ผลสอบ
“ติงหยู พวกเราอยู่นี่”
“พี่ฉู พี่ซุน” ซีฉูกับหลีซุน ต่างโบกมือเรียกเขาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในกรมศึกษา วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบ เขาจึงออกมาดู
“อ่า แม้ตอนนี้ พวกเราเลยเวลามาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว พวกเขายังไม่ติดป้ายประกาศเสียที” หลีซุนกล่าวออกมา เขากับซูฉีมารอนานแล้ว แต่ยังไม่ติดป้ายประกาศด้วยซ้ำ จึงมานั่งรอที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีคนมาแออัดอยู่ที่ตรงป้ายประกาศกว่าร้อยคน ทำเอาเบียดเสียดกันเหลือเกิน
“นั่นสิไม่รู้ว่าติดปัญหาอะไรอยู่” ซีฉูกล่าวเสริมอีกคน
"ไม่เป็นไร พวกเราสักหน่อยเถิด" ติงหยู คิดว่าพวกเขาอาจจะติดปัญหาบางอย่างรอสักหน่อยคงไม่เป็นไร
“อืม เมื่อวานพวกเรากำลังเดินออกมาเห็นเจ้ากำลังถูกคุณชายผู้นั้นรังแก กำลังจะเขาไปช่วย แต่คุณชายใหญ่กง เร็วกว่าพวกข้านัก” ตกตะลึงซุนอยู่ๆก็กล่าวขึ้น เมื่อวานพวกเขาก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อมีคุณชายกงหยุนเทียนเข้าไปจัดการปัญหาให้แล้วพวกเขาจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป
“ใช่ คุณชายใหญ่กงนับว่ายอดเยี่ยมนัก” ซีฉูก็พูดขึ้นมาเช่นกัน นับว่าคุณชายใหญ่กงเก่งกาจและรักพวกพ้องของเขายิ่ง
“หากพวกท่านได้เป็นคนของเขาแล้ว เขาย่อมปกป้องพวกท่านด้วยเช่นกัน” ติงหยูก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน กงเทียนหยุคนคนนี้ผู้นี้คู่ควรกับการเป็นคุณชายใหญ่กงจริงๆ เขาใจกว้างและรักพวกพ้องของตนเอง ดังนั้นติงหยูจึงเต็มใจทำงานร่วมกันกับเขา แม้จะรู้ว่าตัวเอง ถูกใช้ให้เป็นหมากตั้งแต่ครั้งแรกที่พูดคุยกับเจียเหรินแล้ว หากแต่ใครจะไปสนเล่าเพื่อเป้าหมาย เขาจะทำให้รู้ว่าถึงเป็นหมากเขาจะเป็นหมากที่ดี มีชีวิตที่ดีและอยู่รอดไปจนถึงตอนจบ
“ฮ่าๆ นั่นสินะ แล้วอีกเรื่องเจ้าไม่บอกพวกข้า ท่านเสนาบดีกงถึงขั้นรับเจ้าเป็นบุตรบุญธรรมเลยนะ” เมื่อวานที่พวกเขาตกใจไม่น้อย นับว่าติงหยูมีวาสนานักเขาถึงขั้นได้เป็นบุตรบุญธรรมของท่านเสนาบดีกง
“เขาพึ่งรับข้าเมื่อไม่นานมานี้” เรื่องนี้เขาก็คาดไม่ถึงเช่นกัน กลายเป็นว่าบรรพบุรุษของทั้งสองต่างเป็นสหายสนิทกันมาก่อน เรื่องนี้เขาจึงได้ไหว้ขอบคุณบรรพบุรุษของตนเองนับว่าพวกเขาไม่ทอดทิ้งตระกูลติงจริงๆ
“อืมดีแล้วเจ้าโชคดี เราที่เป็นสหายก็ดีใจกับเจ้ามาก” เมื่อได้ยินเช่นทั้งสองต่างยินดีกับติงหยู
“โอ๊ะ นั่นพวกเขาพวกเขาเอาป้ายมาประกาศแล้ว” ซีฉูเหลือบไปเห็นเจ้าหน้าที่กรมศึกษาเอาป้ายมาติดพอดี ทุกคนต่างรุมล้อมที่ป้ายประกาศอีกครั้ง เสียงดังโวยวาย ดูวุ่นวายไม่น้อย
“ถอยๆ พวกเจ้าถอย หลีกทางให้คุณชายหวังซานหยงของข้า ถอยไปเจ้าบ้านนอก” อยู่ก็มีเสียงคนหนึ่งดังขึ้น มันคือข้ารับใช้ของหวังซานหยง มันกันคนอื่นออกไปเพื่อให้คุณชายของมันเข้ามาอ่านป้ายประกาศอย่างสะดวกขึ้น ทุกคนทำได้แค่ถอยให้มัน แม้ในใจของพวกเขาจะไม่พอใจ แต่ไม่สามารถทำอันใดได้ในเมื่อคนผู้นี้เป็นถึงบุตรชายของท่านเสนาบดีหวัง
“อะไรนี่ ใช่คนที่มีเรื่องกับเจ้าเมื่อวานหรือไม่ มารยาทช่างไม่ได้เรื่องแม้แต่น้อย” ซูฉีกล่าวขึ้น คุณชายผู้นี้ช่างทำตัวไม่สมกับเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ ไม่รู้จักรักษาหน้าตาของตระกูลแม้แต่น้อย
“อืมช่างเขาเถิด พวกเราไปดูแค่ชื่อเราเท่านั้นไม่ต้องยุ่งกับเขา” ติงหยูไม่คิดสนใจคนผู้นี้อีก เขาแค่จะไปดูผลสอบของตนเองก็พอแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ เหตุใดข้าถึงได้เป็นแค่ขุนนางเล็กๆ ไร้ประโยชน์ที่กรมกลาโหมเช่นนี้ เป็นไปมิได้” หวังซานหยงตกตะลึงอย่างยิ่ง ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่ตนคาดหวัง เขากลับถูกส่งไปยังกรมที่บิดาของตนเองปกครองอยู่ ได้เป็นเพียงขุนนางปลายแถว ซ้ำกรมกลาโหมไม่มีขุนนางที่ไม่เป็นสายยุทธเช่นเขาอยู่เลยด้วยซ้ำ หากบิดารู้เข้าเขาจะยินยอมรึ บุตรชายที่น่าขายหน้าเช่นเขาจะอยู่อย่างสุขสบายที่กรมกลาโหมได้รึ
“น้องติงหยู ข้า ๆ ได้เป็นถึงรองเจ้ากรมคลัง พวกเจ้าทั้งสองมาช่วยข้าดูหน่อย ข้าไม่ได้ตาฝาดไปรึไม่” หลีซุนตกตะลึงยิ่งนักไม่คิดว่าตนเองจะได้อยู่ตำแหน่งที่สูงเช่นนี้ด้วยซ้ำ
“หลีซุน พวกเจ้าก็มาช่วยข้าดูด้วย ข้านึกว่าข้าตาฝาด ข้าได้เป็นถึงราชเลขากรมยุติธรรม ฮ่าๆ น่าดีใจยิ่ง” ไม่เพียงแค่หลีซุน ตอนนี้ซีฉูก็เกือบจะวูบเป็นลมไป เดิมเพียงแค่หวังขอได้เป็นเพียงขุนนางเล็กๆ เท่านั้น กลับปีนขึ้นสูงขนาดนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งครั้งแรก ทำเอาผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว
“ยินดีกับพี่ทั้งสองด้วย” ติงหยูยิ้มยินดีกับทั้งสองคน ตอนแรกติงหยูว่าทั้งสองมีความสามารถไม่น้อย ตอนนี้ยังคว้าตำแหน่งขุนนางที่ดีมาได้ทั้งสองคน นับว่าเป็นผลดีต่อเขาแล้ว
“โอ้ว พวกเราต่างหากที่ต้องยินดีกับเจ้า ยินดีกับท่านด้วย ท่านเจ้ากรมเกษตร คนใหม่” ซีฉูยังไม่ทันได้หายตื่นเต้น เมื่อเขาอ่านรายชื่อไปเรื่อยๆ กลับพบว่าติงหยูทำผลงานได้ดีกว่าพวกเขาอีก ติงหยูถึงกับได้เป็นเจ้ากรมเกษตร ตำแหน่งนี้นอกจากท่านเสนาบดีใหญ่กงและหวังที่อยู่เหนืออีกหนึ่งขั้นแล้ว ตำแหน่งเจ้ากรมของเขานั้นไม่มีใครกล้าดูถูกเขาได้
“ใช่จริงๆ ด้วยซีฉู ฮ่าๆ ยินดีด้วย ท่านเจ้ากรมเกษตร” หลี่ซุนก็ยินดีกับติงหยูเช่นกัน
“เป็นไปไม่ได้ โกง ต้องมีการโกงข้อสอบแน่ ข้าเป็นถึงคุณชายในเมืองหลวงจะแพ้เจ้าได้เช่นไร ตำแหน่งนี้ไม่สมควรเป็นของเจ้า” เมื่อได้ยินทั้งสามคนต่างยินดีให้กันแล้ว ช่างเสียดแทงใจของหวังซานหยงยิ่งนัก เป็นไปไม่ได้เขาไม่ยอมรับเด็ดขาด ไม่เพียงแค่ติงหยูไอ้บ้านนอกสองคนข้างๆ มันกลับได้รับตำแหน่งที่ดีและสูงกว่าเขาด้วย เขาจะยอมรับเรื่องเเบบนี้ได้อย่างไร
“หือ หากข้าไม่เหมาะสม เเล้วใครเล่า รึท่านคิดว่าเป็นท่าน” ติงหยูหันไปทางหวังซานหยง คนคนนี้ไม่สามารถยอมรับความผิดหวังได้ถึงขั้นพาลผู้คนไปทั่ว ช่างน่าขันนัก
“ใช่มันต้องเป็นข้า เจ้าต้องใช้เส้นสายของคนตระกูลกงเป็นแน่ถึงได้ตำแหน่งนี้มา” หวังซานหยง คิดว่าเขามีดีกว่าติงอยู่นัก ตำแหน่งเจ้ากรมเกษตรนี้เดิมมันควรเป็นของเขา ตระกูลกงช่างน่าชังนักถึงกับเล่นลูกไม้แบบนี้ได้
“คุณชายท่านจะพูดพล่อยๆ เช่นนี้ได้รึ หากนับเรื่องเส้นสายข้าคงสู้บุตรชายของท่านเสนาบดีหวังเช่นท่านไม่ได้ หากท่านยอมรับไม่ได้ก็ให้ไปถามผู้ตรวจสอบสิท่านจะโวยวายให้ได้อะไรขึ้นมา” ติงหยูขมวดคิ้ว เขาเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลกง หากมีผู้คนให้ร้ายตระกูลกงเขาเองก็ยอมไม่ได้ จึงกล่าวผลักคำให้ร้ายกลับไปให้เขา คนโง่งมผู้นี้สอบผ่านมาได้เช่นไรถ้าผู้คนไม่เห็นแก่หน้าของตระกูลหวัง ทุกคนรอบๆ ต่างคิดเห็นเช่นกัน
“เจ้า ได้ๆ ข้าถามแน่ ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด” ในเมื่อเถียงกับติงหยูไม่ได้เขาจึงร้องโวยวายขอคำตอบจากเหล่าเจ้าหน้าที่ทันที
“ไม่ยอมรับรึ เจ้าเป็นผู้ใดถึงไม่ยอมรับผลประกาศนี้” เมื่อมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น ท่านเจ้ากรมวังจึงจำเป็นต้องออกมาดูเสียหน่อย และได้ยินหวังซานหยงพูดขึ้นพอดี สถานที่ที่มีแต่เหล่าบัณฑิตผู้มีอารยะเช่นนี้ กลับมีคนโง่งมเช่นนี้อยู่ด้วยรึ
“ข้ารึ ข้าคือบุตรชายของเสนาบดีหวัง ข้ายอมรับไม่ได้ที่มันทั้งสามที่มาจากบ้านนอกกลับได้ตำแหน่งดีที่สุดไป ข้าซึ่งเป็นคุณชายกลับได้แค่ตำแหน่งเล็กๆ เช่นนี้ จะยอมได้รึ มันผู้ใดเป็นคนคัดเลือกตำแหน่งให้ มีการทุจริตหรือไม่” หวังซานหยงเพียงคิดว่าคนตรงหน้าเป็นเพียงขุนนางตำแหน่งเล็กๆ ในกรมศึกษาเท่านั้นจึงกล่าวอ้างถึงบิดาของตนเองเพื่อข่มขู่ออกมาถึงขั้นกล่าวเรื่องทุจริตไม่มีมูลเช่นนี้ออกมาได้ เขาคงจะหลงลืมไปว่าในวันสอบนั้น ฝ่าบาทเป็นคนเขียนหัวข้อการสอบขึ้นตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ จะมีการทุจริตได้รึ ซ้ำยังกล่าวหาว่าผู้คัดเลือกมีการทุจริตอีก
“ช่างบังอาจนัก ข้าเจ้ากรมศึกษา เป็นตัวแทนของราชสำนัก เจ้ามีความรู้สู้คนอื่นไม่ได้แล้วยังสร้างเรื่องให้ผู้อื่นเข้าใจผิดวุ่นวายเช่นนี้ เหอะ เจ้าถึงขั้นกล้าสงสัยในการขัดเลือกขุนนางขององค์ฮ่องเต้เชียวรึ ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงนัก พวกเจ้าจับเขาส่งไปที่กรมยุติธรรม หากท่านเสนาบดีหวังสงสัยให้บอกเขาไปหาได้เลย ไม่ต้องกลัวอะไรข้าจะเข้าวังกราบทูลทันที อย่าคิดว่าเจ้าจะรอดไปได้เลย หึ” เมื่อเป็นเช่นนี้เจ้ากรมวังโกรธยิ่งนัก เดิมยังคิดจะไว้หน้าเสนาบดีหวังอยู่บ้าง จึงได้คัดเลือกเจ้าคนโง่นี้มา แต่ในเมื่อคนผู้นี้ช่างโง่งมหาที่ตายให้ตนเองแล้วละก็ ไม่ต้องเหลือหน้าให้ไว้ทั้งสิ้น เจ้ากรมวังสั่งทหารเฝ้ากรมให้จับตัวคุณชายสามหวังผู้นี้ทันทีก่อนจะส่งเขาไปที่ศาลยุติธรรมเสีย
“มะ ไม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้จะกล่าวหาฝ่าบาท ข้า ปล่อยข้าๆ” หวังซานหยงตกใจอย่างยิ่งเขาไม่คิดว่าผู้คัดเลือกจะเป็นฝ่าบาทเอง จึงพลั้งพูดไปเช่นนั้น เขาเสียใจยิ่งนัก ตอนนี้คาดว่าแม้แต่ตำแหน่งขุนนางเล็กๆก็ไม่อาจรักษาไว้ได้แล้ว
“คุณชายขอรับ ปล่อยคุณชายของข้านะ” ข้ารับใช้ของหวังซานหยงได้แต่วิ่งติดตามเขาที่กำลังถูกทหารคุมตัวออกไป
"เอาล่ะพวกเจ้า หากผู้ใดได้รับตำแหน่งจงเตรียมตัวให้พร้อมอีกห้าวันข้างหน้าพวกเจ้าต้องเข้าวังเข้าเฝ้าฝ่าบาท จำไว้อย่าทำตัวโง่งมเช่นชายคนเมื่อครู่นี้ หึ" พูดจบเจ้ากรมวังก็สะบัดตัวจากไปทันที
“อ่าไม่คิดว่า การคัดเลือกตำแหน่ง ฝ่าบาททรงคัดเลือกด้วยตนเอง” หลังเรื่องวุ่นวายเมื่อครู่จบลง ซีฉูจึงยิ้มออกมา ไม่ว่าตำแหน่งใดก็น่าภูมิใจทั้งนั้น ฮ่องเต้ถึงกับคัดเลือกเอง นับว่าพระองค์ให้ความสำคัญกับพวกเขาไม่น้อย
“เอ่อ คารวะท่านเจ้ากรม พวกข้าทั้งหกคนเป็นขุนนางที่อยู่กรมเกษตรเช่นเดียวกันท่านขอรับ” คนผู้หนึ่งเดินนำสหายอีห้าคนเข้ามา เมื่อทราบว่าติงหยูเป็นเจ้ากรมเกษตรที่พวกเขาจะต้องเข้าไปรับตำแหน่งขุนนางภายใต้อำนาจของเขา
“อืม ยินดีกับพวกเจ้าด้วย ต่อไปพวกเราต้องทำงานด้วยกัน มาวันนี้ข้าเลี้ยงพวกเจ้าทุกคนเอง พี่ซุน พี่ฉูไปด้วยกันเถิด” ติงหยูมองไปที่พวกเขา หน่วยก้านใช้ได้ทั้งนั้น ในเมื่อต้องทำงานร่วมกัน พวกเขาต่างเป็นคนใหม่ทั้งหมดย่อมสร้างความคุ้นเคยกันได้ง่ายขึ้น ติงหยูจึงอาสาเลี้ยงอาหารพวกเขาเอง ผู้คนเหล่านี้ต่อไปจะเป็นกำลังให้เขาได้มากเลยทีเดียว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 149
แสดงความคิดเห็น