6
ทันทีที่เธอนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เขาดูตื่นเต้นจนลนลานมือไม้สั่นก่อนจะจัดแจงหยิบโถเซรามิกสีขาวลายดอกไม้ที่เข้าชุดกับจานชามบนโต๊ะตักข้าวให้หญิงสาวแปลกหน้าที่เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเธอด้วยซ้ำ และเธอยังเป็นหญิงสาวคนแรกในรอบหลายปีที่มานั่งรับประทานอาหารที่บ้านของเขาหลังจากที่ชีวิตของเขาต้องพบกับมรสุมชีวิต ที่เขาเองไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นอีกทั้งเขาเองยังจินตนาการไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถผ่านเหตุการณ์เลวร้ายนั้นมาได้ สภาพของคนที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่บนโลกอีกต่อไป สภาพของคนที่สิ้นหวังไม่ต่างจากคนที่มีเพียงร่างแต่ไร้วิญญาณ จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาความรู้สึกทุกอย่างค่อยจางหายเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหวเมื่อได้พบกับเธอคนนี้ เธอคนแปลกหน้าที่ทำให้ใจของเขาเต้นตึกตักขึ้นมาอีกครั้งเมื่ออยู่ใกล้เธอ
อาการลงแดงเหล้าของเขากำเริบขึ้นมาในยามเช้าที่ทุกอย่างเกือบจะดีเพราะเขาเองรู้ตัวเองว่าความรู้สึกรักผ่านเข้ามาทักทายใจของเขาอย่างน่าประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าความรู้สึกรักๆใคร่ๆเช่นหนุ่มสาวไม่น่าได้ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาอีก
ทันทีที่รินรดานั่งลงเธอก็ยิ่งได้ กลิ่นหอมรากผักชี กระเทียม พริกไทย ที่โขลกรวมกันนำไปผัดให้หอมแบบนี้ ซึ่งเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย ไข่พะโล้สูตรโบราณเป็นอาหารโปรดฝีมือของเธอและที่สำคัญต้องเป็นฝีมือของคุณยายเท่านั้นและมีเธอเป็นลูกมือของคุณยายในการทำด้วย เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าทำให้เธอลืมเรื่องที่อยากจะคุยกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ไปชั่วขณะ
สำรับอาหารมีทั้งกับข้าวที่เป็นของโปรดรินรดาไม่ว่าจะเป็นไข่พะโล้สูตรโบราณอย่างที่คุณยายมักจะบอกวิธีรับประทานไว้ว่าเวลารับประทานไข่พะโล้จะให้อร่อยต้องเติมน้ำมะนาว พริกชี้ฟ้าซอยทางยาวลงไปตัดกับรสหวานแบบเย็นๆของน้ำตาลมะพร้าวที่นำเคี่ยวกับรากผักชี กระเทียม พริกไทย ไข่ต้ม เพื่อให้ได้สีน้ำตาลเพิ่มสีสันให้จะน่ากินมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องใส่ซีอิ้วดำ ส่วนเต้าหู้ที่อมน้ำซุปของพะโล้ไว้ก็อร่อยมากยิ่งเพิ่มรสชาติกลมกล่อมด้วยการเติมน้ำมะนาว พริกชี้ฟ้าหั่นตามยาว ตามด้วยผักชีจะได้รสชาติครบรส
ขณะที่รินรดาคิดถึงไข่พะโล้ฝีมือคุณยายอยู่นั้น เขาก็กำลังตักไข่พะโล้ที่เขาเองต้องบังคับไม่ให้มือสั่นเทามากจนเป็นที่ผิดสังเกตของเธอ รินรดาพยักหน้าเป็นการขอบคุณที่เขาตักให้เธอ เธอเองสังเกตเห็นมือที่สั่นของซึ่งเธอเองเดาได้ไม่ยากว่าเกิดจากสาเหตุใด
ชายขี้เมาคนที่เมื่อคืนเขาเพิ่งฉวยโอกาสจูบเธอแต่ตอนนี้ดูเขากลับมีท่าทีที่สุภาพมีมารยาทเหมือนเป็นคนละคน
‘นี่ หละหนาที่เค้าบอก เหล้าเข้าปากก็กลายเป็นอีกคนแบบนี้นี่เอง’
ทัศมองหญิงสาวแปลกหน้าที่เธอมีความสุขในการรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขาเองก็พลอยมีความสุขไปกับเธอไปด้วยท่าทางที่เธอตักชิมน้ำซุปของไข่พะโล้ไม่ว่าเธอจะทำอะไรดูจะน่ามองเพลินตาไปเสียทุกอย่างจนเธอทำให้เขาถึงกับอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งรินรดาพูดขึ้นว่า
“อร่อยมากเลย รสชาติกลมกล่อมหวาน เปรี้ยว เค็ม ออกรสเผ็ดเล็กน้อย รสชาติทุกอย่างเข้ากั๊นเข้ากันเนอะ อร่อยจริงๆหละ ให้มิชลินห้าดาวเลย เอ่อ! ที่บ้านของคุณคนอื่นเค้าทานข้าวกันตอนไหนค่ะและตอนนี้เขาหายไปไหนกันหมดหรา”
รินรดาแปลกใจเมื่อเธอต้องรับประทานอาหารอยู่กับชายแปลกหน้าเพียงลำพัง ทัศตั้งใจฟังในเรื่องที่เธอพูดถึงแม้ว่าเขาไม่ค่อยจะเข้าใจคำพูดของหญิงสาวแปลกหน้าก็ตามแต่เขาก็ยินดีที่ตอบคำถามของเธอทุกๆคำถามที่เธอสงสัย
“ผมอยู่ที่นี่คนเดียวครับ ส่วนป้าแสง ยายชื่น ลุงจรัส แล้วอนงค์ ทานข้าวที่เรือนเล็ก ว่าแต่บ้านคุณอยู่ที่ไหน”
รินรดาเผลอจ้องหน้าเขาค้างด้วยความรู้สึกแปลกใจที่เขาอยู่คนเดียว รินรดาตักน้ำพริกลงเรือ ที่มีจานผักลวกจัดใส่จานอย่างสวยงามมีน้ำกะทิราด ทัศเห็นเธอตักน้ำพริกก็พูดว่า
“ต้องแนมผักลวกจะอร่อยมากขึ้นครับ"
เขาพูดพร้อมกับตักผักต้มให้เธอ เธอพยักหน้าเป็นการขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ถามเธอต่อว่า
"ทีนี้คุณจะบอกได้หรือยังว่าคุณชื่ออะไรบ้านอยู่ที่ไหน”
ทัศพยายามมองและทำความเข้าใจหญิงสาวตรงหน้า เพื่อคาดเดาและเข้าใจพฤติกรรมของเธอ และตอนนี้เขาพอจะเดาออกว่าเธอไม่สนใจเรื่องที่เขาถาม
“อ่ะฮึม!” เสียงกระแอมในลำคอของทัศทำให้รินรดาตอบกับเขาว่า
“ชื่อ รินรดา ค่ะ”
“ริน – ระ - ดา” ทัศพูดทวนชื่อเธออีกรอบคล้ายว่าเขาจะเผลอตัวส่งสายตามองเคลิบเคลิ้ม หลงใหลในตัวเธอ ทัศไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ เมื่อรินรดาหันมาสบตาเขาทำให้เขาเองทำตัวไม่ถูกและคิดว่า
‘อยากให้เธอจะอยู่ที่นี่ น่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดของเขา'
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 178
แสดงความคิดเห็น