รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 92 หน่วยกล้าตาย
รับคำท้าฯ
ตอนที่ 92
ทุกสายตาหันไปมองหน่วยกล้าตายทั้งสองคนอย่างทึ่ง แม้ว่าบางคนก็เป็นคนทานเผ็ดอยู่แล้ว แต่จะให้ทานพริกเป็นเม็ด ๆ แบบนี้ ใจก็ยังไม่กล้าพอ
“ฉันเอง” ปฏิการย้ำอีกครั้งว่าจะเป็นคนทานจานแรก พลางหันไปจ้องหน้าแฟนสาว
“ฉันพูดก่อนนะ”
ปริมามองแฟนหนุ่มด้วยความงุนงงสุดขีดที่มาแย่งกินจานแรกกับเธอ เพราะรู้ว่า เขาไม่ค่อยชอบทานเผ็ดและเคยท้องเสียมาแล้ว แถมชิงพูดตัดหน้าก่อนเธอเล็กน้อย
‘นายไหวแน่นะ’ ปริมาอยากจะถามเขาด้วยความเป็นห่วง แต่ต้องช่างใจไม่ถามออกไป เมื่อเขากล้าทำผิดกฎของเธอ คงต้องลงโทษกันให้หลาบจำเสียบ้าง
‘เป็นห่วงเค้าละซี้...’ สายตาของเธอมันฟ้อง แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม
“เม็ดเดียวเอง สบายมาก” เขาอมยิ้มทำหน้ามั่นใจเต็มที่ ในที่สุดก็ทำให้เธอยอมมองหน้าเขาได้แล้ว แม้ว่าจะไม่กี่วินาทีก็ตาม ก่อนยัยตัวแสบจะหลบตาหันไปมองทางอื่น
ไปรยาอดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันที่หนุ่มหน้าหวานขอลงแข่งกินจานแรก ในกองถ่ายรู้กันดีว่าเขาไม่ทานเผ็ด หรือเขาจะยอมเสียสละยอมเผ็ดแทนปริมา เวลาเขาอยู่กับญาติผู้พี่ของเธอนั้นน่ารักจนน่าอิจฉามาก เดินตามพี่สาวของเธอตลอด คอยอยู่ใกล้ ๆ เสมอ ผิดกับเธอถ้าไปยืนใกล้กลับขยับตัวหนีหน้าตาเฉย ยิ้มหวาน ๆ ให้เธอซักครั้งไม่มีเลย แม้ว่าจะทำงานด้วยกัน เล่นหนังคู่กันด้วยซ้ำ
พิธีกรให้เวลาแต่ละทีมปรึกษาหาลือกันในทีมว่าใครจะทานจานไหน จึงอธิบายถึงประโยชน์ของพริกไปพลาง ๆ
“ปรามทราบรึเปล่าคะ ว่าพริกมีประโยชน์อะไรบ้าง” ปิ่นขวัญหันไปคุยกับพิธีกรชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“พริกมีประโยชน์ด้วยเหรอ?” ปรามตอบอย่างไม่เคยคิดมาก่อนว่าพริกมีประโยชน์อะไรนอกจากความเผ็ดและเพิ่มรสชาติอาหาร
“มีสิคะ เยอะมากด้วย”
1. ช่วยลดน้ำหนัก การทานพริกช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากแคปไซซินในพริกมีสาร thermogenic ซึ่งเป็นสารก่อความร้อนในร่างกาย ส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญ ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้ดี จึงมีส่วนช่วยให้น้ำหนักของเราลดเร็วขึ้น อีกทั้งพริกยังมีกรดแอสคอร์บิก ที่ช่วยเร่งให้ร่างกายเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงานได้ โดยมีการศึกษาจากประเทศญี่ปุ่นพบว่า การทานพริก 10 กรัม ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และนานถึง 30 นาทีเลยทีเดียว แต่จะให้ทานพริกสด ๆ เป็น 10 กรัมเลยก็คงไม่ไหว ฉะนั้นใครที่อยากใช้พริกช่วยลดน้ำหนัก จะลองหันมาทานพริกในรูปแบบสารสกัดดูก็ได้ นอกจากนี้ยังพบว่า วิตามินซีที่สูงมากในพริกสามารถขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร ช่วยให้ร่างกายดูดซึมอาหารได้ดีและทำให้ระบบขับถ่ายของเราดีขึ้นอีกด้วยนะคะ
2. ทำให้อารมณ์ดี สารแคปไซซินในพริกสามารถกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด อีกทั้งยังลดการสร้างฮอร์โมนที่ทำให้เครียด ช่วยให้เราอารมณ์ดี สดชื่น ทำให้ความดันโลหิตลดลง รู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขมากขึ้นได้
3. ช่วยให้เจริญอาหาร นอกจากสารเอ็นดอร์ฟินจะช่วยทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกว่าอาหารอร่อยขึ้นได้อีกต่างหาก อีกทั้งพริกจะไปทำให้ต่อมน้ำลายทำงานมากขึ้น จนไปกระตุ้นปลายประสาทให้สมองส่วนกลางรับรู้การอยากอาหาร ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลย ถ้าคนส่วนมากจะชอบทานอาหารรสเผ็ด หรือรู้สึกว่าอาหารที่มีรสเผ็ด ยิ่งเผ็ดก็ยิ่งกินอร่อย
4. บรรเทาอาการปวด สารแคปไซซินในพริกสามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารที่บรรเทาอาการเจ็บปวดแบบธรรมชาติ จึงช่วยให้เรารู้สึกเจ็บปวดน้อยลงได้ โดยสมัยก่อนมีการนำพริกขี้หนูมาทำลูกประคบ หรือทำเป็นน้ำมันนวดแก้ปวดเมื่อยตามข้อ ขณะที่ในปัจจุบันก็มีการนำสารแคปไซซินมาเป็นส่วนประกอบของขี้ผึ้งและเจล ใช้ทาบรรเทาอาการปวดบวมบริเวณผิวหนัง รวมทั้งอาการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็น เข่าอักเสบ แก้ปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัว รวมทั้งเริมและงูสวัดด้วยค่ะ
5. บำรุงสายตา พริกมีวิตามินเอและวิตามินซีอยู่ค่อนข้างมาก อีกทั้งสีของพริกที่ไม่ว่าจะเป็นสีแดง เหลือง เขียว ก็มีเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณบำรุงและป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตาได้ ยิ่งเมื่อรวมพลังกับวิตามินเอและวิตามินซีที่อยู่ในพริกด้วยแล้ว ก็จัดว่าพริกเป็นอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาที่ดีชนิดหนึ่งเลย ทว่าการจะรับวิตามินเอและวิตามินซีจากพริกนั้น ควรต้องกินพริกสด ๆ ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก ดังนั้นควรเลือกกินพริกที่มีความเผ็ดน้อยอย่างพริกหยวก พริกหวาน หรือใครกินเผ็ดเก่งมากจะกินเปลือกพริกในส้มตำ อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกเลยจ้า
6. ช่วยให้จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น จะสังเกตได้ว่าเวลาเราทานพริกเข้าไปสักพักจะมีอาการน้ำมูก น้ำตาไหล นั่นก็เป็นเพราะรสเผ็ด ๆ รวมทั้งสารก่อความร้อนในพริกจะไปช่วยลดปริมาณน้ำมูก และสิ่งกีดขวางในทางเดินระบบหายใจ ทำให้จมูกโล่ง ลดอาการคัดจมูก ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น แถมยังบรรเทาอาการไอ ละลายเสมหะที่เหนียวข้น ช่วยให้ขับเสมหะออกมาได้ง่ายอีกด้วย ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทั้งหอบหืด ภูมิแพ้ ไซนัส และหลอดลมอักเสบ เราขอแนะนำให้ทานพริกเป็นประจำเลย แต่ก็ระวังอย่าทานเผ็ดมากเกินไปนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหารตามมาได้
7. เสริมสร้างภูมิต้านทาน พริกมีวิตามินเอและวิตามินซีสูงมาก ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าวิตามินเอและวิตามินซีเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันโรคไข้หวัดได้ แถมในพริกยังมีเบต้าแคโรทีนและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราให้แข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย
8. ลดน้ำตาลในเลือด มีการศึกษาพบว่า แคปไซซินในพริกช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสได้ โดยมีการทดลองให้หญิงวัยหมดประจำเดือน 10 คน ดื่มน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม แล้วเจาะเลือดเก็บข้อมูลก่อนดื่มและหลังดื่มที่เวลา 15 นาที 30 นาที และ 60 นาที ในขณะที่วันต่อมาให้ดื่มน้ำตาลกลูโคสเหมือนเดิม แต่เพิ่มการทานพริกเข้าไปด้วย ซึ่งพบว่า ระดับน้ำตาลในเลือดวันที่ทานพริกร่วมด้วย มีระดับต่ำกว่าวันที่ไม่ทานประมาณ 20% ซึ่งก็สรุปได้ว่าพริกน่าจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้นั่นเอง
9. ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น การทานพริกเป็นประจำช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น เพราะสารแคปไซซินสามารถยับยั้งการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้ดี อีกทั้งในพริกยังมีเบต้าแคโรทีนและวิตามินซี ที่ช่วยเพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือดให้รับกับแรงดันต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม และช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรงขึ้น ลดอาการหลอดเลือดอุดตันและหลอดเลือดตีบได้ค่ะ
10. ควบคุมคอเลสเตอรอล มีงานวิจัยทดลองให้ผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูงทานพริกขี้หนู 5 กรัม ร่วมกับทานอาหารปกติเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ แล้วนำผลมาเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ทานพริก ซึ่งจากการทดลองพบว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่ทานพริกมีระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) คงที่ แต่มีระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ป่วยที่ไม่ทานพริกเลย มีระดับคอเลสเตอรอลทั้งหมดสูงขึ้น จึงสรุปได้ว่าการทานพริกช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีให้คงที่และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดีได้ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า สารแคปไซซินมีสรรพคุณช่วยยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ในขณะที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลชนิดดีเพิ่มขึ้นได้ ทำให้เรามีปริมาณไตรกลีเซอไรด์ต่ำลงอีกด้วย
11. ป้องกันโรคโลหิตจาง โรคโลหิตจางมีสาเหตุหลักมาจากการขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง โดยช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงรวมทั้งฮีโมโกลบินให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งในพริกก็มีธาตุเหล็กประกอบอยู่พอสมควร รวมถึงยังมีทองแดงที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีกรดโฟลิกที่ช่วยเสริมให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ดังนั้น พริกจึงถือเป็นอีกหนึ่งอาหารที่ช่วยป้องกันโลหิตจางได้
12. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง วิตามินซีในพริกมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร แถมยังช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่หยุดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง เพราะพริกมีวิตามินซีสูงมาก ดังนั้นการทานพริกจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้ ยิ่งไปกว่านั้นในพริกยังมีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าสารเบต้าแคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถลดอัตราการกลายพันธุ์ของเซลล์ และช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอดและมะเร็งช่องปากได้
13. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เพียงแค่ทานพริกก็ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจลง เพราะพริกจะไปช่วยลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด ช่วยละลายลิ่มเลือด ทำให้เลือดไม่จับตัวเป็นก้อน จนอุดตันหลอดเลือด ไม่เพียงเท่านั้น เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าการทานพริกยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล โดยป้องกันไม่ให้ตับสร้างคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ทำให้มีปริมาณไตรกลีเซอไรด์ต่ำลง จึงส่งผลดีต่อหัวใจและสุขภาพ ดังนั้นหากเราทานพริกเป็นประจำก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้
“หืม...นึกไม่ถึงเลยว่าพริกจะมีประโยชน์ขนาดนี้ ถ้าทานมากก็มีผลเสียรึเปล่าครับ”
“มีค่ะ อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ถ้ามีอาการแพ้อาจท้องเสียได้ แนะนำว่าให้ทานทีละน้อย แต่บ่อย ๆ ดีกว่าค่ะ”
ปิ่นขวัญรับกระดาษจากผู้เข้าอบรมท่านหนึ่ง แล้วคลี่เปิดอ่าน มีคำถามเกี่ยวกับการดูค่าคอเรสเตอรอล และการคำนวณต่าง ๆ พร้อมกับให้ค่าผลตรวจคอเรสเตอรอนมาด้วย ให้ช่วยวิเคราะห์ค่าคอเรสเตอรอลว่าสูงหรือดีหรือแย่อย่างไรบ้าง
“มีคำถามเกี่ยวกับคอเรสเตอรอล รบกวนคุณหมอช่วยตอบคำถามนี้ด้วยค่ะ”
วิทยากรจึงเดินมาตอบคำถามให้
“เป็นคำถามที่ดีมากครับ ผมขอบอกก่อนว่า ตอนผมเรียนจบค่าคอเรสเตอรอลไม่ควรเกิน 300 พอทำงานมา 10 ปี ค่าคอเรสเตอรอลก็เปลี่ยนเป็นไม่ควรเกิน 250 แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็นไม่ควรเกิน 200 แพทย์ก็จะสั่งให้ต้องกินยาลดคอเรสเตอรอล ฉะนั้นเราต้องรู้จักค่าคอเรสเตอรอลคืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง เรามาวิเคราะห์ค่าคอเรสเตอรอลกันครับ คนที่ 1 มีค่าคอเรสเตอรอลรวมคือ 260 เรียกว่าค่ารวมนะครับ มันมาจากค่า 3 ตัวรวมกัน ประกอบด้วย HDL 120 และ LDL 120 และ ไตรกลีเซอรไรด์ 20 คนที่2 HDL 30 และ LDL 120 และ ไตรกลีเซอรไรด์ 20 ตัวรวม 170 ถามว่าใครอันตรายกว่ากันครับ ฉะนั้นถ้าเราดูยอดรวมอย่างเดียวคุณหมอจะให้ใครกินยาลดไขมันครับ คนที่ 1 หรือ 2 ครับ”
“คนที่ 1 ค่ะ” ปรีเปรมยกมือตอบ
“แต่จริง ๆ คนที่อันตรายคือคนที่ 1 หรือ 2 ครับ” วิทยากรเห็นผู้เข้าอบรมยกมือขอตอบ
“คนที่ 2 ครับ” ประกาศิตตอบเมื่อวิทยากรผายมือให้ตอบได้
“ทำไมคนที่ 2 ถึงอันตรายกว่าครับ” ผู้บรรยายถามต่อไป
“เพราะมีไขมันดีน้อยกว่าครับ”
“ตบมือให้ตัวเองหน่อยครับถูกต้องครับ ต่อไปมาดูค่าความปลอดภัยกันครับ การคำนวณค่าความปลอดภัย ไขมันดีสามารถล้างไขมันไม่ดีในร่างกายคนนั้นได้หรือไม่ โดยเอา LDL หารด้วย HDL ต้องไม่เกิน 3 ถ้าเป็นไตรกรีเซอร์ไรด์หาร HDL แล้วต้องไม่เกิน 2 ฉะนั้นช่วยดู คนที่ 2 มี LDL 120 หารด้วย HDL 30 ได้เท่าไหร่ครับ อันตรายหรือไม่อันตรายครับ”
“4 ครับ อันตราย ต้องไม่เกิน 3 ครับ” ปฏิการตอบทันทีอย่างรวดเร็ว
“ถูกต้องครับ อันตรายนะครับ พวกเราเก่งมาก”
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ที่มาช่วยตอบข้อสงสัย ตอนนี้คงดูค่าคอเรสเตอรอลกันเป็นทุกคนแล้วนะคะ”
“ผู้แข่งขันของเราคงพร้อมจะกินวิบากกันแล้วนะครับ” ปรามกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เสียงกลองรัวขึ้นอีกครั้ง
“เราลองไปถามความมั่นใจของแต่ละทีมกันค่ะ” ปิ่นขวัญและปรามเดินไปหาหนุ่มหน้าหวานเป็นทีมแรก
“พกความมั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์คะ”
“เกินร้อยครับ” ปฏิการตอบด้วยสีหน้ามั่นใจเต็มพิกัด
“คงเพราะมีกำลังใจที่ดีใช่ไหมคะ” ปิ่นขวัญอดแซวเพื่อนหนุ่มไม่ได้ พลางมองหนุ่มหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างเขินอายม้วนจนเดินไปหลบอยู่ข้างหลังปราม แอบชายตามองแฟนสาว ที่แม้ว่าจะเก๊กสีหน้านิ่ง ๆ แต่ก็ซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่มิด
ไปรยามองนักร้องหนุ่มเขินได้น่ารักมากอีกแล้ว ยิ้มอ้าปากกว้างเชียว อยากได้รอยยิ้มจากเขาบ้าง อยากเป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้เหลือเกิน
ปรามเดินไปถามทีมของปณตบ้าง
“คิดว่าจะชนะหรือเปล่าครับ”
“ความหล่ออาจไม่ชนะใคร แต่ขอให้ไว้ใจผม ชนะแน่นอนครับ” ปณตตอบพลางขิงทีมของปฏิการเต็มที่
คนเชียร์รอบ ๆ ต่างตบมือชอบอกชอบใจกันใหญ่
“คิดว่ามีอะไรหนักใจรึเปล่าครับ”
“ไม่มีครับ เพราะเราจะสู้ไปด้วยกัน” ปณตจับมือปักษาชูขึ้นพร้อมกัน เรียกเสียงฮาได้อีก
ปิ่นขวัญเดินไปถามทีมถัดไป
“คิดว่าจะคว้าที่หนึ่งมาได้ใช่ไหมคะ”
“ที่หนึ่งไม่ไหว ฉันเต็มใจขอเป็นแค่ที่สอง” ประกาศิตตอบพลางหัวเราะ ทีมของเขามีแต่รุ่นเดอะทั้งนั้นเลย วัยรุ่นไม่มีสักคน แต่ใจวัยรุ่นมาก ทุกคนร่วมสนุกกันเต็มที่
“พร้อมมั้ยคะ”
ทั้งทีมประสานเสียงกันตอบดังลั่น
ประกาศิตหันไปมองเจ้าของสวนบ้านไร่ทะเลฝัน
‘ยอมเป็นตัวสำรองตลอดไป...’ เขาร้องเพลงตอนต่อไปอยู่ในใจ แม้เธอจะยืนนิ่ง ๆ ยืนเฉย ๆ ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้ ยิ่งเวลาเธอยิ้มเหมือนดอกไม้กำลังผลิบาน ทำให้โลกทั้งใบสดชื่นแจ่มใส อดเสียดายไม่ได้เธอเป็นดอกไม้ที่มีแจกันใส่เสียแล้ว
“ขอให้ทุกทีมายืนประจำที่โต๊ะอาหารจานแรกได้เลย รอฟังเสียงนกหวีดนะครับ” ปรามประกาศให้ผู้แข่งขันคนแรกออกมาเตรียมพร้อม
หนุ่มหน้าหวานเดินออกมาประจำที่โต๊ะอาหารจานแรก หันกลับไปมองหวานใจ มองเห็นเธอมองเขาอยู่จึงส่งยิ้มให้พร้อมกับชูสองนิ้ว
“คุณการสู้ ๆ นะคะ” ไปรยาส่งเสียงตะโกนบอก
นักร้องหนุ่มพยักหน้าผงกศีรษะรับรู้ ก่อนจะหันมามองพริกสีแดงในจาน แค่มองก็รู้สึกเผ็ดร้อน ทำท่าจะปวดท้องขึ้นมาเฉย ๆ น้ำลายสอขึ้นมาทันทีเลย พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง เอียงหัวมองพริกในจานไปมา
‘สู้โว้ย!’ เขาบอกตัวเองให้ฮึกเหิม แม้จะรู้สึกใจฝ่อ ๆ ชอบกล แล้วเอาใจจดจ่อที่เสียงเพลง ผงกหัวและขยับตัวขยับร่างกายตามจังหวะเพลงเบา ๆ
ปริมามองปฏิกิริยาของแฟนหนุ่มตลอดเวลา รู้สึกแปลกใจทั้งที่เขาไม่ค่อยชอบทานเผ็ดและเคยท้องเสียมาแล้ว ทำไมถึงยอมทานพริกแทนเธอได้ ตอนนี้อดขำท่าทางของเขาไม่ไหว เห็นสีหน้าเวลามองพริกในจานแล้วขำสุด ๆ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อย แถมกำลังเต้นดุ๊กดิ๊กตามจังหวะเพลงยิ่งน่ารักเข้าไปอีก อยากจะโกรธหนุ่มหน้าหวานที่ชอบทำผิดกฎของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็โกรธไม่ลงเพราะเขาน่ารักขนาดนี้
ปณตมองหน้าเพื่อนซี้ที่มองมา จึงยกนิ้วโป้งมือแล้วคว่ำนิ้วโป้งชี้ลงพื้นขิงใส่สุด ๆ แกล้งเยาะเย้ยเพื่อนเบา ๆ อย่างขำ ๆ อดแปลกใจไม่ได้ทำไมถึงมาแข่งกินพริกทั้ง ๆ ที่ไม่ทานเผ็ด บางครั้งเพื่อนก็กล้าทำอะไรให้หลายคนต้องประหลาดใจบ่อย ๆ โดยเฉพาะการเสียสละหากไม่มีใครทำ เพื่อนหน้าหวานก็รับทำให้เสมอ เป็นสิ่งที่ต้องทึ่งในตัวเพื่อนคนนี้มาตลอด
“หนูแป้ง ช่วยเตรียมน้ำกินแก้เผ็ดให้หน่อยได้ไหม” มารดาลูกค้าหนุ่มมาดเนี้ยบรู้สึกเป็นห่วงลูกชายที่ต้องออกไปกินจานแรก
“ได้ค่ะ” เธอจึงเดินไปยกน้ำเก๊กฮวยเย็น ๆ มาให้
“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป ช่วยอยู่ดูแลเขาแทนป้าหน่อยนะ เพราะป้าต้องออกไปแข่งด้วยจ้ะ ได้ไหม...” เธอคว้าแขนพนักงานสาวเอาไว้ มองเธอด้วยสายตาอ้อนวอน
แป้งนวลทำสีหน้าอึกอักไม่อยากจะดูแลลูกค้าเจ้าปัญหา แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธคำข้อร้องนั้น
เมื่อทุกทีมพร้อมแล้ว เสียงนกหวีดยาวจึงดังขึ้น ปฏิการมองเห็นปณตยัดพริกเข้าปากทั้งเม็ด เลยกลั้นหายใจเอาพริกเข้าปากทั้งเม็ดด้วยพยายามเคี้ยวโดยไม่หายใจแล้วรีบกินกล้วยตามทันที เมื่อเคี้ยวหมดแล้วรีบวิ่งกลับไปแตะมือปรีเปรมออกไปกินกระเทียมกับขิงและน้ำพริกอ่อง ปกป้องรอออกไปกินบล็อคโคลี่กับวาซาบิ
ปริมาอดขำหนุ่มหน้าหวานไม่ได้เลยมองเขากินพริกช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ท่าทางจะเผ็ดมากถึงขั้วหัวใจไปแล้ว ทั้งปากทั้งหน้าของเขาแดงมาก น้ำมูกน้ำตาไหล ชายหนุ่มส่ายหัวไปมาด้วยความเผ็ดร้อน ได้ยินเสียงซีด เขาห่อปากเป่าลมออกเพื่อบรรเทาความเผ็ดพลางกลืนน้ำลายตลอดเวลา สลับกับเอามือพัดที่ปาก
“นายเป็นไงบ้าง” เธอรีบส่งน้ำเก๊กฮวยเย็น ๆ ให้นักร้องหนุ่มดื่มแก้เผ็ดทันที
ปฏิการดื่มน้ำเก๊กฮวยจนหมดไปหลายแก้วค่อยรู้สึกค่อยยังชั่วหายเผ็ดขึ้น มองแฟนสาวที่มองหน้าเขาด้วยความเป็นห่วงอยู่ใกล้ ๆ เธอน่ารักที่สุดในโลกเลย
“ขอบคุณมากนะ”
ปริมารีบถอยตัวออกมายืนห่าง ๆ เมื่อเผลอลืมตัวคอยดูแลอยู่ใกล้เขามากเกินไป แล้วรีบไปเตรียมรอออกไปกินน้ำขมิ้นชันกับพริกไทย
ปฏิการยืนรอลุ้นแฟนสาวกำลังดื่มน้ำขมิ้นชันกับพริกไทย ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอเลย เป็นไปตามคาดแฟนสาวดื่มรวดเร็วหมดแก้วรีบวิ่งเข้ามาแตะมือไปรยาออกไปกินมะขามป้อมกับชาเขียว
“ปริม...ฉันแสบตามากเลย”
“นายเผลอเอามือไปโดนตาเหรอ รีบไปล้างออกก่อน” เธอรีบพาเขาออกจากห้องประชุมเดินไปห้องน้ำทันที
*********************
สวัสดีค่า...พระเอกของเราน่ารักอีกแล้ว ยอมกินเผ็ดแทนนางเอกด้วย ^^
เพื่อนรู้มาก่อนรึเปล่าคะ ว่าพริกมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เอาความรู้เกี่ยวกับพริกมาฝากค่ะ เคยส่งสัยว่าพริกมีประโยชน์อะไร เลยไปเสิร์ทหาดู ว้าว...มีประโยชน์ขนาดนี้เลยเหรอ ที่สำคัญมีฤทธิ์ต้านมะเร็งและละลายลิ่มเลือดด้วย มีข่าวคนที่ขนาดออกกำลังกายแท้ ๆ อยู่ ๆ ก็หมดสติไปเฉย ๆ เนื่องจากมีลิ่มเลือดอุดตัน ฉะนั้นทานพริกก็ช่วยได้นะคะ
มีคลิปมาให้ดูด้วยค่า...พระเอกของเรากินพริกได้น่ารักจริง ๆ เอามาจากคลิปนี้เลย ^^
https://youtube.com/shorts/2LF0FqbyCAo?feature=share
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 278
แสดงความคิดเห็น