บทที่ 169: ในที่สุดข้าก็ไม่ต้องนอนกับท่านพ่ออีกต่อไป
บ้านหินที่ถูกสร้างขึ้นในครั้งนี้มี 2 ชั้น ซึ่งภายในบ้านมีห้องนอน 6 ห้อง โดยที่ลูกแต่ละคนมีห้องนอนเป็นของตัวเอง แล้วที่เหลืออีก 1 ห้องเป็นห้องนอนสำหรับหูเจียวเจียวกับหลงโม่
พื้นที่ภายในชั้น 1 เธอทำเป็นห้องเก็บของสำหรับเก็บเสบียงทั้งหมด 2 ห้อง และห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับสวนหลังบ้าน
เมื่อพิจารณาถึงปัญหาเรื่องของควันและน้ำมัน หูเจียวเจียวจึงแยกห้องครัวออกจากตัวบ้านหินโดยการสร้างห้องครัวไว้ที่สวนหลังบ้าน เนื่องจากที่นี่ไม่มีเครื่องดูดควันเหมือนโลกปัจจุบัน อีกทั้งวิธีการสร้างปล่องไฟก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งหมดเพราะว่าน้ำมันสกปรกจำนวนมากจะเกาะติดอยู่ตามผนังบ้านอยู่ดี
เนื่องจากหญิงสาวที่เป็นคนรักสะอาด เธอเลยไม่อยากให้ในบ้านมีคราบน้ำมันเกาะ ดังนั้นนี่เป็นวิธีการหลีกเลี่ยงปัญหาที่ดีที่สุด
พอจิ้งจอกสาวเห็นว่าที่สวนหลังบ้านยังคงว่างเปล่า บวกกับเธอกังวลว่าห้องเก็บของ 2 ห้องจะไม่เพียงพอ เธอจึงขอให้โหวเสี่ยวเตียวสร้างโกดังเพิ่มอีก 2 หลังไว้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฤดูหนาวของโลกภูตยาวนานถึง 6 เดือน ด้วยเหตุนี้ พวกเธอจึงต้องกักตุนเสบียงเอาไว้เป็นจำนวนมาก
ไม่เพียงแค่นั้น โกดังเก็บเสบียงถูกสร้างติดกับห้องครัวแล้วเชื่อมกันด้วยประตู เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องกังวลว่าภูตคนอื่นจะมองเห็นยามที่เธอเข้าไปหยิบของในมิติ
นอกจากนี้ เธอยังแบ่งโกดังหลังหนึ่งไว้จัดเก็บหนังสัตว์ ถ่าน รวมไปถึงของใช้จำเป็นโดยที่เหลือโกดังสำรองไว้อีกแห่ง
เหตุผลที่ว่าทำไมหนังสัตว์จำเป็นต้องมีโกดังน่ะหรือ…
หลังจากที่หูเจียวเจียวรู้ว่าหลงโม่ชอบเตะภูตตกแม่น้ำ เธอก็ค้นพบงานอดิเรกอย่างที่ 2 ของเขา
นั่นคือการเก็บหนังสัตว์
ในช่วงเวลานี้ มังกรหนุ่มสามารถเก็บหนังสัตว์ได้อย่างน้อย 2-3 ผืนต่อวัน ปัจจุบันมีหนังสัตว์มากกว่า 30 ผืนกองพะรุงพะรังกันอยู่ในบ้านไม้และกระท่อมของหญิงสาว ซึ่งมันเยอะมากจนเธอแทบจะไม่มีที่ซุกหัวนอนเลยด้วยซ้ำ
“หูเจียวเจียว เจ้าตรวจดูว่ามีอะไรที่ยังไม่เรียบร้อยหรือเปล่า ถ้ามีปัญหาตรงไหน เราจะได้รีบแก้ไขให้เดี๋ยวนี้เลย”
โหวเสี่ยวเตียวกล่าวในขณะที่เดินนำจิ้งจอกสาวไปตรวจสอบบ้านหิน เพราะเขากลัวว่าตนเองกับพวกคนงานจะทำได้ไม่ดี
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก บ้านหินแข็งแรง แล้วก็สวยมากทีเดียว โหวเสี่ยวเตียว ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครั้งนี้” หูเจียวเจียวส่ายหัวแสดงความขอบคุณอีกฝ่ายอย่างจริงใจ
โลกของภูตที่ขาดแคลนเสบียง พวกเขาแทบจะไม่มีเครื่องจักรมาช่วยทุ่นแรงเลยด้วยซ้ำ ซึ่งสังคมของที่นี่คล้ายกับสังคมชนบทของโลกมนุษย์ในสมัยก่อน ทุกคนในหมู่บ้านต้องคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
หากไม่มีความช่วยเหลือของภูตในเผ่า หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปีหน้าบ้านหินหลังนี้จะสร้างเสร็จหรือเปล่า
“ด้วยความยินดี นี่เป็นสิ่งที่เราควรทำ แล้วก็...” โหวเสี่ยวเตียวเว้นช่วงไปพลางเกาหัวแก้เขิน
“และในช่วงที่หลงโม่อยู่ในเผ่า เขาก็ช่วยพวกเราแบ่งเบาภาระได้มาก ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้เราสามารถสร้างบ้านเสร็จเร็วขนาดนี้”
ลิงหนุ่มไม่กล้าเรียกร้องความดีความชอบและมอบคุณงามความดีให้กับหลงโม่อย่างตรงไปตรงมา
“หลงโม่...”
ทันทีที่หูเจียวเจียวได้ยินชื่อคู่ของตัวเอง เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากอันน่าตื่นเต้นในคืนก่อน
“ใช่ เราเพิ่งรู้ว่าหลงโม่ไม่ได้อ่อนแอเลย และเขาก็ทำงานเก่งมากด้วย”
โหวเสี่ยวเตียวผงกหัวพลางทำสีหน้าไม่พอใจ
“ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวคนแรกว่าหลงโม่เป็นคนไร้ประโยชน์ ถ้าเป็นคนไร้ประโยชน์แล้วมีพลังมากขนาดนี้ ข้ายอมเป็นคนไร้ประโยชน์เสียดีกว่า”
หูเจียวเจียวชำเลืองมองคนพูด แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ตอนที่หลงโม่มาถึงเผ่าแห่งนี้เป็นครั้งแรก เขาอ่อนแอมาก
แต่ถึงกระนั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลังจากที่เขาออกไปอาศัยอยู่ในป่า เขาได้ต่อสู้กับความเป็นความตายอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มใช้ชีวิตด้วยการเลียเลือดบนกรงเล็บทุกวัน ควบคู่ไปกับเฝ้ากอดความมืดมนและความเกลียดชังที่รุนแรงไว้ข้างกาย หากคนที่ผ่านเรื่องราวเช่นนี้มาได้ยังไม่ตายไปเสียก่อน ถึงอย่างไรเขาก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
ความแข็งแกร่งของมังกรหนุ่มผ่านการเลียบาดแผลเพียงลำพังในถ้ำมืดพร้อมกับต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยธรรมชาติแล้ว วิถีชีวิตของหลงโม่มันแตกต่างจากภูตที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในเผ่า
เวลาต่อมา หูเจียวเจียวกับโหวเสี่ยวเตียวพากันเดินตรวจสอบบ้านหินอีกครั้ง เมื่อไม่พบปัญหาอะไร เธอจึงออกไปส่งกลุ่มคนงานก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
ปัจจุบันเหล่าภูตที่มาช่วยงานรู้สึกตื่นเต้นมาก พวกเขามีความรู้ในการสร้างบ้านหินตั้งแต่ต้นจนถึงจบแล้ว ตอนนี้พวกเขาจึงสามารถกลับไปสร้างบ้านหินให้คู่ของตัวเองได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากที่จิ้งจอกสาวส่งกลุ่มภูตชายออกไป เธอก็เห็นลูกทั้ง 5 กำลังยืนอยู่หน้าบ้านหิน
นอกจากหลงเซียว เด็กที่เหลืออีก 4 คนเบิกตากว้างมองบ้านหินเบื้องหน้าอย่างมีความหวัง ซึ่งมันไม่ต่างจากการได้เห็นความสุขที่กำลังกวักมือเรียกพวกเขา
“นี่คือบ้านใหม่ของเราใช่ไหม มันใหญ่โตและสวยมาก...” ดวงตาสดใสของหลงหลิงเอ๋อเป็นประกายระยิบระยับ และน้ำเสียงไพเราะของนางก็เปี่ยมสุขอย่างยิ่ง
เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงย่อมโหยหาสิ่งใหม่ ๆ
“ใช่ นี่คือบ้านใหม่ของเรา และครอบครัวของเราจะอาศัยอยู่ที่นี่นับจากนี้ไป” หูเจียวเจียวเดินออกมาจากบ้านหินพลางตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
บ้านหินไม่มีการตกแต่งใด ๆ มีเพียงผนังที่ทำจากแผ่นหินบลูสโตนธรรมดา ๆ ซึ่งดูสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะว่ามันถูกขัดจนเรียบเนียนมาก
ภาพตรงหน้าเหมือนกับบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองอันมีเสน่ห์ในสารคดีของโลกปัจจุบัน
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังงดงามมากในสายตาของหลงหลิงเอ๋อ
ยามนี้เด็กหญิงตัวน้อยแทบจะมีคำว่า ‘ความสุข’ แปะอยู่บนหน้าผาก ในขณะที่นางแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา
“ในที่สุดบ้านหินก็สร้างเสร็จ” ใบหน้าของหลงอวี้แทบจะไม่แสดงอาการดีใจให้เห็นเลย
หลงจงพยักหน้า “ใช่ ถ้าเราอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ เราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กับท่านพ่ออีกต่อไป”
คงมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเหล่าเด็กตระกูลหลงพบเจออะไรบ้างในช่วงเวลานี้
ที่ผ่านมา ผู้เป็นพ่อทำอย่างกับว่าพวกเขาไม่ได้เป็นลูกของตัวเองเลย
เขาให้เด็ก ๆ ฝึกจนถึงเที่ยงคืนทุกวันและยังฝึกฝนทักษะการล่าสัตว์ให้พวกเขาอีกด้วย แต่ก็ต้องขอบคุณพ่อมังกรที่ช่วยให้พี่ชายคนโตกับพี่ชายคนรองสามารถเรียนรู้การแปลงร่างเป็นสัตว์ได้ชำนาญมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน หลงเหยายืนอยู่หน้าทุกคน หางรูปสามเหลี่ยมของเขาสะบัดไปมาขณะตะโกนใส่บ้านหินว่า
“บ้านใหม่เสร็จแล้ว กระต่ายน้อยก็พร้อมกิน!”
“...” พี่ ๆ ทั้ง 4 ต่างก็พูดอะไรไม่ออก
2 อย่างนี้มันมีความเกี่ยวข้องกันตรงไหนก่อน?
“กระต่ายน้อยยังกินไม่ได้ เราต้องเลี้ยงไว้เพื่อให้พวกมันผลิตลูกกระต่ายออกมาเพิ่ม” หูเจียวเจียวลูบหัวคนตัวเล็กอย่างขบขัน แล้วพูดเพื่อหยุดความคิดอยากจะกินแต่สิ่งมีชีวิตตัวจ้อยของเขา
“เสี่ยวเหยา บ้านหลังใหม่เกี่ยวอะไรกับการกินกระต่าย” หลงหลิงเอ๋อถามด้วยท่าทางงุนงง
“ท่านแม่เป็นคนบอก!”
หลงเหยาตอบพร้อมชี้ไปที่แม่จิ้งจอกด้วยนิ้วป้อมสั้น
ฝ่ายที่ถูกพาดพิงตกตะลึง เธอพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าถ้าสร้างบ้านเสร็จ เธอจะกินกระต่าย?
ในขณะที่จิ้งจอกสาวกำลังตั้งคำถามอยู่ในใจ เธอก็ได้ยินเสียงของลูกชายคนสุดท้องพูดขึ้นมาอย่างขึงขังว่า
“ท่านแม่บอกว่า ถ้าบ้านใหม่เสร็จแล้ว เราจะกินของอร่อยกัน และกระต่ายน้อยก็อร่อย”
ของอร่อยก็คือกระต่ายน้อย
มันแปลกตรงไหน~
“...” หูเจียวเจียวที่ได้ฟังเช่นนั้นถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
ความคิดของเด็กคนนี้แปลกจริง ๆ!
ในเวลาเดียวกัน มุมปากของหลงจงกระตุก เขาอยากจะเปิดสมองของเจ้ามังกรโง่คนนี้ออกมาดูเหลือเกินมันว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง
“ท่านแม่ วันนี้ท่านไม่อยากทำอาหารอร่อย ๆ หน่อยหรือ?” หลงเหยาเอียงศีรษะถามเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย
เสี่ยวเหยาพูดอะไรผิดหรือเปล่า?
ไม่นานหูเจียวเจียวก็จำได้ว่าเธอเคยพูดว่าจะมีงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่หลังจากที่บ้านหินสร้างเสร็จ
ในเวลานั้น หลงเหยาถามเธอว่างานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่คืออะไร และคำตอบของเธอคือการเตรียมอาหารอร่อย ๆ หนึ่งโต๊ะ และเชิญท่านตาท่านยาย รวมถึงลุง ๆ มาที่บ้านใหม่เพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
เจ้าตัวเล็กคงกำลังคิดเรื่องนี้อยู่
“ทำสิ แน่นอน แม่ต้องทำอยู่แล้ว แต่วันนี้เราจะไม่กินกระต่ายกัน” แม่จิ้งจอกกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แล้วเมื่อไหร่เราจะย้ายเข้าไปได้ล่ะ?” หลงจงถามขึ้นมาเพราะอดใจรอไม่ไหว
ส่วนหลงอวี้กับหลงเซียวก็มองไปที่หูเจียวเจียวเป็นตาเดียว
พวกเขาไม่อยากนอนในบ้านหลังเก่าอีกแล้ว
“วันนี้แม่จะย้ายของก่อน พวกเจ้าไปเลือกห้องเอาไว้สิ แล้วค่อยกลับมาเก็บข้าวของในบ้านไปไว้ในห้องของตัวเอง”
“ต่อจากนี้ไป เราจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่กัน!”
หูเจียวเจียวพูดพร้อมชูกำปั้นขึ้นฟ้า และลูกทั้ง 5 คนก็วิ่งกระจัดกระจายไปเหมือนนกแตกรัง เมื่อไปดูห้องใหม่เสร็จแล้ว พวกเขารีบวิ่งกลับไปที่บ้านไม้เพื่อเก็บของ
ลูกน้อยทุกคนไม่มีอะไรต้องเก็บกวาดมากเพราะของมีค่าที่แต่ละคนมีคือเสื้อผ้าหนังสัตว์ 2 ชุด รองเท้า 2 คู่ และหนังสติ๊กที่แม่จิ้งจอกทำให้พวกตน
นอกจากนี้เด็กทั้ง 5 คนก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงห้อง แถมยังตั้งใจมอบห้องที่มีแสงสว่างมากที่สุดให้กับหลงหลิงเอ๋อ ส่วนพี่น้องคนอื่นจะพักในห้องที่เหลืออีก 4 ห้องตามขนาดของห้อง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 264
แสดงความคิดเห็น