ตอนที่ 289 การแข่งที่ไม่มีวันได้รับชัยชนะ
ตอนที่ 289 การแข่งที่ไม่มีวันได้รับชัยชนะ
เซี่ยเฟยต้องคุยธุระตลอดทั้งคืนและกว่าจะได้กลับมาที่หอพักของการแข่งโกลเดนฟิงเกอร์ก็เป็นเวลาเช้าแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้รู้สึกสดชื่น ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังอาบน้ำเขาก็เช็คข่าวความคืบหน้าของการแข่งขันในปัจจุบันไปด้วย
“นายขาดการแข่งไป 5 วันทำให้คอนสแตนตินมีคะแนนแซงหน้าไปมากกว่า 9,000 คะแนน แม้แต่หลี่โม่ก็มีคะแนนนำหน้าคอนสแตนตินไปเหมือนกัน ดูเหมือนว่าในคราวนี้นายคงจะไม่มีสิทธิ์ได้เป็นแชมป์ของการแข่งขันแล้ว” อันธกล่าวหลังจากได้เห็นตารางคะแนนในปัจจุบัน
“อย่าลืมสิจุดประสงค์หลักของฉันในครั้งนี้คือการโฆษณาอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ และตราบใดก็ตามที่ฉันยังไม่พลาดการแข่งดัดแปลงยานรบ การแข่งขันรายการอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยสำคัญสำหรับฉันเท่าไหร่นัก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“มันไม่สำคัญตรงไหน หลี่โม่ได้ท้าทายนายซึ่ง ๆ หน้าซึ่งถ้าหากว่านายแพ้มันก็คงจะทำให้นายรู้สึกอับอาย” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปและแน่นอนว่าเขาไม่มีทางปล่อยนายน้อยคนนี้ไปอย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้เขาจะต้องทำตามแผนงานดั้งเดิมที่ได้เตรียมเอาไว้ ซึ่งการแข่งขันยังเหลืออีกหลายวันและมันก็ยังไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถพลิกคะแนนกลับมาได้
แอวริลเดินทางมาถึงงานแข่งตรงเวลากับที่เธอได้นัดแนะเซี่ยเฟยเอาไว้ ชายหนุ่มจึงรับประทานอาหารกับเธอในร้านอาหารง่าย ๆ ก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามแข่งขันเคียงข้างกัน
แอวริลชอบอาหารทั่ว ๆ ไปแบบนี้มาก เพราะมันต่างจากอาหารที่เธอกินประจำในคฤหาสน์อย่างสิ้นเชิง ส่วนทางด้านของเซี่ยเฟยก็สามารถจะกินอะไรก็ได้ขอแค่มันช่วยเติมเต็มความอิ่มท้องของเขาได้ก็พอ
เมื่อเซี่ยเฟยได้เดินเข้าไปในสนามแข่งขันเขาก็ได้พบกับคนที่กำลังส่งเสียงดังอยู่นอกเวที และเมื่อชายหนุ่มได้เดินเข้าไปใกล้เขาก็ได้พบว่าคนที่กำลังเถียงอยู่กับเจ้าหน้าที่นั้นก็คือเฉินตง
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้องทะเลาะกันเสียงดังขนาดนั้นด้วย” เซี่ยเฟยเริ่มทักทายสหายของเขาก่อน
“คนพวกนี้บอกว่าฉันแต่งตัวไม่สุภาพและไม่ยอมให้ฉันเข้าไปข้างใน” เฉินตงพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ
ปัจจุบันเฉินตงสวมกางเกงขาสั้นเปลือยท่อนบนและห้อยสร้อยลูกปัดสีดำขนาดใหญ่อยู่บนหน้าอก ซึ่งถือว่าเป็นการแต่งตัวตามปกติทุกครั้งที่เขาอยู่ในค่าย
“นายอย่าลืมว่าตอนนี้เราอยู่ในนครหลวง มันเลยมีกฏข้อบังคับมากกว่าในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ ฉันขอแนะนำว่าให้นายใส่เสื้อผ้าให้ดี ๆ จะดีกว่า ฉันเห็นผู้หญิงพวกนั้นกำลังจ้องมาที่ร่างกายของนายอยู่” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเฉินตงมองไปตามสายตาของเซี่ยเฟยเขาก็ได้พบกับผู้หญิงหลายคนที่กำลังจ้องมองมาที่ร่างกายของเขาอย่างหลงใหล จนทำให้ร่างของเฉินตงสั่นไปทั่วทั้งตัว เพราะท้ายที่สุดเขาก็กลัวผู้หญิงมากที่สุด และทุกครั้งที่เขาพูดคุยกับผู้หญิงเขาก็มักจะพูดคุยด้วยเสียงที่ติดอ่าง
แน่นอนว่าเยว่เกอถือเป็นข้อยกเว้น
“ได้ ๆ ฉันจะรีบใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย” เฉินตงพูดขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็หยิบเสื้อกั๊กแขนสั้นออกมาจากแหวนมิติเพื่อปิดกล้ามเนื้อส่วนบนของเขาเอาไว้
สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือมันมีรูปยีราฟปักอยู่บนเสื้อกั๊ก มันจึงทำให้เสื้อกั๊กตัวนี้ดูเหมือนเสื้อกั๊กของเด็กมากกว่าผู้ใหญ่
ในจักรวาลนี้ไม่มีทางที่คนคนหนึ่งจะเก่งกาจไปทุก ๆ อย่าง ซึ่งเฉินตงถือว่าเป็นอัจฉริยะสำหรับการสู้รบ แต่สำหรับเรื่องการแต่งตัวหรือเรื่องผู้หญิงต้องเรียกได้ว่าชายคนนี้มีความรู้เป็นศูนย์ เพราะเมื่อเขาได้เข้าไปในร้านเสื้อผ้าเขาก็ได้หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแบบสุ่มโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสื้อกั๊กตัวนี้เป็นเสื้อกั๊กสำหรับเด็ก
“ชุดเครื่องแบบของสมาพันธ์ไปไหนแล้วล่ะ ถึงยังไงพวกเราก็เป็นสมาชิกของสมาพันธ์จัสทิส และมันก็คงจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่าถ้าหากว่าพวกเราจะสวมชุดเครื่องแบบในงานที่เป็นทางการแบบนี้” เซี่ยเฟยกล่าวหลอกล่อให้เฉินตงเปลี่ยนชุดโดยไม่พูดออกไปตรง ๆ ว่าชุดที่เขากำลังใส่อยู่นั้นมันก็ยังคงถือว่าเป็นชุดที่ไม่สุภาพอยู่ดี
หลังจากได้ฟังคำแนะนำจากเซี่ยเฟย เฉินตงก็ถอดเสื้อผ้าชุดเดิมออกพร้อมกับใส่ชุดเครื่องแบบของจัสทิสฝึกหัดเข้าไปอีกครั้ง ซึ่งในตอนแรกร่างกายของเขาได้ดึงดูดสายตาของหญิงสาวเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากที่เขาได้แต่งตัวไปอย่างสุภาพหญิงสาวเหล่านี้ก็เดินจากไปอย่างผิดหวัง
“เพื่อนของนายน่าสนใจดีนะ” แอวริลกระซิบข้างหูเซี่ยเฟยพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปก่อนที่เขาจะแนะนำให้แอวริลกับเฉินตงได้รู้จักกัน และถึงแม้ว่าเฉินตงจะพูดคุยกับผู้หญิงไม่ค่อยเก่ง แต่อย่างน้อยเขาก็มาจากครอบครัวชนชั้นขุนนาง ดังนั้นเขาจึงสามารถพูดคุยกับแอวริลอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
เมื่อเฉินตงได้สวมชุดเครื่องแบบของสมาพันธ์เขาก็สามารถเดินเข้าสู่สนามแข่งขันได้อย่างราบรื่น หลังจากนั้นเฉินตง, แอวริลและผางชิงก็เดินขึ้นไปอย่างอัฒจันทร์ของผู้ชม ขณะที่เซี่ยเฟยเดินเข้าไปในสนามแข่ง
เนื่องมาจากในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาสำหรับการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ จึงได้ไปนั่งรออยู่ในห้องรับรองจนทำให้ห้องรับรองแน่นขนัดไปหมด
ขณะเดียวกันคอนสแตนตินก็ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวตรงบริเวณมุมทิศตะวันตกของห้องรับรอง โดยที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้ชายร่างผอมคนนี้เลย
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ?” เซี่ยเฟยเดินเข้าไปทักคอนสแตนติน
“นายเถอะหายไปไหนมา 5 วัน ตอนนี้นายไม่มีทางไล่ตามคะแนนฉันได้อีกแล้วนะ” คอนสแตนตินถามเซี่ยเฟยกลับไป
“ผลงานของนายก็ไม่ค่อยดีนี่ หลี่โม่ยังมีคะแนนนำหน้านายอยู่อีกตั้งเกือบ 100 คะแนน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“การแข่งขันในช่วง 5 วันที่ผ่านมานี้เป็นการแข่งในด้านที่ฉันไม่ถนัด แต่การแข่งขันมันยังไม่จบและมันยังเร็วเกินไปที่จะสรุปผลการแข่งขันในตอนนี้” คอนสแตนตินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งยโส
“ตื่นขึ้นมาจากฝันได้แล้วมั้ง”
เซี่ยเฟยหันกลับไปก่อนที่เขาจะได้พบกับหลี่โม่ที่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“สิ่งที่ฉันต้องการก็คือของของฉัน สิ่งที่ฉันไม่ต้องการก็คือของของฉัน น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าการแข่งขันจะยังไม่จบ แต่ผลการแข่งขันมันก็ได้ข้อสรุปออกมาแล้ว” หลี่โม่เดินเข้าไปหาเซี่ยเฟยและคอนสแตนตินพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเหยียดหยาม
“น่าเสียดายจริง ๆ ที่คนสร้างคะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟคในปีนี้กลับมีคะแนนอยู่ในอันดับบ๊วย ตอนแรกฉันก็คิดว่านายจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ดี แต่ไม่คิดเลยว่านายจะขี้ขลาดหนีการแข่งขันไปแบบนี้ แล้ววันนี้นายจะกลับมาแข่งอีกทำไม?” หลี่โม่หันไปพูดกับเซี่ยเฟย
“นายไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันยังนอนหลับได้สบายดี ว่าแต่นายยังนอนหลับได้สบายอยู่หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แกเองซินะที่เป็นคนฆ่าแองจี้!”
“นายพูดเรื่องอะไร! ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับกางแขนออกด้านข้างอย่างไร้เดียงสา
“แองจี้เป็นแม่พันธุ์ม้าชั้นดีที่ฉันเลี้ยงเอาไว้ แต่เมื่อคืนมีคนแอบมาฆ่าแองจี้ของฉันแล้วเอาหัวมันไปทิ้งลงในสระน้ำ ยอมรับมาซะดี ๆ ว่าแกเป็นคนฆ่าม้าของฉันใช่ไหม?” หลี่โม่ถาม
“อะไรกันบ้านของนายน่าจะมีการป้องกันอย่างแน่นหนาไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่มีความสามารถขนาดเข้าไปในบ้านของนายได้หรอก แต่ฉันขอเตือนนายด้วยความหวังดีว่าในเมื่อคนคนนั้นสามารถแอบเข้าไปฆ่าม้าของนายได้ สักวันหนึ่งเขาก็อาจจะแอบเข้าไปฆ่านายได้เหมือนกัน นายควรจะระวังตัวเอาไว้ดี ๆ อย่าไปทำให้ใครโกรธแค้นเข้าล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“เซี่ยเฟยพูดถูกแล้ว ถ้าฉันเป็นคนคนนั้นฉันคงไม่เสียเวลาฆ่าม้าสักตัว แต่คงจะมุ่งหน้าตรงไปฆ่านายให้ตายไปเลยดีกว่า” คอนสแตนตินพูดขึ้นมาอย่างเห็นด้วย
แต่เดิมเซี่ยเฟยกับคอนสแตนตินไม่ได้ถือว่าเป็นพันธมิตรกัน แต่หลี่โม่แสดงท่าทีหยิ่งยโสออกมามากจนเกินไป พวกเขาจึงส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อพยายามทำให้หลี่โม่เสียหน้ามากที่สุด
หลี่โม่สะบัดหน้าหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แต่ถ้าหากพิจารณาจากแววตาของชายหนุ่มชุดขาวคนนี้แล้ว แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกเกลียดเซี่ยเฟยกับคอนสแตนตินมากแค่ไหน
“เซี่ยเฟยฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าตีหญ้าให้งูตื่น ตอนนี้นายได้ไปกระตุ้นความหวาดกลัวของหลี่โม่เข้าให้แล้ว และการลงมือสังหารเขาในอนาคตก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากมากไปกว่าเดิม” อันธกล่าวหลังจากที่หลี่โม่ได้เดินออกไป
“นายคิดว่าเขาจะกลัวจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“กลัวสิ นายไปฆ่าม้าของเขาในบ้านของเขาเอง หลังจากนี้เขาคงจะรู้สึกเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปอีกพักใหญ่” อันธกล่าว
“นั่นแหละผลลัพธ์ที่ฉันต้องการ แล้วอีกเดี๋ยวนายก็จะรู้เหตุผลที่ฉันทำแบบนี้เอง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
อันธส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยขาดการยั้งคิด เพียงแต่การที่ชายหนุ่มได้ทำแบบนี้ไม่ได้สอดคล้องกับสไตล์ของนักฆ่า อันธจึงไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยกำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่
—
ระบบช่วยชีวิตถือว่าเป็นหนึ่งในกลไกป้องกันที่สำคัญที่สุดของยานรบ เพราะถ้าหากว่าเครื่องฟอกอากาศไม่ทำงานมนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะอาศัยอยู่ในจักรวาลที่เป็นสุญญากาศได้
การแข่งขันในรอบเช้าคือการจำลองสถานการณ์ว่าระบบช่วยชีวิตของยานผู้เข้าแข่งขันได้รับความเสียหายอย่างกะทันหัน และพวกเขาจะต้องทำการซ่อมแซมระบบให้ได้ภายใน 3 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะขาดอากาศหายใจตาย
คนแรกที่สามารถซ่อมระบบช่วยชีวิตได้สำเร็จคือคอนสแตนติน ทำให้เขาได้รับคะแนนไปทั้งสิ้น 130 คะแนน ขณะที่คนซ่อมเสร็จคนต่อมานั้นก็คือหลี่โม่ที่ได้รับคะแนนไป 112 คะแนน
เซี่ยเฟยได้ใช้เวลาในการซ่อมระบบช่วยชีวิตถึง 2 ชั่วโมง 21 นาที ซึ่งถือว่าช้ามากในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด แต่คะแนนที่เขาได้รับกลับสูงถึง 165 คะแนน เพราะไม่เพียงแต่เขาจะได้ซ่อมแซมระบบฟอกอากาศเท่านั้น แต่เขายังปรับแต่งระบบควบคุมแรงโน้มถ่วงและระบบกรองน้ำจืดเพื่อป้องกันวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากนั้นอีกด้วย ชายหนุ่มคนนี้จึงได้รับคะแนนพิเศษจากคณะกรรมการเพิ่มขึ้นมาอีก 50 คะแนน
การแข่งขันในรอบต่อ ๆ ไปผ่านพ้นไปอย่างดุเดือด ซึ่งเซี่ยเฟยก็จำเป็นจะต้องใช้ความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ และมันก็ทำให้เขาได้รับคะแนนอันดับ 1 ติดต่อกันถึง 6 รายการการแข่งขัน
ขณะเดียวกันคอนสแตนตินกับหลี่โม่ก็ยังทำคะแนนได้เป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าคะแนนของพวกเขาจะไม่ได้ดีเท่ากับเซี่ยเฟย แต่มันก็ทำให้เซี่ยเฟยไม่สามารถลดช่องว่างลงมาได้มากเกินไป ซึ่งหลังจากการแข่งขันได้ผ่านไปครึ่งหนึ่งของตาราง เซี่ยเฟยก็ยังมีคะแนนห่างจากหลี่โม่และคอนสแตนตินประมาณ 700 คะแนน
คะแนนเต็มสำหรับการแข่งขันแต่ละรอบอยู่ที่ 120 คะแนนและถึงแม้ว่าหลังจากนี้เซี่ยเฟยจะได้คะแนนเต็มทั้งหมด แต่มันก็ยังยากที่เขาจะพลิกกลับมาชนะเป็นแชมเปี้ยนของการแข่งขันในปีนี้อยู่ดี
อย่างไรก็ตามทักษะการทำงานของเขาก็ยังคงดึงดูดความสนใจของผู้ชมและคณะกรรมการ โดยเฉพาะผู้ชมที่รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากที่เซี่ยเฟยพลาดโอกาสในการเป็นแชมป์ เนื่องมาจากเขาไม่ได้เข้าแข่งขันไปเต็ม ๆ ถึงห้าวัน
—
“เซี่ยเฟยการแข่งขันปรับแต่งยานอวกาศในวันพรุ่งนี้มีความสำคัญมากที่สุด ฉันรู้ว่านายต้องการจะได้รับชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้ แต่นายต้องอย่าลืมว่าเป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่นายเข้าแข่งคือการโฆษณาคุณสมบัติของอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จ” พอตเตอร์กล่าวกับเซี่ยเฟยผ่านระบบสื่อสารอย่างจริงจัง
“เรื่องนั้นลุงไม่ต้องเป็นห่วง แต่ผมได้ยินมาว่าการแข่งขันดัดแปลงยานรบดูเหมือนจะได้คะแนนมากกว่าการแข่งขันรอบอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย” เซี่ยเฟยกล่าว
“นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันพยายามเตือนนายมากเป็นพิเศษ เพราะหลังจากที่ฉันได้ดูการแข่งขันนัดที่ผ่านมา มันก็ดูเหมือนกับว่านายต้องการจะชดเชยช่องว่างในช่วงที่นายหายตัวไป แต่นายต้องจำเอาไว้ว่าในการแข่งขันจำเป็นจะต้องใช้สติอยู่ตลอดเวลา และนี่ก็คือประสบการณ์ที่ฉันได้รับมาหลังจากที่ได้ใช้ชีวิตมานานหลายปี” พอตเตอร์กล่าว
“ขอบคุณที่เตือนครับ ผมจะจำคำเตือนของลุงเอาไว้” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนจะหยุดพูดไปชั่วคราว จากนั้นเขาก็ได้กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“แต่ถึงยังไงผมก็จะสู้เพื่อสิ่งที่ผมสมควรจะสู้!”
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 145
แสดงความคิดเห็น