บทที่ 36 ของขวัญล้ำค่าจากก็อบลิน
บทที่ 36 ของขวัญล้ำค่าจากก็อบลิน
“ฮู้! ในที่สุดก็ปลอดภัยแล้ว” บีเซลค่อมตัวลงไปใช้มือจับหัวเข่าเอาไว้ ขณะที่บนใบหน้ายังคงมีร่องรอยของความตื่นตระหนก
ทันใดนั่นเองก็มีก็อบลินชรานำกองกำลังเดินมาจากระยะไกล โดยก็อบลินคนนี้มีความสูงราว 90 เซนติเมตร บนใบหน้ามีริ้วรอยอยู่อย่างมากมาย ผิวพรรณมีสีเขียวเข้มมากกว่าก็อบลินหนุ่ม ใต้ตามีรอยคล้ำแต่มันก็ยังให้ความรู้สึกว่าเขาคนนี้ผ่านพ้นประสบการณ์ดีร้ายมาอย่างมากมาย สีหน้าของก็อบลินชราเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
แต่เมื่อเขาได้เห็นบีเซลปรากฏตัวขึ้นมา ก็อบลินชรากลับรีบเดินเข้ามาด้วยแววตาแห่งความตื่นตกใจ
“บีเซล! นายไม่ได้ออกไปขายสินค้างั้นเหรอ? ทำไมถึงกลับมาที่นี่คนเดียว” ก็อบลินชราถาม
เมื่อบีเซลได้เห็นก็อบลินชรา เขาก็แสดงสีหน้าออกมาอย่างเศร้าสร้อยและพูดขึ้นมาอย่างสำนึกผิดว่า “ลุงทาเซล การค้าขายครั้งแรกของผมพังไม่เป็นท่าเลย”
“มันเกิดอะไรขึ้น?” ทาเซลถาม
“กองคาราวานของผมถูกวอลกินโจมตีที่บริเวณเนินเขาฮาล์ฟออร์ค พวกก็อบลินที่ไปกับผมตายหมดเลยแม้แต่ตัวผมก็เกือบถูกวอลกินฆ่าตายด้วยเหมือนกัน” บีเซลเริ่มเล่าประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายที่เพิ่งผ่านพ้นมา
“อะไรนะ?! แล้วนายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ทาเซลรีบเข้ามาตรวจร่างกายบีเซลด้วยความตกใจ
“ผมไม่เป็นไร มนุษย์คนนี้ช่วยชีวิตผมเอาไว้มันเลยทำให้ผมกลับมาที่นี่ได้” บีเซลกล่าว
ก็อบลินชราเงยหน้ามองลู่หยางด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนที่เขาจะพูดว่า
“มนุษย์ ขอบคุณคุณมากที่ช่วยชีวิตหลานชายของฉันเอาไว้ ฉันขอคุยเรื่องส่วนตัวกับหลานชายสักครู่หนึ่งได้ไหม?”
“ได้ครับ” ลู่หยางตอบ
ก็อบลินชราพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า “เพสลีย์ พาเขาคนนี้ไปเดินชมบริษัทของเราสักหน่อยสิ”
“ได้ครับ” ก็อบลินหนุ่มเดินเข้ามาโค้งศีรษะด้วยความเคารพ จากนั้นเขาก็ได้หันหน้าไปทางลู่หยาง
“เชิญคุณตามผมมาทางนี้ได้เลย”
บีเซลพยักหน้าให้ลู่หยางหนึ่งที ก่อนที่เขาพูดว่า “พี่ชายรอแป๊บนึง ฉันขอเล่ารายละเอียดให้ลุงฟังก่อนแล้วเดี๋ยวฉันจะไปหา”
“อือ” ลู่หยางตอบรับ
“คุณอยากจะเดินชมสินค้าของพวกเราก่อนไหม? ผมเชื่อว่าคุณจะต้องชื่นชอบสินค้าของเราแน่ ๆ” เพสลีย์เดินนำพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างร่าเริง
“ได้สิ” ลู่หยางตอบ
ตลาดของพวกก็อบลินอยู่ติดกับพื้นที่การค้าทางทิศตะวันตกของเมืองเซนต์กอลล์ ภายในตลาดบริเวณนี้มีร้านค้าของพ่อค้าก็อบลินหลายราย แต่สินค้าที่พวกเขานำมาขายก็เป็นเพียงแค่สินค้าธรรมดาทั่วไป
ชาติก่อนลู่หยางก็เคยมาเดินชอปปิงที่นี่ด้วยเหมือนกัน แต่มันไม่ได้มีอะไรดี ๆ ให้เขาซื้อหาเลย ในระหว่างที่ชายหนุ่มคิดว่าเพสลีย์จะพาเขาไปเดินชมตลาด ก็อบลินหนุ่มก็ได้พาเขาเข้าไปในอาคารหลังหนึ่งที่ถูกก่อสร้างด้วยอิฐสีครีม
อาคารแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก โดยมันมีพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร เมื่อลู่หยางเดินตามเพสลีย์เข้าไปภายในห้อง เขาก็ได้พบกับก็อบลินวัยกลางคน 3 คนในชุดคลุมสีขาวสะอาดตากำลังยืนพูดคุยกันอยู่ใกล้ ๆ ชั้นวางของ
“ทั้งสามท่านนี้คือ บุฟเวย์ ปรมาจารย์ทางด้านเวทมนตร์, จิกก์ ปรมาจารย์ทางด้านเครื่องจักรและแอนเดอร์ ผู้ซึ่งเป็นพ่อค้าชั้นยอด” เพสลีย์แนะนำ
“เพสลีย์ ทำไมถึงมีมนุษย์มาที่นี่ได้ล่ะ?” บุฟเวย์ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ท่านทาเซลให้ผมพามาครับ” เพสลีย์กล่าวด้วยความนอบน้อม
“ที่แท้คุณก็คือแขกของท่านทาเซลนี่เอง เชิญเลือกชมสินค้าของเราได้ตามสบายเลย” แอนเดอร์กล่าวอย่างสุภาพ
เพสลีย์โค้งคำนับ ก่อนที่จะหันไปพูดกับลู่หยาง
“เช่นคุณตามผมมาทางนี้ได้เลย ปกติสินค้าชั้นเลิศเหล่านี้จะขายให้กับขุนนางและกษัตริย์ของแต่ละดินแดนเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณสนใจสินค้าชิ้นไหน พวกเราก็ยินดีที่จะขายให้กับคุณในราคาพิเศษ”
ลู่หยางเริ่มแสดงความสนใจออกมา เพราะในชาติก่อนเขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เลย ซึ่งในความเป็นจริงมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงสินค้าพิเศษ เพราะแม้แต่สถานที่แห่งนี้ลู่หยางก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ ซึ่งเขาก็คาดเดาว่ามันน่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ลับที่ทางผู้พัฒนาได้ออกแบบเอาไว้
สถานที่ลับคือของรางวัลที่ผู้พัฒนาเกมมักจะมอบเอาไว้ให้กับผู้เล่นที่ทำภารกิจพิเศษบางอย่างได้สำเร็จ แต่ภารกิจพิเศษเหล่านี้ก็มักจะเป็นภารกิจยูนิค ซึ่งถ้าหากใครทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับของรางวัล แต่ถ้าหากใครทำภารกิจล้มเหลวภารกิจนี้ก็จะหายไปตลอดกาล
ชายหนุ่มเดินตามเพสลีย์ไปยังชั้นวางสินค้า และเมื่อเขาได้เห็นว่ามันมีสินค้าอะไรบ้าง ลู่หยางก็อดที่จะแสดงสีหน้าแห่งความประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้
“ร็อคเก็ทบูท, คัมภีร์สไปเดอร์เวฟ, คัมภีร์โพลี่ม็อบ, คัมภีร์แฟลตพราวเดอร์ มันมีของพวกนี้ขายจาก NPC ด้วยเหรอเนี่ย?!” ลู่หยางคิดขึ้นมาภายในใจ
สไปเดอร์เวฟคือสกิลควบคุมของนักธนู, โพลี่ม็อบคือสกิลควบคุมของนักเวท, แฟลตพราวเดอร์คือสกิลควบคุมของโจร ซึ่งทั้งสามสกิลเป็นสกิลที่ผู้เล่นจะได้เรียนรู้หลังจากเลเวล 15 ลู่หยางจึงไม่คิดว่าที่นี่จะมีคัมภีร์เวทมนตร์วางขายเอาไว้ด้วย และถึงแม้ว่ามันจะมีราคาสูงถึงห้าเหรียญเงินต่อม้วนและสามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ช่วงเวลาวิกฤติคัมภีร์เหล่านี้ถือว่าเป็นไพ่ใบสำคัญอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่ถึงแม้พวกมันจะวางขายอยู่ตรงหน้า แต่ลู่หยางก็ยังไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น เพราะอุปกรณ์ที่เขาได้รับมาในก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้นำพวกมันไปแลกกับวัตถุดิบและสกิลจำเป็น ๆ มาจนหมดแล้ว
เมื่อลู่หยางมองชั้นขายของต่อไป ในที่สุดเขาก็ได้เห็นม้วนหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อสะดุดตา
สูตรยาต้านพิษ!
ครั้งนี้สิ่งที่ปรากฏทำให้ลู่หยางตื่นตกใจมากจริง ๆ เพราะหากจะบอกว่าในช่วงเวลานี้ใครรู้คุณค่าของสูตรยาต้านพิษมากที่สุด มันก็ย่อมเป็นตัวเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่หยางจดจำได้อย่างแม่นยำว่าในชาติก่อนเมื่อผู้เล่นมาถึงเลเวล 8 แล้ว พวกเขาก็จะเริ่มบุกดันเจียนเลเวล 8-12 ที่มีชื่อว่าไวเปอร์วัลเลย์ และถึงแม้ว่าผู้เล่นชั้นยอดจะสวมใส่ชุดเกราะระดับเงินที่ได้จากดันเจียนเลเวล 3 มาเต็มชุด แต่เมื่อพวกเขาถูกพิษของมอนสเตอร์ภายในดันเจียนเลเวล 8 ไม่ว่าพวกเขาจะมีพลังป้องกันสูงแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาต้านทานพิษจากมอนสเตอร์ได้เลย
ผู้เล่นที่ติดพิษจะสูญเสียพลังชีวิตด้วยความเร็วถึงวินาทีละ 50 หน่วย ตัวแทงค์อย่างนักรบและพาลาดินจึงพอจะต้านรับพิษไหว แต่สำหรับอาชีพอื่น ๆ ที่มีพลังชีวิตน้อยบางคนแค่ถูกพิษ 3 วินาทีพวกเขาก็เสียชีวิตแล้ว
ลู่หยางอยากจะซื้อสูตรน้ำยานี้โดยเร็วที่สุด แต่เมื่อเขาได้เห็นแถบการซื้อเป็นสีเทา มันก็หมายความว่าค่าชื่อเสียงของผู้เล่นยังมีไม่พอ
ตอนนี้ค่าความสัมพันธ์ของลู่หยางกับก็อบลินยังอยู่ในระดับปกติ อยู่ห่างจากระดับความเป็นมิตรอีกแค่ 500 แต้ม อย่างไรก็ตามผู้เล่นส่วนใหญ่ก็มีความสัมพันธ์กับก็อบลินอยู่ในระดับปกติ แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานนับสิบปีก็ตาม เพราะพวกก็อบลินแทบที่จะไม่ให้ภารกิจในการเพิ่มค่าชื่อเสียงกับพวกเขาเลย
ระหว่างที่ลู่หยางกำลังร้อนใจอยู่นั้น ประตูก็ถูกเปิดออกมาพร้อมกับบีเซลที่เดินเข้ามาภายในห้องอย่างรวดเร็ว ทางด้านหลังมีทาเซลที่กำลังมองมาทางลู่หยางด้วยสีหน้าอันอ่อนโยน
“เฮ้ พี่ชาย! ฉันเล่าเรื่องของคุณให้ลุงฟังหมดแล้ว ตอนนี้ลุงยอมรับพี่แล้วนะ” บีเซลพูดอย่างตื่นเต้น
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจมากขนาดนั้น” ลู่หยางตอบ
“เรื่องเล็กน้อยของคุณได้ช่วยชีวิตทายาทคนสำคัญของพวกเราเอาไว้ และยังได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคุณก็ยังเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงมาก ทางเผ่าก็อบลินของเราจึงยินดีที่จะเปิดประตูต้อนรับคุณเสมอ” ทาเซลกล่าว
ระบบ: ความสัมพันธ์ของคุณกับบริษัทก็อบลินเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับเป็นมิตร
ระบบ: ความสัมพันธ์ของคุณกับเผ่าก็อบลินเริ่มอยู่ในระดับเป็นมิตรแล้ว
“พี่ชาย คุณช่วยชีวิตฉันเอาไว้ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยคุณได้บ้างไหม?” บีเซลถาม
ลู่หยางเหลือบสายตามองไปทางสูตรน้ำยาต้านพิษ โดยได้พบว่าตอนนี้ชื่อของสูตรยาได้เปลี่ยนเป็นสีขาวแล้วและบริเวณข้าง ๆ ก็มีป้ายระบุราคาเอาไว้ที่ 5 เหรียญเงิน
“ช่วยเก็บสูตรน้ำยานี่เอาไว้ให้ฉันหน่อยได้ไหม? อีกสามวันหลังจากฉันเก็บเงินได้มากพอฉันจะกลับมาซื้อมันใหม่” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังสูตรน้ำยา
บีเซลมองสูตรน้ำยาต้านพิษก่อนจะสั่งให้เพสลีย์ไปหยิบมันมา จากนั้นเขาก็ยื่นสูตรน้ำยาให้ลู่หยางด้วยมือทั้งสองข้าง
“พี่ชาย ในเมื่อคุณต้องการสูตรน้ำยานี้ ฉันก็ขอมอบมันให้กับคุณเป็นของขวัญ”
“อย่าเลย ฉันขอซื้อมันดีกว่า” ลู่หยางปฏิเสธ
เขามีวิธีการหาเงินของตัวเองอยู่แล้ว การหาเงินเพียงแค่ 5 เหรียญเงินจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา
บีเซลเงยหน้ามองลู่หยางด้วยแววตาอันแน่วแน่
“พี่ชายรับของขวัญชิ้นนี้ไปเถอะ พวกเราก็อบลินไม่ได้รู้จักเพียงแต่การค้า แต่พวกเรายังรู้จักความกตัญญูรู้คุณด้วย”
ลู่หยางใช้เวลาไตร่ตรองอยู่สักครู่ ก่อนที่เขาจะตอบรับกลับไปว่า
“โอเค ฉันขอรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ เอาเป็นว่าขอบใจก็แล้วกันนะ”
คงไม่ใช่บททดสอบความโลภของบีเซลหรอกเน๊าะ หรือว่าเราคิดมากไปเอง? 555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 31
แสดงความคิดเห็น