บทที่ 89: ถูกตีอีกครั้ง

-A A +A

บทที่ 89: ถูกตีอีกครั้ง

 “ท่านเห็นข้าเป็นคนประเภทแยกแยะถูกผิดไม่เป็นหรืออย่างไร?” มู่ไป๋ไป่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ตั้งแต่ที่ท่านช่วยข้าเอาไว้ บุญคุณความแค้นเก่า ๆ ของเราก็นับว่าถูกลบล้างไปแล้ว” 

 “บุญคุณความแค้นเก่า ๆ?” เซียวถังอี้ทวนคำพร้อมเหยียดยิ้มมุมปาก

เด็กหญิงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น ขณะที่เธอกำลังจะถาม หลัวเซียวเซียวก็กลับมาพร้อมกับขวดยา

ครั้งนี้หมอหลวงได้ร่วมเดินทางมาด้วย พวกเขาได้เตรียมการโดยการส่งยาฉุกเฉินจำนวนมากมายังเรือนแต่ละหลัง หลัวเซียวเซียวจึงได้นำยาทั้งหมดที่องค์หญิงหกบอกมาให้

 “อันไหนใช้รักษาบาดแผลหรือ?” มู่ไป๋ไป่ไม่รู้เรื่องยามากนัก เธอรับมันมาแล้วเปิดดมกลิ่นอยู่นาน แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่ายาขวดไหนคืออะไร ดังนั้นเธอจึงหันไปถามสหายตัวน้อยที่อยู่ด้านข้าง

 “องค์หญิงหก ให้หม่อมฉันทำเองเถิดเพคะ” หลัวเซียวเซียวหยิบยารักษาบาดแผลออกมา 2-3 ขวดแล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันจะทายาให้ผู้มีพระคุณเอง” 

 “ไม่จำเป็น” คนตัวเล็กคว้ายาจากมือของอีกฝ่ายมาก่อนจะบอกให้นางไปเอาเก้าอี้ตัวเล็กมาให้ตน จากนั้นเธอก็ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้เพื่อให้ตัวเองสูงพอ ๆ กับเซียวถังอี้ที่กำลังนั่งอยู่

 “เอาล่ะ รีบถอดเสื้อผ้าเร็วเข้า” เด็กหญิงพูดเร่งเร้า

แล้วเด็กหนุ่มก็ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกโดยไม่ลังเล ซึ่งเผยให้เห็นว่าเสื้อผ้าชั้นในของเขาก็เป็นสีดำเช่นกัน จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นความรุนแรงของบาดแผลได้ จนกระทั่งเขาถอดเสื้อผ้าส่วนบนออกทั้งหมด

มู่ไป๋ไป่กับหลัวเซียวเซียวที่ได้เห็นภาพตรงหน้าถึงกับเผลอกลั้นหายใจ

พวกเธอเห็นบาดแผลที่น่าสยดสยอง 2 ที่บนหลังของเขาซึ่งมันลึกจนเห็นกระดูก

 “ทะ…ท่านได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?” มู่ไป๋ไป่ตกใจกับบาดแผลของอีกฝ่ายจนรู้สึกมึนงง

 “ก็แค่โดนสุนัขกัด” เซียวถังอี้ยังคงจิบชาอย่างใจเย็นราวกับว่าบาดแผลเหล่านี้ไม่ได้อยู่บนร่างกายของเขา

ต่อมา เด็กหญิงเปิดขวดยาทาแผลด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะโรยผงห้ามเลือดลงบนแผลให้เบามือที่สุด ในขณะที่เธอพูดว่า “ใครเชื่อก็บ้าแล้ว สุนัขที่ไหนจะสามารถกัดคนจนทำให้เกิดบาดแผลเหมือนคมมีดเช่นนี้ได้กัน?” 

 “วันหลังท่านพามันมาหาข้าหน่อย ข้าอยากจะเห็นมันกับตาสักครั้ง” 

คราวนี้เป็นเด็กหนุ่มที่ไม่ได้ตอบอะไร

ส่วนมู่ไป๋ไป่ก็ยังคงพูดต่อไป แม้แต่ในระหว่างที่พันผ้าพันแผล เธอก็ยังพึมพำไม่หยุด

 “โอ๊ย เสร็จสักที เหนื่อยชะมัด” มู่ไป๋ไป่คว้ากาน้ำชาขึ้นมารินให้ตัวเอง แต่ก็พบว่าเซียวถังอี้ดื่มชาไปจนหมดกาแล้ว

ทางด้านหลัวเซียวเซียวที่รู้ความ พอเห็นดังนี้นางก็หยิบกาน้ำชาออกไปชงชาให้ใหม่ทันที

ตอนนี้มู่ไป๋ไป่รู้สึกปากแห้งมาก ดังนั้นเธอจึงหยิบผลไม้ที่เก็บมาระหว่างวันขึ้นมาแทะกินขณะที่มองเซียวถังอี้

สายตาของเธอแสดงให้เห็นว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

หลังจากนั้นไม่นานมันก็เป็นไปตามที่เขาคาดว่าคนตัวเล็กจะต้องเปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง 

 “ข้าพันแผลให้ท่านแล้ว ตอนนี้ท่านเป็นหนี้ชีวิตข้า” มู่ไป๋ไป่เท้าคางอยู่บนโต๊ะและยิ้มอย่างภาคภูมิใจให้คนตรงหน้า “ส่วนอาการบาดเจ็บของท่าน ถ้าข้าไม่พันแผลให้ ท่านอาจจะไม่สามารถรอดพ้นคืนนี้ไปได้” 

 “องค์หญิงคนนี้ช่วยชีวิตท่านไว้ ท่านเป็นหนี้ชีวิตของข้าแล้ว ท่านคิดว่าอย่างไร?” 

 “ทำไมเจ้าถึงบอกว่าเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้?” เซียวถังอี้เลิกคิ้ว “อย่าลืมสิว่าถ้าข้าไม่ได้ช่วยเจ้าที่หน้าผาเมื่อกี้นี้ เจ้าคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้แบบมีชีวิตหรอก” 

 “มันไม่เหมือนกัน” เด็กหญิงโบกมือไหว ๆ “เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือว่าตั้งแต่ตอนนั้นบุญคุณความแค้นของเราถือว่าหายกัน ดังนั้นตอนนี้ถือว่าเป็นการนับใหม่อีกครั้ง” 

 “...” เซียวถังอี้ที่ได้ยินเช่นนี้ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

เจ้าตัวเล็กนี่กำลังเล่นลิ้นกับเขาอย่างนั้นหรือ?

 “ฮิฮิ อย่ากดดันเกินไป ข้าไม่ได้จะขอให้ท่านทำอะไรสักหน่อย ข้าแค่อยากให้ท่านจำเอาไว้ว่าท่านเป็นหนี้ข้า— โอ๊ย! ท่านทำอะไรเนี่ย?!” 

ในขณะที่มู่ไป๋ไป่กำลังพูด อีกฝ่ายก็คว้าคอเสื้อของเธอแล้ววางเธอลงบนต้นขาของเขา

ท่าทางที่คุ้นเคยนี้ทำให้เด็กหญิงมีลางสังหรณ์ไม่ดีทันที และเธอก็พยายามตีแขนตีขาดิ้นรนสุดชีวิตพร้อมกับโวยวายเสียงดัง “ท่านจะตีข้าอีกแล้วหรือ ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าข้าเป็นองค์หญิง ท่านยังจะกล้าตีข้าอีกหรือ?!” 

 “ท่านรู้หรือไม่ว่าการทำร้ายร่างกายองค์หญิงมีโทษร้ายแรง” 

แต่ดูเหมือนว่าเซียวถังอี้จะไม่ได้ยินคำพูดของมู่ไป๋ไป่เลย เขายังคงไม่หยุดมือ

 “โอ๊ย! เจ้าสัตว์ประหลาดตัวใหญ่จอมเนรคุณ ถ้าข้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ข้าจะไม่ทายาให้ท่านแล้วปล่อยให้ท่านเลือดออกจนตายไปซะ!” 

 “กรี๊ดดด! หลังจากกลับไปที่วังข้าจะฟ้องท่านพ่อ แล้วให้ท่านพ่อตัดหัวของท่านซะ!” 

ทางด้านเด็กหนุ่มยังคงตีเจ้าเด็กน้อยจนนางเริ่มเบะปากร้องไห้ถึงจะยอมปล่อย จากนั้นก็โยนนางให้กลับไปนั่งบนเก้าอี้และเอ่ยปากสั่งสอนว่า “คราวหน้าถ้าเจ้ากล้าใช้กลอุบายกับข้าอีก ข้าก็จะตีเจ้าอีกครั้ง” 

หลังจากกล่าวจบเขาก็หันหลังเดินออกไป

มู่ไป๋ไป่ลูบก้นตัวเองขณะที่จ้องร่างที่กำลังเดินไกลออกไปเรื่อย ๆ ของเซียวถังอี้พลางกัดฟันพูดว่า “ฮึ่ม! ข้าขอถอนคำพูดทั้งหมดของข้าก่อนหน้านี้ ระหว่างเรา 2 คนไม่มีวันญาติดีกันได้ และบุญคุณความแค้นที่มีต่อกันก็ยิ่งมีมากขึ้น!” 

 “องค์หญิงหก เกิดอะไรขึ้นเพคะ?” หลัวเซียวเซียวที่กลับมาพร้อมกับชาร้อน ๆ เอ่ยถาม “หม่อมฉันได้ยินเสียงพระองค์ดังมาแต่ไกล พระองค์ตรัสว่าอย่าทำอะไรเอิกเกริกไม่ใช่หรือเพคะ?” 

 “อ้าว แล้วผู้มีพระคุณคนนั้นไปไหนแล้ว?” 

 “ผู้มีพระคุณที่ไหนกัน?!” มู่ไป๋ไป่พูดเสียงลอดไรฟัน “หลังจากนี้ไปอย่าเรียกเขาว่าผู้มีพระคุณอีก เขาเป็นศัตรูของข้า ศัตรูตัวฉกาจ!” 

 “ถ้าข้ากลับถึงวังหลวงเมื่อไหร่ ข้าจะตั้งใจเรียนวรยุทธกับท่านพี่รัชทายาทให้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้วข้าจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือของข้าเอง” 

 “หา?” หลัวเซียวเซียวทำหน้าสับสน “เมื่อครู่นี้เขายังเป็นผู้มีพระคุณของพระองค์อยู่เลยไม่ใช่หรือเพคะ ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนเป็นศัตรูไปเสียแล้วล่ะ?” 

 “แต่ว่าองค์หญิงหก พระองค์ควรอยู่ห่างจากคนผู้นี้เอาไว้นะเพคะ” 

 “บาดแผลของผู้ชายคนนั้นไม่ธรรมดาเลย แล้วพระองค์ยังตรัสว่าเขาเป็นคนเข้าใจยาก เป็นการดีที่สุดหากเราไม่ข้องแวะกับเขาเช่นนี้เพคะ” 

หลัวเซียวเซียวพยายามโน้มน้าวองค์หญิงตัวน้อย

ระหว่างนั้นมู่ไป๋ไป่กินขนมจานใหญ่จนหมดเพราะความโมโหและดื่มน้ำชาไป 1 กาเต็ม ๆ จึงจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ก่อนจะเอนตัวลงนอนหลับไปจนกระทั่งรุ่งสาง

พอถึงเวลาสวดมนต์ของวันรุ่งขึ้น หรงเฟยก็ไม่ได้มาที่วิหาร

มู่ไป๋ไป่ฟังไทเฮาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของหรงเฟยพลางแอบเย้ยหยันในใจ ผู้หญิงคนนั้นขี้ขลาดมาก นางคงกลัวเธอชำระแค้นถึงได้อ้างเรื่องเจ็บป่วยขึ้นมา 

 “ไป๋ไป่ เมื่อคืนนี้เราเหมือนจะได้ยินอะไรบางอย่างจากเรือนพักของเจ้า ทำไมหรือ ห้องเจ้ามีหนูอีกแล้วหรือ?” สตรีสูงวัยถามขณะลูบหัวของหลานสาวอย่างเป็นกังวล “ถ้าในห้องยังมีหนูอยู่ เจ้าสามารถย้ายเรือนได้ เจ้ามานอนกับเราก็ได้” 

 “ที่เรือนของเราสะอาดสะอ้าน ไม่มีหนูสักตัว” 

ไทเฮาต้องการจะหลอกล่อให้เด็กน้อยไปนอนกับพระนางมานานแล้ว เพราะตอนที่อยู่ในวังหลวงพระนางก็ไม่เคยมีโอกาสเหมาะสักที

ในเมื่อตอนนี้พวกพระนางอยู่นอกวังหลวง พระนางเองก็อยากลองทำในสิ่งที่ครอบครัวธรรมดาเขาทำกัน อย่างเช่นการนอนกับหลานสาวที่น่ารักของตนเอง

 “ไม่เป็นไรเพคะ” มู่ไป๋ไป่แอบก่นด่าเซียวถังอี้ในใจอีกครั้ง “เมื่อคืนนี้ไป๋ไป่นอนละเมอพูดพร่ำไปเรื่อยเปื่อยจนเสียงของไป๋ไป่ไปรบกวนไทเฮาเชียวหรือ?” 

หลัวเซียวเซียวซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านข้างแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหวเมื่อได้ยินคำพูดขององค์หญิงหก

 “นอนละเมออย่างนั้นหรือ?” ไทเฮาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจมาก “ตอนกลางคืนเจ้ายังจะพูดเรื่อยเปื่อยอีกหรือ?” 

มู่ไป๋ไป่เกาจมูกด้วยความขัดเขิน แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เธอไม่สามารถบอกออกไปได้ว่าเมื่อคืนเธอกำลังด่าคนต่างหาก ดังนั้นเธอจึงต้องกัดฟันพยักหน้ารับ “เพคะ ไม่เพียงแต่ไป๋ไป่จะละเมอพูดเท่านั้น ไป๋ไป่ยังนอนกรนอีกด้วย ไป๋ไป่นอนได้ไม่เรียบร้อยนัก ไป๋ไป่ไม่อยากสร้างปัญหาให้กับท่านย่าไทเฮาเพคะ” 

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: คุณชายเซียวผู้ไม่อ่อนโยนกับใครทั้งสิ้น 555 ว่าแต่โดนใครทำร้ายมาหนอ แผลน่ากลัวมาก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.