บทที่ 29: ตามหาหลงเหยา

-A A +A

บทที่ 29: ตามหาหลงเหยา

หลังจากที่หูเจียวเจียวสวมรองเท้าให้หลงหลิงเอ๋อเสร็จ เธอก็เดินไปสวมให้หลงเซียวต่อ

 

ส่วนทางด้านหลงอวี้กับหลงจงยังไม่อยากให้ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นมาแตะต้องตัว ทั้งคู่จึงหยิบรองเท้ามาใส่เองโดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของแม่จิ้งจอก 

 

พอเด็กทั้ง 4 คนสวมรองเท้าเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็วิ่งหรือเดินด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ไปมาอยู่ในลานบ้าน ซึ่งภาพนั้นไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงที่สวมรองเท้าและเดินในวิดีโอที่หูเจียวเจียวเคยดูในโลกแห่งความเป็นจริงเลยสักนิด

 

“คิกๆๆ...” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู 

 

แต่หลงจงหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้เป็นแม่ เขาจึงถอดรองเท้าโยนมันลงพื้นอย่างโกรธเคือง “ไอ้ของแบบนี้ไม่เห็นจะดีอย่างที่ว่าเลย มันไม่มีประโยชน์ ข้าไม่อยากได้!”

 

ทางด้านหูเจียวเจียวไม่ได้รู้สึกโกรธเด็กน้อยคนนี้ เธอพูดปลอบโยนเขายิ้ม ๆ ว่า “ไม่เป็นไร เป็นเพราะเจ้ายังไม่คุ้นชิน เอาไว้ถ้าเจ้าอยากใส่ก็ค่อยหยิบไปใส่แล้วกัน แม่ไม่บังคับเจ้า”

 

“ท่านแม่ หลิงเอ๋อชอบรองเท้าที่ท่านแม่ทำให้ หลิงเอ๋ออยากจะใส่มันทุกวันเลย!” สาวน้อยใส่รองเท้าวิ่งตุ๊บตั๊บไปกอดต้นขาของแม่จิ้งจอกอย่างตื่นเต้นพลางทำตัวเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจพร้อมกับพูดออดอ้อนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

 

ความจริงแล้วนางกลัวว่าแม่ใจยักษ์จะโกรธเพราะคำพูดของหลงจงมากกว่า

 

หลงอวี้เองก็เดินเม้มปากเข้ามาหาหูเจียวเจียวด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ “ขอบคุณ รองเท้าคู่นี้ดีมาก”

 

ในบรรดาลูกทั้ง 4 คน มีเพียงหลงเซียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ตรงจุดเดิมโดยที่เขาไม่ขยับเท้าแม้แต่นิดเดียว

 

เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่นุ่มนวลจากฝ่าเท้า เขาจึงถือไม้ยาวในมือเป็นตัวนำทางก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

 

เนื่องจากเขามองไม่เห็นจึงมักจะเดินเหยียบของมีคมจนฝ่าเท้าเป็นแผลอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้เขาเลยไม่กล้าออกไปจากบ้านสักเท่าไหร่

 

แต่พอหนุ่มน้อยมีรองเท้าคู่นี้ เขาก็สามารถออกไปเดินเล่นข้างนอกได้บ่อยขึ้นโดยไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะเจ็บเท้าอีก

 

ในเวลานี้หลงเซียวรู้สึกถึงอารมณ์ที่ผสมปนเปกันอยู่ในใจของเขา และเขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายมันอย่างไรดีจึงกำมือที่ถือไม้ยาวแน่นแล้วก็คลายลงอยู่แบบนั้นสักพัก...

 

ทางด้านหูเจียวเจียว เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าอยากจะทำบางสิ่งบางอย่างให้กับเด็กพวกนี้ตามความสามารถของตัวเองที่มีติดตัวมา เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้จะทำให้ลูกเปลี่ยนมุมมองที่มองตัวเธอใหม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรในตอนที่เห็นปฏิกิริยาของหลงเซียวกับหลงจง

 

จากนั้นเธอก็หันไปหยิบถ้วยกระเบื้องสีขาวออกมา  “เหยาเอ๋อ แม่ก็เตรียมของบางอย่างไว้ให้เจ้าด้วยเหมือนกัน...”

 

ก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ จู่ ๆ เธอก็พบว่าไม่มีหลงเหยาอยู่ในลานบ้าน ส่งผลให้เธอแทบจะไม่มีแรงถือชามกระเบื้องไว้ในมืออีก

 

ตึกตัก ๆ 

 

ขณะนี้หัวใจของหูเจียวเจียวเต้นไม่เป็นจังหวะ

 

“เหยาเอ๋ออยู่ที่ไหน มีใครเห็นไหมว่าเหยาเอ๋อหายไปไหน?” เธอรีบลุกขึ้นมองหาลูกคนสุดท้องพร้อมกับถามเด็กคนอื่น ๆ

 

เมื่อกี้ตอนที่ทุกคนกลับมาถึงบ้าน เธอยังเห็นหลงเหยานอนอยู่บนไหล่ของหลงจงอยู่เลย แต่เนื่องด้วยเด็กหนุ่มไม่อยากเข้าใกล้เธอ ฉะนั้นเธอจึงหันไปสนใจลูกคนอื่น แล้วเธอก็ค่อย ๆ ลืมเรื่องฝันร้ายก่อนหน้านี้ไป

 

ทำไมจู่ ๆ เหยาเอ๋อถึงหายตัวไป?

 

เป็นไปได้ไหมว่าความฝันของเธอจะเป็นจริง...

 

ถัดมา หูเจียวเจียวเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่เริ่มเอียงไปทางทิศตะวันตกแล้ว และดวงอาทิตย์สีแดงสดกำลังสะท้อนแสงอยู่บนฟ้าจนเป็นสีแดงเข้มซึ่งใกล้กับช่วงเวลาที่เธอเห็นในฝันมาก

 

“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป?” หลงหลิงเอ๋อมองไปที่แม่จิ้งจอกด้วยสีหน้าสงสัย

 

ก่อนหน้านี้ใบหน้าของผู้เป็นแม่เต็มไปด้วยความสุข แต่ในไม่ช้าเด็กสาวก็พบว่าใบหน้าของอีกคนซีดเซียวเหมือนนางมีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ

 

เกิดอะไรขึ้นกับนาง?

 

ท่านแม่ไม่สบายหรือเปล่า?

 

หลงหลิงเอ๋อมีท่าทีกังวลมากขึ้น นางกำลังหวาดกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่ที่เพิ่งกลับตัวกลับใจทำดีกับพวกนาง

 

ในตอนนี้หลงอวี้ตอบสนองได้เร็วที่สุด เขาติดตามหูเจียวเจียวออกไปเพื่อตามหาหลงเหยา พร้อมกับพยายามใจเย็นคิดถึงสถานที่ที่คิดว่าน้องชายจะไป “ข้าจำได้ว่าน้องห้ากลับมาพร้อมกับเราแล้ว เมื่อกี้เขายังอยู่ตรงนี้อยู่เลย เขาจะต้องแอบหนีออกไปเล่นที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ”

 

น้องห้าเป็นคนดื้อรั้นและซุกซนที่สุดในบรรดาพี่น้อง แต่ปกติเขามักจะขดตัวเงียบ ๆ อยู่บนตัวของพี่น้องคนใดคนหนึ่งเสมอ นั่นทำให้พวกเขาไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าน้องชายหายตัวไปตอนไหน พวกเขาคิดเพียงว่าหลงเหยาอาจจะออกไปเล่นอยู่แถวนี้

 

เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดของลูกชายคนโต นอกจากจะไม่ทำให้เธอสบายใจขึ้นแล้ว เธอยังรู้สึกวิตกกังวลมากกว่าเดิมอีกด้วย 

 

แม้เธอจะรู้ว่ามันเป็นเพียงความฝัน แต่อีกใจหนึ่งกลับบอกว่ามันเป็นความจริง

 

“พี่ใหญ่ ออกไปหาเจ้าห้าเถอะ ข้าจะอยู่เฝ้าบ้านเอง ถ้าเจ้าห้ากลับมา ข้าจะไปเรียกท่าน” หลงเซียวรู้สึกว่าน้ำเสียงของหูเจียวเจียวไม่สู้ดีนัก

 

“ได้!”

 

พอทุกคนตกลงกันเสร็จแล้ว ผู้เป็นแม่และลูกอีก 2 คนก็เดินออกไปจากบ้าน 

 

ส่วนหลงจงเหลือบมองไปยังแม่ใจยักษ์ที่วิตกกังวลและอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์

 

“หญิงชั่วนั่นจะมานึกเสียใจอะไรตอนนี้ ยามที่นางทำร้ายเสี่ยวเหยา ข้าไม่เคยเห็นนางรู้สึกแย่เลยสักนิด…”

 

ขณะที่เขาบ่นพึมพำ เท้าของเขาก็ขยับไปข้างหน้าด้วย

 

ขาเรียวบางรีบวิ่งตามคนอื่นไป แต่หลังจากก้าวไปไม่ถึง 2 ก้าว เด็กหนุ่มก็หันหลังกลับมาอีกครั้ง

 

ในตอนนั้นหลงจงหันไปมองแม่ใจร้ายกับพี่น้องทั้ง 2 วิ่งออกจากบ้านไปสลับกับมองไปทางหลงเซียวที่ตาบอด จากนั้นเขาก็ตัดสินใจหยิบรองเท้าที่เพิ่งโยนทิ้งขึ้นมาปัดฝุ่นด้วยสีหน้าว่างเปล่า ก่อนจะนำมันมาสวมไว้แล้ววิ่งตามทุกคนออกไป

 

ทางด้านหูเจียวเจียวเดินตามเด็ก 2 คนไปค้นหาทุกที่ที่หลงเหยามักจะไปเล่นบ่อย ๆ แต่เธอกลับไม่พบลูกชายคนเล็กเลยสักแห่ง

 

ในที่สุดหลงอวี้ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และสีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้น “มันแปลกมาก ปกติเสี่ยวเหยาชอบมานอนเล่นอยู่ตรงนี้ ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่นี่...”

 

ใบหน้าของหลงหลิงเอ๋อซีดเซียวลงด้วยความวิตกกังวล “น้องห้าคงจะไม่เป็นอะไรหรอกใช่ไหม!”

 

เดิมทีพี่น้องทั้ง 5 คนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ยกเว้นหลงเซียวที่ไม่ค่อยออกไปเล่นกับทุกคน แต่นอกเหนือจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยแยกจากกันเลย

 

หลังจากที่ตามหาหลงเหยามาระยะหนึ่งแล้วไม่พบ เด็ก ๆ จึงรู้สึกตื่นตระหนกกันขึ้นมาทันที

 

ยามนี้ใบหน้าของหูเจียวเจียวซีดเผือดราวกับกระดาษ และฝ่ามือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ เธอพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสงบสติอารมณ์และจัดการกับความคิดของตัวเองที่ตีกันยุ่งเหยิงในหัว 

 

เหยาเอ๋อในฝัน...หมาป่า…

 

ทุ่งหญ้า!

 

เธอรีบหันไปถามลูกคนอื่น ๆ ว่า “มีใครรู้ไหมว่าทุ่งหญ้าแห้งแล้งที่อยู่ใกล้กับเผ่าของเราอยู่ที่ไหน?”

 

ถ้ามีหมาป่า พวกมันต้องไม่อยู่ในเผ่าแห่งนี้

 

แต่หลงเหยายังเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่แปลงร่างเป็นมนุษย์ เขาไม่จำเป็นต้องออกไปล่า แล้วอย่างนี้เขาจะออกจากเผ่าไปเจอกับหมาป่าได้อย่างไร? 

 

ทันทีที่หญิงสาวถามเสร็จ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เง่าสิ้นดี เนื่องจากพวกเด็ก ๆ ไม่เคยออกจากเผ่าเลย แล้วพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามีทุ่งหญ้าแห้งแล้งนอกเผ่าไหม

 

ทว่าเสียงที่แหลมใสของหลงอวี้ก็ดังขึ้น “ทางใต้ของเผ่า ผ่านทางออกของเผ่าไปทางใต้ พอข้ามแม่น้ำแล้วจะมีทุ่งหญ้าแห้ง ๆ อยู่ตรงนั้น”

 

เขามองไปที่หูเจียวเจียวด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่านางคิดจะทำอะไรถึงถามคำถามนั้นออกมา แต่เขาก็รีบตอบนางทันที

 

หูเจียวเจียวรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้ยินคำตอบของลูกชายคนโต แต่เธอยังไม่มีเวลามาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน ดังนั้นเธอจึงบอกเด็กทั้ง 3 คนด้วยเสียงที่เบาลงว่า “พวกเจ้าไปค้นหารอบ ๆ เผ่าก่อน ส่วนแม่จะออกไปดูข้างนอกเผ่าเอง แล้วพวกเจ้าอย่าออกจากเผ่าไปไหนล่ะ แม่ไม่อยากออกไปตามหาพวกเจ้าอีกคน เข้าใจไหม?”

 

หากสิ่งที่หญิงสาวเห็นในความฝันเป็นความจริง เธอก็พาลูกทั้ง 3 ไปที่นั่นไม่ได้

 

ฝูงหมาป่าอันตรายมาก หากไม่ทันระวังตัว คนคนนั้นมีสิทธิ์ไม่รอดชีวิตได้เลย

 

ในตอนนี้เธอได้แต่ภาวนาว่าการคาดเดาของเธอนั้นจะผิด เธอได้แต่หวังว่าจะไม่มีหมาป่าอยู่ในทุ่งหญ้า และเหยาเอ๋อก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น...

 

เด็กน้อย 3 คนพยักหน้ารับอย่างแข็งขันโดยไม่มีใครกล้าโต้แย้งผู้เป็นแม่ในเวลาคับขันเช่นนี้

 

จากนั้นหูเจียวเจียวก็รีบมุ่งหน้าไปทางใต้ของเผ่าตามที่หลงอวี้บอก

 

ดังที่เด็กหนุ่มกล่าว ทางตอนใต้ของเผ่ามีแม่น้ำกว้างหลายเมตร

 

แม่น้ำสายใหญ่นี้ไหลเชี่ยวกราก มันจึงกลายเป็นปราการธรรมชาติที่คั่นระหว่างเผ่าไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามารุกรานได้

 

อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำเป็นที่ราบลุ่มปกคลุมด้วยต้นหญ้าที่สูงจนบดบังสายตาของภูตที่โตเต็มวัย

 

ในขณะนี้ ร่างสีดำขนาดเล็กกำลังบินอยู่เหนือแม่น้ำด้วยท่วงท่าสบาย ๆ

 

หัวเล็ก ๆ เลี้ยวซ้ายแลขวามอง 2 ข้างทางอย่างสบายใจ พร้อมกับขยับจมูกที่แทบจะมองไม่เห็นสูดกลิ่นในอากาศ แต่แล้วทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็พลันสว่างขึ้น ก่อนที่เขาจะพุ่งตรงไปทางอีกฝั่งของแม่น้ำ

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้ามังกรตัวเล็กก็หยุดพลางยกหางขึ้น

 

เมื่อพิจารณาอย่างใกล้ชิด แท้จริงแล้วมีเนื้อชิ้นหนึ่งอยู่ในกอหญ้า ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอันน่าดึงดูดใจ

 

“ซู๊ดด~”

 

หลงเหยาสูดน้ำลายที่เกือบจะไหลย้อยตรงมุมปาก ก่อนจะบินพุ่งเข้าไปกัดกินเนื้อชิ้นนั้น

 

ในระยะไกล มีม่านตาสัตว์คู่หนึ่งเปล่งแสงสีเขียวกำลังจ้องมองมาทางเขาอย่างเงียบ ๆ...

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: โอย ท่าไม่ดีแล้ว หลงเหยาลูก อย่ามัวแต่กินนนน

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.