บทที่ 6...1/3
พวงมาลัยรถสะบัดหมุนในวินาทีนั้น ชานนตรึงพวงมาลัยรถไว้พร้อมกับเหยียบเบรก ปรานต์กระโจนไปที่คอโซลหน้ารถแล้วคว้าปืนมาถือไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในสองวินาทีกระมัง จอมขวัญก็ไม่แน่ใจพอหันมามองคนในรถ ทุกคนก็อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมหากถูกจู่โจมจากมือปืนสักคนแล้ว รถจอดสนิท ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบหลักจากเสียงตูมสนั่นนั้น จอมขวัญมองไปรอบตัวก่อนจะถาม
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
ปรานต์จะเปิดประตูลงไป แต่ชานนคว้าแขนไว้แล้วส่ายหน้า
“เดี๋ยวผมจะลงไปดูเอง”
ปรานต์พยักหน้าไม่อยากให้ชานนทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่เพราะต้องมาคอยคุ้มกันเขาไปด้วย อีกทั้งตอนนี้จอมขวัญควรมีเขาคอยคุ้มกัน
ชานนเปิดประตูรถแล้วลงไปอย่างระแวดระวัง ก่อนจะปิดประตูรถ ห่างออกไปพอสมควรรถอีกคันที่ติดตามปรานต์มาห่างๆ เพื่อคุ้มกันก็เจอปัญหาบางอย่างเช่นกัน ปรานต์มองชานนทุกฝีก้าวที่ก้าวเดินพร้อมกับส่องปืนคอยคุ้มกัน
จอมขวัญเพิ่งรู้ในวินาทีนี้ เหตุผลที่ปรานต์พกปืนเพราะแบบนี้เอง ไม่ใช่เพราะอยากทำตัวเหมือนมาเฟียที่เธอเคยเห็นในหนัง แต่เพราะอันตรายจะเกิดขึ้นกับเขาเมื่อไหร่ก็ได้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะทำไมถึงเหงื่อออกขนาดนี้ แถมยังหน้าซีดอย่างกับไก่กำลังถูกต้ม” จอมขวัญชี้ไปที่ขมับที่มีเหงื่อซึมของปรานต์
“หน้าผมเหมือนไก่ตรงไหนกัน” ปรานต์ถาม แต่สายตายังคงมองไปที่ชานนตลอดเวลา เขาจะพลาดไม่ได้ หากเสียงปืนดังขึ้น เขาจะคุ้มกันชานนและจอมขวัญไปพร้อมกัน
“ฉันก็พูดไปเรื่อยเท่านั้นเองค่ะ คุณบอกมาสิคะว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
ปรานต์ขยับเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก แต่สายตายังคงมองคนของเขา แม้สถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะปลอดภัยไม่มีใคร แต่มีบางอย่างทำให้รถมีปัญหา เขาเห็นชานนก้มๆ เงยๆ ที่ล้อหลังทั้งสองล้อ ชายหนุ่มสูดหายใจพลางเลื่อนกระจกลงเพราะมีอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเขาแน่ๆ
“ผมหายใจขัดๆ ยังไงก็ไม่รู้ คุณช่วยแกะกระดุมเสื้อให้ผมที มันอึดอัดเหลือเกิน”
จอมขวัญช่วยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้ปรานต์ทันที ชายหนุ่มนั่งพิงกับเบาะพยายามสูดหายใจ สายตาของเขามองไปยังใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังช่วยปลอดกระดุมให้ ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปยังขวดน้ำที่เขาดื่มไปหลังจากขึ้นมาบนรถได้ไม่กี่นาที ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรผิดปกติ
“มีคนมาโรยตะปูเรือใบไว้ครับ คงต้องเปลี่ยนยางก่อน” ชานนชะโงกหน้าเข้ามาในรถ “คุณปรานต์เป็นอะไรไปครับ”
“คุณปรานต์มีโรคประจำตัวหรือเปล่าคะ” จอมขวัญถามพลางมองหาบางอย่าง
“ไม่มีครับ คุณปรานต์ แข็งแรงดี”
“ถ้างั้นก็น่าแปลก อาการของคุณปรานต์เหมือนแพ้อาหารหรือไม่ก็อาจถูกวางยานะคะ”
ปรานต์พยักหน้าพลางชี้ไปยังขวดน้ำที่เขาเพิ่งดื่มไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน จอมขวัญเปิดโทรศัพท์เพื่อทำอะไรสักอย่างสลับกับมองใบหน้าที่กำลังซีดของปรานต์
“ท่าจะไม่ดีแล้วล่ะครับเพราะรถติดตามก็ถูกโรยตะปูเรือใบเหมือนกัน” ชานนเปิดแอพพลิเคชั่นเพื่อหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด “คุณปรานต์ตั้งสติไว้ ผมพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด”
“คุณปรานต์ คุณปรานต์ลงมาจากรถนะคะ”
“คุณจะทำอะไรครับ” ชานนถามพลางช่วยประคองปรานต์ลงมาจากรถ ทีมคุ้มกันจึงมายืนล้อมไว้เพราะตอนนี้ไว้ใจอะไรไม่ได้แล้ว
จอมขวัญเปิดกระเป๋าเป้ของตัวเอง แล้วหยิบนมกล่องที่เธอมักมีติดกระเป๋าเสมอมาใส่มือให้ชานนที่รับไปพร้อมกับมองเธออย่างไม่เข้าใจนัก ชายหนุ่มละล้าละลังเพราะไม่แน่ใจว่าควรทำตามที่จอมขวัญบอกหรือรีบพาปรานต์ไปโรงพยาบาลก่อน
“คุณชานนช่วยกรอกนมในกล่องใส่ปากคุณปรานต์ทีนะคะ ตอนนี้ทำยังไงก็ได้ให้คุณปรานต์อ้วกออกมา ฉันเคยผ่านการอบรมการปฐมพยาบาลและกู้ชีพเบื้องต้น เรื่องพวกนี้ฉันเลยพอจะมีความรู้อยู่บ้างค่ะ” จอมขวัญอธิบายไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครเชื่อใจเธอ ต้องขอบคุณนพดลที่จัดให้มีการอบรมเรื่องพวกนี้เพราะมันอาจได้ใช้ในชีวิตประจำวันเมื่อไหร่ก็ได้ “อีกเดี๋ยวรถกู้ภัยที่ฉันโทรหาคงมาถึงค่ะ พอดีว่าฉันมีเพื่อนเป็นกู้ภัยอยู่แถวๆ นี้”
ปรานต์มองจอมขวัญแล้วหยิบนมขึ้นมาดื่มเอง ตอนนี้เขายังมีสติมากพอให้ทำแบบนี้ได้ ไม่ว่าเขาจะถูกวางยาด้วยสารเคมีอะไร ตอนนี้เขาต้องไม่ตาย ชานนช่วยประคองปรานต์ที่กำลังล้วงคอให้ตัวเองอ้วกออกมา จอมขวัญเปิดกระเป๋าแล้วหากระดาษทิชชู่กับน้ำดื่มมารอ ปรานต์อ้วกจนไม่เหลืออะไรในกระเพาะแล้ว ชายหนุ่มนั่งพิงกับรถพลางหายใจหอบๆ จอมขวัญส่งน้ำให้เขา
“น้ำขวดนี้ของฉันเองค่ะ ปลอดภัย”
ปรานต์รับน้ำไปดื่มกลั้วปาก แล้วบ้วนทิ้งอยู่หลายครั้ง ก่อนจะดื่มน้ำตามไป จอมขวัญส่งกระดาษทิชชู่ให้ปรานต์ที่รับมาเช็ดปากตัวเองยังหอบเบาๆ ชานนช่วยประคองนายหัวของเขาเมื่อได้ยินเสียงไซเรนของรถที่กำลังมาถึง
รถกู้ภัยจอดลงด้านหน้ารถของปรานต์ จอมขวัญคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองแล้วเดินตามกู้ภัยที่ช่วยประคองปรานต์ไปที่เปลนอนภายในรถ เขานอนลงแล้วทีมงานกู้ภัยก็ช่วยกันตรวจร่างกายของเขา ชานนพูดบางอย่างกับกู้ภัยแล้วเปิดประตูไปนั่งข้างคนขับ แล้วเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยกัน
“นนอยู่ที่ไหน ทำไมคุณถึงอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ” ปรานต์ลืมตามองมาไม่คิดว่าคนที่อยู่กับเขาในตอนนี้นอกจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยแล้วจะเป็นจอมขวัญ
“คุณชานนอยู่กับพี่คนขับรถน่ะสิคะ คุณนอนเฉยๆ นะอีกประเดี๋ยวเดียวก็จะถึงโรงพยาบาลแล้ว ยังรู้สึกแน่นหน้าอกหรือหายใจไม่ออกอยู่อีกไหมคะ”
เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยักหน้ากำลังจะถามอยู่พอดี ปรานต์มองปราดเดียวก็รู้ว่าจอมขวัญคงรู้จักเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่คอยดูแลเขาอยู่ในตอนนี้
“แน่นหน้าอกอยู่ แต่พอทนได้ ผมขอนั่งได้ไหม”
จอมขวัญหันไปมองพี่กู้ภัยที่รู้จักกันมาหลายเดือนเพราะเธอเคยมาทำข่าวแถวนี้แล้วรถล้มจากการขี่มอเตอร์ไซค์ อุบัติเหตุในคราวนั้นทำให้ได้เพื่อนต่างวัยจนถึงวันนี้
“นอนดีกว่าค่ะ”
ปรานต์พยักหน้าเพราะเขารู้สึกได้เองว่าร่างกายอ่อนเพลียและปวดไปทั้งตัว จอมขวัญเห็นเหงื่อที่ซึมเต็มหน้าผากของปรานต์ก็อดไม่ได้ช่วยซับให้
“ทนอีกนิดนึงนะคะพี่กู้ภัยบอกว่าใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้ว”
“ถ้าผมหลับตาไป คุณรีบปลุกผมนะ” ปรานต์บอกจอมขวัญด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขายังตายไม่ได้ มีหลายอย่างในชีวิตที่เขาต้องทำก่อนถึงจะยอมตาย
“ทำไมล่ะคะ”
“ผมกลัวว่าจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก”
ไม่มีใครอยากตายหรอก จอมขวัญอยากบอกปรานต์ไปแบบนั้น แต่เพราะสายตามุ่งมั่นราวกับมีบางอย่างที่เขาวาดหวังไว้ ทำให้เธอเปลี่ยนคำพูด
“คุณไม่ตายหรอกค่ะ ฉันเคยช่วยหมา ช่วยแมวมาตั้งเยอะ ไม่เคยตายเลยสักตัว”
ปรานต์ขมวดคิ้วใส่ยัยน้องเชยที่ไม่เชยแล้วของเขา เธอจะพูดให้เขาสบายใจด้วยการเปรียบเทียบกับอะไรที่มันดีกว่านั้นไม่ได้หรือไง
“ผมควรจะดีใจหรือเปล่า ผมไม่ใช่หมา ไม่ใช่แมวนะ เอามาเปรียบกันได้ยังไง”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิคะ แต่ว่าคุณยังหายใจได้ พูดได้ว่าเจ็บตรงไหน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเก่ง” จอมขวัญยกนิ้วโป้งให้พี่กู้ภัยแล้วยิ้มกว้าง ก่อนชี้ออกไปทางกระจกรถ “นั่นๆ ฉันเห็นป้ายของโรงพยาบาลแล้วค่ะ เห็นไหมสถิติของฉันยัง 100 เปอร์เซ็นต์แน่นอน”
ปรานต์เม้มปากเริ่มอ่อนใจระคนเอ็นดู ผู้หญิงแบบนี้น่ะหรือที่พ่ออยากให้เขาแต่งงานด้วย คุยไม่กี่ประโยคก็ปวดหัวแล้ว แต่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในตอนนั้น จอมขวัญกลับมีสติและหาทางช่วยเขาให้หนักเป็นเบา แม้จะน่าปวดหัว แต่น่าสนใจระคนน่ารำคาญ
ปรานต์รำคาญจอมขวัญ แต่ก็เอ็นดูด้วย แกกำลังสับสนอะไรหรือเปล่า
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 125
แสดงความคิดเห็น