บทที่ 1...3/3
ชานนมารอรับปรานต์อย่างกับนั่งทางในจนรู้ว่าเจ้านายจะมาถึงกี่โมง แต่เรื่องแบบนั้นไม่มีหรอกนอกจากคฑาจะโทรไปบอกให้ลูกชายนอกไส้ที่รักอย่างกับลูกอีกคนในทันทีที่วางสายจากปรานต์ นายหัวปรานต์ ตามที่คนงานเรียกลงมาจากเรือก็เดินหน้าบอกบุญไม่รับไปที่สำนักงานแทนที่จะเป็นบ้านเผื่อว่าจะได้หลับสักงีบ ชานนเดินตามมาเงียบๆ อย่างรู้ทันว่าปรานต์ไม่ได้โมโหใครหรอกนอกจากไม่อยากถูกจับแต่งงาน
“ถ้าคณะเยี่ยมชมมาถึงแล้วก็ไปบอกฉันแล้วกันนะนน” ปรานต์สั่งก่อนจะเข้าห้องทำงาน แล้วปิดประตูเงียบกริบ
เพียงครู่เดียวชานนก็เคาะประตูเพื่อเข้ามาวางแฟ้ม แล้วออกไปทันที ปรานต์วางมือจากแฟ้มงานที่มาวางรอแล้วเปิดหารายชื่อของคณะเยี่ยมชมอย่างสนใจพลางจดชื่อที่น่าจะเข้าเค้าของว่าที่เจ้าสาว โชคดีที่มีผู้หญิงในคณะเยี่ยมชมแค่สามคนทำให้ไม่เสียเวลามากนัก
“หนึ่งในสามคนนี้แน่ๆ มินตรา ปริญดา จอมขวัญ คนไหนก็ไม่รู้ แต่ไม่น่าจะพูดยาก”
ปรานต์ยิ้มกริ่มเริ่มสบายใจเพราะเรื่องการต่อรองเขาไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว ถ้าเสนอเงินแล้วไม่ได้ผลคงต้องใช้บอดี้การ์ดให้เป็นประโยชน์ หรือไม่บางทีทั้งสามคนนี้อาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ แต่เพื่อความไม่ประมาทเขาต้องมีแผนสองไว้ คนแรกที่เขาคิดถึงไม่มีใครนอกจากจารวี โดยไม่รอช้าเขารีบโทรหาเพื่อนทันที
“มีอะไรน่ะปรานต์ถึงได้โทรมา”
จารวีขมวดคิ้วใส่โทรศัพท์เพราะครั้งล่าสุดที่ปรานต์โทรกลายเป็นว่าคนงานขาหัก ยังไม่รวมก่อนหน้านี้ที่มีใครหัวแตก สรุปเขาโทรหาเธอเมื่อไหร่ต้องมีใครสักคนบาดเจ็บทั้งนั้น
“อย่าบอกนะว่ามีใครเป็นอะไรอีก”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
จารวีถอนใจค่อยโล่งอก “ถ้างั้นคงเรื่องผลตรวจเลือดล่ะสิ สบายใจหายห่วงย่ะนายปลอดโรค เย็นนี้รวีจะเอาผลตรวจไปให้คุณลุงก่อนไปทำงานพอดี”
ปรานต์ยิ้มร่า “งั้นหรือ เย็นนี้มาเจอกันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องให้รวีช่วยสักหน่อย ก่อนมาหาพ่อฉันช่วยลางานสักสองวันด้วยนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเสียเวลา ฉันจัดการให้เอง”
กริ่งเตือนภัยในสมองของจารวีดังระงม ถ้าเรื่องดีงามน่ะหรือปรานต์คงไม่มาชวนเธอหรอก
“นึกอะไรขึ้นมา บอกมาก่อนเลยปรานต์ว่าจะให้รวีทำอะไร ถ้าไม่มีเหตุผลก็อด”
“มาแกล้งเป็นแฟนฉันสักสองวันสิ” ปรานต์ขออย่างกับสั่งกาแฟช่างง่ายดาย ทว่าคนฟังแทบสะอึก
“กินยาไม่ได้เขย่าขวดหรือไง ได้ข่าวว่าคุณลุงกำลังหาเจ้าสาวให้ปรานต์อยู่ไม่ใช่เรอะ”
ปรานต์ถอนใจใส่โทรศัพท์จงใจให้จารวีได้ยิน เขานึกอยู่แล้วเชียวว่าพ่อต้องหาทางตัดแข้งตัดขาไม่ให้มีทางหนีการแต่งงาน แต่จารวีเคยปฏิเสธเวลาที่เขาขอให้ช่วยเสียที่ไหนล่ะ
“ก็นั่นแหละ เถอะน่ามาช่วยกันหน่อย ฉันยังไม่อยากแต่งงาน มาเป็นไม้กันแมวให้หน่อย”
จารวีหัวเราะชอบใจอย่างน้อยปรานต์ก็ยังอุตส่าห์จำได้ว่าเธอรักแมวอย่างกับลูก แต่ทั่วจังหวัดกระบี่ไม่มีผู้หญิงให้ปรานต์ชวนไปเล่นเป็นแฟนปลอมๆ แล้วหรือไง
“ปรานต์ไปขอให้ยัยรชาช่วยสิ รับรองยัยรชาเต็มใจเป็นแฟนจริงๆ ไม่ต้องมาปลอมให้เหนื่อย”
แค่คิดก็ปวดหัวแล้วสำหรับปรานต์ คงมีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่มองไม่ออกว่านิรชาคิดกับเขายังไง แต่ให้ตายเถอะ ต่อให้ผู้หญิงหมดโลกเขาก็ไม่มีทางเป็นแฟนกับนิรชาเด็ดขาด ผู้หญิงที่สวมวิญญาณนักล่าช่างน่ากลัวสำหรับผู้ชายเสมอ
“ไม่เอา เดี๋ยวเรื่องได้ยุ่งกว่าเดิม ถ้าเป็นรวีก็สบายใจได้ว่าฉันจะไม่มีแฟนแบบไม่ได้ตั้งใจแน่นอน น่านะ น้องสาวคนดีช่วยพี่คนนี้ไม่ได้หรือไง”
“ทีอย่างนี้ล่ะอยากให้เป็นน้องขึ้นมาเชียว” จารวีหัวเราะสะใจ ถ้าปรานต์ลงทุนอ้อนเสียงหวานแบบนี้ใครจะไปใจแข็งได้ตลอดรอดฝั่งกันล่ะ “ก็ได้ ถ้าคุณลุงไม่มาเฉ่งปรานต์จนเรื่องแตกก็น่าสนุกดี”
ปรานต์ดีดนิ้วเปาะนึกไว้อยู่แล้วเชียวว่าแค่ทำเสียงอ้อนๆ แล้วอ้างเรื่องแมวก็ทำให้จารวีใจอ่อนได้แล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่หาให้ได้ว่าหนึ่งในสามสาว ใครเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาซึ่งไม่น่าจะยากสักเท่าไหร่ พ่อชอบผู้หญิงเรียบร้อยและอยู่ในโอวาท คนไหนหัวอ่อนที่สุดนั่นแหละเป้าหมายของเขา
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ศกซึ่งรับหน้าที่ดูแลต้อนรับลูกค้าและแขกที่เข้ามาเยี่ยมชมจะเข้ามา แล้วบอกปรานต์ว่า
“คณะเยี่ยมชมมาแล้วครับ ตอนนี้อยู่ที่ห้องประชุมผึ่งแอร์กันอยู่ นายหัวจะไปกล่าวต้อนรับเลยไหมครับ”
ปรานต์พยักหน้าก่อนจะขอตัวไปล้างหน้าให้สดชื่นสักหน่อย ถึงจะไม่เหมือนไปออกศึก แต่ถ้าเขาพลาดงานนี้ต่อให้แม่ทัพที่เก่งที่สุดก็อาจแพ้ได้ หากไม่รู้ว่าเป้าหมายเป็นใครกันแน่ ถ้ารู้ได้เร็วการเจราจาจะได้เริ่มขึ้นทันที
ภายในห้องรับรองกำลังเย็นสบายและเพียงพอสำหรับรองรับคณะเยี่ยมชมจำนวนเก้าคนได้ ปรานต์ยังไม่เข้าห้องไปทันที แต่มองผ่านประตูกระจกเพื่อหาเป้าหมายซึ่งก็คือสามสาวที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวที่สอง ทั้งสามคนคุยกันอย่างสนิมสนมซึ่งไม่ค่อยดีสำหรับเขานัก เพราะการแยกให้ใครคนหนึ่งออกมาจะกลายเป็นอุปสรรค แล้วเขาจะถามเรื่องหมั้นหมายยังไงล่ะ ชายหนุ่มถอนใจเมื่อถึงเวลาเขาคงหาวิธีจนได้นั่นแหละ
ปรานต์เปิดประตูกระจกเข้าไปแล้วยืนอยู่ครู่หนึ่งหลังจากศกแนะนำว่าเขาเป็นใครจึงเดินไปยืนข้างหน้า แล้วรับไมโครโฟนมาเพื่อกล่าวต้อนรับตามหน้าที่
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับทุกคนที่เดินทางมาฟาร์มมินธรา ผมจะทำให้สองวันของทุกคนเต็มไปด้วยสาระ ความรู้และความสนุกท่ามกลางธรรมชาตินะครับ ถ้ามีคำถามอะไรสามารถถามผมหรือพนักงานได้ทุกคน ฟาร์มของเรายินดีต้อนรับผู้ที่รักธรรมชาติเสมอ”
เกิดรอยยิ้มเป็นมิตรจากคณะเยี่ยมชมซึ่งแน่นอนว่าปรานต์ยิ้มให้อย่างมีไมตรีเช่นกัน ทั้งสามสาวยิ้มให้เขาทันทีซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี มินตรายกมือขึ้นหลังจากมองไปรอบๆ ห้องแล้วไม่มีใครถามอะไรสักคน ปรานต์มองแล้วยิ้มกระชากใจใส่ ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มชวนฟัง
“เชิญถามได้เลยครับ”
“ถ่ายรูปได้ไหมคะ” มินตราถาม
“ได้แน่นอนครับ ที่นี่ไม่มีความลับอะไร”
มินตรายิ้มกว้างให้ปรานต์ ก่อนจะหันไปกอดแขนของหญิงสาวในชุดเฉิ่มๆ ที่มีกล้องอยู่ในมือ
“ถ้างั้นก็เข้าทางเลยเนอะพี่จอม”
“สบายเลย พี่มีนางแบบตั้งสองคน เดี๋ยวออกจากห้องแล้วก็ไปเตรียมท่าโพสต์รอเลยแล้วกัน” จอมขวัญหัวเราะ ปริญดาทำเพียงยิ้มน้อยๆ ให้มินตราอย่างสาวขี้อาย
ป้ายชื่อทำให้ปรานต์ไม่ต้องเสียเวลานักในการแยกว่าทั้งสามสาวมีชื่อว่าอะไร มินตราดูเป็นสาวแบ๊วๆ แต่งตัวน่ารักเหมือนหลุดมากจากโลกแห่งคิตตี้ ปริญดาดูเหมือนสาวที่ชอบอ่านหนังสืออยู่คนเดียวเงียบๆ แต่งตัวเหมือนผู้หญิงทั่วไปอย่างเสื้อยืดกับกางเกงยีน ส่วนจอมขวัญก็ฉีกไปอีกแนวแบบที่เขาถึงกับต้องกลั้นยิ้ม ถ้านี่เป็นการแต่งตัวยามไปทำงานนักข่าวของเธอ เขาอยากเดาว่าข่าวที่เธอทำคงไม่พ้นพวกการเรือนหรือไม่ก็ทุกข์ของชาวบ้านแน่ๆ
ชายหนุ่มยังไม่รีบเข้าไปหาเป้าหมาย แต่มองอย่างสังเกตในพฤติกรรมต่างๆ เพื่อที่จะได้รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร แล้วก็เป็นอย่างที่คิดมินตราเจื้อยแจ้วตลอดเวลา ปริญดาเป็นผู้รับฟังที่ดีจนพูดนับคำได้ ส่วนจอมขวัญก็พูดบ้าง แต่ชอบเล่นกล้องในมือมากกว่า
ตอนนี้คงได้เวลา ‘ทำความรู้จัก’ ของเขาแล้วสินะ
“เดี๋ยวผมช่วยแนะนำมุมสวยๆ ของที่นี่ให้ดีไหมครับ” ปรานต์ทำทีเข้าไปตีสนิททั้งสามสาว แต่กลับโดนหนึ่งในสามสาวซึ่งแต่งตัวแปลกกว่าใครมองมาอย่างกับเขาเป็นโจรปล้นสวาท
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราดูแลกันเองได้ ขอบคุณมากนะคะ” จอมขวัญตอบปรานต์แทนสองสาวที่พากันยิ้มเขินๆ แวบแรกยามเธอมองผู้ชายคนนี้ คำว่ากะล่อนผสมเจ้าชู้ก็เหมือนจะฟุ้งไปรอบตัวเขาแล้ว
ปรานต์ยิ้มละไมให้จอมขวัญโดยซ่อนความหมั่นไส้เล็กๆ เอาไว้
...น้องเชยคุมหัวคิว
เป็นคำจำกัดความที่ผุดขึ้นมาในสมองของปรานต์ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นผู้หญิงตัวสูงเทียบเท่าไหล่ของเขาเข้ามาในวงสนทนา แต่แต่งตัวอย่างกับหลุดมาจากปี 2500 อย่างไรอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจในฐานะเจ้าของบ้านที่ต้องดูแลแขกทุกคนให้ดี” ชายหนุ่มผายมือให้ทั้งสามสาวเดินไปยังทางสะพานซึ่งจะนำไปสู่เรือที่กำลังจอดรอ “เชิญครับ เรือพร้อมแล้ว โปรแกรมสายของวันนี้คือพาชมเกาะโดยรอบก่อน”
“ขอบคุณนะคะ” มินตรายิ้มให้ปรานต์ ก่อนจะเดินตามเพื่อนๆ ไป
ปรานต์มองตามเริ่มไม่แน่ใจเพราะทั้งสามสาวไม่มีคนไหนที่เข้าข่ายสเปคว่าที่ลูกสะใภ้ของพ่อเขาเลยสักคน แต่ที่พอเข้าทางก็น่าจะเป็นมินตรากับปริญดา ต้องเป็นหนึ่งในสองคนนี้แน่ๆ
ชายหนุ่มกระหยิ่มอยู่ในใจเมื่อตัดตัวเลือกไปได้แล้วหนึ่งคนแล้ว ไม่ว่ามองจากมุมไหน น้องเชยคุมหัวคิวก็ไม่มีทางใช่คนที่พ่อหมายตาเลือกมาให้เขาอย่างแน่นอน
แน่ใจไหมปรานต์ว่าตัดออกถูกคน หาว่าที่เจ้าสาวมันไม่ง่ายหรอกนะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 167
แสดงความคิดเห็น