บทที่ 2...2/2
มีเสียงเคาะประตู ก่อนจะตามมาด้วยร่างบอบบางของเลขาวัยสามสิบปลายๆ พันธินเงยหน้าขึ้นจากกองแฟ้มที่อ่านและทำความเข้าใจไปเกือบจะหมดแล้ว ตลอดสิบเอ็ดเดือนที่ผ่านมาการบริหารของพ่อกับหุ้นส่วนเป็นไปด้วยดี แม้ว่าเสียงที่เขาได้ยินจากหุ้นส่วนและผู้จัดการจะบอกว่าไม่น่าไว้ใจใครบ้าง ส่วนบรรดาญาติพากันคิดว่าได้ส่วนแบ่งน้อยไป ตอนนี้เหลือแฟ้มสุดท้ายที่เขาเพิ่งเริ่มอ่านเท่านั้น
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณดรุณีมารอเกือบชั่วโมงแล้วค่ะ เธอเกรงใจไม่อยากรบกวนคุณธิน แต่ดิฉันเห็นว่ามันใกล้จะเลิกงานแล้ว” เลขายิ้มให้เจ้านาย เขาไม่ค่อยตำหนิใครก็จริง แต่ก็ไม่ชอบหากใครขัดคำสั่ง
แฟ้มถูกวางลงแล้วปิด เขาควรพบกับคู่หมั้น แทนที่จะให้รอแบบนั้น
“ถ้างั้นเชิญเข้ามาได้ครับ”
พันธินนึกแปลกใจว่าทำไมดรุณีไม่โทรหาเขาซึ่งง่ายกว่าการรออยู่หน้าห้องเป็นชั่วโมง ดรุณีในความทรงจำของเขาไม่ใช่คนขี้เกรงใจขนาดนี้ไม่ใช่หรือ การหมั้นเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ท่ามกลางความพอใจของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
ดรุณีเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน ใจเย็นและเป็นดาราดัง การที่เป็นลูกสาวคนเดียวของนักการเมืองทำให้เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง เหตุผลสำคัญคงเพราะตำแหน่งทางการเมืองนั้นส่งเสริมธุรกิจของเอ็มไพร์ กรุ๊ปได้
“กลับมาแล้วทำไมไม่โทรบอกณีบ้างล่ะคะธิน ถ้าวันนี้ณีไม่ได้แวะไปหาคุณตุลคงไม่รู้เรื่อง น่าน้อยใจจัง” เธอพ้อเสียงหวาน ก่อนจะเข้ามาจับมือของพันธินแนบแก้ม
“ผมขอโทษครับ”
เรียวปากบางยิ้มละไมก่อนปล่อยมือของเขาออก แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ดวงตาของเธอวูบไหวยามที่ถูกมองตอบ มือทั้งสองข้างประสานกันไว้พร้อมกับขบริมฝีปาก พันธินมองดรุณีและเกือบจะยิ้มได้เต็มริมฝีปาก หากว่าเสียงหนึ่งจะไม่ดังขึ้น แล้วมีเพียงเขาที่ได้ยินเพียงผู้เดียว
‘ธินจะจำได้ไหมนะว่าเราเคยคุยอะไรกันก่อนที่จะไปอเมริกา’
พันธินอยากถอนใจ ทุกคนล้วนแล้วมีความลับสินะ...
“วันนี้มาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าจะมาพูดเรื่องที่เราคุยกันไว้ก่อนผมจะเดินทางไปอเมริกา มันนานมากแล้วเสียด้วยสิ ณีจะพูดมันอีกครั้งหรือเปล่า” เขาลองถามดู พอถูกมองก็พูดต่อไปว่า “ผมมีปัญหาเรื่องความจำในอดีตก่อนเกิดอุบัติเหตุ หมอบอกว่าอีกไม่นานคงกลับมาจำได้เหมือนเดิม”
สีหน้าของดรุณซีดเผือด ก่อนจะเกลื่อนด้วยรอยยิ้มหวานๆ เมื่อรู้ว่าเขาจำอะไรไม่ได้จริงๆ อุบัติเหตุได้นำความทรงจำต่างๆ ของเขาไปบางส่วนด้วยและส่วนนั้นมีเรื่องที่เธอกังวลใจมาถึงเวลานี้
“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ แค่ตอนนี้ธินกลับมาณีก็พอใจแล้ว เย็นนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันไหมคะ” เธอชวนแม้จะปกปิดน้ำเสียงไม่สบายใจนัก
พันธินกอดอกมองแล้วยิ้มกว้าง บางทีเขาก็ไม่ชอบที่ต้องได้ยินความคิดใครต่อใคร
“ขอบคุณที่ไปเยี่ยมผมถึงสองครั้ง ตอนนั้นผมกำลังฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกาย คุณคงไม่เก็บเอามาเสียใจในท่าทีห่างเหินของผม”
“ไม่หรอกค่ะ ณีเป็นคู่หมั้นของธิน” เธอยิ้มอย่างสบายใจขึ้น
‘ถ้าธินจำได้ขึ้นมา ธินจะเป็นฝ่ายแฉหรือเปล่า ทำยังไงดี นักข่าวคงเล่นข่าวกันสนุก’
เธอส่ายหน้าให้ความคิดนี้ ในเมื่อเขาจำไม่ได้ เรื่องนั้นเธอคงต้องรอเวลาที่เหมาะสมกว่านี้
แฟ้มถูกเลื่อนเก็บ เมื่อการหาความลับของดรุณีที่มีต่อเขาช่างน่าสนใจมากกว่า ดรุณีกลัวจะถูกแฉเรื่องอะไร
“เราไปด้วยกันเถอะ ผมกำลังอยากพักสมองพอดี”
ร่างสูงเดินนำ แต่พอนึกได้ก็ยืนรอให้ดรุณีเดินไปพร้อมกัน มือบางยื่นมาจับมือคู่หมั้นไว้เหมือนที่เคยทำก่อนที่เขาจะเดินทางไปอเมริกา ทว่ามือหนากลับดึงออกไป ก่อนหันมายิ้มให้ หญิงสาวเม้มปากไม่แน่ใจว่าการที่เขาทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร เมื่อเข้าไปในลิฟต์เธอเห็นอิชย์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ดรุณีเพียงยิ้มให้ทนายคนสำคัญเท่านั้นต่างจากพันธินที่ถามอย่างใส่ใจ
“ลุงอิชย์จะรีบไปไหนหรือครับ”
“ไปสถานีตำรวจครับ” อิชย์บอกก่อนคิดต่อในใจ ‘ยัยอรคว่ำเจ้านายจนหัวแตก แฟนเจ้าทุกข์เอาเรื่อง ต้องรีบไปเคลียร์เรื่องให้ครับ’
เรียวปากหนายิ้ม อรอินทุ์มักมีเรื่องกับเด็กผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งโตมาทำงานแล้วเหตุการณ์เดิมๆ ก็ยังเกิดขึ้นอีก ลิฟต์เปิดอิชย์กำลังเดินแยกออกไป พันธินมองดรุณีรู้สึกเสียดายที่การหาความลับคงต้องเป็นวันอื่นแทนเสียแล้ว
“เดี๋ยวครับลุงอิชย์” พันธินรีบเรียกลุงอิชย์ไว้ แล้วหันมาทางคู่หมั้น “ขอโทษนะครับณี ผมมีธุระสำคัญเสียแล้ว เอาไว้ผมจะโทรไปนัดทานข้าวกันใหม่นะ”
“ณีไปเป็นเพื่อนไหมคะ เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง”
พันธินนิ่งเผื่อว่าดรุณีจะคิดอะไร แต่เธอกลับไม่คิดอะไรสักอย่าง มีเพียงความคิดสั้นแค่ว่า..ทำไมๆ ที่เขาได้ยินเท่านั้น ทำไม...เรื่องอะไรกัน?
“ผมไปคนเดียวดีกว่า เผื่อว่าต้องจัดการเรื่องนานกว่าที่คิด”
“ก็ได้ค่ะ”
พันธินลูบไหล่ของดรุณีเบาๆ แต่เธอกลับมองเขาเหมือนทำอะไรผิดไป ชายหนุ่มไม่มีเวลาถามเพราะรีบเดินตามอิชย์ไปที่รถ แต่เขาคงลืมบางอย่าง ไม่สิ บางคนไป ปริญเดินมาสมทบและเดินตามกันไปที่ลานจอดรถ คนขับรถมายืนรอพร้อมปฏิบัติงาน
“เชิญครับคุณธิน”
“ผมจะไปรถของลุงอิชย์ ไม่ต้องตามมา...ทุกคน”
อิชย์หัวเราะเบาๆ พลางเดินมารอที่รถประจำตำแหน่งที่นานๆ จะใช้สักทีแล้วปลดล็อคไว้รอ ส่วนรถของเขาจอดอยู่บ้านเพราะมาทำงานพร้อมพันธินเมื่อเช้า หายใจเข้ายังไม่ทันออกคนทำหน้าบูดก็เข้ามานั่งในรถ ส่วนคนอื่นๆ พากันมองไม่รู้จะห้ามอย่างไร อีกเดี๋ยวคงได้ตามไปเป็นขบวน
“น่าเบื่อชะมัดเลย ทั้งคนขับรถ ทั้งบอดี้การ์ด ทำอย่างกับผมออกมาทำสงคราม หรือว่าพ่อรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่”
“ดูเหมือนคุณดรุณีเป็นห่วงคุณมากนะครับ” อิชย์เลี่ยงที่จะตอบและเลือกพูดจากสิ่งที่เห็น อีกทั้งตอนที่พันธินป่วยดรุณีไม่ดูดายยังไปเยี่ยม
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงคิดเหมือนกับลุงอิชย์ ตอนนี้อยากอยู่ในห้องที่ไม่ต้องได้ยินอะไรจริงๆ”
สีหน้าของพันธินยืนยันคำพูดของเขาได้ อิชย์พอจะเข้าใจ การได้ยินทุกเรื่องคงไม่ใช่เรื่องที่น่ารื่นรมย์สักเท่าไหร่ แต่มันจะมีประโยชน์ต่อการทำงานและเรื่องอื่นๆ
“มีใครน่าสงสัยเพิ่มบ้างไหมครับ”
“ก็มีครับ เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ลุงอิชย์แน่ใจนะครับว่าคนที่ถูกทำร้ายเป็นเจ้านายของอร ไม่ใช่อร นึกว่าจะเลิกทำตัวโหดๆ แล้วเสียอีก ลืมไปหรือเปล่าตัวเองเป็นผู้หญิง” ว่าแต่คราวนี้เจ็บหนักขนาดไหน แค่หัวแตกหรือว่ามากกว่านั้น
“ถ้าคุณธินได้คุยกับยัยอร รายนั้นอาจจะบอกว่าน้อยไป” อิชย์ยิ้มยังไม่เล่าและไม่คิดในใจอยากให้ไปเห็นภาพเอง
พันธินหัวเราะ อยากถามย้อนกลับไปว่าใครกันหนอที่ส่งอรอินทุ์ไปเรียนเทควันโด มวยไทย แล้วยังยิงปืนอีก การมีพ่อที่มีงานยุ่งทำให้ต้องหากิจกรรมให้ลูกสาวทำ การเรียนพิเศษ เล่นกีฬา รวมทั้งวิชาการต่อสู้ต่างๆ ทำให้อรอินทุ์ดูแกร่งกว่าภายนอกที่เหมือนผู้หญิงไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร แต่ถ้าเอาเรื่องเมื่อไหร่ล่ะก็มีได้เลือดตลอด
ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอิชย์กับพันธินก็มาถึงสถานีตำรวจ มีรถจอดอยู่หลายคัน รวมทั้งรถของเจ้าทุกข์ด้วย อิชย์โทรหาลูกสาวให้แน่ใจว่ายังอยู่สบายดี ก่อนจะเดินขึ้นโรงพักไปพร้อมกับพันธิน เสียงของแพรพลอยดึงความสนใจของทุกคนบนโรงพัก ทำให้อิชย์ไม่ต้องเสียเวลาตามหาเจ้าทุกข์และลูกสาวที่กำลังให้การกับตำรวจ
“ยังไงฉันก็ไม่ยอมค่ะ แฟนถูกทำร้ายจนหัวแตกนะคะคุณตำรวจ”
อรอินทุ์เลิกคิ้ว ถ้าหวังว่าจะเห็นสภาพหงอกลัวลนลานแล้วล่ะก็ ชาตินี้และต่อให้ถึงชาติหน้าก็ไม่มีทางได้เห็น
“ถ้าเธอไม่ยอม ฉันก็จะแจ้งตำรวจกลับข้อหาอนาจาร หรือไม่ก็พยายามยัดเยียดความเป็นมือที่สามให้ ได้ไหมคะคุณตำรวจ”
คุณตำรวจทำหน้าเหมือนปวดหัวอยากได้พาราเซตามอลสักเม็ด พันธินเห็นหน้าอรอินทุ์แล้วได้แต่ส่ายหน้า ก็เจ้าทุกข์ที่หัวแตกน่ะสภาพเหมือนถูกรุมกระทืบมากกว่า ลุงอิชย์ถอนใจยาวก่อนจะเดินแหวกกลางวงเข้าไปคว้าตัวลูกสาวขึ้นมาแล้วขอด้วยสายตาให้พันธินดูแลเธอก่อน ในระหว่างที่เขาต้องจัดการเรื่องยุ่งๆ ตรงหน้า
“เดี๋ยวลุงขอคุยด้วยก่อนนะ บางทีเราอาจจะตกลงกันได้”
แพรพลอยหลับตาปี๋รีบยกมือไหว้ ไม่นึกว่าลุงอิชย์จะมาเอง ถ้าคนของเธอไม่ไปทำรุ่มร่ามใส่อรอินทุ์จริงๆ เธอคงเถียงได้เต็มปากต่อหน้าทนาย เธอไม่น่าลืมเลยว่าพ่อของอรอินทุ์เป็นใคร
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
พันธินได้ยินความคิดของผู้หญิงคนนั้นจึงจัดการพาอรอินทุ์ออกมารอนอกห้อง เรื่องแค่นี้ลุงอิชย์จัดการได้อยู่แล้ว ผู้หญิงร่างเพรียวแต่แรงเยอะยอมเดินมาดีๆ รู้ตัวแล้วล่ะสิว่าก่อเรื่องได้เป็นเรื่องจริงๆ
“คุณธินมาที่นี่ทำไมคะ”
“อย่าเข้าใจผิด ฉันมาเพราะเห็นลุงอิชย์ไม่สบายใจ ไม่ใช่เพราะอยากมาซ้ำเติมเธอหรอก” ถึงไม่ได้ยินอรอินทุ์คิด แต่เขาพอจะเดาได้จากสายตา
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย” เธอชะเง้อมองเข้าไปในห้อง เรียวปากบางยิ้มพอใจเมื่อเห็นแพรพลอยเริ่มหงอยไปทันตา
“นั่นสินะ เธอไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ เสียด้วย”
เขามองตามแล้วรั้งแขนเรียวเบาๆ ให้อรอินทุ์มานั่งรอหน้าห้องด้วยกัน แต่พอมองไปข้างในอีกทีถึงได้เห็นเจ้าทุกข์ที่น่าจะไม่เจ็บแค่หัวที่พันผ้าก๊อซไว้อย่างเดียวหรอก คงเจ็บปากไปอีกหลายวันด้วยกระมัง
“นั่นเหรอเจ้านายของเธอ”
“ใช่ค่ะ จะว่าฉันโหดล่ะสิ” อรอินทุ์ยิ่งคิดยิ่งโมโห ‘ที่เห็นน่ะยังโดนน้อยไปมันจะขอจูบ คราวก่อนโดนเตะกล่องดวงใจยังไม่สำนึก’
พันธินหัวเราะเบาๆ แต่มันคงไม่เบาพอถึงได้ทำให้อรอินทุ์มองมาอย่างไม่ชอบใจระคนแปลกใจว่าเขาหัวเราะเป็นด้วยหรือ แต่เพราะเขาไม่ใช่พันแสงที่เธอสามารถตอกกลับให้หายโมโหได้ สิ่งเดียวที่เหมาะสมนั่นคือการเฉยเสีย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนที่พ่อให้ความสำคัญ ไม่สิ เขาสำคัญเพราะเป็นทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่ของคุณเธียรต่างหาก
“เปล่า ตอนนี้ฉันเริ่มจะคิดว่ามันน้อยไปจริงๆ สำหรับผู้ชายเลวๆ แบบนั้น คนนี้หรือเปล่าที่เธอแอบปิ๊งตอนเรียนมหา’ลัย”
“คุณธินรู้ได้ยังไง”
“แสงเคยเล่าให้ฟัง ทำไมหรือ มันเป็นความลับหรือไง” พันธินถามกลับ หน้าคนอยากแหวใส่ดูบึ้งตึง ตอนนี้คงอยากชกพันแสงสักหมัดโทษฐานปูดเรื่องล่ะสิท่า
“เปล่าค่ะ แค่สงสัย ไหนพ่อบอกว่าคุณธินความทรงจำหายไป ทำไมถึงจำเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ได้”
คนถูกถามขมวดคิ้วทำหน้าคิด แทนที่จะโกรธพันแสง แต่กลับมาสงสัยเขาแทนหรือนี่
“สมองของฉันคงเลือกจำเรื่องหยุมหยิม แต่ดันจำเรื่องใหญ่ๆ ไม่ได้น่ะสิ”
อรอินทุ์พยักหน้าหงึกๆ แล้วเริ่มต่อว่าพันแสงในใจ พันธินหัวเราะอยู่ในใจเช่นกัน ต่อว่าได้แม้กระทั่งคนตาย ถ้าคนเป็นที่ก่อเรื่องยืนอยู่ตรงหน้า ป่านนี้อาจเป็นลมไปแล้วละมั้ง เขาเห็นด้วยที่เธอสั่งสอนไอ้เจ้านายชีกอ แต่ให้ตายเถอะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาสงสารคนชีกอที่สภาพสะบักสะบอมเหมือนถูกรุมกระทืบชะมัด
ไม่สนับสนุนความรุนแรง แต่เจ้านายชีกอก็ไม่ควรปล่อยไว้
จะมา up เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 272
แสดงความคิดเห็น