ตอนที่ 932 ฮอร์ครักซ์
ตอนที่ 932 ฮอร์ครักซ์
คลื่นนน!
หงส์ครามตวัดออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับกวาดเศษดินเศษหินให้แตกกระจายไปทั่วทั้งตัวถ้ำ
เซี่ยเฟยใช้วิธีการที่รุนแรงที่สุดเพื่อทำการขุดถ้ำแห่งนี้โดยตรง และถ้าหากว่ามันมีอะไรถูกซุกซ่อนเอาไว้ภายในพื้นถ้ำจริง ๆ การขุดด้วยวิธีนี้ย่อมจะต้องนำพาเขาไปถึงจุดหมายอย่างแน่นอน
“ระวังด้วย สิ่งที่เรากำลังหาคืออุปกรณ์วิญญาณที่ทรงพลัง ระวังนายจะไปทำให้มันเสียหาย” ลินนิจกล่าวอย่างกังวล
“คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอุปกรณ์วิญญาณนั้นอยู่ในสภาพหลับใหลและไม่สามารถตรวจพบได้ง่าย ๆ ถ้าหากเราไม่ได้ใช้วิธีนี้แล้วเราจะหามันเจอได้ยังไง? อย่าบอกนะว่าผมต้องค่อย ๆ ขุดหามันไปช้า ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเร่งความเร็วหงส์ครามให้มันขุดดินออกไปอย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
หงส์ครามเป็นอาวุธมายาที่อยู่กับเซี่ยเฟยมาสักพักหนึ่งแล้ว และถึงแม้ว่ามันจะขุดดินอย่างรุนแรงแต่ตราบใดก็ตามที่ใบหญ้าของมันค้นพบกับสมบัติ มันย่อมสามารถผ่อนแรงลงได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นถึงแม้เซี่ยเฟยจะใช้วิธีการที่รุนแรง แต่ในความเป็นจริงเขาก็มีความมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำให้อุปกรณ์วิญญาณชิ้นนั้นได้รับความเสียหายจากการขุดดินของหงส์คราม
หลังจากเซี่ยเฟยขุดดาวเคราะห์ไปจนถึงแกนดวงดาว หงส์ครามก็หยุดขุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
พื้นที่บริเวณนี้มีหลุมเล็ก ๆ ถูกทิ้งเอาไว้โดยทางด้านในมีอุปกรณ์สีฟ้านอนอยู่อย่างเงียบงัน
วิ้ง!
จุดแสงสีขาวเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนแตกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะแต่เดิมพวกมันมีหน้าที่นำทางเซี่ยเฟยมาจนถึงอุปกรณ์ชิ้นนี้ เมื่อพวกมันเห็นชายหนุ่มเดินทางมาถึงแล้วพวกมันก็แตกกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามไม่กี่วินาทีต่อมาแสงสีขาวที่เคยแตกกระจายออกไปก็ได้มารวมตัวเข้ากันกับอุปกรณ์สีฟ้า ก่อนที่พวกมันจะประสานรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว
พริบตาต่อมาอุปกรณ์สีฟ้าก็ส่องแสงสว่างออกมาอย่างเจิดจ้า จนทำให้ชายหนุ่มถูกบังคับให้หลับตาลง และเมื่อเขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ได้พบว่าอุปกรณ์ที่เคยมีสีฟ้าได้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นอุปกรณ์ที่มีสีขาว
“นี่มันฮอร์ครักซ์! ฉันเข้าใจไม่ผิดจริง ๆ ด้วยว่าริเวอร์ยังไม่ตาย!!” ลินนิจตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
—
ไม่กี่นาทีต่อมาภายในมือของชายหนุ่มก็มีจานบินหยกอยู่ในมือ โดยมันเป็นจานบินทรงกลม 3 ใบที่ถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างปราณีต และมันก็เป็นอุปกรณ์ที่ให้ความรู้สึกทรงพลังเป็นอย่างมาก
วัตถุดิบที่สร้างอุปกรณ์ชิ้นนี้มาเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน คล้ายกับว่ามันถูกหลอมขึ้นมาจากโลหะที่อยู่หลังประตูจักรวาล
“นี่น่ะเหรอฮอร์ครักซ์? ริเวอร์ทิ้งอุปกรณ์ชิ้นนี้เอาไว้ให้กับคุณทำไม?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“เรื่องแรกทั่วทั้งจักรวาลนี้มีริเวอร์คนเดียวที่สร้างฮอร์ครักซ์ได้ การที่เขาได้ทิ้งฮอร์ครักซ์เอาไว้ให้กับฉัน มันก็เป็นการส่งข้อความมาบอกว่าตัวเขายังมีชีวิตอยู่และพลังส่วนใหญ่ของเขาก็ได้รับการฟื้นฟูกลับมาแล้ว”
“เรื่องที่ 2 คือฉันเป็นวิญญาณอมตะ ไม่ว่ารูปลักษณ์ของฉันจะเปลี่ยนไปยังไง แต่ฉันก็จำเป็นจะต้องมีสถานที่สำหรับการสิงสถิตอยู่เสมอ ฮอร์ครักซ์เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับวิญญาณอมตะอย่างฉัน เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่มีเสถียรภาพมากกว่าชิปของอาร์ค แล้วมันก็คือของขวัญที่เขาเตรียมเอาไว้ให้กับฉันโดยเฉพาะ” ลินนิจอธิบายพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาอย่างยินดี
“สถานที่ที่เหมาะสมกับการสิงสถิต? อุปกรณ์ชิ้นนี้มันเหมือนกับหินมัวร์ของอันธงั้นเหรอ” เซี่ยเฟยถามอย่างสนใจ
“นายเอาฮอร์ครักซ์ไปเทียบกับหินมัวร์ได้ยังไง สิ่งที่นายพูดเหมือนกับเอาบ้านพักในสลัมไปเทียบกับคฤหาสน์สุดหรู” ลินนิจกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะเขามีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของวิญญาณอมตะน้อยมากจริง ๆ
“เรื่องที่ 3 คือเรื่องที่สำคัญที่สุด นอกเหนือจากฮอร์ครักซ์จะเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับการสิงสถิตของวิญญาณอมตะแล้ว มันยังเป็นวัตถุดิบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเอาไปสร้างอาวุธวิญญาณอีกด้วย” ลินนิจกล่าว
ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบเซี่ยเฟยก็นึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เรียกว่าฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้มีความใกล้เคียงกับค้อนรวมศูนย์มาก เพราะพวกมันเป็นเครื่องมือที่เอาไว้สำหรับการรวมองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน เพียงแต่ค้อนรวมศูนย์เป็นเทคโนโลยีของทางฝั่งดินแดนกฎ ขณะที่ฮอร์ครักซ์เป็นเทคโนโลยีจากนอกประตูจักรวาล
“ฮอร์ครักซ์เป็นอุปกรณ์สำหรับการสร้างอาวุธใหม่ชัด ๆ แล้วทำไมมันถึงถูกเรียกว่าอุปกรณ์วิญญาณ?” เซี่ยเฟยถามอย่างประหลาดใจ
“ก่อนที่จะนำฮอร์ครักซ์ไปหลอมรวมเข้ากับอาวุธชิ้นไหน ภายในฮอร์ครักซ์นั้นจะต้องมีวิญญาณอมตะซะก่อน อาวุธวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นมาจากฮอร์ครักซ์จะกลายเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณอมตะไปด้วย อาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่จึงไม่ใช่อาวุธที่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังเป็นสหายร่วมรบที่ดีที่พร้อมจะแบ่งปันความคิดเห็นในระหว่างการต่อสู้ด้วย” ลินนิจกล่าว
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็อดที่จะมองไปยังบลัดบิวเทียสขึ้นมาไม่ได้ เพราะอาวุธชิ้นนี้ยังไม่มีจิตนึกคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวในตัวของมัน นอกเหนือจากนั้นมันก็คืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมา
เมื่อเปรียบเทียบกับหงส์ครามที่มีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง อาวุธชิ้นนี้ก็สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้แม้ว่าเขาจะไม่ได้คอยบังคับมันก็ตาม แต่ในกรณีของบลัดบิวเทียสเขาก็จำเป็นจะต้องควบคุมมันเท่านั้นอาวุธชิ้นนี้จึงจะสามารถแสดงประสิทธิภาพของมันออกมาได้
“เท่าที่ฉันจำได้อาวุธและชุดเกราะที่ทรงพลังจริง ๆ คืออาวุธและชุดเกราะที่มีความนึกคิดเป็นของตัวเอง ผู้ช่วยพวกนี้คือผู้ช่วยที่ดีที่สุดในสนามรบ และนี่ก็คือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างสถานที่แห่งนี้กับด้านหลังประตูจักรวาล” ลินนิจกล่าว
ความทรงจำของลินนิจช่วยเปิดมุมมองให้เซี่ยเฟยได้เยอะมาก เพราะตอนนี้เขาพอจะมีความรู้เรื่องหลังประตูจักรวาลมาบ้างแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การใช้อาวุธชุดเกราะที่มีวิญญาณอมตะสิงสถิตอยู่ภายในนั้น
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้มันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกังวล เพราะอาวุธที่มีจิตวิญญาณย่อมช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ได้มากกว่าอาวุธที่มีอยู่ในดินแดนกฎอย่างไม่ต้องสงสัย หากประตูจักรวาลถูกเปิดออกและพวกรีเวิร์สมีอาวุธประเภทนี้อยู่ภายในมือ ช่วงเวลานั้นมันย่อมถือว่าเป็นหายนะของจักรวาลอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นมุมปากของเซี่ยเฟยก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่เขาจะกล่าวกับลินนิจขึ้นมาว่า
“คุณเป็นวิญญาณอมตะที่ทรงพลัง แต่ตอนนี้บ้านเก่าของคุณอย่างอาร์คถูกทำลายลงไปแล้ว คุณไม่สนใจจะหาบ้านใหม่อยู่บ้างเหรอ?”
“นี่นายคิดจะเอาฉันไปใช้สร้างอาวุธวิญญาณงั้นเหรอ?!” ลินนิจอุทานพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
เซี่ยเฟยยักไหล่โดยไม่พูดอะไร แต่เนื่องมาจากว่าเขามีอุปกรณ์ที่ดีในการสร้างอาวุธวิญญาณอยู่กับตัว เขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสโอกาสดี ๆ แบบนี้ทิ้งไปอย่างแน่นอน
แต่กระบวนการสร้างอาวุธวิญญาณจำเป็นจะต้องใช้วิญญาณอมตะ ซึ่งวิญญาณอมตะที่เขารู้จักก็มีเพียงแค่อันธกับลินนิจ 2 คนเท่านั้น ในบรรดาวิญญาณอมตะทั้งสองดวงนี้ลินนิจย่อมมีความรู้ความสามารถมากกว่าอันธอย่างแน่นอน เขาจึงหมายปองที่จะนำลินนิจไปใช้สร้างอาวุธวิญญาณ
ไม่ว่ายังไงตอนนี้ลินนิจก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัยเขาในการเอาชีวิตรอดอยู่แล้ว ถ้าหากว่าลินนิจได้กลายเป็นอาวุธวิญญาณของเขา มันก็ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
“ตอนฉันอยู่ในชิป อย่างน้อยฉันก็มีอิสระสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ตลอดเวลา แต่ถ้าหากว่าฉันกลายเป็นอาวุธของนาย มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องติดตามนายไปตลอดชีวิตหรอกเหรอ? ฝันไปเถอะ! ฉันไม่มีทางกลายเป็นอาวุธวิญญาณของนายหรอก” ลินนิจกล่าวพร้อมกับกรอกสายตา
“ในเมื่อคุณบอกว่าริเวอร์ทิ้งอุปกรณ์ชิ้นนี้เอาไว้ให้กับคุณ มันก็หมายความว่าบนอุปกรณ์ชิ้นนี้มีข้อความที่เขาทิ้งเอาไว้ด้วยใช่ไหม? ทำไมคุณไม่เข้าไปอ่านข้อความในนั้นล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“นายก็รู้ว่าตอนนี้ฉันบาดเจ็บสาหัส นอกเหนือจากการติดต่อกับนายแล้วฉันก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลย” ลินนิจกล่าวอย่างท้อใจ
“น่าเสียดายจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้มันก็คงจะกลายเป็นเพียงแค่สิ่งที่ไร้ประโยชน์สินะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
ทันใดนั้นลินนิจก็ตระหนักว่าชีวิตของเขากำลังถูกแขวนเอาไว้ภายในมือของเซี่ยเฟย เพราะถ้าหากว่าชายหนุ่มเลือกที่จะหยุดพัฒนาขึ้นมา เขาก็จะไม่มีพลังงานที่นำมาเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเอง
“ผมไม่ได้บังคับอะไรคุณหรอกนะ ทุกคนต่างก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง อย่าลืมว่าคุณเป็นวิญญาณอมตะและเหตุผลที่คุณถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่แรกนั่นก็คือการช่วยเหลือคนอื่น” เซี่ยเฟยกล่าวขณะสังเกตอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของลินนิจอย่างระมัดระวัง
“คุณลองคิดให้ดี ๆ การใช้ฮอร์ครักซ์ไม่เพียงแต่จะเป็นเรื่องดีสำหรับผมเท่านั้น แต่มันยังเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคุณด้วย ไม่ว่ายังไงตอนนี้อาร์คก็ถูกทำลายลงไปแล้ว ริเวอร์คงมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับคุณอีกมากมาย นอกจากนี้คุณไม่อยากรู้เหรอว่าก่อนหน้านี้คุณเป็นใคร แล้วทำไมจู่ ๆ คุณถึงได้กลายเป็นวิญญาณอมตะ”
เซี่ยเฟยอธิบายเหตุผลทุกอย่างออกมาอย่างจริงใจ ซึ่งลินนิจก็รู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะบังคับตัวเขาเลย เซี่ยเฟยเพียงแค่พยายามเสนอทางเลือกขึ้นมาเท่านั้น ส่วนเขาจะตัดสินใจยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเขาเอง
—
ฟุบ!
เข็มทิศมิติไม่ระบุตัวตนส่งเซี่ยเฟยไปยังพื้นที่บริเวณชายขอบของดินแดนกฎ หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ไม่สามารถเดินทางโดยการใช้เข็มทิศมิติได้อีกต่อไป เขาจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาเจมินี่สำหรับการเดินทางในส่วนที่เหลือ
ก่อนออกมาจากดินแดนลับพวกเขาได้ทำการดัดแปลงเจมินี่จนทำให้มันมีหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมจากหน้ามือเป็นหลังมือ และถึงแม้ว่าภายนอกมันจะดูเป็นยานรบธรรมดา ๆ แต่ภายในมันก็ยังคงเป็นยานรบที่เร็วที่สุดที่สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 1 ล้านปีแสงต่อชั่วโมงอยู่ดี
ชายหนุ่มทำการปักหมุดจุดหมายปลายทางให้กับยานรบและออกเดินทางไปอย่างเงียบ ๆ โดยเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดหมายปลายทางของเขาคือที่ไหน และคนที่บรรพบุรุษต้องการให้เขาไปพบนั้นคือใครกันแน่
ระหว่างการเดินทางชายหนุ่มก็ทำการฝึกฝนวิชามนตราอสูรอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นคลื่นพลังงานรุนแรงก็ถูกปลดปล่อยออกมาเป็นสัญญาณว่าเขาได้ฝึกฝนวิชามนตราอสูรจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว
“ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คุณพูดจริง ๆ ถ้าหากว่าผมไม่เลือกที่จะทำลายมันก็คงจะไม่ก่อกำเนิดขึ้นมาใหม่ การฝึกฝนวิชามนตราอสูรฉบับดั้งเดิมเหมือนกับคลื่นน้ำที่ซัดถล่มเข้าอย่างรุนแรง จนทำให้ผมประสบความสำเร็จในวิชานี้ได้ในเวลาแค่ไม่นาน” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ขณะที่เขาค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ
หลังจากฝึกฝนวิชามนตราอสูรไปจนถึงขั้นสุดท้าย กลิ่นอายของชายหนุ่มก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง คล้ายกับว่าเขาได้ก้าวข้ามจากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกอาณาจักรที่ไม่สามารถจินตนาการได้ แตกต่างจากความรู้สึกในระหว่างที่เขาเลื่อนระดับในตอนที่เขาฝึกฝนพลังกฎ
อย่างไรก็ตามเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเซี่ยเฟยที่เปลี่ยนไป ลินนิจก็มองไปที่ชายหนุ่มด้วยดวงตาอันเป็นประกาย ซึ่งหลังจากที่เขาจ้องมองเซี่ยเฟยเงียบ ๆ อยู่นาน ในที่สุดเขาก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันจริงจังว่า
“เซี่ยเฟย นายอยากได้อาวุธวิญญาณจริง ๆ ใช่ไหม?”
***************
ถามแบบนี้คือจะยอมแล้วใช่ไหม อิอิ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 375
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น