ตอนที่ 54
ตอนที่ 54
แน่นอน แต๋วรู้ว่าน้องสาวเอาของกินมาให้เพราะเหตุใด และแน่นอนว่าการกระทำนั้นยังเท่ากับจงใจแสร้งทำไม่เห็นพี่สาวในสายตา
แต่ที่แต๋วทำไปนั้นไม่ใช่เพราะหึงหวงว่าที่สามี แต๋วแค่ไม่ชอบการกระทำเหมือนไม่เห็นพี่สาวอย่างเธอที่นั่งหัวโด่อยู่
ดังนั้นต้องจัดเต็ม เอาให้อับอายจนหนีแทบไม่ทัน !
แต๋วกรีดนิ้วเรียวยกน้ำชาจิบ แล้วกล่าวนุ่มนวลอย่างอารมณ์ดี “เมื่อครู่นี้พูดถึงไหนแล้วเจ้าคะ ?”
ทั้งมี่อี้ มี่เตี่ยน และโจวเฟยทำเสียงอ้ำอึ้ง แต่ไม่นาน สติก็กลับมา ยิ้มแย้มอีกครั้ง เหมือนกับว่าเมื่อครู่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่ยิ้มของพวกเขาไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนยิ้มฝืดมากกว่า โดยเฉพาะโจวเฟย
แม้โจวเฟยพยายามปั้นหน้า แต่แววตาของเขานั้นมีทั้งความโกรธและความอับอาย
แน่แหละ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกอย่างนั้น เพราะการกระทำของลูกสาวทั้งสองคนที่ทำเหมือนไม่เห็นบิดาอย่างเขาอยู่ในสายตาถือว่าไม่ให้เกียรติอย่างยิ่ง
แต๋วมั่นใจ ตัวเธอนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความผิดมากที่สุด เพราะเธอคือผู้จุดระเบิดเหตุการณ์นี้ให้เด่นชัด
แม้โจวเฟยเผลอหลุดออกทางแววตาและสีหน้า แต่เขาไม่แสดงอะไรออกมามากกว่านั้น แม้ตำหนิคำเดียวก็ไม่มี
แต๋วคิดว่าเป็นเพราะตอนนี้มีตระกูลมี่อยู่ด้วย โจวเฟยจึงต้องรักษาชื่อที่เหลืออยู่น้อยนิดเอาไว้ก่อน
มี่อี้กระแอมเบาๆ “เมื่อครู่เราพูดถึง... ใช่ๆ เรื่องงานแต่ง” เขาหัวเราะเบาๆ เหมือนกลบเกลื่อนบางอย่าง “งานแต่งระหว่างคุณหนูโจวจื่อรั่วและมี่เตี่ยนลูกชายของข้า ข้ามองว่าพร้อมดีแล้ว แต่ความรู้สึกของข้าบอกว่าเรายังขาดบางสิ่งบางอย่างไป ข้าไม่รู้ว่าคืออะไร ข้าคิดมาตลอดทั้งคืน แต่ข้ายังคิดไม่ออก” แล้วหันไปถามแม่ทัพ “ท่านโจวเฟยช่วยคิดได้หรือไม่ขอรับ ?”
โจวเฟยพยายามฝืนยิ้มและกล่าวอย่างเห็นดีเห็นงาม “เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ข้ารู้สึกเช่นเดียวกับท่าน มันทำให้ข้าคิดมาหลายวันแล้ว ไม่คาดคิดว่าเราจะคิดตรงกันเช่นนี้ มันต้องเป็นเพราะสวรรค์ลิขิตให้ตระกูลของเราทั้งสองได้ดองกัน”
มี่อี้หัวเราะพอประมาณอย่างถูกใจ “ข้าก็คิดเหมือนท่าน”
“แต่ข้าต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว ข้ายังคิดไม่ออกเช่นเดียวกัน” โจวเฟยหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปขอความคิดเห็นว่าที่ลูกเขยแทน “มี่เตี่ยน เจ้าพอมีความคิดอะไรดีๆ บ้างหรือไม่ ? ข้าอายุมากแล้ว คิดอะไรก็คิดไม่ค่อยออก หากเป็นวัยหนุ่มอย่างเจ้า อาจจะคิดได้ง่ายกว่าคนแก่อย่างข้า”
“ท่านโจวเฟยโปรดอย่าพูดเช่นนั้นขอรับ ในสายตาของข้า ท่านยังไม่อายุมากถึงเพียงนั้น ข้ามั่นใจ หากท่านเดินทางไปที่อื่น โดยไม่มีใครรู้จักท่านมาก่อน พวกเขาจะต้องคิดว่าท่านเป็นชายหนุ่มแน่นอนขอรับ”
โจวเฟยกล่าวพึงพอใจ “เจ้าทำให้ข้าไม่อยากมองคันฉ่องแล้ว”
ชายทั้งสามคนหัวเราะ บรรยากาศดีๆ เริ่มฟื้นฟู
มี่เตี่ยนวกกลับมาที่คำถาม “ข้าต้องขออภัยขอรับ ข้าพยายามคิดแล้วเช่นเดียวกัน แต่ข้ายังคิดไม่ออกขอรับ”
แต๋วเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นอากาศในวงสนทนาไปเรื่อยๆ
มี่เตี่ยนเหมือนรับรู้ จึงหันมาถามเธอ
“คุณหนูโจวจื่อรั่วขอรับ คุณหนูโปรดช่วยคิดได้หรือไม่ขอรับ ? ไม่ว่าคุณหนูอยากให้มีเพิ่มสิ่งใดหรือตัดสิ่งใดออกไป คุณหนูบอกมาได้ขอรับ และข้าจะทำให้ทุกอย่าง หากสิ่งนั้นไม่เกินความสามารถของข้า”
แน่นอน ผู้หญิงหลายคนมักจะมองว่างานแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต และหลายคนมักจะวาดฝันเกี่ยวกับงานแต่งของตัวเองอย่างงดงามและจินตนาการว่าจะต้องเป็นวันที่มีความสุขที่สุด
ดังนั้น เมื่อมี่เตี่ยนหันมาขอความคิดเห็น ก็ถือว่าเขามีความฉลาดไม่น้อย เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นมีความสำคัญสำหรับเขา
แน่นอน ถ้าเป็นหญิงทั่วไปก็อาจจะหวั่นไหว แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ
“ข้าไม่ต้องการเพิ่มสิ่งใด หรือตัดสิ่งใดออกไปทั้งสิ้นเจ้าค่ะ”
แต๋วแน่ใจ หลายคนต้องคิดว่าเธอนั้นพึงพอใจแล้ว จึงไม่มีความคิดเห็นใดเกี่ยวกับงานแต่ง แต่ความจริงไม่ใช่
“มีเพียงอย่างเดียวที่ข้าต้องการ ข้าแน่ใจว่าจะไม่เกินความสามารถของท่านที่จะทำเพื่อข้า” แววตาของแต๋ววิบวับ ปากยังคงยิ้ม “ข้าต้องการยกเลิกการแต่งงานเจ้าค่ะ”
เงียบสงัด...
แต๋วรู้ว่าคำพูดของเธอนั้นทำให้หลายคนตกตะลึงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า และแน่นอนว่าต้องทำให้พวกเขาเกิดความอายอย่างรุนแรงตามมา เพราะคำพูดของเธอนั้นยังเท่ากับว่าหักหน้าอย่างรุนแรง
แต่เธอไม่สน ในเมื่อมี่เตี่ยนเปิดเส้นทางให้เธอแล้ว เธอจะรอช้าอยู่เพื่ออะไร แน่นอนก็ต้องคว้าโอกาสเพื่อไปสู่จุดหมาย นี่แหละคือประเด็นที่เธอต้องการ แต่ขาดแค่เส้นชัยเท่านั้น... อีกไม่นาน เธอมั่นใจว่าจะต้องไปถึงแน่นอน
เมื่อแต๋ววางจอกชาจนเกิดเสียงเบาๆ สติของใครหลายคนก็กลับมา
ใบหน้าของโจวเฟยอึมครึม กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ให้ความรู้สึกเยือกเย็น “โจวจื่อรั่ว เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรออกมา ?”
แต๋วไม่ตอบทันควัน เธอค่อยๆ กล่าว จุดประสงค์ให้พวกเขารู้ ว่าทุกพยางค์ที่ชัดแจ้งจากเธอนั้นคือคำยืนยัน พวกเขาจะได้มั่นใจ ว่าประสาทหูไม่ผิดปกติ จนได้ยินถ้อยคำผิดเพี้ยน “ข้าบอกว่า ข้าต้องการยกเลิกการแต่งงานเจ้าค่ะ”
“โจวจื่อรั่ว” โจวเฟยกล่าวเสียงต่ำ เหมือนพยายามยับยั้งสิ่งที่จวนจะปะทุ “เจ้าพูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือไม่ ?”
ขณะเดียวกัน สองพ่อลูกตระกูลมี่เลิ่กลั่ก ชำเลืองมองกันอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้ตรงๆ
“ข้ารู้ตัวเจ้าค่ะ” แต๋วกล่าวอย่างจริงจัง แต่ไม่ใช่ความหมายท้าทาย “และข้ายังคงยืนยันความต้องการของข้าที่กล่าวออกไปเจ้าค่ะ”
อันที่จริง เธอจะปฏิเสธตั้งแต่ตอนที่สู้รบกับพวกอนุภรรยาครั้งแรก ซึ่งเป็นในวันที่เดินทางกลับมาถึงแล้ว แต่เพราะตอนนั้นพิจารณาแล้วว่าเป็นช่วงเวลาไม่เหมาะสม เธอจึงล้มเลิกความตั้งใจไปก่อน ส่วนหนึ่งเพราะบิดาที่เกิดอาการป่วยขึ้นมาอย่างบังเอิญ เหตุผลอีกส่วนหนึ่งคืออาจไม่มีประโยชน์ เนื่องจากในที่แห่งนั้นไม่มีครอบครัวตระกูลมี่อยู่ด้วย และที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เธอต้องการไปดูอาการของมารดาโดยเร็ว
แน่นอนว่าบรรยากาศเริ่มร้อนขึ้น ทั้งที่ความจริงมีลมพัดผ่านให้เย็นสบายอยู่
แตกต่างกับแต๋ว ไม่รู้สึกว่าเป็นสถานการณ์ผิดแปลกอะไร เนื่องจากชาติที่แล้วเจอเหตุการณ์คล้ายอย่างนี้บ่อย
“ท่านพ่อเจ้าคะ โปรดอย่าบังคับข้าแต่งงาน ข้าไม่ได้รักมี่เตี่ยนเจ้าค่ะ” แต๋วพุ่งเข้าเหตุผล ซึ่งชัดถ้อยชัดคำ ให้รู้ว่าเธอยังคงมีสติดีอยู่และไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว
ถึงแม้โจวเฟยไม่พูดอะไรออกมาทันที แต่ทั้งแววตาและสีหน้าของเขานั้นเริ่มบอกอารมณ์ชัดมากยิ่งขึ้น
อันที่จริง ความคิดปฏิเสธการแต่งงานนั้นไม่เกิดจากแต๋วคนเดียว ยังมีของร่างกายนี้ด้วย แม้ว่าเป็นความคิดที่ฝังลึก เพราะความกลัว ซึ่งมีทั้งจากบิดาที่บงการและจากจารีตประเพณีที่บังคับ อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเป็นอีกเสียงหนึ่ง
ยังมีความปรารถนาอีกอย่างคือจากไป ซึ่งตรงกับความต้องการของแต๋วเช่นเดียวกัน
และความปรารถนาอย่างสุดท้ายคือ... กล่าวออกไปให้รับรู้ความในใจ
ดังนั้น แต๋วจึงถือโอกาสทำเพื่อตอบแทนบุญคุณ ที่ให้กลับมามีลมหายใจต่ออีกครั้ง โดยจะทำตามความปรารถนาทั้งหมดนั้นให้เป็นจริง แม้รู้ว่าความปรารถนาสุดท้ายนั้นจะทำให้เรื่องยากขึ้นก็ตาม
“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงแม้ท่านคือผู้ให้กำเนิดข้า แต่ท่านจะบังคับให้ข้าทำตามทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เจ้าค่ะ”
“โจวจื่อรั่ว !” หน้าตาของโจวเฟยตอนนี้แสดงออกชัดแล้วว่าโกรธมาก
ถึงแม้ระยะหลังเขาเริ่มรับฟังและคิดวิเคราะห์ แต่ถึงอย่างไร เมื่อเป็นเรื่องขัดใจ หรือขัดคำสั่ง เหตุผลทั้งหมดจะไม่มีอยู่
และนอกจากนี้ เขายังคงยึดถือคติโบราณ ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่จะต้องเป็นฝ่ายถูกตลอด แม้ความจริงผู้ใหญ่เป็นฝ่ายผิด เมื่อรวมกับจารีตประเพณีเก่าๆ ที่ห้ามลูกสาวเป็นผู้สืบสกุล และที่หนักที่สุดคือเธอไม่ใช่ลูกคนโปรด ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ความสำคัญของเธอต่ำลงจวนไร้ค่า
จึงไม่แปลกที่หลายครั้งเขาแสดงออกอย่างนั้น
เป็นอย่างนั้นแล้วอย่างไรละ
ในชาตินี้ เธอจะไม่ยอมให้ใครมาบงการชีวิตอีกต่อไปและจะไม่ยอมเป็นเหมือนสิ่งของไร้ค่าอีก !
“ท่านพ่อ ชีวิตของข้าเป็นของข้า ข้าต้องได้เลือกเส้นทางชีวิตของข้า-”
โจวเฟยตบโต๊ะ “หุบปากเจ้าลูกเนรคุณ เจ้าจะ-”
“ข้าไม่เคยเนรคุณต่อท่าน” ดวงตาของแต๋วเวลานี้เหมือนกลายเป็นดวงตาของอินทรีคมกริบ “ข้าเพียงอยากให้ท่านรู้ว่าข้าก็มีหัวใจ และ...” แววตาของเธอพลันวาบวับ ต้องการสื่อความหมายอันสำคัญยิ่ง “ข้าไม่ใช่สิ่งของตอบแทนคุณ”
“โจวจื่อรั่ว !!!”
โต๊ะถูกตบอีกครั้ง ครั้งนี้ความรุนแรงทำให้สิ่งของทุกอย่างกระเด็นกระดอนกระจัดกระจาย กาน้ำชาล้มกลิ้งจนน้ำนอง
แววตาของโจวเฟยเหมือนจวนจะลุกเป็นไฟ
มือของเขาสั่นเกร็ง เหมือนยืนยันอารมณ์ของเขาเวลานี้อย่างเด่นชัด
และบรรยากาศร้อนแรงตอนนี้พัฒนาก้าวกระโดดแล้ว หากความร้อนแพร่ออกมาสู่ความเป็นจริงได้ มันคงจะเผาทุกสิ่งจนไม่เหลือ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 208
แสดงความคิดเห็น