EP02 - คำอธิษฐานต่อดาวนายพราน
25 ตุลาคม 2545
วันนี้ที่บ้านของสนชวนบ้านต้นมากินข้าวเย็นด้วยกัน หลังอาหารเย็นบรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ และลูก ๆ ก็มานั่งคุยกันสบาย ๆ ที่โซฟาตามประสาคนคุ้นเคย พ่อแต้วแม่พลอยนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งขวา พ่อแอ๊ดแม่เยาอยู่ตรงกลาง ส่วนต้นกับสนอยู่ฝั่งซ้าย คุยไปคุยมาสักพัก พ่อแอ๊ดก็ถามถึงสาวคนหนึ่งที่สนคบอยู่พักใหญ่ ๆ ทว่าก็จำชื่อไม่ได้
“สนกับ…ใครน้า ที่ต้นบอกว่าเป็นแฟนสนน่ะ ยังคบกันอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นสนพูดถึงเลย”
“อ๋อ…เฟิร์นหรือเปล่าลูก” แม่พลอยหันไปถามลูกชาย พอสนพยักหน้าเธอก็หันไปบอกพ่อแอ๊ด “เขาห่าง ๆ กันสักพักแล้วล่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะลูก ทะเลาะกันเหรอ” พ่อแอ๊ดสงสัย
“ก็ไม่เชิงครับ” สนตอบเสียงเรียบ
“สนเขาก็เหมือนพ่อเขานั่นแหละ ง้อคนไม่เป็นหรอก พอสาวงอนเข้าหน่อยเขาก็ไม่รู้จักง้อ” แม่พลอยพูดพลางส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ ทว่าก็ไม่จริงจังนัก ส่วนคนถูกพาดพิงได้แต่นั่งยิ้ม ๆ
. “ยังงั้นเลยเหรอ ง้อสาวไม่เป็น แต่เวลาต้นงอนนะ แม่ก็เห็นสนตามง้อทุกทีเลย” แม่เยาพูดกึ่งทึ่งกึ่งขำ ทำเอาต้นกับสนแปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าผู้ใหญ่ช่างสังเกตขนาดนี้
“เขายังไม่เจอคนถูกใจน่ะแม่เยา” พ่อแต้วพูดบ้างหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน
“แล้วถ้าเจอคนถูกใจมันจะเป็นยังไงล่ะพ่อ” แม่พลอยหันไปถามสามี
“อืม…อย่างพ่อนะ ตอนที่จีบแม่ใหม่ ๆ น่ะ พ่ออยากเห็นหน้าแม่ทุกวันเลย ถ้าไม่ได้เจอใจมันจะกระวนกระวายไปหมด พ่อเคยแอบตามแม่ไปจนถึงบ้านด้วยนะ แค่ได้เห็นหลังคาบ้านก็มีความสุข วัน ๆ ก็เอาแต่เพ้อหา ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องคอยตามไปแอบมองที่คณะ ได้เห็นไกล ๆ ก็ยังดี แต่เท่าที่พ่อสังเกตน่ะ สนเขายังไม่เป็นถึงขนาดนั้น” พ่อแต้วสาธยายอย่างละเอียดลออ
“สนเขาหล่อเลือกได้น่ะพ่อแต้ว สาว ๆ เข้ามาหาเขาเองเลย” ต้นสัพยอก ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่พากันขำ
“ก็นั่นแหละ พ่อถึงบอกไงว่าเขายังไม่เจอคนที่ใช่ ถ้าเขาเจอคนนั้นเมื่อไหร่เขาก็จะเป็นเหมือนพ่อนั่นแหละ” พ่อแต้วยืนยันจากประสบการณ์ของตัวเอง
เรื่องที่พ่อพูดทำให้สนฉุกใจคิด เพราะเพื่อนผู้ชายในห้องเป็นแบบที่พ่อพูดหลายคน แต่เขากลับไม่เคยมีอาการอย่างนั้นเลย ไม่เคยกระวนกระวาย ไม่เคยคิดถึงจนอยากจะไปดูแค่หลังคาบ้าน ไม่เคยตามไปด้อม ๆ มอง ๆ สาวคนไหน ไม่เคยเพ้อหาใคร คงจะเป็นอย่างที่พ่อพูดนั่นแหละ เขายังไม่เจอคนที่ใช่ก็เลยไม่มีอาการอย่างนั้น
“เหรอครับพ่อแต้ว แล้วพ่อล่ะครับ ตอนจีบแม่ใหม่ ๆ พ่อเคยเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า” ต้นหันไปถามพ่อตัวเองบ้าง
พ่อแอ๊ดขำเบา ๆ และพยักหน้ายอมรับ “ก็ประมาณนั้นแหละ”
“แล้วต้นล่ะลูก ไม่คิดจะมีแฟนกับเขาบ้างเหรอ” แม่พลอยถามอย่างอยากรู้
ต้นชะงักไปเล็กน้อย พอหันไปมองคนนั่งข้าง ๆ ก็เห็นว่าเขาดูสนใจเรื่องที่แม่พลอยถามเหมือนกัน “ยังไม่อยากมีตอนนี้หรอกครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะลูก” แม่พลอยถามต่อ
“อ๋อ…ผมไม่อยากเสียใจน่ะครับ พอจบมัธยมก็ต้องจากกัน พอจบมหาลัยก็ต้องจากกันอีก สู้มีแฟนทีเดียวตอนทำงานดีกว่า” ต้นตอบอย่างฉะฉาน แม่เยาถึงกับตาโตเมื่อได้ฟังคำตอบของลูกชาย
“แหม ต้นนี่คิดเหมือนแม่เลย ตอนเด็ก ๆ แม่ก็คิดแบบนี้แหละ”
“อ้าว ก็ต้นเป็นลูกแม่ก็ต้องคิดเหมือนแม่สิครับ” ต้นถือโอกาสยอแม่ตัวเองเสียเลย
ขณะที่หลายคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สนกลับนั่งเงียบ ๆ หงอย ๆ ทว่าก็ดูเหมือนไม่มีใครสังเกตเห็น หรืออาจจะเห็นแต่ไม่สนใจถาม สนก็เลยต้องหาโอกาสเรียกร้องความสนใจเสียเอง
“ต้น พรุ่งนี้นายไปไหนหรือเปล่า”
เมื่อสนถามขึ้นมาทุกคนก็หยุดคุยกันทันที ต้นหันไปมองเพื่อนแล้วก็พยักหน้า
“ไปสิ พรุ่งนี้เราจะไปในเมืองกับพ่อน่ะ”
“ไปกี่โมง”
“ไปบ่าย ๆ ว่าจะไปซื้อของใช้ในบ้านหน่อย หมดหลายอย่างเลย กลับมาก็คงสามทุ่มนั่นแหละ”
“สามทุ่มเลยเหรอ” สนหน้าเจื่อน
“อืม ก็น่าจะประมาณนั้น ไปหลายที่ไง นายจะไปด้วยไหม ไปด้วยกันได้นะ นายอยากไปซื้ออะไรหรือเปล่า” ต้นถือโอกาสชวน
“ไม่ดีกว่า เราต้องไปสวนกับพ่อน่ะ” สนทำหน้าเศร้า
“นายจะให้เราช่วยดูการบ้านคณิตศาสตร์เหรอ เอาไว้ทำวันอาทิตย์ได้ไหมล่ะ วันเดียวก็น่าจะเสร็จนะ” ต้นเสนอทางเลือกให้
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้มันไม่มีอะไรสำคัญหรอก อย่าไปสนใจเลย” พูดจบสนก็นั่งก้มหน้าและเงียบไป คนที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่สักพักก็คุยกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มาเล่นเกมกันดีกว่า” ต้นชวนอย่างนึกสนุก
“เกมอะไรเหรอลูก” แม่เยาถามอย่างสนใจ
“มาทายกันนะครับ สมมติว่า…มีคนอยากเริ่มต้นทำอะไรใหม่ เขาจะต้องไปหาใครครับถึงจะได้เริ่มต้นใหม่” ต้นถามคำถามอย่างฉาดฉาน พ่อแม่ทั้งสี่คนต่างพากันครุ่นคิด จากนั้นก็ผลัดกันทาย
“ไปหาพระ พระจะได้ให้ศีลให้พรไง” พ่อแอ๊ดตอบก่อน ทว่าต้นก็ส่ายหน้า
“ไม่ถูกครับ”
“ไปหานายก เผื่อนายกจะให้ตังค์ใช้ไง” แม่พลอยตอบด้วยท่าทางสนุก
“ไม่ใช่ครับ” ต้นส่ายหน้า
คราวนี้แม่เยากับพ่อแต้วทายบ้าง แต่ก็ไม่มีใครทายถูก แม่พลอยก็เลยหันไปหาลูกชาย
“สนตอบบ้างสิลูก”
สนทำหน้ายุ่งยากใจ แต่ด้วยความที่ไม่อยากทำตัวให้ผิดสังเกตเขาก็เลยต้องจำใจเล่นด้วย “ไปหาครูมั้งครับ”
“ไม่ใช่” ต้นส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ดูเหมือนจะภูมิใจมากที่ไม่มีใครตอบได้
“แม่ยอมแพ้แล้ว ตกลงไปหาใครล่ะลูก” แม่พลอยเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน
“ผมให้เลือกระหว่าง…ต้นกับสนครับ” ต้นแย้มคำตอบให้ ผู้ใหญ่ทั้งสี่ทำท่าครุ่นคิดอีกรอบ คนที่นึกออกก่อนใครก็คือแม่เยานั่นเอง
“อ๋อ แม่รู้แล้ว ไปหาต้นไง ถ้าอยากเริ่มต้นก็ต้องไปหาต้น ถ้าไปหาสนก็จะเริ่มสน แม่ตอบถูกหรือเปล่า” แม่เยาถามอย่างลุ้นระทึก
“ถูกต้องครับ” ต้นปรบมือรัว ๆ ผู้ใหญ่พากันขำใหญ่ ทว่าก็มีอยู่คนเดียวที่ยังทำหน้าตายอยู่
“เดี๋ยวเราขึ้นไปข้างบนก่อนนะต้น”
พูดจบสนก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินขึ้นบันไดไป คนที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่กอีกรอบ พอสนหายลับตาไปแล้วต้นก็หน้าเสีย
“สนงอนไปแล้ว ทำไงดีครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก แค่วันเดียวเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็รู้เองแหละ ไม่งั้นไม่เซอร์ไพรส์” แม่พลอยให้กำลังใจพร้อมกับยิ้มย่อง
“ได้ครับ อดทนแค่วันเดียว ไม่เป็นไรหรอก อ้อ เดี๋ยวต้นทำนมอุ่นไปให้สนก่อนดีกว่า เผื่อเขาจะอารมณ์ดีขึ้น”
ต้นบอกแล้วก็เดินเข้าครัวไป ปล่อยให้ผู้ใหญ่นั่งคุยกันต่อ นมอุ่นเป็นของโปรดของสน เขาดื่มก่อนนอนทุกวันมาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้แม่พลอยเป็นคนทำให้ แต่ตอนหลัง ๆ ต้นช่วยทำให้แทน
เมื่อได้นมอุ่นต้นก็เอาขึ้นไปให้สนบนห้อง สนไม่ได้ล็อกประตูไว้ต้นจึงเข้าไปได้เลย พอเข้ามาในห้องก็เห็นสนนอนอยู่บนเตียงหันหลังให้ คงจะงอนพอสมควรเลย เพราะปกติสนจะไม่ทำกิริยาแบบนี้ใส่ต้น
“ทำไมนอนไวจังน่ะสน เราเอานมอุ่นมาให้”
ต้นวางนมอุ่นไว้ตรงโต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียง สนพลิกตัวหันมาดู ไม่นานก็ลุกขึ้นนั่งและหยิบแก้วนมอุ่นมาดื่มจนหมด เขาวางแก้วไว้ที่เดิมแล้วก็ทำท่าจะนอนต่อ ทว่าก็เปลี่ยนใจและหันมาคุยกับต้นสั้น ๆ
“คืนนี้เรานอนคนเดียวนะ”
“อืม” ต้นพยักหน้า
“ถามจริง นายจำไม่ได้จริง ๆ เหรอว่าพรุ่งนี้เป็นวันอะไร” สนไม่วายถามเรื่องเดิมจนได้ ดูเหมือนเขาจะคาใจมาก
“ก็วันเสาร์ไง” ต้นตอบอย่างระมัดระวัง
“แค่วันเสาร์เหรอ”
“อืม…ใช่ อ้อ วันเสาร์เป็นวันหยุดไง” ต้นพยายามทำเสียงให้ตลก ทว่าสนกลับไม่ตลกด้วย
“อย่าไปสนใจเลย มันก็เป็นแค่วันเสาร์นั่นแหละ ไม่มีอะไรสำคัญหรอก”
พูดจบสนก็ทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้เหมือนเดิม ต้นได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ เมื่อไม่รู้จะทำอะไรเขาก็หยิบแก้วที่สนวางไว้ขึ้นมาถือไว้ เห็นทีจะต้องออกไปก่อนเพราะสนอารมณ์ไม่ดีแล้ว แต่ก่อนจะออกไปเขาก็ไม่ลืมร่ำลาเพื่อน
“เราไปก่อนนะสน พรุ่งนี้เจอกัน”
“อือ”
ยังดีที่สนยังตอบสนองมาบ้าง ไม่ถึงกับไร้เยื่อใยเสียทีเดียว เอาเถอะ…อดทนแค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้…นายก็จะรู้ทุกอย่างเอง
... ... ...
26 ตุลาคม 2545
วันนี้ไม่มีใครสนใจสนเลย ต้นหายไปกับที่บ้านตั้งแต่ตอนเที่ยง ๆ น่าแปลกที่แม่พลอยก็หายไปกับเขาด้วย ส่วนสนไปช่วยพ่อที่สวนทั้งวันอย่างหงอยเหงา ไม่มีใครถามเขาเรื่องวันเกิดเลยแม้แต่คนเดียว ขนาดเขาบอกพ่อว่าเป็นวันเกิด พ่อกลับร้อง “อือ” แค่คำเดียว ราวกับว่าวันเกิดของลูกชายไม่สำคัญใด ๆ
เมื่อกลับถึงบ้านตอนเย็น แม่พลอยก็รีบมาชวนลูกชายไปบ้านต้นทันที แต่สนงอนทุกคนทั้งวัน เขาก็เลยไม่อยากไปไหน จึงงอแงเป็นเด็ก
"ทำไมต้องไปด้วยล่ะแม่" สนอิดออด กระนั้นก็นึกแปลกใจว่าทำไมต้นกลับมาเร็ว เพราะเห็นเมื่อวานบอกว่าจะกลับสักสามทุ่ม
"พ่อแอ๊ดแม่เยาเขากลับมาแล้วนะสน ต้นก็อยู่ ไม่ไปหาหน่อยเหรอ" ผู้เป็นแม่พยายามเกลี้ยกล่อมลูกชายซึ่งทำหน้างอมาทั้งวัน
"ไปลูก ไปอาบน้ำแต่งตัวดี ๆ ก่อน" พ่อแต้วเดินมาตบไหล่ลูกชายเบา ๆ สนยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้ เพราะถ้าอิดออดมากกว่านี้พ่ออาจจะดุเอาได้
"ครับ"
… … …
เมื่อมาถึงบ้านต้น สนก็เห็นว่ามีเพียงพ่อกับแม่ของต้นเท่านั้นที่ออกมาต้อนรับ เจ้าของวันเกิดจึงกระวนกระวายใจพอสมควร เพราะกลัวเพื่อนรักไม่อยู่ในวันสำคัญ แถมอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะหมดวันอยู่แล้ว จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครสนใจวันเกิดของเขาเลย
"ต้นล่ะครับ" สนถามหาเพื่อนทันทีที่เข้ามาในบ้าน
"อยู่ข้างบนน่ะลูก สงสัยอาบน้ำอยู่ มา มานั่งคุยกันก่อนดีกว่า" พ่อแอ๊ดบอกอย่างอารมณ์ดี ดูเหมือนใครๆ ก็อารมณ์ดีกันหมด มีแต่สนคนเดียวเท่านั้นที่ยังหน้าบึ้งจนเก็บไม่มิด
ผู้ใหญ่ทั้งสี่สนทนากันอย่างออกรสออกชาติบนโซฟารับแขก สนได้แต่นั่งฟังอย่างเซ็ง ๆ ถ้าแม่ไม่คะยั้นคะยอให้มา เขาก็คงไม่แบกหน้าแบบนี้มาบ้านต้นหรอก
พลันไฟในบ้านก็ดับพรึ่บลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สนนึกว่าไฟคงดับ ทว่าไม่นานก็มีเสียงร้องเพลงของใครคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างไสวสีทอง แสงนั้นค่อย ๆ เคลื่อนที่ออกมาจากห้องครัวอย่างช้า ๆ และตรงมายังโต๊ะที่สนนั่งอยู่
ใครคนหนึ่งร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์มาพร้อมกับแสงสีทองนั้น สนจำได้ดีว่าเป็นเสียงต้น เพียงเท่านี้เขาก็นึกออกว่าโดนเซอร์ไพรส์วันเกิดเข้าให้แล้ว ต้นเดินถือถาดขนมเค้กวันเกิดเข้ามาใกล้ รอยยิ้มพิมพ์ใจที่สนคุ้นเคยปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงสีทองอร่ามตรงหน้า เขาจำภาพนั้นได้ไม่เคยลืม
ต้นวางเค้กลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เป็นต้นเสียงชวนบรรดาพ่อแม่ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เพื่อนรักอีกรอบ
"แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู"
เมื่อสิ้นเสียงทู้ยูรอบที่สอง ทุกคนก็ปรบมือพร้อมกัน ก่อนเชียร์ให้สนเป่าเค้กวันเกิดของตัวเองอย่างตื่นเต้น สนเป่าเทียนสิบห้าเล่มเท่าอายุจนดับหมด ถ้าเขาส่องกระจกตอนนี้คงจะเห็นตัวเองยิ้มแก้มแทบปริ ความขุ่นเคืองที่มีมาตลอดวันหายไปหมดสิ้น ที่จริงแล้วไม่มีใครลืมวันเกิดของเขาเลย ทุกอย่างที่เห็นคือการจัดฉาก ที่พ่อแม่หายไปทั้งวันก็เพราะไปหาซื้อของขวัญมาให้เขานั่นเอง
พ่อแอ๊ดเดินไปเปิดไฟในบ้านให้สว่างตามเดิม พอทุกคนได้เห็นเค้กวันเกิดเต็มตาต่างก็ร้องโอ้โหอย่างตื่นเต้น ก่อนจะให้สนตัดเค้กพ่อแม่ทั้งสองบ้านก็อวยพรวันเกิดให้สนก่อน พร้อมกันนั้นก็ให้ของขวัญด้วย ส่วนคนพิเศษที่สุดในวันนี้ก็คือต้น เขามีของขวัญสุดพิเศษมาให้ด้วย จึงได้เป็นคนสุดท้ายที่จะอวยพรวันเกิดให้เพื่อนรัก
"มีความสุขมาก ๆ นะสน ขอให้นายสุขภาพแข็งแรงนะ เทอมนี้ขอให้ได้เกรดสี่ทุกวิชาด้วย แล้วก็…ขอบคุณมากนะที่เป็นเพื่อนที่ดีของเรามาตลอด นี่ของขวัญวันเกิดของนาย"
พูดจบต้นก็ยื่นกล่องของขวัญชิ้นโตให้เพื่อน สนยิ้มดีใจจนแก้มแทบปริ เขารีบรับกล่องของขวัญมา เมื่อต้นบอกให้แกะเขาก็รีบแกะ พอได้เห็นของข้างในเท่านั้นเขาก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น
"กางเกงยีน! "
พอเห็นเต็มตาก็รู้ว่าใช่อย่างที่เคยอยากได้ สนรีบหยิบขึ้นมาคลี่ดูทันทีอย่างตื่นเต้น "เท่มากเลยต้น"
"มีเสื้อเชิ้ตด้วยนะลูก" แม่ของสนเตือน
สนวางกางเกงยีนลง จากนั้นก็หยิบเสื้อเชิ้ตลายเท่ขึ้นมาคลี่ดูบ้าง "โห กำลังอยากได้เสื้อแบบนี้พอดีเลย"
"เข้ากับกับกางเกงยีนเลยลูก" แม่เยาเอ่ยชม
"ใส่แล้วรับรองสาว ๆ กรี๊ดทั้งโรงเรียนเลยลูก" พ่อแอ๊ดชมบ้าง
"ใส่ให้คุ้มนะลูก ต้นเขาอุตส่าห์..." พ่อแต้วพูดไม่ทันจบก็หยุดเพราะต้นขยิบตา
"อะไรครับพ่อ" สนสงสัย
"ไม่มีอะไรหรอกลูก พ่อแค่จะบอกว่า...ที่พวกเราแกล้งลืมวันเกิดของสนน่ะ เป็นแผนเซอร์ไพรส์ของต้นเองแหละ" แม่พลอยรีบแก้สถานการณ์แทนสามี
"ขอโทษนะ" ต้นหัวเราะแหะ ๆ เมื่อเพื่อนหันมามอง
"ตัดเค้กวันเกิดก่อนลูก เดี๋ยวจะละลายหมดเสียก่อน มันเป็นเค้กไอติม" แม่เยาเตือนเพื่อนลูกชายที่เธอเองก็รักไม่ต่างจากลูกในไส้
สนรีบกุลีกุจอตัดเค้กวันเกิดของตนเองตามที่แม่เยาบอก มีต้นเป็นลูกมือคอยส่งเค้กให้พ่อกับแม่ ส่วนชิ้นโตสองชิ้นสุดท้ายจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากต้นกับสน
ในที่สุดก็จบงานวันเกิดของสนไปอีกปีหนึ่ง ดูเหมือนว่าปีนี้จะพิเศษกว่าปีไหน ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่สนถูกทำให้ประหลาดใจมากขนาดนี้ หนึ่งวันเกิดที่ผ่านไปหมายถึงการเติบโตขึ้น แต่อีกด้านก็หมายถึงความเยาว์วัยที่ค่อย ๆ หายไปด้วย เป็นธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
... ... ...
ต้นกลับขึ้นมาบนห้องหลังสนกลับไปแล้ว พออาบน้ำเสร็จเขาก็ออกมายืนดูท้องฟ้าและดวงดาวตรงระเบียงห้อง รับลมเย็นสบายช่วงปลายเดือนตุลาคมก่อนจะเข้านอนคืนนี้
ขณะที่ทอดสายตาเหม่อมองไกลออกไป อยู่ ๆ เขาก็นึกอยากรู้ขึ้นมาว่าดาวดวงไหนอยู่ไกลที่สุด ถ้าเขาอธิษฐานกับดาวดวงนั้น บางทีความฝันที่แทบเป็นไปไม่ได้อาจมีโอกาสเป็นจริง คนแอบรักมักจะหาที่พึ่งทางใจแบบนี้เสมอ ไม่อย่างนั้นชีวิตก็คงสิ้นไร้ความหวัง ทว่าก็ยากเหลือเกินที่จะรู้ได้ว่าเป็นดาวดวงไหน
ขณะที่ต้นกำลังดูดาวเพลิน ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ถ้าเดาไม่ผิดสนน่าจะมาหา เพราะสนบอกว่าจะกลับบ้านไปกราบพ่อกับแม่ก่อนนอนแล้วค่อยมาอีกที ต้นจึงรีบเดินกลับเข้าห้องและรีบไปเปิดประตูให้โดยเร็ว
เมื่อเปิดประตูออกก็เห็นว่าเป็นสนนั่นเอง พอปิดประตูห้องได้ไม่ทันไรสนก็รวบตัวต้นเข้าไปกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาต้นตกตะลึงตัวแข็งไปเลย
"ขอบคุณมากนะต้น แม่บอกเราหมดแล้วว่านายเก็บเงินมาจัดงานวันเกิดให้เราทั้งงานเลย แล้วก็ซื้อของขวัญวันเกิดให้เราด้วย แม่บอกว่าเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนแพงมาก แต่นายก็ซื้อให้ ถึงว่าตอนหลัง ๆ นายถึงห่อข้าวไปกินที่โรงเรียนเกือบทุกวัน ขนมก็ไม่ยอมซื้อกิน วันหยุดก็ไปทำงานในสวนกับเราทั้งวันเลย ที่แท้นายก็หาเงินมาจัดงานวันเกิดให้เรานี่เอง"
สนเฉลยที่มาที่เขาวิ่งเข้ามากอดต้นไว้ คนถูกกอดจึงได้คลายคิ้วที่ขมวดแน่น ก็จริงอย่างที่สนพูดทุกอย่าง ต้นวางแผนเก็บเงินจัดงานและซื้อของขวัญวันเกิดให้สนมาเป็นเดือน ๆ แล้ว เงินที่ได้เยอะที่สุดมาจากการไปช่วยสนที่สวนนั่นเอง เพราะพ่อแต้วให้เงินค่าขนมทุกครั้งที่ต้นไปช่วย แม้ว่าต้นจะไม่เอาแต่พ่อแต้วก็ยืนกรานจะให้ทุกครั้ง นอกเหนือจากนั้นก็ได้จากการประหยัดค่าขนมแต่ละวัน
สนปล่อยอ้อมแขนออก จากนั้นก็เพ่งพิศมองเพื่อน "นายผอมไปเยอะเลยนะเนี่ย พรุ่งนี้นายอยากกินอะไรนายบอกเรานะต้น เราจะพานายไปกินทุกอย่างที่นายอยากกินเลย โห…เพื่อนรัก นายทำให้เราขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย รู้ไหมว่าเมื่อวานน่ะเราแอบโกรธนายมากเลย เราไม่อยากเชื่อเลยว่าเพื่อนรักของเราจะลืมวันเกิดเราได้ ที่ไหนได้ มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย พรุ่งนี้เราว่าง ไปหาอะไรกินกันในเมืองนะต้น"
ต้นพยักหน้าตกลง เห็นเพื่อนน้ำตาซึมแล้วเขาก็ทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าสนจะซาบซึ้งถึงขนาดนี้
"อ้อ ไหน ๆ ก็ไปในเมืองแล้ว เราไปเที่ยวด้วยดีกว่า ไปพระราชวังสนามจันทร์ไหม เราจำได้ว่านายอยากไปถ่ายรูปที่นั่น อ้อ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะใส่ชุดที่นายซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้เราด้วยนะ"
"ไม่คิดจะซักก่อนเหรอ" ต้นสัพยอก
"ไม่ต้องหรอก ใส่เลย นายอุตส่าห์ซื้อให้ เนื้อผ้ามันดีมากเลย สงสัยจะแพงมาก เราจะใส่ให้คุ้มเลยนะต้น จะใส่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะใส่ไม่ได้เลยคอยดู" สนขำเบา ๆ ตรงประโยคท้าย
"เอางั้นเลยเหรอ" ต้นหัวเราะร่วน ก่อนทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ เป็นเรื่องที่เขาเพิ่งอ่านเจอในหนังสือพิมพ์เมื่อไม่กี่วันนี้เอง "อ้อ คืนนี้น่าจะมีฝนดาวตกนะ ไปดูกันไหม"
สนพยักหน้าตกลงโดยแทบไม่ต้องคิด ระหว่างเดินไปที่ระเบียงต้นก็ชวนคุยอีกหน่อย
“นายว่าเราผอมลงเหรอ แต่ที่จริงเราหนักขึ้นนะ เราเพิ่งชั่งน้ำหนักวันนี้เอง เพิ่มขึ้นตั้งเกือบโลแน่ะ”
สนหยุดและหันมามองตัวของเพื่อนอย่างพิจารณา “จริงเหรอ ไหน…มาพิสูจน์หน่อยสิว่าหนักขึ้นจริงหรือเปล่า”
พูดจบสนก็ย่อตัวลงเล็กน้อย ต้นรู้สัญญาณนี้ดีจึงกระโดดขึ้นขี่หลังเพื่อน สนแกล้งพาวิ่งไปตรงนั้นตรงนี้ในห้องให้เขาหัวเราะคิกคัก ชวนให้นึกถึงตอนเด็ก ๆ โดยเฉพาะเวลาไปใส่เบ็ดหาปลาไกล ๆ กับสน เขามักจะได้ขี่หลังสนบ่อย ๆ แม้สนจะหนักและเหนื่อยก็ยังให้เขาขี่หลังโดยไม่บ่นสักคำ
เมื่อออกมาตรงระเบียงต้นก็ลงจากหลังสน อีกฝ่ายถึงกับหอบและบ่นกึ่งหยอก
“นายไม่ได้ขี่หลังเรากี่ปีแล้วเนี่ย หนักขึ้นเยอะเลย”
“เห็นไหม บอกแล้วว่าเราหนักขึ้น” ต้นหันไปขำกับเพื่อนเบา ๆ
"อ้อ เมื่อกี้นายดูดาวอยู่เหรอ" สนถามขณะเอามือจับระเบียง ลมหนาวเริ่มพัดมาแล้ว อีกไม่กี่วันฤดูหนาวก็จะมาเยือนกำแพงแสน
"อือ"
"นั่นแน่ กำลังมีความรักหรือเปล่าถึงได้มาดูดาว" สนแสร้งหรี่ตามองจับพิรุธ ต้นรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
"เปล่าซะหน่อย คนดูดาวต้องมีความรักด้วยเหรอ แสดงว่าตอนที่นายชอบเฟิร์น นายก็ชอบดูดาวงั้นสิ"
สนส่ายหน้าเดียะ "ไม่เคยเลย อ้อ เห็นเขาว่าถ้าเราอธิษฐานตอนดาวตก คำอธิษฐานของเราก็จะเป็นจริง นายอยากอธิษฐานอะไรไหมต้น”
ต้นทำท่าครุ่นคิด แม้มีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องสงวนท่าทีบ้าง “เราอยากให้รักแรกของเรา…เป็นรักเดียว…และรักสุดท้าย”
“อ๋อ ถึงว่าล่ะนายถึงอยากมีแฟนทีเดียวตอนทำงานแล้ว ถ้ามีตอนมัธยมหรือมหาลัยก็ต้องจากกันอยู่ดี แต่ถ้ามีตอนทำงาน…รักแรกของนายก็จะเป็นรักเดียวและรักสุดท้ายได้ เพราะไม่ต้องจากกันไปไหน เพื่อนใครเนี่ยโคตรฉลาดเลย” สนชมเปาะ ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มแกน ๆ
"แล้วนายล่ะ นายไม่อยากให้รักแรกของนายเป็นรักเดียวแล้วก็รักสุดท้ายบ้างเหรอ" ต้นถามบ้าง
"ไม่ทันแล้ว เราเลิกกับเฟิร์นไปแล้วไง"
"จริงด้วย ว่าแต่...ตอนที่นายเป็นแฟนกับเฟิร์นน่ะ นายรักเขาหรือเปล่า"
สนรู้สึกสะดุดใจไม่น้อย เมื่อย้อนทบทวนดู เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักเฟิร์นหรือเปล่า เพราะเขาไม่มีอาการอย่างที่พ่อเล่าให้ฟังเมื่อวานเลย แต่ถ้าเขาคิดสงสัยต่ออีกนิด เขาก็จะรู้ว่ามีแต่ต้นเท่านั้นที่ทำให้เขามีอาการอย่างนั้นได้
"ยังไม่ถึงกับรักหรอก" สนบอกด้วยท่าทางที่ยังครุ่นคิดอยู่
"ถ้างั้น...นายก็ยังมีโอกาสทำเหมือนเรานะ เพราะรักแรกของนายน่าจะยังไม่มา"
สนคิดตามสักพัก แต่คำตอบของเขากลับไม่ค่อยเหมือนต้นเท่าไหร่ "สำหรับเรานะ...รักสุดท้ายของเราจะเป็นใครก็ได้ ไม่ต้องเป็นคนแรกที่เรารักหรอก แต่เราแค่อยากได้ใครสักคนที่อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกเหมือนอยู่กับนาย คนนั้นแหละ…จะเป็นรักสุดท้ายของเรา"
สนหันมายิ้มทว่าสีหน้าก็ดูจริงจัง น่าแปลกที่สนยังคงมีความเชื่อนี้อยู่ ต้นนึกว่าสนแค่พูดเล่น ๆ และน่าจะลืมไปแล้ว
"สน...นายช่วยเราอย่างหนึ่งได้ไหม" ต้นถามเปรย
สนพยักหน้าทันที "ว่ามาเลย"
"นายช่วยหาดาวที่นายคิดว่าอยู่ไกลที่สุดบนฟ้าให้เราได้ไหม"
"โห...เราจะรู้ได้ไง เราไม่ใช่นักดาราศาสตร์ซะหน่อย"
"เหอะน่า นายเลือกมาสักดวงละกัน ดวงไหนก็ได้ที่นายคิดว่าอยู่ไกลที่สุด นายว่าดวงไหนเราก็ว่าดวงนั้นแหละ"
"นายจะหาไปทำไม" สนเอียงคอ
"เราจะอธิษฐานไง ถ้าเราอยากให้รักแรกเป็นรักเดียวแล้วก็รักสุดท้าย นายว่ามันง่ายไหมล่ะ"
สนส่ายหน้าและคิดตาม "ก็น่าจะยากอยู่นะ"
"มันยากอยู่แล้ว ยากพอ ๆ กับหาดาวที่ไกลที่สุดบนฟ้าตอนนี้เลย"
สนพยักหน้าช้า ๆ เพราะเริ่มเข้าใจที่ต้นเปรียบเปรยให้ฟัง เขาไม่มีปัญหาที่จะช่วยเพื่อนอยู่แล้ว แค่ติดก็ตรงที่เขาไม่รู้ว่าดาวดวงไหนอยู่ไกลที่สุดเท่านั้นเอง
"แล้วถ้าดาวที่เราเลือกไม่ใช่ดาวที่ไกลที่สุดล่ะ มันจะเป็นไรไหม" สนกังวลแทนเพื่อน
"เราเชื่อนาย นายว่าอันไหนไกลที่สุดเราก็จะเชื่อตามนั้น เพราะยังไง ๆ เราก็ไม่รู้อยู่แล้วว่าดาวดวงไหนอยู่ไกลแค่ไหน มันก็เลยต้องอาศัยความเชื่อไง เราเชื่อใจนายนะ นายเลือกมาเลย ดวงไหนก็ได้ เราจะอธิษฐานกับดาวดวงนั้นเลย" ต้นยืนยันอีกครั้ง
"โอเค งั้นเราจะเลือกให้นายเอง"
พูดจบสนก็กวาดสายตาไปบนท้องฟ้าซึ่งโปร่งโล่งไร้เมฆบัง มองไปตรงไหนก็เห็นดวงดาวนับล้านกระจายเกลื่อนฟ้า ต่างส่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังยิ้มทักทายคนที่เฝ้ามองดู
ถ้าสนจะเลือกดวงดาวสักดวงให้เพื่อน เขาก็ควรจะเลือกดวงที่สวยที่สุด ไม่ว่ามันจะอยู่ใกล้หรือไกล สิ่งสำคัญที่สุดคือความเชื่อใจต่างหาก เมื่อเขาอยากช่วยให้เพื่อนรักคนนี้ได้สมหวังกับสิ่งที่คิด เขาต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
ในหน้านี้คงไม่มีดาวดวงไหนสวยเด่นสดใสกว่าดาวนายพรานแล้ว โดยเฉพาะตรงเข็มขัดนายพรานซึ่งมีดาวสามดวง หนึ่งในนั้นมีดาวสุกสว่างมากที่สุดอยู่ตรงกลาง เมื่อมันสว่างที่สุด ก็น่าจะเป็นความหวังที่ดีที่สุดให้ต้น นี่แหละคือดาวที่สนจะเลือกให้เพื่อน เขาจึงชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้าและเล็งไปที่ดาวดวงนั้น
“ดวงนี้”
"ดวงไหน" ต้นพยายามมองตาม
"นายเห็นดาวสามดวงที่มันเรียงกันไหม ตรงนั้นน่ะ เขาเรียกว่าดาวนายพราน ดาวสามดวงเป็นเข็มขัด เราเลือกดวงที่อยู่ตรงกลางให้นายเพราะว่ามันเป็นดาวที่สว่างที่สุด ความหวังของนายจะได้สว่างไสวไง"
ต้นเพ่งมองตามที่สนบอกอีกครั้ง ไม่นานเขาก็เห็นเข็มขัดของนายพรานซึ่งมีดาวสามดวงเรียงกันอยู่ ดวงที่อยู่ตรงกลางคือดวงที่สำคัญที่สุด เพราะสนเป็นคนเลือกให้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะอธิษฐานกับดาวดวงนี้
สายลมหนาวพัดวูบมาต้องกายเบา ๆ ต้นเพ่งมองดาวดวงนั้นนิ่งค้างไว้ จากนั้นก็หลับตาลงช้า ๆ และเริ่มอธิษฐานในใจ
"ข้าแต่ดาวนายพราน ผมเจอรักแรกของผมแล้ว เขาอยู่กับผมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเป็นเพื่อน เขาเป็นเหมือนพี่ และวันนี้เขาก็เป็นรักแรกของผม สิ่งที่ผมจะขอคงไม่มีอะไรมาก นอกจากขอให้ผมมีความอดทน อดทนจนถึงวันที่คนที่ผมรักจะเป็นคนบอกผมเองว่าเขารักผม ขอให้มีปาฏิหาริย์ที่จะทำให้รักแรกของผม…เป็นรักเดียวและรักสุดท้าย ผมสัญญาว่าจะอดทนให้มากที่สุด ผมจะไม่รักใครนอกจากเขา ดาวนายพราน…ช่วยนำทางความรักให้ผมด้วยนะครับ"
อธิษฐานจบต้นก็ลืมตา จู่ ๆ ทั้งคู่ก็เกิดหันหน้ามาหากันจนใบหน้าเกือบชนกันในความมืดสลัว ต่างคนต่างก็ตกใจ เพราะรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นตรงเข้าสู่หัวใจจนเสียวแปลบ ทว่าไม่นานทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ
"อธิษฐานเสร็จแล้วเหรอ" สนเป็นฝ่ายถามก่อน
"เสร็จแล้ว"
"เชื่อเรา เราว่ามันต้องเป็นจริงล้านเปอร์เซ็นต์เลย"
สนดูมั่นใจไม่น้อยว่าคำอธิษฐานของเพื่อนจะเป็นจริง แต่ถ้าเขารู้ว่าต้นอธิษฐานอะไรคงช็อกแน่ ก่อนจะได้คุยกันต่อ สองหนุ่มน้อยก็เห็นแสงวาบพุ่งเป็นทางยาวลงมาจากท้องฟ้าพอดี ทั้งคู่จึงเปลี่ยนจุดสนใจไปที่ดาวตกดวงนั้นแทน
"อธิษฐานเร็วต้น” สนเตือนอย่างเร่งเร้า
ต้นรีบทำตามทันทีก่อนที่แสงทอดทางยาวบนฟ้าจะสลายไป ทว่าไม่ใช่แค่ต้นเท่านั้นที่อธิษฐานซ้ำ คนข้าง ๆ ก็ทำท่าเหมือนอธิษฐานอะไรบางอย่างด้วย ถ้าเดาไม่ผิดสนคงอธิษฐานเรื่องที่พูดเมื่อกี้
คิดไปก็น่าแปลกดีแท้ ต้นอธิษฐานขอให้มีปาฏิหาริย์ที่จะทำให้สนเป็นรักแรก…รักเดียวและรักสุดท้าย ส่วนสนอธิษฐานว่าขอให้รักสุดท้ายเป็นใครสักคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจเหมือนอยู่กับต้น ช่างน่าคิดว่าคำอธิษฐานสองอย่างนี้จะมาเจอกันได้หรือไม่ในวันข้างหน้า ดาวนายพรานและดาวตกเมื่อกี้อาจจะมีคำตอบแล้ว
ที่เหลือจากนี้ต้นกับสนต้องเดินทางไปค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
TBC...
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 509
แสดงความคิดเห็น