1
โอ้ใจเอยไหวหวั่นสั่นสะท้าน
เมื่อพบพานอนงค์อรอัปสร
ว่าได้จูบจุมพิตอรชร
ราญรอนรักยั่วเย้ายวนใจ
ร่วมเรียงเคียงเขนยเชยชิดสนิท
หวิวไหวคิดระเริงระรื่นชื่นฤทัย
ได้ลูบไล้สัมผัสเคล้นคลึงถัน
อันอวบอิ่มแนบแน่นอัปสรสวรรค์
หลงรื่นเสียวซ่านรัญจวนสะท้าน
อ่อนหวานรุกเร้าดื่มด่ำชูชัน
เสียงพร่ากระซิบรักคลอเคลียกัน
พลันตื่นจำพรากจากรักสัมผัสครวญ
เขางัวเงียขึ้นมาเพราะเหมือนว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะมีปัญหาด้วยเสียงคลื่นแทรกเข้ามาก่อนที่มันจะเงียบไปไม่ทันที่เขาจะพาตัวเองไปที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงเสียงกรี๊ดของเธอก็ดังขึ้น
“กรี๊ดดดดดดดดดดด” สิ้นเสียงกรีดร้องของรินรดา เขาก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจที่ เธอทั้งผลัก ถีบ เพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของใครบางคน โดยที่เธอคิดในใจว่า มีใครบ้างคนที่เข้ามาในห้องนอนของเธอ
“ เฮ้ย!....คุณเป็นใครเข้ามาได้งัย”
“ผมต้องถามคุณมากกว่า คุณเข้ามาได้อย่างไรถึงจะถูกครับ”
รินรดาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เธอร้องสุดเสียงอีกครั้งแล้วพยายามมองหาข้าวของที่สามารถนำมาเป็นอาวุธป้องกันตัวจากชายแปลกหน้าแต่ข้าวของภายในห้องนี้กับห้องของเธอช่างต่างกันมากนัก
'อ้าว!.....นี่ชั้นอยู่ที่ไหนกัน'
รินรดาคิดเป็นเธอเองที่เข้ามาในห้องของชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวแดงๆ ผมลองทรงสั้นหวีเสยไว้ด้านหลัง จมูกโด่งเป็นสันได้รูปสวย คิ้วเข้ม ดวงตาแดงก่ำ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อรูปปากไม่หนาและบางจนเกินไป อีกทั้งกลิ่นเหล้าวิสกี้คละคลุ้งไปทั่วห้อง
‘ขี้เมา นี่เป็นใครกัน’
รินรดารำพึงในใจ
ระหว่างที่หญิงสาวแปลกหน้าคนนั้นกำลังมองหาข้าวของในห้องเขา เขาเองพยายามเบิกตาที่กำลังจะปิดเพราะฤทธิ์ของเหล้า เขาพยายามจ้องมองไปที่หล่อน หญิงสาวแปลกหน้า เหตุใดหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวย จึงมาเป็นวณิพกพเนจรร่อนเร่ใส่กางเกงเดนิมขาดหลุดลุ่ย เขานึกไม่ออกว่าเขาพาหล่อนมาจากที่ไหน หรือเมาจนไม่ได้สติถึงเพียงนี้ที่จำไม่ได้ว่าเรารู้จักกันได้อย่างไร
เขาหยิบแว่นตามาใส่เพื่อมองหน้าเธอให้ชัดขึ้นมองๆไป จ้องหน้าเธอแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้อีกทั้งความเป็นไปได้ยังเป็นศูนย์อีกด้วยที่เขาจะพาสตรีเข้าบ้านหรือจะทำรุ่มร่ามยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยเพราะไม่ใช่วิสัยเขาแต่ถ้าเป็นในฝันเหมือนที่เขาฝันก่อนหน้านี้ที่เขาทั้งจูบอย่างดูดดื่มอีกทั้งลูบไล้สัมผัสเคล้นคลึงทรวงอกอันอวบอิ่มของนางอัปสรสวรรค์ ทัศรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่งดงามยิ่งหลังจากที่เขารอดชีวิตมาได้ แต่ที่เขาทำไปนั้นทำกับเธอคนนี้หรือ
‘นางอัปสรที่เคล้นคลึงถัน นี่!คือเธอคนนี้’
‘ไม่น่าจะเป็นจริง ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง’
ภายในใจของเขากลับปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพยายามคิดว่าเธอคนนี้มาได้อย่างไร แต่ทันใดนั้นเองแจกันลายSweet Nancy ของรักของหวงของคุณแม่ที่เขาเดินหาซื้อมาจากลอนดอนข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนก็ลอยตรงมายังหัวของเขา เขาพยายามจะรับไว้แต่คงเป็นเพราะฤทธิ์ของวิสกี้ทำให้ร่างกายของเขาตอบสนองต่อสิ่งเร้าช้าลง เขาตกใจมากที่เห็นแจกันแตกออกเป็นเสี่ยงเขาค่อยๆก้มลงเก็บเศษแจกันในวินาทีนั้นเขาเริ่มรู้สึกส่างเมาขึ้นมาบ้างเขาเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีของเหลวนืดๆอุ่นๆค่อยๆไหลซึมออกมาช้าๆจากหางคิ้วของเขา
รินรดาตกใจไม่น้อยที่เห็นผลงานในความแม่นยำของเธอ แต่สิ่งที่เธอตกใจมากกว่านั้นที่มาพร้อมกับเสียงเปิดประตูคือมีผู้คนสองสามคนถาโถมเข้ามาในห้องพร้อมกับไม้กระบอง มีดพร้าในมือ ด้วยสัญชาตญาณรินรดาวิ่งเข้าหลบหลังหาชายที่เธอเพิ่งทำร้าย เขามีสีหน้าตื่นตระหนกไม่แพ้ที่เห็นเธอเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์อลหม่านในห้องนอนของเขาในยามค่ำคืนเช่นนี้ เขาพยายามจะหลบเธอและตั้งสติแต่คงเพราะฤทธิ์ของเหล้าทำให้เขาเดินเซๆช้าๆ ผู้คนที่เข้ามาใหม่เห็นภาพเจ้านายของเขามีเลือดอาบใบหน้าเช่นนั้นคิดได้เพียงอย่างเดียวว่า
“ผู้หญิงคนนี้เป็นแน่ที่ทำร้ายคุณทัศ”
ไม่ทันที่รินรดาจะได้ชี้แจงแถลงไขใดๆ ทั้งหมดก็พร้อมใจวิ่งเข้าใส่เธอหมายจะช่วยกันจับตัวหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ให้ได้ เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเริ่มขึ้นแล้วยากนักจะสงบลง รินรดาเห็นท่าว่าเหตุการณ์ไม่สู้ดีนักจึงวิ่งเข้ากอดชายแปลกหน้าที่เธอเพิ่งทำร้ายเขา รินรดาไม่ได้กอดเขาเฉยๆแต่เธอกลับดึงเสื้อของเขาเพื่อผลักเขาเข้าไปหากลุ่มคนที่กรูเข้าหาเธอ
เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายดำเนินไปสักพักจนจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทันใดนั่นเองเสียงชายคนที่เธอทำร้ายก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเสียงพอที่จะทำให้ทุกคนฟังเขา
“ทุกคน ครับ....หยุดครับ หยุดครับ”
เสียงประสานพร้อมกันดังขึ้นเรียกชื่อเขา
“คุณทัศ”
ทุกคนในห้องที่วิ่งวุ่นอยู่ต่างหยุดในทันทีทันใดเหมือนโดนเสกมนต์สะกดให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่สายตาของทุกคนหันมาจับจ้องผู้หญิงแปลกหน้าที่ใส่กางเกงขาดวิ่น ท่าทางแปลกประหลาดเสียจริตก็ไม่ใช่จะปกติดีหรือไม่ก็เชิง ขณะที่รินรดาเป็นเป้าสายตาอยู่นั้น ทัศจับมือเธอพร้อมกับจ้องตาเพื่อให้เธอปล่อยมือจากเสื้อของเขาและเขาถือวิสาสะกุมมือเธอมายืนข้างเขา ใกล้ชิดพอที่เขาจะได้กลิ่นกายหอมระรื่นชื่นฤทัยมากเสียจนลืมตัวที่มืออีกข้างเผลอโอบเอวเธอเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งเขาไม่ยอมที่จะปล่อยมือเธอทั้งที่เธอพยายามแกะมือเขาที่กุมมือเธอออกก็ตาม
“ป้าแสง ลุงจรัส ยายชื่น ก็เป็นไปกับเขาด้วยหรือครับ”
หญิงที่ดูสูงวัยผมสีดอกเลาเกล้าผมมวยไว้ท้ายทอย ใส่ผ้าถุง เสื้อคอกลม ท่าทางเหมือนคุณยายได้พูดขึ้นว่า
“ก็เสียงดังไปถึงเรือนหลังบ้านไม่ให้ยายขึ้นมาดูได้หรือค่ะ”
“อะไรกัน ยายชื่นเสียงอะไรที่ดัง”
“ก็เสียงแม่หนูคนนี้เสียกระมั่ง”
“ใช่ค่ะปกติ คุณทัศเมาก็นอนไม่มีสุ่มเสียงดังถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็นเสียงผู้หญิงอีก แปลกไปอีกค่ะ”
รินรดายืนฟังเงียบขณะเดียวกันก็คิดไปว่าครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะมาโผล่ที่นี่
เธอทำอะไรอยู่ที่ไหน
และที่นี่คือที่ไหน
ผู้คนล้วนแปลกตาไปหมดไม่ว่าจะเป็นท่าทาง เสื้อผ้า หน้าผม ถึงแม้ดูๆไปทุกคนจะหน้าตาไม่ใช่โจรผู้ร้ายก็ตาม รวมถึงผู้ชายที่ทั้งจับมือทั้งโอบเอวอยู่นี้เป็นใครกัน รินรดารู้สึกมึนๆตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาเธอก็เห็นว่านอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอตกใจร้องโวยวายและคนแปลกหน้าทั้งสามก็เข้ามาวิ่งจับเธอ จนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอ รินรดาพยายามคิดย้อนกลับไป
“ที่นี่ที่ไหนกันแน่ เฮ้ย!มาได้งัย แล้วนี่เป็นใครกันมั่ง”
ทัศชายหนุ่มเจ้าของบ้านพูดให้ทุกคนในบ้านที่เป็นเสมือนคนในครอบครัวของเขาไม่ว่าจะเป็นยายชื่นแม่ครัวที่ทำอาหารให้เขาตั้งแต่จำความได้ ป้าแสงแม่บ้าน ลุงจรัสคนขับรถและดูแลสวนต้นไม้ภายในบ้าน ทุกคนล้วนแต่อยู่มาก่อนที่เขาจะเกิดมาเสียด้วยซ้ำ เหตุการณ์นี้คงทำให้ทุกคนที่รักเขาตกใจไม่น้อยแต่ตอนนี้เขาอยากจะซักถามและพูดคุยกับหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้เพียงลำพัง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 337
แสดงความคิดเห็น