ์ต่าง ๆ ในใจ ก่อนจะหยิบแผ่นป้ายออกมาแล้วชูขึ้นต่อหน้าทหารทั้ง 2 “เบิกตาดูให้กว้างว่ารองแม่ทัพของพวกเจ้ากลับมาแล้ว!”
หลังจากเด็กหนุ่มพูดดังนั้น ขณะที่ทหาร 2 นายกำลังตื่นตระหนก เขาก็กระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในค่ายทหาร
ม้าของเขานั้นเป็นม้าดีและถูกเลี้ยงดูมาในค่ายทหาร ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวว่ามันจะหลงทางไปไหน
“รองแม่ทัพฉิน!” ก่อนที่เขาจะทันได้ก้าวเข้าไปด้านใน คนที่รู้จักเขาก็เข้ามาทักทาย “ในที่สุดรองแม่ทัพฉินก็กลับมาแล้ว!”
คนผู้นี้คือ ‘มู่หรงถิง’ กุนซือของกองทัพ
“กุนซือมู่หรง” เมื่อมู่จวินเซิ่งเห็นว่าเป็นบุคคลที่ตนรู้จัก เขาจึงเอ่ยปากทักทายอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ถามว่าแม่ทัพจ้าวอยู่ที่ไหน
“ข้ามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องรายงานต่อแม่ทัพจ้าว กุนซือมู่หรง ท่านช่วยพาข้าไปหาแม่ทัพจ้าวที!”
“นอกจากนี้ ทำไมจู่ ๆ ถึงมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในกองทัพ? นี่เรากำลังจะเริ่มทำสงครามกับหนานซวนแล้วหรือ?”
มู่หรงถิงมองชายตรงหน้าด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “รองแม่ทัพฉิน ท่านมากับข้าก่อนเถอะ แล้วข้าจะเล่ารายละเอียดให้ท่านฟัง”
เมื่อมู่จวินเซิ่งเห็นท่าทีของอีกฝ่ายเช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว เขาคิดว่าเรื่องอาจจะซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
ในไม่ช้าเขาก็เดินตามมู่หรงถิงเข้าไปในกระโจมที่ไร้ผู้คน
ระหว่างนั้นเขาก็เห็นอีกฝ่ายสั่งทหารที่อยู่ข้างนอกให้เฝ้ากระโจมไม่ให้ใครเข้ามาใกล้
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มู่หรงถิงก็คุกเข่าลงต่อหน้ามู่จวินเซิ่งพร้อมกับพูดว่า “รองแม่ทัพฉิน ข้ามีความผิด โปรดลงโทษข้าด้วย!”
จู่ ๆ ชายคนนี้ก็คุกเข่าลง เด็กหนุ่มจึงตกใจแล้วรีบเข้าไปพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น “กุนซือมู่หรง ถ้ามีอะไรเราก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาพูดจากันให้เข้าใจก่อน”
มู่หรงถิงอายุน้อยกว่าแม่ทัพจ้าวเพียงไม่กี่ปี อีกฝ่ายนับได้ว่าอาวุโสกว่ามู่จวินเซิ่ง นอกจากนี้เขาก็เป็นเหมือนผู้ใหญ่อีกคนที่ช่วยดูแลเด็กหนุ่มจนเติบใหญ่ในทุกวันนี้
แต่ไม่ว่ามู่จวินเซิ่งจะดึงอีกฝ่ายอย่างไร เจ้าตัวก็ไม่ยอมลุกขึ้น เขายังคงยืนกรานที่จะคุกเข่าอยู่บนพื้นและพูดจนจบ
เด็กหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งร่วมกับมู่หรงถิง นี่เป็นการทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“กุนซือมู่หรง เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงมีทหารไม่คุ้นหน้ามากมายในกองทัพของเรา ปีนี้สิ้นสุดการรับสมัครทหารใหม่แล้วไม่ใช่หรือ?”
“แล้วแม่ทัพจ้าวอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ข้ากลับมาข้ายังไม่เห็นหน้าแม่ทัพจ้าวเลย”
“ท่านรองแม่ทัพฉิน… แม่ทัพจ้าวถูกคนของแคว้นหนานซวนจับตัวไป” มู่หรงถิงปาดน้ำตา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กัดฟันกล้ำกลืนความอับอายและพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
“อะไรนะ!?” มู่จวินเซิ่งตกใจมาก “ท่านกำลังจะบอกว่าแม่ทัพจ้าว… เป็นไปไม่ได้! แม่ทัพจ้าวเป็นคนที่มีวรยุทธสูงมาก ครั้งหนึ่งเขาเคยต่อสู้กับคนของแคว้นหนานซวนในทะเลทรายเป็นเวลา 7 วัน 7 คืนเพียงลำพัง เขาจะถูกจับตัวไปได้อย่างไร…”
“เป็นเรื่องจริง!” มู่หรงถิงปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ เขาติดตามแม่ทัพจ้าวมานานหลายปีและได้เห็นความกล้าหาญของอีกฝ่ายมานับไม่ถ้วน มันเป็นเรื่องปกติที่เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนผู้นั้นจะถูกจับตัวไป แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขาได้เห็นมันกับตาตัวเองเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเลือกใช้คำว่า ‘ถูกจับตัวไป’ นับว่าเป็นคำพูดที่เบาลงแล้ว
“นับตั้งแต่ท่านออกจากค่ายทหารไปไม่กี่วันหลังจากนั้น เมืองชายแดนก็ไม่สงบสุขอีกต่อไป ในเมืองเกิดเหตุการณ์เด็กหายตัวไปทีละคน ท่านเจ้าเมืองก็ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ดังนั้นชาวบ้านจึงมาขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพจ้าว”
“ท่านก็รู้นิสัยของแม่ทัพจ้าวเป็นอย่างดี เขารักประชาชนทุกคนในเมืองเหมือนลูกเหมือนหลานของตนเอง”
“เขาจะทนนิ่งเฉยมองพ่อแม่ที่ต้องมาสูญเสียลูกไปเฉย ๆ ได้อย่างไรกัน”
“ดังนั้นเขาจึงพาคนไปตามหาเบาะแส”
“เมื่อ 3 วันก่อน แม่ทัพจ้าวค้นพบเบาะแสแล้วว่าเด็กพวกนี้ถูกคนของแคว้นหนานซวนจับตัวไป ดังนั้นเขาจึงให้ข้าและพลทหาร 100 นายมุ่งหน้าไปยังที่ซ่อนตัวของชาวหนานซวน”
“แล้วจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้น…”
“ในตอนแรก เราสังเกตเห็นว่าคนของแคว้นหนานซวนเหมือนไม่ได้ระวังตัว พวกมันพยายามวิ่งหนีไปเหมือนแมลงวันไร้หัว”
“แต่ต่อมาสถานการณ์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จู่ ๆ ก็มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับแม่ทัพจ้าว”
มู่จวินเซิ่งที่ได้ฟังเริ่มรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีในใจ เขากำหมัดแน่นในขณะที่เอ่ยปากถามออกไปว่า “ท่านหมายความว่าเช่นไร มีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ?”
“แม่ทัพจ้าวเริ่มโจมตีคนของเราเอง” มู่หรงถิงหลับตาลงแล้วกัดฟันพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ทหารม้าครึ่งหนึ่งของเราที่ติดตามไปด้วยในวันนั้นได้รับบาดเจ็บ ทุกคนได้รับบาดเจ็บพร้อมแม่ทัพจ้าว”
“ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ยังต้องนอนพักอยู่ในกระโจมหมอ”
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก แล้วเขาก็นึกถึงคนที่ติดพิษในจวนตระกูลจินขึ้นมาทันที
“ในตอนที่แม่ทัพจ้าวโจมตีคนของเราเอง ท่านสังเกตเห็นอะไรที่ผิดปกติไปหรือไม่?”
จากนั้นเขาก็เล่าถึงอาการของคนที่ถูกวางยาพิษในจวนตระกูลจินให้อีกฝ่ายฟัง “เขาเป็นเช่นนี้หรือไม่?”
กุนซือมู่หรงเหม่อมองคนพูดแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพมีอาการเหมือนที่ท่านพูดจริง ๆ แต่มันก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว รองแม่ทัพฉินรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เรามาพูดถึงเรื่องตอนนี้ก่อน” มู่จวินเซิ่งบอกปัดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีก แม่ทัพจ้าวถูกคนของแคว้นหนานซวนจับตัวไปหรือไม่?”
มู่หรงถิงพยักหน้าแล้วก็ส่ายหัว “ต่อมา คนของเราไม่สามารถเอาชนะแม่ทัพจ้าวได้ จึงได้พากันถอยทัพและทันทีที่คนของแคว้นหนานซวนหนีไป ข้าก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ”
“จากนั้น… แม่ทัพจ้าวก็ติดตามคนของแคว้นหนานซวนขึ้นม้าไป”
“ตอนนั้นข้าเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ข้าพยายามไล่ตามเขาไปได้ไม่กี่ 10 ลี้ก่อนที่จะหมดแรงแล้วสลบไป”
“พอตื่นขึ้นมาอีกทีข้าก็กลับมาที่ค่ายทหารแล้ว”
“เรื่องนี้มีผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้นข้าจึงแอบเรียกนายกองหลายคนมาเพื่อหารือว่าจะรับมือเช่นไรดีโดยอ้างว่าแม่ทัพจ้าวถูกจับตัวไป”
“สุดท้ายแล้วเราก็ตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกชั่วคราว”
“สำหรับทหารหน้าใหม่ที่ท่านพูดถึง พวกเขาเป็นทหารใหม่ที่เข้ามาแทนที่ทหาร 100 นายที่เราสูญเสียไป”
“รองแม่ทัพฉิน แม่ทัพจ้าวสั่งสอนท่านเพื่อให้ท่านเป็นผู้สืบทอดตั้งแต่ที่เขามีชีวิตอยู่ ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเราควรทำอย่างไรกันดี?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 78
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น