ตอนที่ 216 วานรหน้าขาว

-A A +A

ตอนที่ 216 วานรหน้าขาว

เปิดขาย

ตอนที่ 216 วานรหน้าขาว

ตำแหน่งของดาวเคราะห์ดวงนี้แปลกมาก เพราะมันจำเป็นจะต้องแล่นผ่านเนบิวลาสีแดงเข้มเข้าไปเท่านั้น มันจึงทำให้ระบบเรดาร์ไม่สามารถระบุตำแหน่งของดาวเคราะห์ดวงนี้ได้ และแม้แต่แผนที่ดาวของพันธมิตรก็ไม่มีตำแหน่งของดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่

เนบิวลาอันหนาแน่นได้รบกวนระบบเรดาร์ของยานรบโดยสิ้นเชิง แต่เซี่ยเฟยก็ได้บังคับยานรบตามคำแนะนำของอันธเพื่อเคลื่อนที่ผ่านชั้นของเนบิวลาอันแน่นหนาเหล่านี้

ภาพที่ปรากฏคือเนบิวลาสีแดงที่ส่องแสงเหมือนดวงดาว และดาวเคราะห์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เนบิวลาเหล่านี้นั่นก็คือดาวเคราะดวงสีเขียว

“เนบิวลาพวกนี้มีฟอสฟอรัสที่สามารถเปล่งแสงได้ พืชบนดาวเคราะห์ดวงนั้นจึงอาศัยแสงของเนบิวลาเพื่อความอยู่รอด หากขึ้นไปบนดาวเคราะห์นายควรจะต้องเตรียมระบบมองกลางคืนเอาไว้ด้วย แสงสว่างบนดาวดวงนั้นมีอยู่น้อยมากจนแทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น” อันธกล่าว

ดาวเคราะห์ดวงสีเขียวมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งพืชพรรณทั่วทั้งดาวเคราะห์เติบโตขึ้นบนผิวน้ำทำให้ดาวดวงนี้ดูสดชื่นอยู่ไม่น้อย

บนดาวเคราะห์ไม่ได้มีมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มีเพียงแต่แม่น้ำที่คดเคี้ยวไหลกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง 

“ดาวดวงนี้ชื่อว่าอะไร?” เซี่ยเฟยถามขณะคอยควบคุมให้แวมไพร์บินเข้าไปใกล้ดาวดวงนี้

“มันเป็นดาวเคราะห์ที่ไม่มีชื่อ สำนักเงาสังหารของพวกเราได้ใช้ดาวดวงนี้เป็นสถานที่ทดสอบของสำนัก” อันธพูดถึงสำนักและในช่วงเวลาหนึ่งนั้นเขาก็ไม่สามารถระงับหยาดน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลลงมาได้

“นายก็เคยมาที่นี่ด้วยเหรอ?” เซี่ยเฟยพยายามหลอกถาม เพราะท้ายที่สุดอันธก็ปิดบังเรื่องของสำนักตัวเองอยู่เสมอ ชายหนุ่มจึงลองหลอกถามดูโดยหวังว่าจะได้รับข้อมูลอะไรบางอย่างเพิ่มเติม

“ครั้งหนึ่งฉันเคยมาที่นี่ตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากนั้นฉันก็มาที่นี่ในฐานะของครูฝึก ถึงแม้ว่าฉันจะพานายมาที่นี่แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านายจะสามารถมาที่นี่ด้วยตัวเองได้อย่างสบาย ๆ เพราะในเนบิวลาสีแดงมีเศษหินแม่เหล็กซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้านายเผลอขับยานไปถูกเศษหินแม่เหล็กพวกนั้นเข้านายจะไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกตลอดชีวิต และทำได้เพียงแค่รอคอยความตายอยู่ในยานเพียงเท่านั้น” อันธกล่าว

เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างยอมรับว่าหินแม่เหล็กในจักรวาลคือนักฆ่ายานรบอย่างแท้จริง เพราะถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถโจมตียานรบได้ แต่พวกมันก็สามารถเกาะติดยานรบได้อย่างแน่นหนาและด้วยการถูกหินพวกนี้เกาะติดในปริมาณมาก มันก็จะทำให้ยานอวกาศไม่สามารถที่จะเปิดใช้งานระบบวาร์ปได้

“นายไม่กลัวว่าฉันจะเจอกับคนในสำนักของนายรึไง? นอกจากนี้ถ้าฉันเอาข้อมูลตำแหน่งของดาวเคราะไปขายให้กับสมาคมนักสำรวจ ฉันก็คงจะได้รับเงินรางวัลกลับมาก้อนโต” เซี่ยเฟยพูดติดตลก

สมาคมนักสำรวจมักที่จะมอบรางวัลให้กับนักสำรวจที่พบเจอดาวเคราะห์ดวงใหม่ ๆ อยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นดาวเคราะห์ดวงนี้ยังเป็นดาวเคราะห์ที่เหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิต มันจึงเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่มีค่ามหาศาล

“ทั่วทั้งพันธมิตรมีดาวเคราะห์ที่ยังไม่ถูกค้นพบอยู่อีกมาก และดาวเคราะห์สำหรับการทดสอบของสำนักเราก็มีมากกว่า 10 ดวง ขณะเดียวกันช่วงเวลานี้มันก็ไม่ใช่ช่วงทดสอบของสำนัก ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะไม่พานายมาที่นี่” อันธกล่าวพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างว่างเปล่า

“ส่วนเรื่องรางวัลของสมาคมนักสำรวจยิ่งเป็นเรื่องไร้สาระ มันมีเพียงแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะไปเอารางวัลจากสมาคมนั่น ยิ่งดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของจงกล 6 กลีบมันยิ่งมีค่ามากมายมหาศาล แล้วนายจะเอาของแบบนี้ไปบอกพวกสมาคมนักสำรวจทำไม” อันธโต้ตอบกลับไป

คำตอบนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง เพราะปกติเขามักจะใช้เหตุผลตอกหน้าอันธกลับไปอยู่เสมอ แต่วันนี้กลับกลายเป็นอันธใช้เหตุผลตอกหน้าเขากลับมาแทน มันจึงทำให้เขาแอบรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย

ท้ายที่สุดสิ่งที่อันธพูดออกมาก็คือความจริง เพราะถ้าหากดาวเคราะห์ที่เพิ่งถูกค้นพบไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่ไร้ค่า มันก็ไม่มีใครเต็มใจจะรายงานตำแหน่งของดาวเคราะห์พวกนั้นอย่างเด็ดขาด เนื่องจากการเก็บเกี่ยวทรัพยากรบนดาวเคราะห์ที่อุดมสมบูรณ์อย่างลับ ๆ ย่อมมีค่ากว่าของรางวัลจากสมาคมนักสำรวจอย่างคาดไม่ถึง

ดังนั้นเมื่อนักสำรวจได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ พวกเขาก็มักจะทำการตรวจสอบก่อนว่าดาวเคราะห์ดวงนั้นมีค่ามากพอหรือไม่ ก่อนที่พวกเขาจะแอบบันทึกพิกัดของดาวเคราะห์เอาไว้อย่างลับ ๆ เพื่อเอาไว้เก็บเกี่ยวทรัพยากรหรือเอาไว้ขายต่อในตลาดมืด

หนึ่งในธุรกิจที่มักจะซื้อตำแหน่งของดาวเคราะห์ที่ไม่เป็นที่รู้จักคือบริษัทขุดแร่บนดาวเคราะห์ต่าง ๆ เพราะโดยปกติพวกเขาจะต้องจ่ายภาษีให้กับเจ้าของดาวเคราะห์ดวงนั้น แต่ถ้าหากพวกเขาได้เข้ามาขุดแร่บนดาวเคราะห์ที่ไม่รู้จักมันก็ไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องจ่ายภาษีให้ใคร นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีคนน้อยมากที่จะยอมบอกตำแหน่งของดาวเคราะที่เพิ่งค้นพบให้กับสมาคมนักสำรวจ

ในจักรวาลมีวิธีการหาเงินอยู่อย่างมากมาย กุญแจสำคัญคือสมองของคนคนนั้นมีความคิดสร้างสรรค์มากพอหรือเปล่า

แวมไพร์ร่อนลงจอดในหุบเขาซึ่งระบบเรดาร์ยังคงว่างเปล่าโดยไม่สามารถตรวจจับอะไรได้เลย คล้ายกับตอนที่เขาได้เดินทางไปในเขตพื้นที่แรงโน้มถ่วงสูง

“ระบบเรดาร์ใช้ไม่ได้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าโจรสลัดจะหาพวกเราไม่พบแต่มันก็ยังเป็นปัญหาที่น่ารำคาญอยู่ดี นี่ถ้าหากฉันสามารถผลิตระบบซุปเปอร์เรดาร์ขึ้นมาได้สำเร็จ ฉันก็คงจะไม่ต้องเจอปัญหาปวดหัวแบบนี้อีก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่เรดาร์ของแวมไพร์

“นายกลัวโจรสลัดตั้งแต่เมื่อไหร่? ถ้าพวกนั้นโผล่มายังไม่รู้เลยว่าใครจะปล้นใครกันแน่” อันธกล่าวพร้อมกับเบะปาก

เซี่ยเฟยส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ กับคำเสียดสีของอันธ ท้ายที่สุดกลุ่มโจรสลัดที่อยู่ภายในพื้นที่ของพันธมิตรต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มโจรสลัดขนาดเล็ก ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งของแวมไพร์แม้แต่ยานแบทเทิลครุยเซอร์บางลำก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับแวมไพร์ได้ ดังนั้นถ้าหากเขาได้เจอกับพวกโจรสลัดจริง ๆ ชายหนุ่มก็มั่นใจว่าเขาจะไม่ได้เป็นฝ่ายที่ถูกปล้นอย่างแน่นอน

เซี่ยเฟยเดินออกมาจากยานอย่างช้า ๆ ก่อนที่เขาจะได้พบกับสภาพแวดล้อมที่แปลกตา เนื่องจากดาวดวงนี้ถูกล้อมรอบด้วยเนบิวลาสีแดงมันจึงทำให้บรรยากาศภายในดวงดาวเต็มไปด้วยสีแดงทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นฝนที่ตกลงมายังดูมีสีแดงแปลก ๆ ทำให้มันดูคล้ายกับฝนที่ตกลงมาเป็นเลือด

ท้องฟ้าบนดาวดวงนี้มืดครึ้มอยู่ตลอดเวลาทำให้บนดาวเคราะห์เหลือแสงอยู่เล็กน้อยคล้ายกับช่วงพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า และทำให้บรรยากาศทุกอย่างถูกย้อมเอาไว้ด้วยสีแดง

เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอยู่เป็นประจำทำให้พื้นดินเปียกจนกลายเป็นโคลน ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีน้ำหนักไม่มากนักแต่เมื่อเขาได้ก้าวเท้าไปบนพื้น เท้าของเขาก็จมลงไปในโคลนจนถึงหัวเข่า

“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมสำนักของนายถึงเลือกดาวดวงนี้เป็นสถานที่ทดสอบ เพราะไม่ว่าผู้ทดสอบจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงพลังบนดาวดวงนี้ได้เต็มที่ 100%” เซี่ยเฟยกล่าว

“ที่นี่ไม่ได้มีแต่โคลนแต่มันยังมีลิงชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในป่าด้วย ลิงพวกนี้ฉลาดมากและพวกมันก็อาศัยอยู่บนต้นไม้เป็นฝูง ลิงพวกนี้จะใช้กิ่งไม้มาทำเป็นหอกพร้อมกับใช้ดอกไม้พิษมาทาปลายหอกเอาไว้ หากผู้บุกรุกถูกหอกพิษของพวกมันเข้าไปจะทำให้ระบบประสาทของคนคนนั้นกลายเป็นอัมพาตชั่วคราว”

“ด้วยความคล่องแคล่วบนต้นไม้กับอาวุธที่เป็นหอกพิษ มันจึงทำให้พวกวานรหน้าขาวได้กลายเป็นสัตว์เจ้าถิ่นที่นี่โดยสมบูรณ์ เวลามันออกล่าสัตว์หาอาหารเหยื่อของมันก็มักจะเป็นสัตว์ขนาดใหญ่อย่างเสือและสิงโตอยู่เสมอ”

“ลิงกินเสือเนี่ยนะ?! แล้วพวกมันไม่กลัวถูกพิษในหอกทำร้ายตัวเองหรือยังไง?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับอ้าปากค้าง

“สติปัญญาของลิงพวกนี้สูงกว่าสัตว์ป่าโดยทั่วไปมาก พวกมันอยู่กับดอกดาทูร่ามาทั้งชีวิต พวกมันจึงมีภูมิต้านทานต่อพิษของดอกไม้ชนิดนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้ลิงกินเนื้อมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? ใครเป็นคนบอกนายว่าลิงจะต้องกินแต่ผลไม้” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างเมินเฉย

คำอธิบายจากวิญญาณตรงหน้าทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะดินโคลนแบบนี้ทำให้ความเร็วของเขาลดลงจากเดิมเป็นอย่างมาก และหากว่าเขาต้องต่อสู้ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้จริง ๆ มันก็คงจะกลายเป็นเรื่องที่อันตรายมาก

เซี่ยเฟยใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจมองขึ้นไปบนต้นไม้

“นั่นนายกำลังจะทำอะไร?” อันธถามอย่างสงสัย

“ปีนต้นไม้ไง” หลังกล่าวจบชายหนุ่มก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่มีความสูงมากกว่า 100 เมตรอย่างง่ายดาย

“สภาพแวดล้อมบนต้นไม้ใช้ได้เลย อยู่บนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ถูกโคลนลดความเร็วลงเท่านั้น แต่เรายังสามารถใช้พวกใบไม้บดบังทัศนียภาพของศัตรูได้อีกด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

อันธรู้สึกปวดหัวกับเซี่ยเฟยมาก เพราะเขาเพิ่งจะเล่าเรื่องวานรหน้าขาวไปไม่นาน แต่ชายหนุ่มไม่คิดที่จะสนใจคำเตือนของเขาเลย

ชายหนุ่มได้อาศัยทักษะกระโดดจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังต้นไม้อีกต้นหนึ่งอย่างง่ายดาย และการเคลื่อนที่บนต้นไม้ก็ดีกว่าการลุยโคลนที่อยู่บนพื้น

“นายรู้ไหมว่าอะไรคือความแตกต่างที่มากที่สุดระหว่างคนกับสัตว์?” เซี่ยเฟยถาม

“อะไร?”

“เพราะมนุษย์มีความสามารถในการปรับตัวยังไงล่ะ ในเมื่อพวกวานรหน้าขาวสามารถอาศัยอยู่บนต้นไม้ได้ แล้วทำไมฉันจะต้องทนลำบากเดินบนพื้นที่เต็มไปด้วยโคลนด้วย นอกจากนี้ฉันยังคิดว่าการเคลื่อนที่บนต้นไม้เป็นการฝึกการเคลื่อนไหวที่ดี ดังนั้นการปีนขึ้นมาบนนี้ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยไม่ต่างจากลิงที่ห้อยโหนไปตามต้นไม้ ซึ่งในบางครั้งเขาก็ใช้การเคลื่อนไหวแปลก ๆ ที่เหมือนกับพวกคณะกายกรรม

ยิ่งเวลาผ่านพ้นไปเซี่ยเฟยก็ยิ่งคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวท่ามกลางต้นไม้มากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้เขายังมีประสาทสัมผัสที่ว่องไวมากอยู่แล้วการเคลื่อนไหวบนต้นไม้จึงแทบจะไม่สร้างปัญหาอะไรให้กับเขาเลย

อันธทำได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับใช้นิ้วคอยชี้นำทางให้กับเซี่ยเฟย

ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางเข้ามาในหุบเขาแคบ ๆ ที่มีหน้าผาหินอยู่ทั้งสองด้าน แต่เนื่องจากฝนที่ตกชุกตลอดทั้งปีมันจึงทำให้หน้าผาทั้งสองด้านถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ ทำให้แม้แต่วานรหน้าขาวก็ปีนป่ายหน้าผาหินได้อย่างยากลำบาก

บนหน้าผามีถ้ำขนาดเล็กขนาดใหญ่กระจายกันอยู่อย่างมากมาย และถ้ำพวกนี้ยังมีน้ำไหลออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้ภาพของหน้าผาคล้ายกับมีน้ำตกขนาดต่าง ๆ ไหลลงมาตลอดเวลา

ทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็ซ่อนตัวอยู่หลังกิ่งไม้พร้อมกับจ้องมองไปยังถ้ำบนหน้าผาที่อยู่ไกลออกไป

“มีอะไร?” อันธถามด้วยความสงสัย

“มีคนอยู่ตรงนั้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

***************

E-Book เล่มที่ 4 ตอนที่ 217-265 คลอดแล้วน๊า สามารถซื้อสะสมหรืออ่านกันได้ทาง meb  และปิ่นโตได้เลยนะคะและขอบคุณที่ติดตามผลงานกันน๊า

meb https://bit.ly/3NZ3Qca ปิ่นโต https://bit.ly/3M9vXUI

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.