บทที่ 576: ผู้อาวุโสเผ่าไป๋ผีทำตัวแปลกประหลาด
เมื่อผู้อาวุโสเผ่าไป๋ผีได้ยินคำพูดของคนที่อยู่นอกประตู ตัวเขาที่นอนอยู่บนกองฟางจึงขดตัวด้วยท่าทีที่เหมือนอยากจะซ่อนตัวเองให้พ้นจากสายตาของผู้อื่น
“ไม่ ถ้าข้าได้นอนพักผ่อนสัก 2-3 วันก็คงหายดีแล้ว เจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับข้า”
ตอนนี้ลำคอของผู้อาวุโสแห้งผาก เขาพยายามเค้นเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก แต่มันก็ยังฟังดูแหบแห้งอยู่ดี
กว่าเขาจะพูดให้ครบสักประโยค เขาต้องใช้ความพยายามไปมากจนเกือบจะหมดแรง
ถึงภูตที่อยู่ข้างนอกจะได้ยินเจ้าของเสียงแหบแห้งตอบแบบนั้น แต่เขาก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับอาการของคนป่วยจึงถามย้ำอีกครั้งว่า
“ท่านสบายดีแน่นะ? ทำไมข้าได้ยินเสียงที่ท่านพูดแล้วรู้สึกว่ามันฟังดูแหบมาก หรือข้าควรไปบอกท่านหัวหน้าให้เขาช่วยตามหมอมารักษาท่านดีไหม?”
ที่ผ่านมาเขาไม่ได้เห็นผู้อาวุโสเผ่าไป๋ผีออกจากบ้านหลังนี้มาหลายวันแล้ว
ตอนแรกเขาคิดว่าชายสูงวัยเพียงแค่ขี้เกียจไปทำงาน แต่ต่อมาเขากลับพบว่าคนในบ้านดันป่วยขึ้นมาจริง ๆ เสียนี่
แล้วในเวลาแบบนี้คนป่วยกลับดื้อรั้นไม่ยอมไปหาหมออีก รวมถึงเขาไม่ยอมออกมาพบเจอหน้าใครเลยแม้แต่คนเดียว
“ไม่! ข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่! ทำไมเจ้าจะต้องสอดมือมายุ่งวุ่นวายกับข้าด้วย?” คนเป็นผู้อาวุโสเค้นเสียงตะคอกด้วยความโกรธ
เดิมทีภูตที่ยืนอยู่นอกประตูคิดเพียงแค่ว่าเขาไม่อยากสร้างปัญหาให้กับหัวหน้าเผ่าไป๋ผีเพิ่มขึ้นอีก เพราะตอนนี้ชีวิตของพวกเขาก็อยู่ในช่วงเวลาที่ลำบากมากพออยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เก็บเรื่องของชายชรามาคิดอะไรอีก
“ตกลง ๆ งั้นข้าไม่กวนท่านแล้ว ข้าไปทำงานก่อนแล้วกัน ถ้าท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนก็ไปเรียกข้าได้ทุกเมื่อ”
พอภูตชายได้ยินเสียงต่อต้านของคนป่วย เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปทำงาน
แต่ในตอนที่เขาเดินออกมาข้างนอก ด้วยลางสังหรณ์บางอย่างมันทำให้เขามองย้อนกลับไปที่บ้านของชายชราอยู่หลายครั้ง
น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่สามารถมองทะลุเข้าไปภายในบ้านได้ เขาเลยมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังประตูบานนั้น
เขาจึงไม่รู้ว่าสภาพของผู้อาวุโสเผ่าไป๋ผีในเวลานี้ดูเหมือนคนที่กำลังป่วยใกล้ตาย
ทันทีที่ภูตชายคนนั้นออกไป ชายที่นอนอยู่ก็ไออย่างรุนแรงโดยที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“แค่ก ๆๆๆ!”
ยามนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าอวัยวะภายในของตนกำลังจะไหลออกมาจากปาก
เวลาผ่านไปสักพัก เสียงในบ้านก็เงียบลง
ในขณะนี้ผู้อาวุโสเผ่าไป๋ผีรู้สึกหวาดกลัวมาก เขาไม่กล้าให้ภูตคนอื่นรู้ถึงสถานการณ์ของตน
อาการของเขาเกือบจะเหมือนกับอาการของผู้ป่วยโรคระบาดตามที่ทุกคนพูดถึงทุกประการ แล้วอาการป่วยของเขาก็เริ่มขึ้นในวันที่ 2 หลังจากที่เขากินปลาเน่าตัวนั้น
ทุกวันนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ในบ้าน เพราะกลัวว่าหากพวกภูตของเผ่าเยว่หูรู้ว่าเขาป่วย คนพวกนั้นอาจจะขับไล่ตัวเองออกจากเผ่า
ชายชรารู้ดีว่าภูตเหล่านั้นจะไม่พาตนไปรักษาอย่างแน่นอน
นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่าโรคระบาดเป็นสิ่งที่น่ากลัว
บางทีพวกเขาอาจจะไม่เพียงแค่ขับไล่ตัวเองออกจากเผ่าเท่านั้น แต่เขาอาจจะถูกเผาทั้งเป็นได้ทุกเวลา
เขาไม่อยากถูกไฟคลอกตาย!
ถึงแม้ในตอนนี้เขาจะติดโรคระบาด แต่เขาก็ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสัก 2-3 วัน
อีกด้านหนึ่ง หลังจากภูตชายเดินออกจากหน้าบ้านของผู้อาวุโสแล้ว เขาก็เดินไปรวมตัวกับภูตคนอื่น ๆ เพื่อทำงานในไร่
เมื่อชายหนุ่มไปถึงสถานที่รวมตัว เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม
“ทำไมวันนี้มีคนมาน้อยจัง คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด?” เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัยเนื่องจากเขาสังเกตได้ว่าวันนี้มีคนงานมาน้อยกว่าปกติตั้งครึ่งหนึ่ง
“เพราะคนอื่นป่วยกันหมด เจ้าไม่รู้หรอกว่าช่วงนี้มีภูตล้มป่วยเยอะมาก ทำให้พวกเขาออกไปไหนมาไหนไม่ได้ นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องทำงานนะ” ภูตคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเพื่อไขข้อสงสัยของชายหนุ่ม
“เอิ่ม… อย่าบอกนะว่าที่ช่วงนี้ที่ข้ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและไม่มีแรงทำงาน นั่นเป็นเพราะว่าข้าอาจจะป่วยเหมือนกัน”
ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน แต่คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพากันมองมาทางเขาพลางทำหน้าขบขัน
“เจ้าอย่ามาแกล้งทำเป็นป่วยเลย ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าบังอาจมาอู้งานต่อหน้าข้า”
ภูตอีกคนที่ยืนอยู่ถัดไปยกมือขึ้นมาโอบไหล่ของเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
แต่ร่างของผู้ที่อ้างตนว่าป่วยในตอนแรกโอนเอนไปมาประหนึ่งว่าเขากำลังจะล้มลง ทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาถอนหายใจอีกครั้งเพราะคิดว่าเขากำลังเสแสร้งอีกแล้ว
มีเพียงภูตชายที่เพิ่งได้พบกับผู้อาวุโสเผ่าไป๋ผีเมื่อสักครู่เท่านั้นที่ทำหน้าเคร่งเครียด ขณะนี้ลางสังหรณ์ของเขากำลังส่งเสียงเตือนว่าสถานการณ์ที่เห็นอยู่นี้ผิดปกติมาก ๆ
เขาคงจะไม่คิดมากหากมีภูตป่วยเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้กลับมีภูตจำนวนมากป่วยพร้อม ๆ กัน
คงไม่ใช่ว่าคนพวกนี้ติดโรคระบาดแล้วหรอกนะ…
ทันทีที่ความคิดข้างต้นเกิดขึ้นในหัว ชายหนุ่มก็ถอยหลังกลับไป 2-3 ก้าวเพื่อพาตัวเองออกห่างจากภูตที่สุ่มเสี่ยงว่าจะป่วย
“หยินซื่อ เจ้าทำอะไรน่ะ โถ่…เจ้าหนู อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าข้าป่วยจริง ๆ ฮ่า ๆๆ!”
ยังไม่ทันที่หยินซื่อจะได้ตอบอะไรกลับไป ภูตที่เป็นหัวหน้ากลุ่มก็ตบมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียก่อน
“เอาล่ะ! หยุดล้อเล่นกันได้แล้ว รีบไปทำงานซะ”
ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าหยินซื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เดินไปรวมตัวกับภูตคนอื่น แต่เขากำลังตั้งท่าจะหันหลังวิ่งออกไปแทน
“ข้านึกขึ้นมาได้ว่าข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกท่านหัวหน้า ข้าไปก่อนนะ!”
เขาตะโกนในขณะที่รีบหันหลังวิ่งจากไปโดยไม่หันกลับมามองคนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย
หยินซื่อไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการคาดเดาของเขาเลยสักนิด ตอนนี้เขาคิดเพียงแค่ว่าควรรีบพาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ถ้าภูตคนที่บอกว่าตัวเองมีอาการเหมือนจะป่วยติดโรคระบาดขึ้นมาจริง ๆ หากเขายังคงเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ คนคนนั้นจะไม่ทำให้เขาติดเชื้องั้นหรือ?
เขาไม่อยากป่วย ยิ่งเป็นโรคระบาดยิ่งไม่อยากติด!
เขาจะต้องไปบอกเรื่องนี้ให้ท่านหัวหน้าทราบโดยเร็วที่สุด!
…
เนื่องจากภูตในเผ่าเยว่หูรังเกียจภูตเผ่าไป๋ผี หลังจากที่หยินเสวี่ยเสียชีวิตลง ก็ไม่มีภูตคนไหนมาแจ้งข่าวสารกับพวกเขาเลยสักคน
หยินซางซึ่งรอข่าวคราวจากหญิงสาวมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ทว่าเขาไม่ได้รับการตอบกลับจากนางเลย ดังนั้นเขาจึงส่งออกคนไปสอบถามข่าว แต่เขากลับพบว่าหยินเสวี่ยและคู่ของนางเสียชีวิตไปแล้ว
นั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีกองไฟกองใหญ่สุมอยู่ในอกของเขา
ก่อนหน้านี้หยินซางจับเหยื่อตัวใหญ่กลับมาได้แล้ว แต่หยินเสวี่ยดันพาตัวหลานชายของนางมาให้เขาไม่ได้ แถมยังมาตายไปก่อนอีก
นี่ไม่เท่ากับว่าสิ่งที่เขาลงแรงไปต้องเสียเปล่างั้นหรือ?
เมื่อชายหนุ่มคิดว่าตนจะต้องใช้ชีวิตเพื่อทำงานงก ๆ ให้กับเผ่าเยว่หูอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เขาก็รู้สึกอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ไม่ ข้าจะต้องจับตัวหยินชางมาให้ได้! ข้าต้องได้เลือดของภูตอสูรมาครอบครองให้เร็วที่สุด!” ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไป๋ผีพูดกับตัวเองพลางตัดสินใจแบบลับ ๆ
แต่ขนาดหยินเสวี่ยที่เป็นอาของหยินชางแท้ ๆ ยังไม่สามารถทำให้เด็กเชื่อฟังได้ แล้วเขาจะต้องทำอย่างไรให้อีกฝ่ายหันมาเชื่อฟังตนเอง
จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถจับตัวเด็กหนุ่มมารีดเลือดโดยวิธีรุนแรงได้
แต่ถ้าทำแบบนั้น เขาจะได้เลือดของภูตอสูรมาแค่ครั้งเดียว หากเขาต้องการใช้เลือดของภูตอสูรอีกในอนาคต เขาอาจจะไม่สามารถครอบครองมันได้โดยง่าย
สู้ใช้วิธีหลอกล่อให้หยินชางมาอยู่ข้างกายตนแล้วค่อยสูบเลือดของเด็กคนนั้นในยามที่ต้องการไม่ดีกว่าหรือ?
หากต้องให้เขาไปตามหาภูตอสูรคนอื่นก็ไม่แน่ว่าจะได้เจออีก เพราะภูตอสูรเป็นเผ่าพันธุ์ที่พบเจอได้ยากมาก
หยินซางนั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทันใดนั้นเองก็มีความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว เขาจึงเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาของตนให้มาหา
“เข้ามา”
“ท่านหัวหน้า ท่านมีอะไรจะสั่งข้าอย่างนั้นหรือ?” เสียงของลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่หน้าประตูดังขึ้นในทันที
จากนั้นเหล่าลิ่วล้อคนอื่น ๆ ก็พากันเดินเข้ามาเพื่อรับคำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้าเผ่า
“พวกเจ้าไปจับตัวหมอผีคนนั้นมาให้ข้า จำไว้ว่าจับเป็น อย่าให้ตายเด็ดขาด”
หยินซางออกคำสั่งด้วยใบหน้าเย็นชา
เมื่อเหล่าลูกน้องได้ยินดังนั้น พวกเขาก็แสดงสีหน้าลำบากใจ
“แต่หมอผีที่ท่านต้องการตัวมีคนคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายตลอดเวลา แล้วคนพวกนั้นก็ล้วนแต่เป็นภูตที่แข็งแกร่งมาก เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยสักนิด”
“ใช่ ท่านหัวหน้า พวกเขาปกป้องหมอผีเอาไว้อย่างแน่นหนา หากท่านต้องการจับตัวนาง มันอาจจะเป็นเรื่องยากมากกว่าที่คิด”
ภูตที่คอยล้อมหน้าล้อมหลังหมอผีตัวน้อยอยู่นั้นล้วนแต่มีรูปร่างสูงใหญ่ แถมยังมีร่างกายที่กำยำล่ำสัน เพราะอีกฝ่ายมักจะได้กินเนื้อสัตว์ทุกวัน
ซึ่งต่างจากพวกเขาที่ในฤดูแห้งแล้งแบบนี้ การได้กินเนื้อแค่วันละชิ้นเล็ก ๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเกินพอแล้ว
ทำให้ปัจจุบันรูปร่างของพวกเขาไม่ต่างอะไรกับไม้เสียบผี เพียงแค่ถูกเหล่าผู้ที่ปกป้องหมอผีตบด้วยมือเดียวก็คงตายคาที่ แล้วพวกเขาจะเอาอะไรไปสู้กับคนพวกนั้น
หลังจากหยินซางได้ยินสิ่งที่ลูกน้องของเขาพูด สีหน้าของเขาก็โกรธขึ้งในทันใด
ไอ้พวกขยะไร้ประโยชน์!
แค่เด็กผู้หญิงอ่อนแอเพียงคนเดียวก็ยังหาวิธีจับมาไม่ได้!
“ในเมื่อพวกเจ้ารู้ว่ามันมีภูตปกป้องอยู่มากมาย ทำไมเจ้าไม่ใช้สมองของเจ้าคิดหาทางแก้ปัญหาล่ะ! หัวของพวกเจ้ามีไว้แค่คั่นหูหรือไง?!”
คนเป็นหัวหน้าเผ่าไป๋ผีคำรามอย่างโกรธจัด
เมื่อเหล่าลูกน้องเห็นดังนั้นจึงพากันหุบปากแล้วไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความกลัว
พอหยินซางเห็นว่าคนของตนช่างไร้ประโยชน์นัก เขาก็ยิ่งรู้สึกอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก
แต่ในขณะนั้นเอง เสียงของหยินซื่อที่ดูเป็นกังวลก็ดังมาจากด้านนอกประตู
“ท่านหัวหน้า ข้ามีเรื่องสำคัญจะมารายงาน!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 164
แสดงความคิดเห็น