STARCIN ภาคที่ 8 Freight ตอนที่ 26 ผังแผน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 8 Freight ตอนที่ 26 ผังแผน

เสียงเอะอะดังลั่นอยู่หน้าโรงเรียน นอกจากเสียงก็ยังมีคนมุงดูมากมายราวกับมีดาราคนดังมาเยี่ยมโรงเรียน

“ให้เราเข้าไปไม่ได้เหรอ? คิดซะว่ามาเยี่ยมโรงเรียนก็ได้”

“ไม่ได้ครับ พวกคุณต้องได้รับอนุญาตจากเบื้องบนเสียก่อน”

ทั้ง ๆ ที่เดินออกมาจากโรงเรียนได้ไม่มีปัญหาแต่พอจะกลับเข้าไปดันทำไม่ได้ แต่แม้ยามจะกล่าวเช่นนั้นเซนก็ยังพูดขอเข้าไปไม่หยุด

“โวยวายอะไรกัน?” อาจารย์คนหนึ่งเดินผ่านมาพอดีจึงเข้าไปดูสถานการณ์แต่ก็ต้องหน้าบึ้งเพราะจำได้ว่าพวกเซนเคยก่อเรื่องอะไรไว้บ้าง

“อาจารย์มิเกล...ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณไม่ต้องใส่ใจก็ได้ก็แค่พวกอันธพาลมันกลับมาป่วนโรงเรียนเฉย ๆ” ยามเดินเข้ามาทักพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มิเกลเข้าไปยุ่งด้วย

“โทษทีนะแต่บังเอิญหูฉันมันดีไปหน่อยน่ะ” มิเกลเดินเข้าไปดูสถานการณ์ทำให้คนที่มุงอยู่แหวกทางให้ทันที

“เป็นเพื่อนของอาจารย์ซึฮากิสินะ ฉันจะรับรองให้เอง” เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วเจาะเข้าประเด็นทันที

“ขอบคุณครับอาจารย์ !” พวกเซนเดินตามหลังอาจารย์มิเกลเข้าไปด้านในซึ่งเขาก็พาไปที่สวนสาธารณะเพื่อให้ได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจก่อน

“แล้วอาจารย์ซึฮากิหายไปไหนล่ะ? ทำไมถึงปล่อยเพื่อน ๆ ให้มาเพียงลำพัง”

“อ้อ กิเขากำลังคุยธุระกับพวกทหารอยู่ครับ พวกเราว่าง ๆ ก็เลยจะมาหาเพื่อนเก่าสักหน่อย”

“เพื่อนเก่า? หมายถึงสหายของผู้กล้าสินะ ถ้าเป็นพวกนั้นคงจะกลับจากฝึกพอดีอาจจะอยู่ที่โรงอาหารก็ได้”

“โรงอาหาร งั้นเราไปกันเถอะ” เซนวิ่งหน้าตั้งไปก่อนใครก่อนที่คานะจะตามหลังไป

มิเกลถึงกับถอนหายใจยาว

บ้า ๆ บอ ๆ ต่างกับอาจารย์ซึฮากิมากจนนึกว่าไม่เกี่ยวข้องกันซะอีก แต่เดี๋ยวนะถ้าพวกเขาเป็นเพื่อนของอาจารย์ซึฮากิแสดงว่าต้องรู้เรื่องเจ้าแรปฟิตแน่ ๆ ถ้าเข้าไปหลอกถามอาจจะได้ข้อมูลมาบ้างก็ได้

ที่โรงอาหารกลางที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตหนึ่งมีนักเรียนเดินเข้าออกกันพลุกพล่านแต่ทุกคนก็ต้องหันมามองพวกเซน ด้วยลักษณะท่าทางและการแต่งกายที่ไม่เหมือนใครทำให้คนอื่นสงสัยว่าเป็นอาจารย์หรือใครกันแน่

“ซากิ ! ชาญ ! ซันนี่ ! พีช !” มาถึงเซนก็ตะโกนเรียกดังลั่นไปทั่วโรงอาหาร ใครผ่านไปมาเห็นก็คงคิดว่าเป็นคนบ้าแน่ ๆ

“ยิ่งนานวันยิ่งบ้าขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ” หลังจากได้รับสารที่เป็นเสียงตะโกนเรียกพวกชาญก็มาหาถึงที่ รอยยิ้มเยาะที่เคยเห็นเมื่อนานมาแล้วทำให้เซนและคานะฮึกเหิมเข้าไปใหญ่

“อ้าว ๆ ซัดกันเลยไหมล่ะ? คราวที่แล้วพลาดไปแต่ครั้งนี้ฉันต้องได้สักหมัดแหละ” เซนและชาญเดินเข้าประชิดด้วยท่าทางองอาจพร้อมกับยกอาวุธประจำตัวขึ้นมาแนบข้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์ความพร้อม

“เฮ้ย ๆ จะมาตีอะไรกันในโรงอาหารล่ะ? พวกนายก็ไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วเสียหน่อย” วินรีบเข้ามาจัดการกับสถานการณ์ทันทีอีกทั้งยังกอดคอทั้งเซนและชาญเหมือนสนิทกันอย่างไรอย่างนั้นเลย

“ได้ยินว่าพวกนายเป็นเพื่อนจากอีกโลกนี่ เพราะฉะนั้นก็ควรจะสนิทกันไว้สิจริงไหม?” ใบหน้าผ่อนคลายยิ้มสบายใจทำให้เซนและชาญหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมแต่ก็ไม่อยากทำให้เรื่องมันใหญ่

“เอาเป็นว่าไปหาที่จิบชาคุยสารทุกข์สุกดิบกันก่อนดีกว่า” สุดท้ายวินก็ลากพวกเขาออกไปจากโรงอาหารไปให้ห่างจากสายตาของนักเรียนและอาจารย์

บรรยากาศทะมึนเงียบ ๆ ที่เอาแต่นั่งมองหน้ากันไม่พัก ชาที่ยกขึ้นจิบมันช่างจืดชืดราวกับเป็นน้ำเปล่า เก้าอี้ที่นั่งก็ยังแข็งเหมือนหินแต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจเพราะเอาแต่จ้องหน้ากันตลอดเวลา

“แหม ๆ เป็นเพื่อนกันแต่เอาแต่เขม่นกันมันไม่ดีเอาซะเลยนะ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยเป็นเรื่องของอดีตเถอะ” วินยังคงยิ้มเริงร่าพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้น

“เราก็ไม่ได้เกลียดกันสักหน่อย ก็แค่อยากลองอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่นหมัดที่ซัดเข้าหาเพื่อน ๆ ไงล่ะ” เซนยักคิ้วใส่พวกชาญและตามมาด้วยรอยยิ้มมุมปาก

“คิดเหมือนกันเลยนะเพื่อน เราก็แค่อยากลองอะไรสักหน่อยแค่นั้นเอง”

“ถ้างั้นก็ต้องลองเลยสิ สามต่อสามคนพอดีอะไรจะเหมาะเจาะถึงเพียงนี้”

“สามต่อสาม? เมายาแก้ไอเหรอ? พวกนายมีกันแค่สองเองนะหรือนับรุ่นพี่วินเข้าไปด้วย”

เซนและคานะถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกแต่พอมองรอบ ๆ ก็เลยรู้ตัวว่าซีโร่หายหัวไปแล้ว

อีกด้านหนึ่งที่ซีโร่หายตัวไปเธอได้ไปโผล่อยู่ที่บ้านหลังโตที่เป็นที่อยู่ของขุนนาง

“ฉันไว้ใจเธอนะถึงมอบหมายงานแบบนี้ให้ แต่ก็อย่าประมาทเชียวล่ะ”

มันก็รู้สึกดีใจอยู่หรอกที่กิไว้ใจเรา แต่ให้เรามาทำงานสอดแนมในถิ่นคนอื่นแบบนี้มันก็ออกจะระห่ำไปหน่อยนะ

ซีโร่ตระเวนไปที่ยังคฤหาสน์มากมายในเมืองแอสต้า คฤหาสน์ที่พวกขุนนางใช้กินอยู่ในเมืองหลวงซึ่งห่างไกลจากถิ่นฐานบ้านเกิด คฤหาสน์ที่มีไว้เพื่อใช้ในยามมาเยี่ยมเยือนแอสต้า คฤหาสน์ที่มีไว้ให้ลูก ๆ ได้นอนหลับสบายระหว่างที่เรียนในโรงเรียนหลวง

อาจจะเพราะไม่ใช่บ้านหลักก็เลยไม่ค่อยมีใครอยู่แต่ก็ยังมานะจ้างแม่บ้านไว้เยอะแยะเลยแฮะ ถ้าเป็นพวกขุนนางระดับดยุกก็คงมียามเก่ง ๆ เฝ้าอยู่แต่ทำไมพวกนั้นถึงจับสังเกตเราไม่ได้เลยล่ะ หรือก็แค่จ้างยามทั่ว ๆ ไปมาเฝ้าหรือเราเก่งขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอ

ซีโร่ลอบเข้าไปในอาณาเขตของเหล่าขุนนางทุก ๆ ตระกูลรวมทั้งหมดยี่สิบเก้าตระกูล

ทุกตระกูลจะมีบ้านพักที่เมืองแอสต้ากันทั้งนั้นแต่มีแค่ตระกูลเนวิลล์ที่ไม่มี อาจจะเพราะเป็นตระกูลทางใต้ที่โดนผลกระทบจากสงครามจอมมารทำให้สูญเสียทรัพยากรไปมากมาย อำนาจทางสังคมก็ลดลงและผู้นำตระกูลก็ยังล้มป่วยอีก

ซีโร่ไปหยุดอยู่ที่ราชวังที่เป็นเสมือนปราการสุดท้ายที่เธอต้องเข้าไปสอดแนม

จะรอดไหมเนี่ย

ซีโร่เป็นคนเดียวที่ได้รับการฝึกสอนอย่างเคร่งขัดรวมทั้งเทคนิคการใช้มานาลบเวทมนตร์ตรวจจับ ถ้าหากเธอมีความสามารถด้านมนตร์ดำด้วยก็คงจะเลียนแบบซึฮากิได้มากกว่านี้

“ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะเลยแฮะ เดี๋ยวก็มีเสียงจากพระเจ้า เดี๋ยวก็มีคนโดนลากไปดันเจี้ยนบ้างอะไรบ้าง” ประตูทุก ๆ ชั้นจะมียามเฝ้าตลอดซึ่งเป็นการคุ้มกันที่แน่นหนาที่สุดในแอสต้า

มีทหารองครักษ์มากถึงหนึ่งร้อยนายในราชวังแห่งนี้และยังมีเลเวลหกขึ้นไปทุกคนอีกด้วย ถ้าหากเราโดนจับได้ก็คงมีแต่ตายกับตายเท่านั้นและยังจะโดนสาวไปถึงพวกกิได้ด้วย เพราะฉะนั้นก็แค่ไม่ถูกจับได้ก็พอ

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วดั่งเงาตามติดตัวทำให้พวกทหารองครักษ์ไม่ทันสังเกตเห็น การตอบโต้ด้วยการใช้มานารบกวนเวทมนตร์ตรวจจับก็ยิ่งทำให้เธอเหมือนไร้ตัวตนไปโดยปริยาย

ข้อมูลสำคัญต้องอยู่ที่นั่นแน่ ๆ เธอมุ่งตรงไปยังห้องนอนของราชาโอบาเพราะหวังว่าที่นั่นจะมีข้อมูลลับอะไรบ้าง

โล่งโจ้งเกินไปแล้ว โล่งโจ้งที่เธอหมายถึงไม่ใช่สภาพห้องแต่เป็นข้อมูลสำคัญหลาย ๆ อย่าง รูปภาพครอบครัวก็ไม่มี ของที่ระลึกภรรยาหรือลูก ๆ ก็ไม่มี แม้แต่แค่บันทึกทั่ว ๆ ไปก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

เป็นพวกไม่ใส่ใจใครของแท้เลยนี่ ไอ้คนแบบนี้ไม่มีทางเป็นคนเก็บข้อมูลสำคัญแน่ ๆ ข้อมูลพวกนั้นคงจะอยู่ที่เลขาไม่ก็เจ้าหน้าที่รัฐ

“น่าหงุดหงิดจริง ๆ เลยเว้ย ! ผู้กล้ากลับมาทั้งทีแต่ดันไม่มารายงานตัวหรือทักทายเลยด้วยซ้ำ แถมยังแขนหักกลับมาอีก” ราชาโอบาบ่นเสียงดังให้เลขาของเขาฟัง

“ท่านผู้กล้าอาจจะฝึกหนักจนเจ็บตัวก็ได้ครับ เรายังฟันธงไม่ได้ว่าเป็นฝีมือพวกกบฏ”

“เหอะ ถ้าผู้กล้าแขนหักก็คงจะฝึกได้ช้าลงแต่ก็เป็นผลดีที่การคัดสรรสวรรค์อาจจะมองข้ามตัวผู้กล้า เพราะหากการคัดสรรสวรรค์เลือกผู้กล้าเราก็จะเสียบุคคลทรงคุณค่าไปทันที”

“ผมเองก็เห็นด้วยครับ แล้วท่านจะไปหาผู้กล้าฟรานไหมครับผมจะได้จัดเตรียมรถม้าและนัดแนะเวลาให้”

โอบาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่ตกแต่งด้วยเครื่องเพชรจำนวนมาก

“เอาสิ เสร็จเมื่อไรก็ค่อยมาตามฉันแล้วกัน”

วินาทีที่เลขาของโอบาเดินออกจากห้องซีโร่ก็แทรกตัวออกไปพร้อม ๆ กัน เธอใช้จังหวะการก้าวเดินของเลขาเพื่อกลบเสียงของตนเองและตามไปเรื่อย ๆ เพื่อหาข้อมูลสักอย่างที่พอจะมีประโยชน์

เว้ยเอ๊ยเขาออกไปข้างนอก แล้วเราจะไปค้นที่ไหนต่อดีล่ะเนี่ย

ซีโร่วิ่งวุ่นไปทั่วราชวังพยายามหาข้อมูลลับให้ได้แต่ก็ยังไม่เป็นผล แม้เธอจะหาข้อมูลคลังกับจำนวนทหารได้แต่ของพวกนี้ซึฮากิก็อาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้นเธอจึงดั้นด้นสืบค้นต่อไปจนไปหยุดอยู่หน้าห้องปิดตายที่เป็นห้องของราชินี

ห้องของคุณวิกตอเรียสินะ จนถึงตอนนี้พวกเขาคงคิดว่าเธอตายไปแล้ว พอคิด ๆ ดูมันก็เหมือนกับเราเลยนี่

แม้แต่บานประตูยังมีฝุ่นเขรอะสภาพภายในห้องก็มีแต่หยากไย่ พวกเขาปิดตายห้องของราชินีที่เคยชี้นำอาณาจักรราวกับไม่มีเยื่อใย ถ้าหากเธอกลับมาเห็นก็คงจะเสียใจไม่น้อย

ห้องค่อนข้างเรียบง่าย มีเตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น หรือราชาโอบาจะขนของของราชินีออกไปด้วย

ระหว่างที่ค้นตรงโน้นตรงนี้เธอก็ได้พบกับกล่องเหล็กที่วางไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง มันเป็นบันทึกชีวิตประจำวันที่ดูไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มันเป็นเรื่องราวอันแสนเรียบง่ายในชีวิตประจำวันของราชินีแต่หากเทียบกับคนทั่วไปก็คงจะยิ่งใหญ่เกินไป

โห่ เป็นคนที่ขยันจริง ๆ นะ

ตื่นเช้าออกไปฝึก พอช่วงสายก็ไปสอนพวกทหารองครักษ์ต่อ ในช่วงพักเที่ยงที่คนอื่นไปหาอาหารกินแต่เธอกลับใช้ช่วงเวลานั้นฝึกต่อโดยไม่กินข้าวเลยแม้แต่คำเดียว เมื่อถึงช่วงบ่ายก็จะออกตรวจงานบริหาร ตกเย็นก่อนกลับราชวังเธอก็ยังไปฝึกต่อและหลังจากฝึกเสร็จเธอถึงจะกินข้าวครั้งแรกและครั้งเดียวของวันนั้น

สุดโต่งเสียจริง หรือเพราะเธอทำแบบนั้นถึงได้แข็งแกร่งจนเป็นที่น่าหวั่นเกรงของอาณาจักรอื่น แต่ดูจากตารางงานที่ยุ่งตลอดทั้งวันก็เลยทำให้เธอตัดสินใจหนีและละทิ้งตำแหน่งราชินี ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อการก้าวข้ามเลเวลเก้า

“มีใครมาเปิดประตูห้องท่านวิกตอเรียเหรอ?” ทหารองครักษ์ที่กำลังเดินเปลี่ยนเวรผ่านมาเห็นรอยฝุ่นที่หายไปจึงเอ่ยถามเพื่อน ๆ ที่มาด้วยกัน

“ท่านโอบาหรือเปล่า? ท่านอาจจะคิดถึงท่านราชินีก็ได้ใครจะไปรู้”

“นั่นสินะ เป็นใครก็คิดถึงท่านวิกตอเรียกันทั้งนั้นนั่นแหละ ด้วยพระปรีชาสามารถทำให้ทหารแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว การบริหารจัดการก็เก่งจนคลังมีเงินทุนมากมาย...แต่ดูตอนนี้สิ”

เพื่อนของเขาเอามือปิดปากไว้ก่อนจะเอ่ยคำนั้นออกมา “ขืนพูดว่าราชาโอบาไม่ได้เรื่องเดี๋ยวก็โดนตัดหัวหรอก”

“นั้นสินะแต่นายก็พูดไปแล้วนี่”

“จริงด้วย…” แทนที่จะเป็นเดือดเป็นร้อนพวกเขากลับหัวเราะคิกคักไม่ได้สนใจสิ่งที่ตนเองพูดไปเลย

มีคนนับถือว่าเป็นราชาจริง ๆ สักกี่คนเนี่ย แถมการหายตัวไปของราชินีวิกตอเรียก็ทำให้เหล่าขุนนางเริ่มมีอำนาจมากขึ้น ประกอบกับราชาที่ไร้ซึ่งความสามารถก็ยิ่งมีโอกาสเสื่อมถอยของราชวงศ์มากขึ้นไปอีก

เมื่อหาเอกสารหรือข้อมูลสำคัญไม่ได้เธอก็ทำได้แค่ฟังคนในราชวังคุยกันเผื่อจะมีข้อมูลดี ๆ บ้าง

เวลาได้ล่วงเลยไปหลายชั่วโมงจนกระทั่งมีเสียงระเบิดดังลั่นมาจากลานฝึกซ้อม นอกจากเสียงระเบิดกำแพงของลานฝึกซ้อมก็พังทลายเละเทะไปหมด

“เอาอีกแล้วไอ้พวกเด็กบ้า ฉันขี้เกียจมาคอยตามเช็ดผลงานของพวกแกนะเว้ย !” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบตรงไปยังที่เกิดเหตุ แต่แทนที่จะเป็นการเล่นซนของเด็กนักเรียนกลับเป็นสองหนุ่มกำลังดวลพลังกันอย่างบ้าคลั่ง

เปลวเพลิงลุกโชนสูงเหนือลานฝึกซ้อมและกระแสลมก็พัดพามันให้กลายเป็นพายุไฟสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่เห็น

“บังเอิญว่าไฟใช้กับฉันไม่ได้ผลว่ะ” เซนโลดแล่นไปบนพายุไฟราวกับการโต้คลื่นทะเล

“จะพูดอะไรก็ลงมาก่อนสิวะ ไกลขนาดนี้ใครจะไปได้ยิน” ชาญเลิกสร้างพายุไฟและวินาทีที่เซนลอยค้างอยู่กลางอากาศเขาก็สร้างหินแหลมขนาดพอ ๆ กับรถยนต์ขว้างใส่

“โธ่ ! ไม่เห็นเหมือนในนิยายที่ตัวเอกกับตัวร้ายคุยกันได้ตลอดเลย” เซนใช้เทคนิคระเบิดสร้างการเคลื่อนไหวสั้น ๆ กลางอากาศหลบไปได้ และใช้เทคนิคเดียวกันเพื่อพุ่งเข้าหาชาญที่ยืนอยู่ข้างล่าง

“อย่าเอาเรื่องแต่งมารวมกับเรื่องจริงสิวะ แล้วก็ฉันนี่แหละตัวเอกส่วนนายมันตัวร้าย” ชาญวาดดาบลงพื้นตรงหน้าเพื่อสร้างกำแพงหินขึ้นมากันไว้

“ฉันต่างหากที่เป็นตัวเอก” เซนฟาดดาบเพลิงผ่ากำแพงหินเป็นสองส่วนแต่ตรงนั้นกลับไม่มีใครอยู่เลย

“นายมันไม่มีออร่าความเป็นตัวเอกเลยสักนิด พูดก็มาก เสียงก็ดัง ใครเขาจะชอบวะ” ชาญประยุกต์ใช้เวทมนตร์วายุเพื่อผลักตัวเองให้เคลื่อนไหวไปมาได้รวดเร็วขึ้น และจังหวะที่เซนกำลังจดจ่ออยู่กับกำแพงหินตรงหน้าเขาก็ได้อ้อมไปด้านข้างเพื่อชกหมัดที่ห่อหุ้มไปด้วยเสริมกำลัง

“ผิดแล้วเว้ย...” พูดไม่ทันขาดคำเซนก็โดนหมัดชกเข้าหน้าจัง ๆ จนกระเด็นทะลุกำแพงลานฝึกไปเลย

“ข้อไหนล่ะที่ผิด?” ชาญเดินตามไปช้า ๆ ไม่รีบปิดงานแต่กลับเฝ้ามองการดิ้นรนของเซน

“ตัวเอกน่ะ ต้องทำท่าเหมือนจะแพ้แล้วลุกขึ้นมาสู้จนชนะต่างหากล่ะ” แม้หมัดนั่นจะดูรุนแรงแต่สำหรับเซนมันก็แค่หมัดธรรมดาที่เคยได้รับจากแม็กซ์เท่านั้น ความโหดร้ายที่เขาได้เคยเผชิญมาเทียบไม่ได้กับการดวลเล็ก ๆ พวกนี้แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องการพิสูจน์และแก้แค้นในเวลาเดียวกัน

“นี่มันก็ครึ่งชั่วโมงแล้วนะที่พวกเขาสู้กัน” ซันนี่กล่าวขณะที่นั่งชมการต่อสู้อยู่ข้างลาน

“ปล่อยให้เจ้าพวกนั้นสนุกไปเถอะ” ซากิกวาดสายมองการเคลื่อนไหวและพยายามวิเคราะห์เพื่อหาทางสู้แต่ขณะเดียวกันคานะก็ได้เดินเข้าไปกลางวงมรสุมนั้น

“จำที่กิบอกไม่ได้เหรอ?” คำพูดเพียงไม่กี่คำก็ทำให้เซนสะดุ้งตกใจ ท่าทางองอาจเหล่านั้นหายไปเหลือเพียงความนอบน้อมพร้อมรับฟัง

“โทษทีพอดีว่ามันเพลินไปหน่อย” พอรู้สึกตัวอีกทีก็มีคนมองอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบลานฝึก

“ดูเหมือนการดวลของเราจะทำได้ไม่ค่อยสะดวกนะ ก็นะที่นี่มันโรงเรียนนี่” ชาญยักไหล่กล่าว

“ไม่เอาน่าอย่าพึ่งถอดใจสิ ฉันพอจะมีที่ที่ใช้ดวลกันได้อย่างสบายใจอยู่” ซันนี่เดินเข้ามาด้านหลังและทิ้งมือลงบนไหล่ของคานะหวังจะทำให้ตกใจ

“ที่ไหนล่ะนั่น?”

“แหม ๆ สายตาแข็งกระด้างไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยนะ ตอนนั้นเธอเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยซ้ำ”

“ตอนนั้นฉันมันก็แค่เด็กน้อยไร้ความสามารถ แต่ตอนนี้ฉันเชื่อว่าตัวเองดีพอสำหรับคำว่าเก่งแล้ว”

“อืม ๆ ฉันชอบความมั่นใจนั่นนะ แต่เราควรจะทำยังไงกับลานฝึกที่เละเทะพวกนี้ล่ะ?”

“เอ่อ...แบ่งกันรับผิดชอบคนละครึ่งก็แล้วกันแต่ตอนนี้พวกฉันไม่มีเงินติดตัวหรอกนะ…” พูดไม่ทันขาดคำเธอก็เหลือบไปเห็นซึฮากิอยู่ปลายสุดสายตา

“เซน ! กิมาแล้ว !” คานะรีบตะโกนบอกเซนด้วยท่าทางร้อนรนเหมือนตอนแอบเล่นเกมแล้วอาจารย์กำลังเดินมา

“ซวยแล้ว ฉันไปละ !” เซนขุดดินมุดหนีอย่างกับตัวตุ่น ส่วนคานะที่เห็นว่าตนเองหลบไม่ทันแล้วจึงยืนนิ่งเพื่อรอรับฟังบทลงโทษ

แม้จะเห็นอยู่สุดขอบท้องฟ้าแต่ไม่ถึงนาทีซึฮากิและฟรานก็เดินมาถึงพวกเขาเสียแล้ว กิริยาท่าทางออดอ้อนของฟรานที่พยายามเดินตัวชิดกับซึฮากิทำให้พวกซันนี่ประหลาดใจ

“ฟรานจ้า ! ไม่เจอกันนานเลย” แต่ไม่ทันไรซันนี่ก็กระโดดกอดฟรานรัดจนเกือบโดนแขนที่หักไปด้วย

ฟรานเองก็รับกอดนั้นไว้อย่างอบอุ่นพร้อมด้วยเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจ “พอได้แล้วน่า หายไปแค่แป๊บเดียวเอง”

ระหว่างที่ฟรานกับซันนี่กำลังกอดกันซึฮากิก็เดินไปหาคานะแทน สายตาเรียบนิ่งที่เดาไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไรทำให้คานะยืนตัวตรงเหมือนทหารและมองหน้าซึฮากิไว้ทุกวินาที

“ยังติดเล่นเหมือนเดิมสินะเซน ดูจากรอยการปะทะคงจะออมแรงไว้แต่สุดท้ายลานฝึกมันก็เล็กเกินไปจนลามมาถึงด้านนอก” ซึฮากิเดินไปหยุดอยู่เหนือรูที่เซนขุดหนี

“ถ้าทำของเสียหายก็ต้องจ่ายคืนสิ” ซึฮากิเหลือบมองชาญที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บอกเป็นนัยว่าต้องช่วยกันจ่ายคืน

“เหอะ ให้คนของลอแรนมาจ่ายให้ก็ได้”

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาตรวจสอบสภาพที่เสียหายแล้วเก็บกวาดให้เรียบร้อย ระหว่างนั้นซึฮากิก็ยังยืนรอเหนือรูที่เซนมุดหนีอยู่

“กิไปยัง?” เซนโผล่หัวออกมาแต่พูดไม่ทันขาดคำซึฮากิก็เอามือสับหัวเป็นการลงโทษ

“ออกมาพอดีเลย เห็นว่าพวกนั้นจะไปหาอะไรกินกันนายก็ไปร่วมด้วยสิ”

เซนกระโดดขึ้นมาจากหลุมและสะบัดตัวสลัดดินออกเหมือนหมา “ก็ดีเหมือนกันแต่ไม่ขอนั่งกับพวกนั้นนะ” เขายังคงจ้องแผ่นหลังของพวกชาญเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เลิก

“ตามใจเถอะ”

หลังจากเคลียร์ปัญหาเรื่องความเสียหายเสร็จ พวกเขาก็พากันไปหาอะไรกินซึ่งคราวนี้ซันนี่เป็นคนแนะนำร้านให้เอง

“ว่าแต่…นี้มันไม่ใช่ร้านอาหารนี่” เซนขมวดคิ้วหงุดหงิดที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับพวกชาญ

ห้องอาหารหรูที่มีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง รอบ ๆ กันนั้นจะมีแม่บ้านพ่อบ้านคอยบริการทุกอย่างตั้งแต่เสิร์ฟอาหารไปจนถึงเช็ดซอสที่หกเลอะ

“นี่บ้านเธอเหรอ?” ฟรานถาม

“ไม่ใช่ ๆ แต่ฉันสามารถเข้ามาพักอาศัยได้ทุกเมื่อ พอดีว่าช่วงที่เธอไม่อยู่มีผู้สนับสนุนมายื่นข้อเสนอให้ ชาญเองก็ได้รับเหมือนกัน”

“โห่ สปอนเซอร์สินะ ถึงจะบอกว่าไม่ได้เป็นเจ้าของแต่ก็มีสิทธิ์ใช้งานสิ่งต่าง ๆ และอยู่อาศัยได้เหมือนเจ้าของเลยนี่”

“สะดวกดีใช่ไหมล่ะ แล้วก็ด้านหลังยังมีลานฝึกกว้าง ๆ ด้วยนะ ถ้าเป็นที่นั่นก็จะดวลกันได้โดยไม่มีใครเดือดร้อน…มั้งนะ”

เมื่ออาหารเริ่มเสิร์ฟพวกเขาก็ได้ลองลิ้มรสชาติฝีมือพ่อครัวของตระกูลลอแรน อาหารรสเลิศที่ปรุงและจัดจานมาอย่างประณีตราวกับงานศิลป์ที่เอาไว้แสดงในพิพิธภัณฑ์เสียมากกว่า ความหรูหราของมันมากเสียจนเซนและคานะไม่กล้าแตะแม้ท้องจะเรียกหาก็ตาม

“จะไม่เก็บเงินเราย้อนหลังใช่ไหม?” เซนถามด้วยท่าทางเกร็ง ๆ

“ไม่หรอกน่า สำหรับขุนนางก็กินอาหารแบบนี้กันเป็นปกติอยู่แล้ว ฉันก็ไม่ได้มารบกวนบ่อยขนาดนั้นด้วย”

พอซันนี่พูดจบก็มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามา

“คุณซันนี่มาเหรอครับ?” ชายวัยกลางคนเดินเข้าห้องมาด้วยรอยยิ้มเบิกบานแพร่ออร่าความสดใสไม่หยุด

“สวัสดีค่ะคุณอลัน” ซันนี่ลุกขึ้นยืนกล่าวทักทายและผายมือเชิญนั่งที่หัวโต๊ะ

“โห่ ! นี่คือเพื่อน ๆ ของคุณซันนี่เหรอครับและนั่นก็ท่านผู้กล้านี่ครับ” ชายผู้เบิกบานเดินไปจับมือทักทายทุกคนรอบโต๊ะไม่เหมือนภาพขุนนางที่คิดไว้เลยสักนิด

สุดท้ายเขาก็ได้เข้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน ท่าทางอันเป็นมิตรที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสทำให้สนิทกับฟรานได้อย่างรวดเร็ว

อลัน ลอแรน เจ้าตระกูลลอแรนที่เป็นตระกูลจอมเวท จะบอกว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีพลังอำนาจและกองกำลังของตนเองเป็นอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรเลยก็ว่าได้ ถ้าหากจะมีการกบฏและขึ้นครองราชย์แทน ลอแรนก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยเช่นกัน

“เฮ้พวก ! อาหารไม่อร่อยเหรอ?” ซันนี่ถาม

“ไม่ ๆ อาหารอร่อยดี” ฟรานเป็นตัวแทนตอบแต่สีหน้าเธอกลับเต็มไปด้วยความสงสัย และขณะเดียวกันพ่อครัวที่ได้ยินก็เหงื่อตกคิดหนักว่าทำไมอาหารของตนถึงทำให้พวกผู้กล้าพอใจไม่ได้

“บอกได้เลยนะครับถ้ารสชาติไม่ถูกปาก คนนอกอาจจะชอบรสชาติคนละแบบกับคนในตระกูลก็ได้” พ่อครัวเดินเข้ามาถามถึงที่แม้จะยังกำหมัดแน่นเพื่อควบคุมตนเองไม่ให้อารมณ์พาไป

“อา...จะว่ายังไงดีนะ กิจังช่วยพูดอะไรหน่อยสิ” ฟรานสะกิดไหล่ซึฮากิไม่หยุดโดยที่ยังปั้นหน้ายิ้มให้พ่อครัวสบายใจอยู่

“ให้เซนพูดคงจะเข้าใจกว่า” ซึฮากิเหลือบมองเซนส่งต่อความอึดอัดไปให้

เซนยกนิ้วโป้งให้พ่อครัวและเอ่ยมันออกมา “ก็กินได้” เพียงแค่คำพูดสั้น ๆ มันก็ทำให้พ่อครัวทรุดลงไปนั่งซึม

“ทำไมล่ะครับ? ผมทำอะไรพลาดเหรอครับ? ผมได้เรียนมาจากโรงเรียนทำอาหารชื่อดังของแอสต้าเลยนะครับ”

“โดยปกติมันก็ไม่มีอะไรพลาดหรอก ก็แค่เรากินของที่มันสุดยอดมาตลอดแล้วพอมากินของธรรมดาก็เลยรู้สึกเฉย ๆ” ยิ่งพูดพ่อครัวก็ยิ่งซึมเศร้าแทบจะร้องไห้ ดวงตาแดงก่ำกำลังเงยหน้ามองคนที่กำลังกินอาหารของตนด้วยท่าทางเฉยชาไม่รู้สึกว้าวกับอาหารที่ตั้งใจทำ มันยิ่งทำให้เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.