บทที่ 68: เสียทั้งคนรักและรี้พล
ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เปิดกรง เจ้าส้มก็กระโดดออกมาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าในกรงนั้นมีสัตว์ร้ายจ้องจะคร่าชีวิตมันอยู่
และเนื่องจากมีขุนนางเข้ามาขอเข้าเฝ้ามู่เทียนฉง เขาจึงจำเป็นจะต้องตรงกลับไปที่ตำหนัก ในขณะที่เด็กหญิงก็ได้พาแมวส้มกลับไปที่ตำหนักอิ๋งชุน
อีกด้านหนึ่ง เป็นเพราะองค์หญิงหกวิ่งหนีไปอย่างกะทันหัน หลัวเซียวเซียวจึงเป็นกังวลมากจนต้องนั่งรออยู่ที่ลานหน้าตำหนัก พอเห็นว่าอีกฝ่ายกลับมาในสภาพปกติ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทางด้านมู่ไป๋ไป่ไม่อาจทนเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ได้อีกต่อไป เธอจึงดึงสหายตัวน้อยไปนั่งและเล่าให้นางฟังเกี่ยวกับเรื่องที่ลี่เฟยถูกลงโทษ “ข้าจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เดิมทีข้าวางแผนเอาไว้ว่าจะให้ท่านพ่อจัดการกับลี่เฟยโดยตรง แต่อย่างน้อยตอนนี้แผนการก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว นับว่าเราได้ก้าวไปอีกขั้น แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว”
มู่เทียนฉงได้เรียกคืนตราประทับหงส์จากลี่เฟยกลับมาแล้ว อีกไม่นานนางก็อาจจะถูกปลดใช่หรือไม่?
“องค์หญิงหก…” หลัวเซียวเซียวที่ได้ยินดังนั้นไม่ได้ยิ้มดีใจเลย ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยขณะที่กล่าวว่า “องค์หญิงหก พระองค์ทรงใจดีกับเซียวเซียวมาก.. แต่เซียวเซียวคนนี้เป็นเพียงคนต่ำต้อย ไม่อาจมีสิ่งใดตอบแทนพระองค์ได้จริง ๆ”
มู่ไป๋ไป่ไม่เพียงแต่จะไถ่ตัวแม่ของนางกลับจากจวนตระกูลหลัวและพาเข้ามาอยู่ในตำหนักเท่านั้น แต่นางยังช่วยจัดการนายน้อยหลัวที่เกือบจะฆ่าตนอีกด้วย
ตอนนี้แม้แต่ลี่เฟยก็ยังได้รับผลกรรมอันสมควร
นางเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา นางควรได้รับพระกรุณาธิคุณจากองค์หญิงหกมากถึงเพียงนี้จริงหรือ?
“บอกข้าสิ ทำไมเจ้าถึงร้องไห้ทั้ง ๆ ที่ควรมีความสุข” มู่ไป๋ไป่ไม่อยากเห็นใครร้องไห้ เธอจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายัดใส่มือของคนตรงหน้า “รีบเช็ดให้สะอาดเร็วเข้า”
“นอกจากนี้ ข้าก็ไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้เพื่อรับความดีความชอบจากเจ้า”
“ข้าเป็นถึงองค์หญิง เป็นบุตรของโอรสสวรรค์ ชีวิตนี้ข้าไม่ได้ขาดอะไรเลย”
หลัวเซียวเซียวรู้สึกขบขันกับคำพูดอีกฝ่าย จึงหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
“เจ้ายิ้มแล้ว” มู่ไป๋ไป่อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสรอยยิ้มอ่อนโยนนั้น ไม่นานเธอก็ถามขึ้นว่า “วันนี้มีอะไรกินบ้าง? เจ้าได้เก็บไว้ให้ข้าหรือไม่?”
“วันนี้ข้ามัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดการลี่เฟยคนนั้น ตอนนี้ข้ารู้สึกหิวมาก!”
“เก็บไว้เพคะ” หลัวเซียวเซียวเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วรีบไปจัดการตั้งสำรับให้องค์หญิงตัวน้อย “หม่อมฉันจะรีบไปเอามาให้พระองค์ วันนี้อาหารทั้งหมดเป็นของที่องค์หญิงหกชอบทั้งนั้นเลยเพคะ”
หลังจากมู่ไป๋ไป่ได้จัดการกับความกังวลในเรื่องของลี่เฟย และได้กินอาหารมื้อใหญ่ เธอก็รู้สึกง่วงนอนมากจึงงีบหลับไป พอตื่นขึ้นมาเธอก็พาสหายกับเจ้าส้มไปเล่นที่อุทยานหลวง
เมื่อเปรียบเทียบกับบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ของฝั่งมู่ไป๋ไป่ ตำหนักชิงเหอก็เหมือนสระน้ำนิ่งที่น่าหวาดหวั่น
นางกำนัลและขันทีของตำหนักชิงเหอได้รับการลงโทษเป็นการโบย 20 ครั้งจากมู่เทียนฉง ไม่เพียงแค่นั้น หลังจากที่พวกเขากลับมาก็ยังต้องทนรับการโบยอีก 30 ครั้งจากลี่เฟย รวมแล้วเป็น 50 ครั้ง ถึงขั้นที่นางกำนัลบางคนทนรับไม่ไหวก็ถูกโบยจนตาย มันทำให้ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจในยามที่เดินผ่านประตูของลี่เฟย
และค่ำคืนนั้น ตำหนักชิงเหอก็เงียบมาก
วันรุ่งขึ้น มู่ไป๋ไป่ตื่นตั้งแต่เช้า หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็ไปนั่งรออยู่บนถนนระหว่างทางไปตำหนักของฝ่าบาทและตำหนักชิงเหอ
ซึ่งด้านหลังเธอก็คือหลัวเซียวเซียวกับเจ้าส้มที่ถูกลากมาพร้อมกัน
“องค์หญิงหก เหตุใดพระองค์ถึงต้องมารอที่นี่ตั้งแต่เช้าเพคะ?” หลัวเซียวเซียวกระชับคอเสื้อขององค์หญิง ก่อนจะไปยืนด้านที่ถูกลมพัดเพื่อป้องกันลมหนาวให้กับอีกฝ่าย
“พระองค์กำลังรอฝ่าบาทอยู่หรือไม่?”
“ไม่ใช่” มู่ไป๋ไป่ขยิบตาให้สหายอย่างมีเลศนัย “เจ้าคอยดูความสนุกเถอะ”
หลัวเซียวเซียวไม่เข้าใจท่าทีขององค์หญิงหกจนกระทั่งนางเห็นอันกงกงเดินมาจากตำหนักชิงเหอ นางจึงเข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งที่อีกคนเอ่ยเมื่อครู่หมายถึงอะไร
“อันกงกง!” เมื่อคนตัวเล็กเห็นว่าคนที่เธอรอคอยมานานปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของเธอก็เป็นประกายแล้วรีบเอ่ยทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“องค์หญิงหก!” ชายสูงวัยก็เผยรอยยิ้มกว้างเช่นกัน “กระหม่อมคารวะองค์หญิง องค์หญิงหกทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”
“อันกงกงไม่ต้องมากพิธี” มู่ไป๋ไป่พยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นอย่างสุภาพ แต่เนื่องจากเธอแขนขาสั้น มันจึงเหมือนกับว่าเขาอุ้มเธอขึ้นมากกว่า “อันกงกง ท่านไปไหนมาตั้งแต่เช้า?”
เด็กหญิงถามคำถามที่ทราบคำตอบดีอยู่แล้วขึ้นมา ซึ่งอันกงกงก็ฉลาดมากเช่นกัน เขารู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าหมายถึงอะไรทันที และส่งสัญญาณให้กับขันทีที่ติดตามมาด้านหลัง
หลังจากที่ทุกคนก้าวออกไป เขาก็พูดด้วยท่าทางนอบน้อมว่า “ตอบองค์หญิง กระหม่อมเพิ่งกลับจากตำหนักชิงเหอ เมื่อวานฝ่าบาทได้ออกคำสั่งให้นำตราประทับหงส์ที่อยู่ในมือของลี่เฟยกลับคืน ดังนั้นกระหม่อมจึงมาที่นี่เพื่อทำตามรับสั่งของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“เอ๋?” มู่ไป๋ไป่ทำตาโตด้วยความสนใจ ก่อนที่เธอจะหยิบเมล็ดแตงโมที่เตรียมไว้ออกมายื่นกำเล็ก ๆ ให้กับชายสูงวัย
อันกงกงกล่าวขอบคุณเด็กหญิง และเขาก็ไม่ได้พิธีรีตองอะไรกับเธอมากนัก เขาย่อตัวลงนั่งกินเมล็ดแตงโมกับเธอในขณะที่ทอดถอนหายใจไปด้วย “พอพูดถึงเรื่องนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักชิงเหอเมื่อวานนี้ช่างน่าอับอายจริง ๆ กระหม่อมไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงทรงกริ้วเช่นนั้น”
“จริงหรือ?” มู่ไป๋ไป่ตอบรับแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าคิดว่า เมื่อวานนี้ท่านพ่อพยายามรักษาหน้าตาของลี่เฟย”
ส่วนเรื่องที่นางกำนัลในตำหนักแกล้งปลอมตัวเป็นลี่เฟยเมื่อวานนี้ เธอต้องขุดให้ลึกลงไปกว่านี้จริง ๆ มิฉะนั้นลี่เฟยก็จะหนีรอดไปได้
หลังจากนี้เธอต้องกลับไปยังตำหนักอิ๋งชุนเพื่อวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะมู่เทียนฉงไม่ได้คิดเอาความเรื่องดังกล่าวต่อ ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องทำตามปรารถนาของลี่เฟยและเชื่อว่านางกำนัลในตำหนักจะคิดเรื่องนี้ให้ดีอีกครั้ง
“องค์หญิงหกยังคงมีเหตุผลเช่นเคย” อันกงกงหัวเราะ “ถ้าลี่เฟยมีความคิดได้เท่ากับองค์หญิงหก นางคงไม่ได้ต้องมาเจออะไรเหมือนอย่างทุกวันนี้”
“กระหม่อมได้ยินมาว่าเมื่อคืนลี่เฟยได้โบยทุกคนในตำหนักชิงเหออีก 30 ไม้”
“โบยอีก 30 ครั้งหรือ?” มู่ไป๋ไป่แทบกัดลิ้นตัวเอง “อย่างนั้นไม่ทำให้มีคนตายเลยหรืออย่างไร?”
“นั่นไม่เกินจริงพ่ะย่ะค่ะ” อันกงกงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “กระหม่อมได้ยินมาว่ามีขันทีเบื้องล่างหลายคนเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้อีก 2-3 คนอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย”
คนตัวเล็กได้ยินเช่นนั้นก็ลอบถอนหายใจ
ลี่เฟยคนนี้ช่างโหดร้ายและไร้ความปรานียิ่งนัก
“ไม่เพียงเท่านั้น ลี่เฟยยังแทงองครักษ์ของตำหนักชิงเหอจนเสียชีวิตอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ” อันกงกงแทะเมล็ดแตงโมในมือของเขาจนหมดแล้ว และเขาก็ยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ “บาปกรรมแท้ ๆ”
“องครักษ์หรือ?” มู่ไป๋ไป่เป็นคนฉลาดมาก หลังจากคิดเพียงครู่เดียว เธอก็เดาได้ว่าองครักษ์คนนั้นน่าจะเป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับลี่เฟย
“องค์หญิงหก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ถึงเวลาที่กระหม่อมต้องไปรายงานฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ชายสูงวัยปัดมือของตัวเองแล้วพูดกับเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ได้ ๆๆ อันกงกงรีบไปเถอะ อย่ามัวแต่ชักช้าเลย” เมื่อมู่ไป๋ไป่ได้ฟังในสิ่งที่ต้องการแล้ว เธอก็ไม่ขวางคนอื่นที่มีธุระต้องไปทำอีก และปล่อยให้เขาได้ออกเดินทางไปต่อ
ก่อนที่อันกงกงจะจากไป เธอก็ได้นำลูกกวาดจำนวนหนึ่งใส่มือของอีกฝ่าย
ชายสูงวัยรู้สึกมีความสุขมากที่ได้รับขนมเป็นรางวัล เขาขอบคุณคนตัวเล็กอย่างมีความสุข จากนั้นจึงพาเหล่าขันทีกลุ่มหนึ่งมุ่งตรงไปที่ตำหนักฮ่องเต้
“ฮ่า ๆๆ! ข้ากลั้นขำแทบตาย” ทันทีที่อันกงกงจากไป มู่ไป๋ไป่ก็เริ่มปล่อยตัวตามสบาย เธอล้มลงไปกลิ้งอยู่บนพื้นพลางกุมท้องหัวเราะไม่หยุด “ตอนนี้ลี่เฟยสูญเสียทั้งคนรักและรี้พลไป แล้วยังต้องมาเสียตราประทับหงส์ไปอีก มันไม่ต่างจากการฆ่านางเลยสักนิด”
“องค์หญิงหก พระองค์รีบลุกขึ้นก่อนเพคะ เสื้อผ้าเปื้อนหมดแล้ว” หลัวเซียวเซียวรีบดึงอีกคนขึ้นมาในขณะที่กล่าวว่า “เรารีบกลับกันเถิดเพคะ หว่านผินคงเป็นห่วงพระองค์แล้ว”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 31
แสดงความคิดเห็น