บทที่ 1...2/3
ปรานต์ขับเรือข้ามไปยังเกาะจาตุงซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากปู่ จนมาถึงรุ่นของเขาโดยมีบอดี้การ์ดตามมาด้วยสองคนตามคำสั่งของชานน แม้ว่าธุรกิจในตอนนี้จะผ่านพ้นช่วงบุกเบิกที่ต้องเผชิญหน้ากับอิทธิพลของคนในพื้นมาแล้ว แต่การระวังตัวไว้ก่อนย่อมเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าตอนนี้ไม่มีใครลักพาตัวเขาได้เหมือนตอนเด็กๆ อีกแล้ว
ภายในเกาะยังคงความเป็นวิถีของชาวบ้านที่เขาไม่คิดจะไล่ออกไปจากพื้นที่ แต่ยังคงให้อยู่และทำงานที่นี่เพราะสัมปทานรังนกอยู่อีกเกาะซึ่งไม่ไกลออกไปนัก ทำให้ง่ายต่อการเดินทาง
บัญชีต่างๆ ถูกปรานต์เรียกเข้าไปไว้ในบ้านแทนที่จะเป็นสำนักงานซึ่งอยู่หน้าเกาะ เมื่อได้ทำงานเวลาก็ราวกับเดินเร็วกว่าปกติ จนกระทั่งอาหารเย็นผ่านไปเป็นดึกในเวลาเที่ยงคืนนั่นล่ะ ปรานต์ถึงได้ออกมาเดินรับลมเล่นหน้าหาดโดยมีบอดี้การ์ดตามมาห่างๆ ไม่ใช่ติดเป็นเงาตามตัว หาไม่แล้วเขาจะยกเลิกทั้งหมด ต่อให้สายของชานนที่บอกว่าเขาจะถูกลอบทำร้ายถูกต้องขนาดไหน แต่การไปไหนมีเงาคนอื่นตามตัวช่างน่าเบื่อ
“นายหัวครับ...รอผมด้วย”
ปรานต์หันไปมองข้างหลังก็เห็นปองวุฒซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานกำลังวิ่งกระหืดกระหอบมาหา เขาถึงเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย
“มีอะไรหรือเปล่าวุฒ เมียของนายจะคลอดหรือไง”
ปองวุฒส่ายหน้าเพราะมีเรื่องน่าปวดหัวมากกว่านั้น “ไม่ใช่ครับ มีเรือมาจอดที่ท้ายเกาะ นายหัวเคยสั่งไว้ไงครับถ้ามันมาอีกให้ตามได้ตลอดเวลา”
“โอเค ตามมา ฉันจะไปหยิบปืนก่อน”
ปรานต์สั่งแล้วเดินเร็วๆ กลับไปที่บ้าน พอเห็นโทรศัพท์ก็กดโทรออกไปหาตำรวจซึ่งเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็ก รอสายไม่นานธนาก็รับสายด้วยน้ำเสียงเพลียๆ เพราะเพิ่งไปจับพวกค้ายาไม่ได้หลับเป็นเรื่องเป็นราวมาสองวันแล้ว
“มันมากันอีกแล้วว่ะธนา รีบมาด่วน ประชาชนกำลังจะเดือดร้อน”
เสียงหาวกลายเป็นคำตอบแรกก่อนที่เสียงจริงๆ ของธนาจะตามมาว่า
“ได้เลย อย่าปรี่ไปยิงกับพวกมันเสียก่อนล่ะ ปล่อยงานให้เหลือถึงตำรวจบ้าง”
ปรานต์หัวเราะ “ก็ถ้าตำรวจมาเร็ว ประชาชนจะปรี่เข้าไปเสี่ยงทำไมเล่า แค่นี้นะ”
ธนายังไม่ทันได้ตอบกลับปรานต์ก็วางสายไปแล้ว ตำรวจที่ดีจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากรีบออกปฏิบัติงานโดยมีลูกน้องอีกสามคนพร้อมเรือเร็วเผื่อว่าจะต้องไปตามจับกันในทะเลแทนที่จะเป็นบนเกาะ ความที่เกาะส่วนตัวของปรานต์อยู่ในบริเวณที่พวกค้ายาและของเถื่อนมักจะผ่าน ทำให้ในช่วงมรสุมตำรวจต้องไปตามจับคนพวกนี้อยู่บ่อยๆ
ปรานต์เดินเท้าไปกับปองวุฒที่มาพร้อมคนงานอีกเกือบสิบคนมุ่งหน้าไปท้ายเกาะ ซึ่งชายหาดบริเวณนั้นไม่เหมาะสำหรับมานั่งเล่นเพราะค่อนข้างลาดเอียงลงทะเล หากน้ำขึ้นก็อาจไม่ปลอดภัยได้ แต่ในเวลาน้ำลงหาดทรายที่ยาวและมีบริเวณกว้างก็เหมาะที่จะนำบางอย่างมาฝังไว้โดยที่ไม่มีใครทันสังเกต พอทางสะดวกก็มาขุดนำของขึ้นเรือไปอย่างง่ายดาย
แสงไฟดวงน้อยของผู้บุกรุกกำลังส่องไปตามแนวชายหาด ก่อนที่ใครสักคนจะใช้พลั่วขุดจนเป็นหลุม ปรานต์มองพวกมันจากกล้องอินฟราเรดที่กำลังบันทึกหลักฐานเพื่อที่ตำรวจจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการนำคนเลวเข้าคุก
“มันเอาของเถื่อนมาซ่อนไว้แน่ๆ ครับนายหัว ไอ้พวกนี้เลวจริงๆ” ปองวุฒบ่นพึมพร้อมกับคนงานที่มาด้วยกันพากันพยักหน้าเห็นด้วยเพราะเกาะแห่งนี้เหมือนบ้านที่ไม่ยอมให้ใครมาทำลาย
ปรานต์ตบไหล่ของปองวุฒเป็นเชิงขอบใจที่ช่วยกันดูแลเกาะจาตุงของเขา สมัยก่อนพ่อของปองวุฒก็ทำแบบนี้ให้พ่อของเขาเหมือนกัน
“ทำตามแผน รอตำรวจก่อน ถ้าพวกมันจะไป แล้วตำรวจยังไม่มาค่อยลงมือ”
“ครับนายหัว”
คนงานและบอดี้การ์ดของปรานต์กระจายกำลังคนออกไปตามจุดที่เคยซ้อมไว้เพื่อที่เวลาล้อมจับจะได้พร้อมลงมือทันที ของจากเรือยังคงทยอยเอาลงมายังหลุมกว้าง จนผ่านไปครึ่งชั่วโมงพวกมันก็ช่วยกันดันทรายมากลบอย่างย่ามใจเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเมื่อน้ำขึ้นมาบนชายหาด ร่องรอยต่างๆ ก็จะหายไปจนหมด
“พวกมันจะไปแล้วครับนายหัว”
ปรานต์พยักหน้าพลางส่องกล้องให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนจะลงมือในฐานะประชาชนที่ยังเคารพกฎหมาย แต่ช่วยไม่ได้ที่ตำรวจยังไม่มาเขาต้องปกป้องตัวเองและทุกคนในเกาะ ปืนในมือของปรานต์ถูกยิงขึ้นฟ้า
ปัง!?!
คนงานหยิบปืนออกมาเล็งทันทีแม้ว่าจะใช้กระสุนปลอมก็ตาม พวกขนของเถื่อนพากันกรูไปที่เรือพร้อมๆ กับเสียงปรานต์จากโทรโข่งดังขึ้นเป็นการเตือนก่อนลงมือจริง
“หยุดอยู่ที่เดิม ถ้าพวกแกลงเรือเมื่อไหร่ฉันจะกดระเบิด”
พวกขนของเถื่อนมองกันเลิ่กลั่กพร้อมกับส่องปืนไปทั่วบริเวณที่มืดมิดอย่างระแวดระวังกลัวเพราะปรานต์คงไม่ยอมให้จากไปได้ง่ายๆ แน่ แต่ความเงียบกลับทำให้พวกมันย่ามใจเดินกลับไปที่เรือ เมื่อคิดว่าคงเป็นชาวบ้านที่ขู่ให้กลัวเท่านั้น ทว่าเดินยังไม่ถึงเรือด้วยซ้ำเสียงจากความมืดมิดก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าไม่รู้ก็รู้ไว้ซะว่าชายหาดตรงนั้นฝังระเบิดไว้ต้อนรับพวกแกมาหลายวันแล้ว”
“อย่าขู่เลยน่า” หนึ่งในพวกนั้นตะโกนสวนกลับมา
ปรานต์ยิ้มเหี้ยมพลางกดปุ่มในรีโมทอย่างไม่ลังเล
ตูม?!?
ประกายของระเบิดสว่างวาบพร้อมๆ กับทรายในจุดที่ระเบิดกระจายฟุ้งจนเป็นหลุมไม่ลึกนัก แต่ก็ทำให้ผู้บุกรุกถลาหลบกันคนละทิศละทาง บ้างก็หมอบกับพื้นเอามือกุมหัวอย่างกลัวตายเพราะเริ่มเชื่อคำขู่แล้ว
“ยังจะรั้นทำกันอยู่อีกไหม” ปรานต์ถามพลางหัวเราะหยันๆ ยิ่งทำให้ทุกคนบนชายหาดอยากกระโจนไปที่เรือ แต่ก็กลัวถูกยิงเสียก่อน
ปืนของทุกคนพร้อมยิงทันทีถ้าปรานต์สั่ง แต่แสงไฟจากเรือเร็วที่กำลังแล่นเข้าฝั่งทำให้ทุกเสียงยิ่งเงียบกริบ ทว่าในทันทีที่คนบนเรือส่องไฟมาเป็นสัญญาณก็ราวกับสถานการณ์ใกล้คลี่คลาย
“ตำรวจมาแล้วครับนายหัว” ปองวุฒรีบบอกปรานต์พลางถอนใจโล่งอก
ธนาและตำรวจติดตามกระโดดลงมาจากเรือโดยมีปืนจากคนของปรานต์คอยคุ้มกันในระหว่างการเข้าจับกุมที่ไม่ยากนักเพราะคำว่า ‘ระเบิด’ ทำให้พวกขนของเถื่อนที่อาจพ่วงยาเสพติดไม่กล้าเสี่ยงเท่าไหร่นัก
“จับให้หมดแล้วกันนะคุณตำรวจ ประชาชนจะได้อุ่นใจ” ปรานต์ส่งเสียงจากโทรโข่งลงมากำชับพลางหัวเราะ
เพียงไม่นานนักพวกขนของเถื่อนก็ถูกจับทั้งหมดพร้อมของกลางและคลิปที่คนของปรานต์ถ่ายไว้ ธนาเดินมาหาปรานต์แล้วกอดกันแมนๆ หลังจากไม่ได้เจอเพื่อนมาหลายเดือน
“ทีหลังรอฉันก่อนได้ไหมวะ รู้ว่าพร้อมลุยเอง แต่ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา ลุงคฑาเอาฉันตายแน่” ธนาบอกน้ำเสียงจริงจัง ถ้าพี่ปัถย์ไม่ถูกลอบฆ่าตายเมื่อ 5 ปีก่อน เขาคงไม่กังวลใจเท่านี้หรอก
ปรานต์พยักหน้าไม่อยากพูดถึงความหลัง
“ขืนรอแก คนร้ายก็หายไปหมดแล้วน่ะสิ ต้องพูดใหม่ว่าคราวหน้าแกจะมาเร็วๆ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียระเบิดเอฟเฟกต์ไปสองลูก เบิกกับทางการได้มั้ยวะ”
“แหม แกยังรวยไม่พอหรือไง” ธนาส่ายหน้าพลางตบไหล่เพื่อน “ขอบใจนะที่ช่วยถ่วงเวลาไว้”
เรียวปากหนาของปรานต์ยิ้มกว้าง ใครว่าเขาถ่วงเวลา ถ้าธนามาช้าอีกสัก 5 นาที ป่านนี้จากที่จะยิงด้วยกระสุนปลอมคงกลายเป็นกระสุนจริง แต่ป่วยการพูดไปเพราะเรื่องราวในอดีตทำให้ความกลัวของพ่อมากมาย แม้จะไม่พูดออกมา การสูญเสียลูกชายคนโตไปอย่างกะทันหัน ทำให้เขาต้องไม่ตายตราบเท่าที่ชีวิตควรได้ดำเนินต่อไปจนถึงวาระสุดท้ายอีกหลายสิบปีข้างหน้า
ปรานต์เดินกลับมาถึงบ้านด้วยสภาพของคนไม่ได้นอนเพราะกว่าตำรวจจะเคลียร์คนร้ายและคนงานปรับสภาพชายหาดให้กลับมาเหมือนเดิมก็เกือบเช้า เขาเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าคิดว่าจะหลับสักชั่วโมงก็พอดีโทรศัพท์ดังขึ้นมาเสียก่อน พอเห็นคฑาโทรมาปรานต์ก็นึกออกทันทีว่าคงไม่ได้นอนแล้ว แต่ต้องไปที่ท่าเรือเตรียมเดินทางต่างหาก
“เป็นไงเจ้าปรานต์ จะหนีไปอยู่เกาะหรือไง บอกเลยไม่ได้ผลหรอกว่ะ”
ปรานต์ถอนใจเพราะพ่อดันรู้ทัน แต่เรื่องอะไรที่เขาจะยอมรับล่ะ
“เรื่องแค่นี้ผมไม่หนีหรอกน่า แค่มาเคลียร์งานเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวรอเก้อแค่นั้นเอง ตอนนี้ผมกำลังจะนั่งเรือกลับไปแล้วล่ะพ่อ”
คฑาหัวเราะอย่างรู้ทัน ในสายตาคนอื่นปรานต์อาจดูยาก แต่สำหรับเขาแค่ได้ยินเหตุผลยาวๆ ก็รู้แล้วว่าการแต่งงานทำให้เจ้าลูกชายอยากหนีเต็มทน
“ปลอดภัยดีนะ”
“จะอาการหนักก็เพราะถูกพ่อจับคลุมถุงชนนี่แหละครับ วางสายแล้วนะพ่อ”
ปรานต์กดวางสายก่อนที่พ่อจะถูกถึงเรื่องการดูแลตัวเองให้ปลอดภัย เขาไม่อึดอัดที่พ่อห่วง แต่การตายของพี่ชายต่างหากที่จะทำให้อิสระในการใช้ชีวิตของเขาลดลงเรื่อยๆ และพ่อก็จะข้ามไม่พ้นความรู้สึกผิดของตัวเองสักที
ชายหนุ่มก้าวลงเรือตอนนี้ว่าที่เจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการคงใกล้มาถึงแล้ว ว่าที่เจ้าสาวคือปัญหาอีกอย่างที่เขาต้องจัดการให้เรียบร้อย ก่อนงานเปิดตัวบริษัทเครื่องประดับซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในธุรกิจ
ปฏิบัติการตามหาว่าที่จ้าสาวกำลังจะเริ่มแล้ว ปรานต์จะหาเจอหรือเปล่า
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 208
แสดงความคิดเห็น