ตอนที่ 441 ดาวบัตเตอร์ฟลายแดนซ์
ตอนที่ 441 ดาวบัตเตอร์ฟลายแดนซ์
ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แวมไพร์กำลังเคลื่อนตัวไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ โดยภายในห้องเก็บสัมภาระมีกล่องโลหะขนาดใหญ่ถูกใส่เอาไว้ ซึ่งพื้นผิวของกล่องโลหะนี้แบนราบราวกับกระจกที่ไม่มีรอยขีดข่วนเลยแม้แต่นิดเดียว และมันก็ถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยตัวล็อกสีทองขนาดใหญ่
“ขอฉันลองเปิดมันดูหน่อยก็แล้วกัน” ชานี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“แม้แต่ดาวพิฆาตก็ยังสร้างรอยขีดข่วนให้มันไม่ได้ ถ้าคุณอยากลองก็เอาเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าวขัด
เหตุผลนี้ถึงกับทำให้ชานี่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะพลังของดาวพิฆาตสามารถทำลายล้างกาแล็กซีไปได้มากกว่าครึ่ง แต่ถึงกระนั้นตัวล็อกและตัวกล่องก็ยังไม่บุบสลาย ดังนั้นการพยายามใช้กำลังเพื่อเปิดกล่อง ๆ นี้มันก็ไม่ต่างไปจากเรื่องเพ้อฝัน
“นายรู้สึกอะไรไหม?” เซี่ยเฟยถามขณะหันไปมองทางอันธ
“ฉันสัมผัสถึงพลังงานในกล่องไม่ได้เลย มันน่าจะเป็นโลหะบริสุทธิ์” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและแอบคิดว่ากล่อง ๆ นี้เป็นกล่องที่แปลกประหลาดจริง ๆ เพราะแม้กระทั่งเครื่องตรวจจับของยานก็สามารถตรวจจับการคงอยู่ของมันได้เท่านั้น และสัญญาณที่สะท้อนกลับมาก็เป็นสัญญาณที่อ่อนมากจนเครื่องตรวจจับแทบที่จะไม่สามารถจับสัญญาณกล่อง ๆ นี้ได้เลย
ส่วนเรื่องที่ว่าด้านในกล่องบรรจุอะไรเอาไว้ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถจะคาดเดาได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นประสาทสัมผัสการรับรู้พลังงานของอันธหรือพลังควบคุมความมืดของชานี่ ต่างก็ไม่สามารถที่จะเจาะเข้าไปสำรวจของที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ด้านในได้
เซี่ยเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะนั่งลงเพื่อตรวจสอบตัวล็อก 6 เหลี่ยมสีทองขนาดใหญ่ แต่มันไม่มีช่องว่างให้ใส่ลูกกุญแจเลยแม้แต่นิดเดียว และถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามถอดรหัสกลไกของตัวล็อกตัวนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหากลไกของมันเจอได้
บนพื้นผิวของตัวล็อกมีรอยกรด 3 รอยให้เห็นอยู่จาง ๆ ซึ่งดูเหมือนกับว่าเขาจะต้องใช้สารอะไรบางอย่างหยดลงไป และให้สารทั้งสามทำปฏิกิริยาเพื่อปลดระบบกลไกของตัวล็อก
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่ขมวดคิ้วเพราะเขาไม่สามารถคิดหาหนทางในการปลดตัวล็อกตัวนี้ได้ เขาจึงเก็บกล่องสีดำนี้เข้าไปไว้ในแหวนมิติด้วยความผิดหวัง
ทันใดนั้นเองเครื่องสื่อสารบนข้อมือของชานี่ก็ดังขึ้นในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินกลับไปยังห้องบัญชาการ โดยทุกครั้งที่ชานี่เชื่อมต่อระบบสื่อสารเขาจะตีตัวออกห่างเพื่อพูดคุยอย่างเป็นความลับ ซึ่งเซี่ยเฟยก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจว่าชายชราคนนั้นกำลังพูดคุยกับใครและกำลังพูดคุยเนื้อหาอะไรอยู่
“ท่านชิววี่ต้องการคุยกับคุณ” ชานี่กล่าวพร้อมกับเปิดหน้าจอที่มีชิววี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“สิ่งที่คุณทำครั้งนี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณจะสามารถทำลายกองยานคุ้มกันทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้คุณยังสามารถช่วงชิงสมบัติของอูดี้ไปได้สำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้อูดี้โกรธมากและสั่งประหารผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในทันที”
เซี่ยเฟยยักไหล่ตอบรับอย่างเฉยเมยซึ่งในความเป็นจริงการพยายามช่วงชิงกล่องสมบัติเมื่อประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นมาก เพียงแต่เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ภายใต้การคำนวณของเขาแล้วมันจึงทำให้เขาไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นมากเท่าไหร่นัก
“ฉันรู้ว่าคุณมีของสิ่งนั้นแต่คุณไม่มีกุญแจเปิดมันออกใช่ไหม?” ชิววี่กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างลึกลับ
“หรือว่ากุญแจจะอยู่กับอูดี้?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ
“คุณรู้ได้ยังไง?!” ชิววี่อุทานพร้อมกับดวงตาที่เบิกออกกว้างอย่างตกตะลึง เพราะเขายังไม่ทันได้พูดอะไรแต่เซี่ยเฟยก็พอจะเดาสถานการณ์ออกได้บ้างแล้ว
“อูดี้เป็นพวกขี้ระแวง ซึ่งถ้าหากว่าเขาได้รับกล่องสมบัตินี้และกุญแจมาในเวลาเดียวกัน มันก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะแบ่งทีมเป็น 2 ทีมเพื่อคุ้มกันพวกมันกลับมา” เซี่ยเฟยกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่เขาคาดเดาหลังจากที่เขาได้เห็นตัวล็อกสีทอง
“คุณช่างมีทักษะการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ” ชิววี่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
นิสัยย่อมบ่งบอกถึงการกระทำและเมื่อพิจารณาถึงนิสัยของอูดี้ มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะพยายามลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด
“คุณเดาถูกแล้วว่ากุญแจถูกทีมอื่นขนส่งกลับมาอย่างเงียบ ๆ และกว่าที่ฉันจะรู้เรื่องกุญแจ กุญแจนั้นก็ถูกส่งไปอยู่ในมือของอูดี้แล้ว” ชิววี่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง
“ถ้าเราฆ่าอูดี้สำเร็จเราก็จะได้กุญแจกลับมาเอง แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องเข้าไปในเมืองหลวงให้ได้เสียก่อน” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันกับบิทินี่กำลังจะเดินทางกลับบ้านเกิดในวันพรุ่งนี้เพื่อไปทำความเคารพหลุมศพภรรยาของฉัน ซึ่งอูดี้ก็อนุมัติเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นในช่วงขากลับคุณย่อมแฝงตัวเข้ามากับกองยานของเราเพื่อแอบเข้าไปในเมืองหลวงพร้อมกับเราได้”
“แต่ฉันต้องขอเตือนก่อนล่วงหน้าว่านักพรตเลยูตี้ก็อยู่ในเมืองหลวงด้วยเหมือนกัน พลังที่เขาครอบครองอยู่นั้นเป็นสิ่งที่เราไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ และถึงแม้ว่าคุณจะมีระเบิดทำลายกาแล็กซีอยู่ในมือ แต่คุณก็ห้ามใช้มันกับเมืองหลวงของเราอย่างเด็ดขาด” ชิววี่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ผมใช้ระเบิดนั้นไปหมดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างไม่เต็มใจ
“ฉันแค่อยากจะบอกว่าแม้แต่ระเบิดชนิดนั้นก็คงจะไม่สามารถจัดการกับเลยูตี้ได้” ชิววี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อะไรนะ?! แม้แต่ดาวพิฆาตก็ไม่สามารถจัดการกับเลยูตี้ได้อย่างนั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานกับตัวเองอย่างตกตะลึง
“ถ้าหากคุณใช้ระเบิดนั่นจริง ๆ ไม่เพียงแต่คุณจะสังหารเลยูตี้ไม่ได้เท่านั้น แต่คุณยังจะทำให้เขารู้สึกโกรธแค้นคุณอีกด้วย ซึ่งมันย่อมไม่ส่งผลดีต่อคุณหรือพันธมิตรมนุษย์อย่างแน่นอน คุณก็ลองคิดดูเอาเองแล้วกันว่าถ้าหากยอดนักสู้ระดับนั้นบุกเข้าไปในพันธมิตร มันจะเกิดอะไรขึ้นตามมาหลังจากนั้น”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะถ้าหากว่าเลยูตี้มีพลังเทียบเท่าหยูฮัวหรือหยูเจียง เขาก็เชื่อว่าไม่มีใครในพันธมิตรสามารถหยุดนักพรตคนนี้ได้อย่างแน่นอน
“นอกจากนี้แม้ว่าภายนอกเต็นท์ทองคำจะดูเหมือนเต็นท์ธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือสิ่งประดิษฐ์ที่ท่านเทพเจ้าได้ทิ้งเอาไว้ให้กับพวกเรา ซึ่งฉันก็ค่อนข้างมั่นใจว่าระเบิดชนิดนั้นก็ไม่สามารถที่จะสร้างอันตรายให้กับเต็นท์ทองคำได้”
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด เพราะเหตุผลทั้งสองอย่างที่ชิววี่ได้กล่าวขึ้นมาก็มีน้ำหนักมากพอไม่ให้เขาใช้ดาวพิฆาตในภารกิจครั้งนี้แล้ว และดูเหมือนว่าถ้าหากว่าเขาต้องการจะสังหารอูดี้เขาก็จำเป็นจะต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง
“โดยสรุปก็คือหลังจากที่คุณแอบเข้าไปในเมืองหลวงได้สำเร็จ อย่าพึ่งทำอะไรผลีผลาม ฉันจะพยายามหาโอกาสที่เหมาะสมให้คุณจัดการกับอูดี้เอง ซึ่งในระหว่างนั้นคุณห้ามทำตัวเด่นสะดุดตาอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเลยูตี้” ชิววี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ได้ ไม่มีปัญหา” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านชิววี่ไม่ทราบว่าผมจะต้องทำอะไรต่อ?” ชานี่กล่าวถามขึ้นมาจากด้านข้าง
“คราวนี้คุณควรจะต้องเดินทางไปพร้อมกับเราด้วย บางทีพวกเราอาจจะต้องพึ่งพาพลังความมืดของคุณ” ชิววี่กล่าว
“แล้วลูกศิษย์ของท่านนักพรตเลยูตี้ล่ะ?” ชานี่กล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เราก็คงจะต้องพาเธอไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไงเราก็ต้องไม่ให้เธอติดต่อเลยูตี้ในระหว่างนี้อย่างเด็ดขาด หลังจากที่เราจัดการทุกอย่างจนหมดแล้วฉันจะพาเธอกลับไปขอโทษเลยูตี้ด้วยตัวเอง” ชิววี่กล่าว
หลังจากพูดคุยหารือเรื่องรายละเอียดกันต่ออีกสักพัก แวมไพร์ก็มุ่งหน้าตรงไปยังดาวบ้านเกิดของชิววี่ซึ่งเป็นจุดนัดพบ
—
กระป๋องเป็นหุ่นยนต์ที่ฉลาดมากและมันก็เข้าใจดีว่าภารกิจพี่เซี่ยเฟยกำลังทำอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก มันจึงหยุดส่งข้อมูลของชายหนุ่มกลับไปยังพันธมิตรเอาไว้ก่อน ซึ่งถ้าหากข้อมูลเหล่านั้นถูกดักจับโดยสายลับในพันธมิตร มันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการของเซี่ยเฟยได้
เมื่อข่าวของเซี่ยเฟยหายไปอย่างกะทันหันมันก็ทำให้ผู้คนในพันธมิตรเริ่มรู้สึกกังวล แต่สำหรับเซี่ยเฟยช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด และแผนการทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถลอบสังหารอูดี้ได้สำเร็จหรือเปล่า
แวมไพร์หยุดจอดบริเวณวงโคจรรอบนอกของดาวเคราะสีชมพู ซึ่งดาวเคราะห์ดวงนี้มีพื้นที่ของทะเลไม่ถึง 10% มันจึงทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยสีชมพูทั้งหมด
“ทำไมดาวดวงนี้ถึงเป็นสีชมพู?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ดาวบัตเตอร์ฟลายแดนซ์เป็นถิ่นที่อยู่ของเผ่าพันธุ์ผีเสื้อ ซึ่งประชากรมากกว่า 99% บนดาวดวงนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผีเสื้อนานาพันธุ์ นอกจากนี้บนดาวยังมีต้นท้อเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และพวกมันก็เบ่งบานตลอดทั้งปีจนทำให้ดาวดวงนี้ดูเหมือนเป็นดาวสีชมพู” ชานี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เผ่าผีเสื้อเป็นเผ่าที่มีสาวงามมากที่สุดในเผ่าพันธุ์เซิร์ก ซึ่งถ้าหากว่าคุณต้องการเดี๋ยวฉันจะจัดหาสาว ๆ มาคอยให้บริการคุณเอง”
สำหรับเผ่าพันธุ์เซิร์กแล้วการที่ผู้ชายเล่นสนุกกับผู้หญิงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก และแม้แต่นักสู้ที่แข็งแกร่งอย่างชานี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น
“ไม่เป็นไร ถ้าเป็นไปได้ผมก็ขออยู่คนเดียว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ฉันล้อเล่นน่า” ชานี่กล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
ในที่สุดมันก็มีการส่งสัญญาณออกมาจากภาคพื้นดิน ซึ่งมันเป็นสัญญาณลับที่เซี่ยเฟยได้นัดแนะกับชิววี่เอาไว้ เขาจึงขับแวมไพร์ลงไปบนดาวตามทิศทางของสัญญาณ
เมื่อแวมไพร์เข้าใกล้พื้นผิวดาวมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มมองเห็นต้นท้อสีชมพูได้อย่างชัดเจน ในความเป็นจริงแม้แต่บ้านของพวกผีเสื้อต่างก็ถูกสร้างขึ้นใต้ต้นท้อเช่นเดียวกัน และเพื่อป้องกันไม่ให้บ้านเรือนบดบังทัศนียภาพพวกเขาจึงทาสีบ้านให้กลายเป็นสีชมพู
เซี่ยเฟยไม่ค่อยชอบสีชมพูมากนัก แต่สำหรับแอวริลแล้วเธอคลั่งไคล้ในสีชมพูมากกว่าใคร ๆ มันจึงทำให้ชั่วขณะหนึ่งนั้นเขาก็อดที่จะคิดถึงหญิงสาวขึ้นมาไม่ได้
จุดหมายปลายทางของเขาก็อยู่ในดงของต้นท้อเช่นเดียวกัน แต่มันถูกปิดล้อมเอาไว้ด้วยกำแพงสูงเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งเขาก็คาดเดาว่าสวนแห่งนี้น่าจะเป็นสวนส่วนตัว
เมื่อแวมไพร์เคลื่อนที่เข้าไปภายในป่าเขาก็ได้พบกับพ่อบ้านผีเสื้อยืนรอรับพวกเขาอยู่แล้ว และหลังจากที่เซี่ยเฟยส่งสัญญาณของชิววี่ออกไป พ่อบ้านก็กดอุปกรณ์ภายในมือจนทำให้ป่าท้อขนาดใหญ่ถูกแยกออกจากกันเผยให้เห็นพื้นที่ทางลงที่นำไปสู่ห้องใต้ดิน
หลังจากพวกเขาลงมาจากยานรบ เหล่าบรรดาคนรับใช้ก็รีบนำเสื้อคลุมและหน้ากากมาให้กับพวกเขา แต่ขนอุยที่เกาะไหล่เซี่ยเฟยอยู่ก็ค่อนข้างจะดูแปลกตามากพอสมควร มันจึงทำให้เหล่าบรรดาคนใช้มองมาที่เจ้าตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ
เซี่ยเฟยเดินตามคนรับใช้ไปตามถนนที่หรูหราประมาณ 10 นาที ก่อนที่เขาจะได้พบกับคฤหาสน์หลังใหญ่และสวนต้นท้อขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่า
เมื่อชายหนุ่มได้เดินเข้าไปในคฤหาสน์ที่มีเส้นทางอันคดเคี้ยว คนรับใช้ก็เปิดประตูให้กับชายหนุ่มเผยให้เห็นห้องด้านในที่ซ่อนอยู่
“เข้ามาสิ ฉันรอคุณมานานแล้ว การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นดีไหม?” เสียงหญิงสาวที่น่าหลงใหลดังขึ้นมาจากภายในห้อง
***************
E-Book เล่ม 7 (ตอนที่ 376-429) เปิดขายแล้วน๊า สำหรับใครที่อยากอ่านแบบยาว ๆ หรือเก็บไว้สะสม เราก็ขอให้คิดพิจารณาพี่เฟยไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ และตอนนี้ E-Book เล่ม 2 กำลังลดราคากว่า 80% อยู่ก็สามารถซื้อกันได้น๊า ขอบคุณทุกคนมากจริงๆนะคะ (´▽`).。o♡
ช่องทาง MEB >> https://bit.ly/3NZ3Qca ช่องทางเด็กดี >> https://bit.ly/3LDePFC
ช่องทางปิ่นโต >> https://bit.ly/3M9vXUI
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 280
แสดงความคิดเห็น