บทที่ 110 คทาอันใหม่
บทที่ 110 คทาอันใหม่
โดยปกติการตีบวกอุปกรณ์จะต้องทำในสถานที่ที่มีเตาหลอมเท่านั้น แต่แท่นบูชาในวิหารเทพอสูรมันก็มีฟังก์ชั่นของเตาหลอมติดตั้งเอาไว้ด้วย
อาซันนิสท์สตาฟ, เครื่องประดับ 4 ชิ้นและแร่ 2 ก้อน หลอมรวมกันอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากที่มันได้เปล่งประกายแสงสีแดง อาซันนิสท์สตาฟก็ปรากฏบนแท่นบูชาอีกครั้ง
ระบบ: อัปเกรดอุปกรณ์สำเร็จ
ลู่หยางหยิบอาซันนิสท์สตาฟขึ้นมาดู
อาซันนิสท์สตาฟ (ระดับทอง)
พลังโจมตี 4-8
พลังกาย +2
สติปัญญา +10
พลังโจมตีเวท +25
อัตราคริติคอลทางเวทมนตร์ +12%
อัตราความแม่นยำทางเวทมนตร์ +12%
สกิลประจำอุปกรณ์ ไฟร์วอลล์
ช่องใส่อัญมณี +1
ช่องใส่อัญมณีคือสิ่งที่เขาต้องการ ชายหนุ่มจึงหยิบอัญมณีสติปัญญาออกมาจากกระเป๋าและทำการติดตั้งมันลงไปในคทาของเขาในทันที และมันก็ทำให้ค่าสติปัญญาของอาซันนิสท์สตาฟเพิ่มขึ้นเป็น 16 หน่วย
ชายหนุ่มทำการสวมใส่อาซันนิสท์สตาฟอีกครั้งทำให้ค่าสติปัญญาของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 172 หน่วย ขณะเดียวกันดีวายไฟร์สตาฟต้องการค่าสติปัญญา 200 หน่วยในการสวมใส่ หรือมันก็หมายความว่าเขายังขาดค่าสติปัญญาอีก 28 แต้มจึงจะติดตั้งคทาชิ้นใหม่ได้
ลู่หยางพยายามกลั้นความตื่นเต้นของตัวเองไว้ และในคราวนี้เขาก็ได้วางเสื้อคลุมลงบนแท่นบูชาเทพอสูรพร้อมกับเครื่องประดับและแร่เหล็กดำเช่นเดิม
30 วินาทีต่อมาการอัปเกรดก็ประสบผลสำเร็จ ลู่หยางจึงทำการติดตั้งอัญมณีสติปัญญาลงในเสื้อคลุม…
ครึ่งชั่วโมงต่อมาชายหนุ่มทำการตีบวกไปทั้งสิ้นหกครั้งพร้อมกับทำการติดตั้งอัญมณีสติปัญญาทั้งสิ้นหกชิ้น ตอนนี้ค่าสติปัญญาของเขาจึงเพิ่มขึ้นถึง 202 หน่วยแล้ว ซึ่งมันก็ผ่านข้อกำหนดขั้นต่ำที่จะสวมใส่ดีวายไฟร์สตาฟได้
ดีวายไฟร์สตาฟ (ระดับกึ่งตำนาน)
เลเวล 30
พลังโจมตีกายภาพ 15-62
พลังกาย +22
สติปัญญา +57
พลังโจมตีเวท +102
รายละเอียด พระเจ้ารักมนุษย์ พระองค์มักให้ความช่วยเหลือสูงสุดแก่ผู้คนอยู่เสมอ หากท่านเคารพบูชาพระองค์และถวายศรัทธาอันแรงกล้า ท่านจะได้รับความเมตตาจากพระเจ้า
ลู่หยางกลืนน้ำลายขณะทำการติดตั้งคทาอันใหม่ลงไปในช่องอาวุธ
ระบบ: สวมใส่อุปกรณ์สำเร็จ
ชั่วพริบตาคทาภายในมือของลู่หยางก็แผ่รัศมีสีแดงสด, ปลายไม้เท้าเป็นคริสตัลสีแดงทรงหกเหลี่ยม, ด้ามจับถูกสร้างขึ้นมาจากไม้สีแดงที่ไม่รู้จักและมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าไม้ท่อนนี้เป็นไม้ที่ถูกหักมาจากก้านโดยตรง เพราะมันไม่มีร่องรอยของการตัดแต่งใด ๆ เพิ่มเติมเลย
ลู่หยางทำการตรวจสอบค่าสถานะของตัวเองใหม่อีกครั้ง และมันก็ทำให้เขาเห็นว่าตอนนี้ค่าสติปัญญาเพิ่มขึ้นมาเป็น 213 หน่วย ขณะที่พลังโจมตีเวทเพิ่มขึ้นมาในระดับ 382 หน่วย ซึ่งมันอยู่ในระดับที่น่ากลัวมาก
หากเมื่อก่อนลู่หยางต้องใช้เวลา 12 วินาทีในการเผาพวกซอมบี้ด้วยไฟร์วอลล์ ตอนนี้เขาก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาเพียงแค่ 8 วินาทีเท่านั้นในการจัดการกับซอมบี้ฝูงเดิม
การที่เขาลดระยะเวลาการสังหารมอนสเตอร์ได้ถึง 1 ใน 3 มันก็หมายความว่าการเก็บเลเวลของเขาหลังจากนี้มันก็จะเพิ่มขึ้นไปเร็วกว่าเดิมด้วย
ด้วยการติดตั้งดีวายไฟร์สตาฟต่อไปเวลาลงดันเจียนพลังโจมตีของลู่หยางก็สามารถทดแทนการโจมตีของผู้เล่นคนอื่นได้ถึงห้าคน ไม่ว่าจะเป็นดันเจียนไหน ๆ เขาก็สามารถนำทีมผ่านพ้นมันไปได้อย่างแน่นอน อีกไม่นานทีมของเขาก็จะมีอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งกว่าทีมชั้นยอดของกิลด์อื่น ๆ และในเวลานั้นเขาก็จะสามารถดึงดูดผู้เล่นชั้นยอดอย่างฉิงชางให้มาเข้าร่วมกิลด์ของเขาเพิ่มเติมได้
“หัวหน้า ผมเลเวล 10 แล้วครับ” ซุนหยูทักเข้ามาทางข้อความ
“เร็วดีนี่” ลู่หยางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้า ช่วงนี้คุณไม่ค่อยขยันเก็บเลเวลเลยนะครับ ระวังจะถูกผมแซงเอานะ” ซุนหยูกล่าวพร้อมกับส่งอิโมจิเผยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ลู่หยางก็ยิ่งรู้สึกสนิทสนมกับซุนหยูมากขึ้นเท่านั้น และมันก็คงจะมีเพียงแต่เด็กหนุ่มคนนี้ที่กล้าพูดเล่นกับเขา
“ถ้าอยากจะแซงฉัน นายก็ต้องพยายามให้หนักกว่านี้หน่อย เพราะพรุ่งนี้ความเร็วในการเก็บเลเวลของฉันมันจะเร็วกว่าตอนที่เราเก็บเลเวลด้วยกันไม่น้อยกว่าสองเท่า” ลู่หยางตอบ
“หา?” ซุนหยูทำได้เพียงแต่กระพริบตาปริบ ๆ เพราะในช่วงที่ลู่หยางพาพวกเขาไปเก็บเลเวลเป็นช่วงเวลาที่เขาได้รับค่าประสบการณ์อย่างรวดเร็วที่สุดแล้ว แต่ลู่หยางกลับบอกว่าพรุ่งนี้อีกฝ่ายจะเก็บเลเวลเร็วกว่าตอนนั้นเป็นสองเท่า เด็กหนุ่มจึงรีบถามกลับไปด้วยท่าทางที่ตกใจ
“หัวหน้า คุณทำได้ยังไง?”
“หลังจากเจอกันเดี๋ยวนายก็รู้เอง” ลู่หยางตอบ
ความจริงเลเวลของลู่หยางใกล้จะถึงเลเวล 12 แล้ว และในพรุ่งนี้มันก็มีโอกาสสูงมากที่เลเวลของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 13
“แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะไปพักแล้ว” ลู่หยางตัดบทก่อนที่เขาจะแชร์ภาพหน้าจอแสดงค่าประสบการณ์ของตัวเองไปแกล้งเด็กหนุ่ม
เมื่อซุนหยูเห็นภาพที่ลู่หยางส่งมา มันก็ถึงกับทำให้เขาพูดไม่ออก เด็กหนุ่มจึงเงยหน้ามองฉิงชางและเหมาชิวที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับพูดว่า
“พวกนายไปพักกันก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะเก็บเลเวลต่ออีกสักหน่อย”
“นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะ เอาไว้มาต่อพรุ่งนี้เถอะ” เหมาชิวกล่าว
“ลู่หยางมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ฉิงชางถามอย่างเป็นห่วง เพราะในตอนนี้ประกาศราคาค่าหัวของบลัดไทแรนท์ทำให้ผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์กำลังพยายามตามล่าลู่หยางอยู่
ถึงแม้พวกเขาจะรู้จักกันได้เพียงแค่ไม่นาน แต่ฉิงชางและพวกเหมาชิวก็รู้สึกว่านักเวทหนุ่มเป็นคนดีมีน้ำใจ หากลู่หยางต้องเจอกับปัญหาจริง ๆ พวกเขาก็ตัดสินใจกันแล้วว่าแม้จะต้องเป็นศัตรูกับบลัดไทแรนท์ แต่พวกเขาก็จะยืนเคียงข้างสหายคนนี้
เอ็ม 16, ไนท์มูนและเครซี่เบลดต่างก็มองมาด้วยความเป็นห่วง
“มันไม่มีอะไรจริง ๆ เพียงแต่หัวหน้าบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะเก็บเลเวลได้เร็วกว่าตอนที่พาพวกเราไปเก็บเลเวล 2 เท่า ฉันแค่กลัวว่าตัวเองจะเก็บเลเวลไม่ทันเลยคิดจะเก็บเลเวลต่อเพิ่มอีกสักหน่อย” ซุนหยูกล่าว
“มันเร็วกว่านั้นได้อีกเหรอ!?” ฉิงชางพูดอย่างตกใจ
“ไม่รู้ว่าหัวหน้าไปเจอจุดฆ่ามอนสเตอร์ที่ไหนใหม่อีกน่ะสิ เมื่อกี้เขาเพิ่งส่งภาพหน้าจอมาให้ฉัน ค่าประสบการณ์ของเขามันใกล้จะถึงเลเวล 12 แล้ว” ซุนหยูกล่าวพร้อมกับแชร์ภาพไปให้พวกฉิงชางดู
“ไม่ได้การล่ะ ฉันขอเล่นต่ออีก 2 ชั่วโมง” ฉิงชางกล่าว
“ฉันเอาด้วย”
“ฉันก็เอาด้วยเหมือนกัน”
…
พวกฉิงชางเลือกที่จะเก็บเลเวลต่อไปอีก 2 ชั่วโมง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาคิดว่าการเก็บเลเวลหลังเลเวล 10 ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากมากนัก เพราะการสังหารโทรลล์เลเวล 15 ทำให้ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์จากการท้าทายมอนสเตอร์ข้ามเลเวล
อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขามีเลเวลถึงเลเวล 10 แล้ว ทุกคนก็ได้รู้ว่าค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้ในการเลื่อนเลเวลเป็น 11 มีปริมาณมากถึง 200,000 หน่วย ซึ่งมันมากกว่าปริมาณค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้จากเลเวล 9 ไปเลเวล 10 ถึงสองเท่า
เมื่อได้เห็นลู่หยางยังไม่ได้มีความก้าวหน้าทางด้านเลเวลมากเท่าไหร่นัก ทุกคนต่างก็คิดว่าพวกเขาจะเก็บเลเวลทันลู่หยางได้ในเร็ว ๆ นี้ อย่างน้อยตอนที่อีกฝ่ายมีค่าประสบการณ์อยู่ปลายเลเวล 12 พวกเขาก็น่าจะมีเลเวลขึ้นถึง 12 พอดี ในเวลานั้นพวกเขาค่อยไปลงดันเจียนด้วยกัน
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ลู่หยางก็ใกล้จะมีเลเวลถึง 12 แล้ว และความเร็วในการเก็บเลเวลของอีกฝ่ายก็กำลังจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่า พวกเขาซึ่งเป็นผู้เล่นชั้นยอดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีจึงไม่อยากจะถูกทิ้งระยะห่างจากลู่หยางมากจนเกินไปนัก
อีกด้านหนึ่งลู่หยางก็ไม่รู้ตัวเลยว่าการกระตุ้นของตัวเองทำให้พวกฉิงชางมีแรงฮึดในการเก็บเลเวลมากกว่าชาติที่แล้ว หลังจากชายหนุ่มถอดหมวกเล่นเกม เขาก็ได้พบกับสามพี่น้องที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอาหาร
“พี่ลู่หยางมากินข้าวได้แล้วค่ะ” ฮั่นอิ่งพูดอย่างดีใจหลังจากได้เห็นลู่หยางถอดหมวกเกม
ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนที่เขาจะเลือกเดินไปยังห้องนอนของพ่อก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อได้เห็นฮั่นจงนอนอยู่บนเตียงเขาจึงเอ่ยถามไปว่า
“อาจารย์เป็นยังไงบ้างครับ?”
“พ่อทนเหนื่อยไม่ไหวเลยขอนอนพักไปก่อนค่ะ” ฮั่นอิ่งกล่าว
ลู่หยางถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะท้ายที่สุดอาจารย์ก็ต้องต่อสู้กับศัตรูพร้อม ๆ กับดูแลลูก ๆ ทั้งสามคนไปด้วย เหตุการณ์นี้ดำเนินไปนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว คนนอกย่อมไม่อาจจินตนาการได้ว่าความยากลำบากที่ทั้งสี่คนต้องเผชิญหน้าในก่อนหน้านี้มันสร้างภาระให้กับพวกเขามากเพียงใด
“ถ้างั้นเราก็ไปกินข้าวกันเถอะ ระหว่างกินฉันจะได้บอกเทคนิคในเกมให้พวกเธอฟังด้วย” ลู่หยางกล่าว
สามพี่น้องต่างก็แสดงสีหน้าออกมาอย่างยินดี ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาก็กินข้าวไปพร้อม ๆ กับฟังลู่หยางอธิบายความรู้ภายในเกม เมื่อเวลาค่อย ๆ ล่วงเลยผ่านไปจนดึกมากแล้ว ทุกคนจึงถูกลู่หยางไล่ไปนอนอย่างไม่ค่อยเต็มใจมากนัก
ตอนดึก
ฮั่นเฟยนอนบนโซฟาอย่างกระสับกระส่าย เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีโอกาสได้เล่นเกมมาก่อน การได้สัมผัสกับเกมเป็นครั้งแรกจึงทำให้เขารู้สึกหลงใหลจนคิดถึงแต่เรื่องในเกมตลอดเวลา
เด็กหนุ่มหันไปมองลู่หยางที่นอนอยู่บนพื้นพร้อมกับถามว่า
“พี่ลู่หยางเล่าเรื่องในเกมให้ผมฟังอีกหน่อยได้ไหมครับ?”
ฮั่นอวี่ก็นอนไม่หลับ เมื่อได้ยินฝาแฝดพูดขึ้นมาเขาจึงเริ่มพูดเสริมขึ้นมาด้วย
“พี่ลู่หยาง ผมก็อยากฟังเหมือนกัน”
ลู่หยางยกมือขึ้นมาหนุนหัวพร้อมกับมองไปที่เพดาน จากนั้นเขาก็พูดว่า
“ก็ได้ ฉันจะบอกกฎที่สำคัญที่สุดของเกมให้พวกนายฟัง”
“กฎอะไรครับ?!” ทั้งสองคนถามพร้อมกัน
“กฎก็คือผู้เชี่ยวชาญในเกมนี้จำเป็นจะต้องมีสภาวะจิตใจที่ดีตลอดเวลา ดังนั้นพวกนายไปนอนกันได้แล้ว” ลู่หยางกล่าว
สองฝาแฝดทำได้เพียงแต่ทิ้งตัวลงนอนอย่างผิดหวัง แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังคงนอนตามคำสั่งของพี่ชายคนใหม่อยู่ดี
555555 สนุกมากจนนอนไม่หลับเลย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 45
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น