บทที่ 129: ไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ
“เต็มแล้ว?” อวี้เซิ่งขมวดคิ้ว “เจ้าหมายถึงอะไร?”
“ฮุ ๆ” คนเฝ้าประตูยิ้มพลางถูมือตัวเองเบา ๆ “ศาลาหมื่นอสูรของเราเพิ่งรับเถ้าแก่คนใหม่มาเมื่อไม่กี่วันก่อน”
“เถ้าแก่คนใหม่ได้ออกกฎเอาไว้แล้ว”
“ในทุก ๆ วัน ศาลาหมื่นอสูรจะรับแขกเพียง 20 โต๊ะเท่านั้น”
“น่าเสียดาย ก่อนที่ท่านทั้ง 2 จะมาถึง โต๊ะก็เต็มแล้ว”
“เชิญท่านทั้ง 2 ไปที่อื่นเถอะ”
ขณะนั้นอวี้เซิ่งกับเซียวถังอี้สบตากันเพียงเสี้ยวอึดใจ
เขาไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมคนจากศาลาหมื่นอสูรถึงกล้าไปก่อเรื่องใกล้วัดฮู่กั๋ว ที่แท้พวกเขาก็มีเจ้านายคนใหม่แล้วนี่เอง
“เราขอเพิ่มโต๊ะไม่ได้หรือ?” อวี้เซิ่งหยิบเงินออกมาแล้วยื่นให้อีกฝ่าย “ข้าอยากเข้าไปดูความตื่นเต้นสักหน่อย รบกวนพี่ชายทั้ง 2 ช่วยเตรียมการให้ข้าที”
“นี่…” คนเฝ้าประตูทั้ง 2 มองเงินในมือของชายตรงหน้าอย่างละโมบพร้อมกับแสดงท่าทีลังเล
“ยุ่งยากจริง” เซียวถังอี้พ่นลมหายใจก่อนจะขยับปลายนิ้วเพียงเล็กน้อย ในไม่ช้าเข็มเงินก็พุ่งออกจากแขนเสื้อของเขาและแทงไปที่คอของเป้าหมายโดยตรง
จากนั้นคนเฝ้าประตูทั้ง 2 ก็เหมือนเป็นอัมพาตไม่สามารถพูดหรือเคลื่อนไหวได้ พวกเขาทำได้เพียงจ้องมองเซียวถังอี้กับอวี้เซิ่งเดินเข้าไปด้านในด้วยดวงตาเบิกโพลง
“คุณชายเซียว ข้าขอเตือนท่านว่าที่นี่คือศาลาหมื่นอสูรไม่ใช่โรงพนันใต้ดินในเมืองหลวง”
“ในอาณาเขตของผู้อื่น อย่างน้อยท่านควรยั้งมือไว้ไมตรีกันหน่อย”
เด็กหนุ่มเหลือบมองคนพูดและถามว่า “แค่นี้ข้ายังควบคุมตัวเองได้ไม่ดีพออีกหรือ?”
“...”
เฮ้อ…
อวี้เซิ่งรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้อาจจะมีความเข้าใจผิดบางอย่างเกี่ยวกับคำว่า ‘การยับยั้งชั่งใจ’
โครงสร้างของศาลาหมื่นอสูรนั้นซับซ้อนมาก หากไม่มีคนคอยนำทาง คนที่ไม่เคยมาก็จะหลงทางได้ง่าย
ชายทั้ง 2 สังเกตเห็นปัญหานี้ได้หลังจากเดินผ่านทางเดินเดียวกันมาไม่ทราบจำนวนครั้ง แล้วสีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
“ค่ายกลนี้คล้ายกับค่ายกลในหลุมศพหมู่มาก” เซียวถังอี้แสดงความคิดเห็น “ท่านรู้ที่มาของเถ้าแก่ศาลาหมื่นอสูรคนก่อนหรือไม่?”
อวี้เซิ่งส่ายหัวเป็นคำตอบ
แม้ว่าเขาจะเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่ง 1 ของแคว้นเป่ยหลง แต่ปกติเขามักจะอยู่เคียงข้างมู่เทียนฉงเพื่อจัดการเรื่องภายในราชสำนักตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทางด้านเซียวถังอี้เองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศาลาหมื่นอสูรมากนัก
“หึ ๆ น่าสนใจ” เด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วลูบคางตัวเองพลางหัวเราะเบา ๆ “พี่อวี้เซิ่ง ดูเหมือนว่าในครั้งนี้เราจะทำเงียบ ๆ ไม่ได้แล้ว”
นักฆ่าหนุ่มพูดไม่ออกและได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง “ข้าคิดเอาไว้นานแล้วว่าถ้าออกมาข้างนอกกับท่านคงทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจไม่ได้”
เซียวถังอี้ยกยิ้มมุมปาก และหัวเราะในลำคอเบา ๆ จากนั้นก็ลูบนิ้วผ่านเอว ทันใดนั้นก็มีแสงเย็น ๆ ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“ในเมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ เราก็มาเจาะมันเข้าไปดีกว่า”
“ข้าไม่มีความอดทนมากพอที่จะแก้ไขค่ายกลนี้หรอกนะ”
หลังจากพูดจบเด็กหนุ่มก็ใช้กำลังภายในทั้งหมดเหวี่ยงกระบี่ไปทางกำแพงที่ขวางเขาเอาไว้
…
อีกด้านหนึ่ง พวกมู่ไป๋ไป่แทบจะรักษาท่าทีสงบนิ่งไม่ได้หลังจากเดินตามเสี่ยวเอ้อร์เข้ามาในห้องส่วนตัว
ระหว่างทางที่เดินเข้าไป เสี่ยวเอ้อร์ได้แนะนำเกี่ยวกับสัตว์หายากที่จะนำมาประมูลในคืนนี้สั้น ๆ
“เจ้าตัวโตอยู่ข้างใน” มู่ไป๋ไป่บีบมือตัวเองด้วยความรู้สึกกังวลและมีความสุขในเวลาเดียวกัน “พวกเจ้าได้ยินหรือไม่? เสี่ยวเอ้อร์เพิ่งบอกว่ามีหมาป่าที่ถูกล่ามาจากภูเขา”
“นั่นคงจะเป็นเจ้าตัวโต”
“ใช่!” จื่อเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย “ตอนที่ข้าเข้ามา ข้าได้กลิ่นเจ้าตัวโต มันอยู่ที่นี่!”
“ยอดไปเลย” หลัวเซียวเซียวยิ้มด้วยความโล่งใจ “ดูเหมือนว่าเจ้าตัวโตจะยังมีชีวิตอยู่ แล้วเราก็ไม่ได้มาผิดที่”
เมื่อเสิ่นจวินเฉาเห็นว่าทั้ง 3 คนมีความสุขมากเพียงใดที่รู้ว่าสหายของตนยังมีชีวิตอยู่ เขาก็หัวเราะออกมาเช่นกัน “ดูเหมือนว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิด ตราบใดที่เราสามารถซื้อเจ้าตัวโตมาได้สำเร็จ เราก็จะออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย”
“ใช่แล้ว! เงิน!” มู่ไป๋ไป่หยิบตั๋วแลกเงินที่เธอเก็บเอาไว้จากการขายผลเพลิงสีชาดออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว “พี่จวินเฉา ข้าขอมอบตั๋วแลกเงินพวกนี้ให้แก่ท่าน ท่านสามารถเรียกราคาได้เต็มที่ เราจะซื้อเจ้าตัวโตกลับมา!”
“ข้าเองก็เตรียมเงินมาด้วยเหมือนกัน!”
“ข้าด้วย!”
หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงหยิบเงินส่วนตัวของตัวเองออกมาวางไว้บนโต๊ะร่วมกับองค์หญิงหก
ขณะนี้ดวงตากลมโต 3 คู่กำลังจับจ้องไปที่คุณชายเสิ่นเป็นตาเดียว
จู่ ๆ เด็กชายก็รู้สึกว่างานของเขานั้นยุ่งยากมากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงฆ้องดังขัดจังหวะ แล้วหน้าต่างภายในห้องก็ถูกเปิดออก
มู่ไป๋ไป่มองไปรอบ ๆ และพบว่าห้องส่วนตัวของพวกเธออยู่บนชั้น 2 ส่วนด้านล่างเป็นลานกว้าง
ในพื้นที่เปิดโล่ง กรงเหล็กหนัก 2 ใบมีกลิ่นเลือดรุนแรงโชยออกมาจากภายใน
“นั่นคือเจ้าตัวโต!” จมูกของจื่อเฟิงขยับเล็กน้อยแล้วเขาก็ชี้ไปที่กรงเหล็กทางด้านซ้ายทันที จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับมู่ไป๋ไป่อย่างเป็นกังวล “เจ้าตัวโตอยู่ตรงนั้น มันกำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส”
เด็กหญิงเหลือบมองอีกฝ่าย ก่อนจะพยายามเพ่งสายตามองหมาป่าสีเทาที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดซึ่งกำลังนอนอยู่ในกรง
แล้วลมหายใจของเธอก็สะดุด
นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวโตมีสภาพย่ำแย่กว่าตอนที่เธอพบมันครั้งแรกด้วยซ้ำ
“คุณหนู แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?” บัดนี้จื่อเฟิงกังวลมาก “ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้าตัวโตกำลังโกรธมาก ตอนนี้มันเสียเลือดไปมากแล้ว”
“เราต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือมัน”
มู่ไป๋ไป่พยายามระงับอารมณ์ในใจของตัวเอง ก่อนจะยิ้มปลอบใจเขา “ใจเย็น ๆ ท่านใจเย็น ๆ ก่อนนะ ไม่เป็นไร เราจะช่วยเหลือเจ้าตัวโตได้ในไม่ช้า”
“ขอเพียงเราอดทนประมูลแข่งราคากับคนอื่นแล้วจ่ายเงิน เราจะสามารถพาเจ้าตัวโตออกไปได้อย่างปลอดภัย”
หลังจากจื่อเฟิงได้ยินสิ่งที่คนตัวเล็กพูด สุดท้ายเขาก็จำใจต้องสงบลง
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน การประมูลในวันนี้ที่ศาลาหมื่นอสูรมีกลเม็ดใหม่เข้ามา” ชายหนุ่มรูปงามปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่เปิดโล่งด้านล่าง
ชายคนนั้นมีดวงตาที่งดงามคล้ายกับสีดอกท้อ เมื่อมองจากระยะไกล เขาดูไม่ต่างจากสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
“ข้าได้ยินมาว่าศาลาหมื่นอสูรมีเถ้าแก่คนใหม่ วิธีการช่างแตกต่างไปจากเมื่อก่อนจริง ๆ”
“กลเม็ดใหม่นี้คืออะไรกัน? รีบบอกมาเร็วเข้า อย่าให้ข้าต้องเสียเวลารอ!”
“ใช่ ๆ อย่ามาพูดยืดเยื้อนะ!”
หลังจากนั้นก็มีเสียงตะโกนดังมาจากทุกทิศทาง ซึ่งมู่ไป๋ไป่เพิ่งตระหนักได้ว่าจริง ๆ แล้วยังมีผู้คนมากมายอยู่รอบตัวเธอ เพียงแต่พวกเขาถูกแยกออกจากกันด้วยห้องส่วนตัว
นั่นทำให้คนตัวเล็กรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ทุกท่านได้โปรดอดใจรอสักครู่” ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวพร้อมกับเหยียดยิ้มมุมปาก “แขกผู้มีเกียรติทุกท่านล้วนเป็นลูกค้าเก่าแก่ของศาลาหมื่นอสูร”
“การประมูลในวันนี้ล้วนเป็นเพียงการแสดงที่ข้ามอบให้แก่ลูกค้าเก่าของเราทุกคน”
พอพูดจบเขาก็ปรบมือเป็นสัญญาณ
จากนั้นก็มีคนเดินเข้ามาผลักกรงทั้ง 2 ใบไปยังจุดที่สว่างที่สุดตรงกลาง
คราวนี้มู่ไป๋ไป่เห็นได้ชัดเจนว่ามีเสืออยู่ในกรงอีกใบ แม้ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บมากมาย แต่สภาพของมันก็ยังดูดีกว่าเจ้าตัวโตมาก
“สัตว์ 2 ตัวนี้จะขายเพียงตัวเดียวเท่านั้น” ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพูดขึ้น “ส่วนอีกตัวจะต้องตายอยู่ที่นี่”
ผู้คนที่อยู่ในห้องชั้นบนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“นี่หมายความว่าจะมีการต่อสู้ให้ดูอย่างนั้นหรือ?”
“เราควรเดิมพันกันดีหรือไม่ ข้าอยากเดิมพันว่าเสือจะชนะ”
“ข้าคิดว่าหมาป่าสีเทาตัวนั้นหน่วยก้านดีเลยทีเดียว เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าสุนัขจนตรอกมันจะกัดไม่เลือก อย่าได้ประมาทมันเชียว”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 80
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น