บทที่ 607: กู่สือหนีไป
หลงโม่ไม่ฟังคำพูดไร้สาระจากศัตรูเลยแม้แต่น้อย เพื่อเป็นการไม่ให้กู่สือได้หลบหนีไปได้อีก เขาจึงเด็ดปีกอีกฝ่ายโดยตรง
บัดนี้ปีกที่เปื้อนเลือดถูกโยนทิ้งไปด้านข้างแบบไม่ไยดี ในขณะที่กรงเล็บมังกรยังคงกดร่างของฝ่ายตรงข้ามลงกับพื้นแน่นหนา
กู่สือที่ไม่เคยเผชิญกับการถูกทำร้ายร่างกายมาก่อนหน้าซีดขาวเหมือนแผ่นกระดาษ
ไอ้ภูตมังกรนี่มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว!
แถมมันยังฉีกกระชากปีกของข้าออกด้วย!
สำหรับกู่สือ หากเขาไม่มีปีกมันก็เหมือนกับว่าเขาได้สูญเสียชีวิตครึ่งหนึ่งไปแล้ว!
บัดนี้ดวงตาของชายผมแดงฉายแววเคียดแค้นถึงขีดสุด
แล้วสถานที่ที่ชายทั้ง 2 เผชิญหน้ากันนั้นก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านหินมากนัก ในไม่ช้าหูเจียวเจียวกับเตี๋ยฉ่ายก็วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ
ปัจจุบันหลงโม่กลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว เขากำลังก้าวเท้าไปเหยียบหัวของกู่สือทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายบู้บี้ติดกับพื้น
พอชายหนุ่มเห็นภรรยาสาวใกล้เข้ามา เขาก็บดขยี้เท้าตัวเองหนักขึ้นพลางถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“บอกข้ามาว่าหลงเหยาอยู่ที่ไหน!”
เตี๋ยฉ่ายที่ยืนอยู่ด้านหลังจิ้งจอกสาวอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นไปทั้งตัวหลังจากเห็นปีก 2 ข้างกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
นางกับกู่สือเป็นคนที่มาจากเผ่าเดียวกัน นางเองก็มีร่างสัตว์เหมือนกับเขา มันจึงทำให้นางรู้สึกเสียววูบไปทั่วแผ่นหลัง
อึ๋ย!!
ภูตมังกรคนนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ผู้หญิงที่บอบบางแบบหูเจียวเจียวตกหลุมรักผู้ชายที่โหดร้ายอำมหิตได้ยังไงกัน?
นางไม่กลัวบ้างเลยหรือ?
“อย่าฆ่าข้า ข้าจะบอกเจ้า!” กู่สือเองก็กำลังหวาดกลัวกับท่าทางป่าเถื่อนของหลงโม่ เขาจึงรีบร้องขอความเมตตา
“รีบบอกมาเร็วเข้าว่าเจ้าจับลูกของข้าไปไว้ที่ไหน หากเขาได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ข้าจะเอาคืนเจ้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า” หูเจียวเจียวถามเสียงเย็น
ทางด้านเตี๋ยฉ่ายที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับคนบ้านนี้ก็ยังถอยห่างจากทั้งคู่โดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับครอบครัวตระกูลหลง
แม้แต่ในยามที่โกรธจัดแบบนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังดูงามสง่าดังเดิม
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ลูกของพวกเจ้าสบายดี ข้าเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าแม้แต่เส้นผมของเขาก็ไม่ขาดแม้แต่เส้นเดียว” กู่สือรีบพูดแบบร้อนรน
“ไม่ต้องพูดมาก บอกข้ามาว่าเขาอยู่ที่ไหนก็พอ” ดวงตาของหลงโม่เปลี่ยนเป็นเย็นชาในขณะที่มันหรี่ลง ซึ่งท่าทางนั้นบ่งบอกว่าเขาพร้อมที่จะบดขยี้ศัตรูได้ตลอดเวลา แล้วเขาก็เพิ่มแรงกดที่เท้าอีกครั้ง
เป็นผลให้ชายผมแดงร้องโหยหวนออกมาก่อนจะรีบเปิดปากพูด
“ข้าบอกแล้ว! ข้าบอกแล้ว เด็กอยู่ที่...”
ฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบเอียงศีรษะพร้อมกับดวงตาสีเข้มที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ขณะนั้นเขาจงใจลากเสียงคำสุดท้ายให้ยาวขึ้น ระหว่างที่ทั้ง 3 คนกำลังตั้งใจฟัง เขาก็บิดร่างกายท่อนบนของตัวเอง ทำให้ส่วนด้านบนและแขนของเขาบิดในมุมแปลกประหลาด
ในชั่วพริบตา กู่สือเหวี่ยงแขนไปทางทั้ง 3 คนโดยที่เขาสาดผงอะไรบางอย่างเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
หูเจียวเจียวและคนอื่น ๆ จึงรู้สึกแสบตาจนต้องยกมือขึ้นมาบังเอาไว้
ทันทีที่พวกเขา 3 คนลืมตาขึ้นอีกครั้ง กู่สือที่เคยอยู่ใต้เท้าหลงโม่ก็หายตัวไป
“เจียวเจียว มันหนีไปแล้ว! เจ้ากู่สือมันเจ้าเล่ห์มาก ถึงขั้นกล้ามาเล่นกลต่อหน้าเรา!” เตี๋ยฉ่ายกระทืบเท้าตัวเองด้วยความโกรธเมื่อนางเห็นว่าร่างของกู่สือที่ถูกจับตัวได้หายไปแล้ว
ทว่าหูเจียวเจียวที่ยืนอยู่ด้านข้างหญิงสาวกลับนิ่งเฉย เธอไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
ส่วนหลงโม่ปัดเศษผงที่เหลือบนใบหน้าของเขาแล้วยกมือขึ้นมาดูเพื่อตรวจสอบพลางพูดว่า “มันเป็นเศษผงบางอย่างและมีผงสีดำปะปนอยู่บางส่วน เจ้าสิ่งนี้น่าจะเป็นผงบนร่างกายของมัน”
ร่างสัตว์ของกู่สือนั้นเป็นผีเสื้อที่มีขนาดใหญ่เท่านกอินทรี ตามธรรมชาติแล้วผีเสื้อจะมีผงเล็ก ๆ อยู่บนตัว อีกฝ่ายคงเลือกที่จะใช้ผงพวกนี้เป็นตัวหลอกล่อศัตรูทำให้เจ้าตัวมีเวลาหลบหนี
“มันจงใจหลบหนี มันไม่ได้คิดที่จะบอกเราว่ามันจับตัวหลงเหยาไปไว้ที่ไหน” เตี๋ยฉ่ายมองจิ้งจอกสาวอย่างเป็นกังวล
“เจียวเจียว แบบนี้เราจะทำยังไงต่อไปดี ผงผีเสื้อบนร่างกายของกู่สือมีฤทธิ์บางอย่างที่ทำให้เราไม่ได้กลิ่น มันอาจจะทำให้เราติดตามชายคนนั้นไม่ได้ชั่วคราว ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบนี้ เราจะไม่สามารถติดตามตัวมันได้อีก”
ปัจจุบันพวกเขาไม่ได้กลิ่นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ผงผีเสื้อนี้ออกฤทธิ์นานแค่ไหนกว่าที่เราจะกลับมาเป็นปกติ?” หูเจียวเจียวถามอย่างใจเย็น
“อย่างเร็วที่สุดเราน่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 15 นาที แต่ระยะเวลา 15 นาทีมันก็นานพอที่จะให้มันได้หลบหนีออกจากเผ่าไปจนถึงขั้นกลับไปยังที่ซ่อนของมันด้วยซ้ำ” หญิงสาวผู้มีนัยน์ตาสีชมพูกล่าวพร้อมกับทำหน้าเคร่งเครียด
แต่ถึงกระนั้น ใบหน้าของจิ้งจอกสาวก็ยังคงนิ่งเฉย พอเธอได้ยินสิ่งที่เตี๋ยฉ่ายพูด ริมฝีปากสีแดงก็ยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดว่า
“สิ่งที่ข้าต้องการก็คือให้มันกลับไปยังที่ซ่อนของตัวเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ระยะเวลา 15 นาทีก็นานเกินพอ”
...
“บัดซบ ไอ้ภูตมังกรบ้านั่นจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”
“เมื่อกี้มันบ้าอะไรเนี่ย? ทำไมกลิ่นถึงยังติดตัวข้าไม่ยอมหายไปแบบนี้…”
ปัจจุบันกู่สือหนีออกมาด้านนอกเผ่าเรียบร้อยแล้ว เขากำลังซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้พร้อมกับแอบก่นด่าหลงโม่กับตัวเอง
ถึงแม้ว่าเขาจะจัดการสลัดผงเรืองแสงบนร่างกายทิ้งไปได้ แต่สิ่งที่เขายังกำจัดไม่สำเร็จก็คือกลิ่นเหม็น ๆ ที่ติดตัวเขาอยู่ เจ้าสิ่งนี้มันทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายมากยิ่งขึ้น
อันที่จริงเขาไม่ได้หงุดหงิดขนาดนี้มานานแล้ว
ปัจจุบันมีรูขนาดใหญ่ 2 รูที่มีเลือดไหลไม่หยุดอยู่บนหลังของชายหนุ่ม พอมันอยู่ภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน มันก็ยิ่งทำให้ภาพที่ปรากฏดูน่าสยดสยองมากกว่าเดิม เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าของบาดแผลขยับตัว มันจะมีเลือดไหลย้อยลงบนพุ่มไม้ทิ้งเป็นรอยให้เห็นชัดเจน
กู่สือที่ตกอยู่ในสภาพน่าอนาถกัดฟันแน่น ต่อมา เขารีบดึงใบไม้ใหญ่ 2-3 ใบและเถาวัลย์จำนวนหนึ่งมามัดปิดบาดแผลอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดหยดไปตลอดทางแล้วทิ้งร่องรอยให้ศัตรูติดตามตนเจอ
หากคำนวณเวลาดูในใจแล้ว ตอนนี้ชายหนุ่มเหลือเวลาไม่มาก เขาจะต้องรีบกลับไปยังที่ซ่อนของตัวเองให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นศัตรูจะตามเขามาทันทีที่ผงผีเสื้อหมดฤทธิ์
แต่ในการขยับตัวแต่ละครั้งส่งผลให้เขาต้องกัดฟันกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
ในใจของกู่สือขณะนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธ ตั้งแต่เกิดมาจนโตเขายังไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อนเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ปีกที่ถูกถอนออกไปจะไม่มีวันงอกขึ้นมาอีก
เมื่อชายผมแดงคิดถึงเรื่องอันขมขื่น เขาก็รู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจก้าวขาเข้าไปยังถิ่นของศัตรูด้วยตัวเอง
กู่สือไม่กล้าปล่อยให้เวลาเสียไปแม้แต่วินาทีเดียว เขารีบมุ่งหน้ากลับถ้ำที่ซ่อนตัวของเขาแบบไม่รอช้า
อันที่จริงที่ซ่อนของเขาไม่ได้อยู่ไกลจากเผ่าสักเท่าไหร่ เพียงแต่ว่ามันตั้งอยู่ในที่ลับตาคนและทางเข้าก็ซับซ้อนนิดหน่อยเท่านั้น
ปัจจุบันชายหนุ่มได้เพลี่ยงพล้ำให้กับภูตมังกรไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาทรวมถึงปล่อยให้ตัวเองอยู่ในที่โล่งแจ้งอีก แล้วเขาก็วางแผนที่จะไปกินสมองของหลงเหยาก่อนจะย้ายไปซ่อนที่อื่นที่ปลอดภัยกว่านี้
ในเมื่อหลงโม่ทำให้เขาต้องสูญเสียปีกทั้ง 2 ข้างไป การที่เขาทำให้อีกฝ่ายต้องสูญเสียลูกของตัวเองไปคนหนึ่งก็นับว่ามันเท่าเทียมกัน!!
“ง่ำ ๆ... มันดีมากเลย ขอบคุณท่านแม่ ท่านแม่ใจดีกับเสี่ยวเหยามาก…”
ในถ้ำ หลงเหยากำลังนอนอยู่บนกองหญ้า ในขณะที่ปากของเขาเคี้ยวเศษหญ้าแห้ง 2-3 เส้น พร้อมกับละเมอพูดพล่ามทั้งที่ยังหลับตาอยู่
ทันทีที่กู่สือกลับเข้าไปถึงในถ้ำก็รู้สึกโมโหมากที่เห็นว่าเจ้าตัวเล็กกำลังหลับอย่างมีความสุข
ตัวเขานั้นโดนพ่อของไอ้เด็กนี่เด็ดปีกอยู่ข้างนอก แล้วมันยังมีหน้ามานอนหลับแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ต่อหน้าเขาอีกได้ยังไง?!
บัดนี้เจ้าของถ้ำรู้สึกโกรธจนควันออกหู เขาสาวเท้าเข้าไปหาหลงเหยาก่อนจะก้มลงจิกหัวของอีกคนให้ลุกขึ้นมา
“ลุกขึ้น! เลิกนอนได้แล้ว!”
“อ๋าาา! อะไร เกิดอะไรขึ้น?” คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นทันที ใบหน้ากลมของเขามีรอยแดงเล็ก ๆ เพราะนอนทับหญ้าแห้งพร้อมกับเศษหญ้าที่ร่วงหล่นลงมา
พอหลงเหยาได้กลิ่นบนตัวกู่สือ เขาก็ใช้มือปิดปากปิดจมูกตัวเองด้วยสีหน้ารังเกียจ
“อี๋! เจ้าปีศาจผมแดง ท่านไปทำอะไรมา ทำไมกลิ่นตัวท่านถึงแย่ขนาดนี้ มันเหม็นยิ่งกว่าเสี่ยวเหยาที่อึรดกางเกงวันนั้นเสียอีก…”
มังกรน้อยย่นหน้าจนใบหน้าอ้วนกลมของเขายับย่น
นี่มันเหม็นเกินไปไหม!
แต่ทำไมกลิ่นนี้มันถึงคุ้นจมูกมาก?
“วางเสี่ยวเหยาลงนะ! เสี่ยวเหยาเหม็นจะตายอยู่แล้ว!”
หลงเหยาพูดขณะพยายามดีดขาป้อมสั้นในอากาศเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากเงื้อมมือของภูตผมแดง แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าที่คุกรุ่นของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“หุบปาก!” กู่สือตะคอกเสียงดังพร้อมกับดึงเด็กน้อยเข้ามาใกล้ตัวเขามากยิ่งขึ้น
จากนั้นชายหนุ่มก็ใช้ดวงตาที่คมดุจ้องมองเด็กตัวจ้อยด้วยท่าทางที่เขาคิดว่าตัวเองดูโหดเหี้ยมที่สุดในขณะที่เขาพูดว่า
“อย่ามาว่าข้าเหม็นนะ ตัวข้าไม่ได้เหม็นสักหน่อย!”
“ท่านตัวเหม็นอยู่ชัด ๆ ยังจะมาเถียงอีก…” หลงเหยาเบะปากก่อนที่น้ำตาจะคลอหน่วย
คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าของกู่สือยิ่งถมึงทึงมากยิ่งขึ้น
ปกติแล้วเขาชอบเห็นพวกเด็ก ๆ ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวมาก
แต่ไอ้เด็กตรงหน้าคนนี้ร้องไห้ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะมันเหม็นกลิ่นตัวของเขาต่างหาก
“...”
อ๊ากกกก! ข้าโกรธจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วโว้ย!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 160
แสดงความคิดเห็น