35 ตาย
35 ตาย
「เคานต์โรแลนด์! ที่ไหน?! นายอยู่ที่ไหน?!」
ขึ้นเสียงของเขาระหว่างที่ผมของเขากระเซิง ระหว่างที่วิ่งไปรอบในคฤหาสน์ของเขา รูปลักษณ์ของขุนนางผู้ชายในทิศใต้ มาร์เกรฟ อัลโนด ไม่มีซักนิดที่จะสง่างาม
「โรแลนด์-ซามะได้กลับไปที่คฤหาสน์ของเค้าสำหรับเหตุฉุกเฉิน…」
หนึ่งในผู้ติดตามที่เป็นขุนนางชั้นต่ำ ตอบอย่างขลาดๆ ขณะที่เขามองอัลโนดที่จู่ๆเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาไป
「ไอแก่โง่นั่นไม่ยอมตาย! นายเพียงแค่วิ่งหนี!!」
「นั่-นั่นเป็นการพูดที่ไม่จริง! มันมีอะไรกัน?」
อัลโนดเตะโต๊ะของเขาอย่างรุนแรง
「กองทัพของเราถูกเอาชนะโดยกองทัพของราชา และลูกชายชั้นตาย! กองทัพส่วนใหญ่ได้ถูกฆ่าไม่ก็หนี! ....เค้ากล้าดียังไง! เค้ากล้าดียังไง! ที่บอกว่าเป็นของเล่นของราชาอะไรกัน มันอะไรกันที่บอกว่ารวมกันอย่างสุ่มๆ! ด้วยนี่ตระกูลชั้นจะ!」
โรแลนด์ได้เป็นคนที่คะยั้นคะยอมาร์เกรฟ อัลโนดให้เริ่มการกบฏ แต่กระนั้นโรแลนด์ได้หนีไปแล้ว; มาร์เกรฟ อัลโนดขว้างคำด่าที่เขาคิดได้ออกมาในความโกรธ แต่ไม่ว่าเขาจะพูดมันมากแค่ไหน มันไม่เปลี่ยนความจริงที่เขาเป็นคนนำ เขาเข้าใจว่าไม่มีทางที่จะหาข้ออ้างสำหรับตระกูลราชวงศ์ มันเป็นไปได้ที่จะเพียงแค่วิ่งหนี แต่เขามีควาภาคภูมใจของขุนนางที่คนรู้จักดี ไม่มีทางที่เขาจะมีชีวิตอยู่โดยทิ้งทุกอย่างไป และใช้ชีวิตเป็นพ่อค้าเร่หรือชาวนา
ขุนนางที่ได้รวมกันที่คฤหาสน์ไม่สามารถซ่อนความไม่สงบของเขาได้ มันชัดเจนว่ากองทัพของราชาได้มุ่งหน้ามาทางนี้ หลังจากที่ได้รบชนะ แต่ไม่มีที่ในดินแดนของเขาเองที่จะให้หนี ที่ที่เขาจะต่อต้านกองทัพของราชาได้ ในท้ายที่สุด ไม่มีทางไหนนอกจากจะพึ่งมาร์เกรฟ นี่เป็นเรือที่กำลังจะล่ม….
ในบรรยากาศที่มืดมน นายประตูได้มาพร้อมกับเสียงที่เครียด
「ผู้ส่งสาส์นจากกองทัพราชาได้มาถึงแล้วครับ!」
ทุกคนยืนขึ้น อัลโนดได้ระงับโทสะของเขาเพื่อให้ได้คืนมาซึ่งความใจเย็น
「เรียกเค้ามาที่นี่」
「ผมจะบอกคำพูดจากพระราชาให้กับคุณ」
อัลโนดไม่สามารถซ่อนสีหน้าที่หมดกำลังใจของเขาได้ เมื่อเจรจากับขุนนางที่สถานะสูง มันปรกติที่จะส่งตัวแทนที่มีจุดยืนเท่ากัน เพื่อที่จะส่งผู้ส่งสาส์นด้วยสาส์นในมี หมายถึงไม่มีที่สำหรับการเจรจา
「ชั้นปรารถนาสันติ」
ขุนนางได้มีสีหน้าโล่งใจ ได้ทำลายกองทัพแล้ว แล้วไม่ปรารถนาการรบมากกว่านี้เป็นความรู้ทั่วไป มันเลี่ยงไม่ได้ที่ดินแดนมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ และกำไรจะถูกยึดแล้วในจุดจุดนี้
「อย่างไรก็ตามนอกจากที่ชั้นพูด มันจะไม่ถูกทำฟรีๆ เงื่อนไขของสันติคือให้มาร์เกรฟ อัลโนด ด้วยกันกับขุนนางที่เซ็นสัญญาร่วมกันถูกประหาร! ตำแหน่งขุนนางทั้งหมดจะถูกยกเลิก; ดินแดนจะถูกยึด ลูกชายที่อยู่ในเมืองหลวงและความปลอดภัยของเค้าถูกรับประกัน」
「มีเรื่องโง่ๆแบบนี้ด้วยเหรอ?!」 「นี่มันไม่ต่ายจากความผิดของการทรยศราชวงศ์!」
「ฟุ ฟุฟุฟุ…นั่นถูกแล้ว…ถ้ามันเป็นอย่างนี้…ผู้ส่งสาส์นมันดีพอแล้ว…」
มาร์เกรฟ อัลโนดไม่ใช่คนโง่อย่างสมบูรณ์ เขาเข้าใจทุกอย่างตอนนี้ ราชามีเจตนาที่จะทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกเริม เพื่อจะสร้างตัวอย่างให้กับขุนนางที่ไม่จ่างภาษี และทำให้ฉันเป็นเครื่องสังเวย
「อะ-มาร์เกรฟ อัลโนด…นี่เป็นความผิดพลาดบางอย่าง ถ้าราชาส่งผู้ส่งสาส์นมาหาเรามันหมายความว่า」
「มันพอแล้ว ชั้นพอแล้ว」
ยืนขึ้นอย่างไม่มั่นคน เขาหยิบดาบจากกำแพงด้วยมือของเขา
ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น และระหว่างที่ทุกคนได้ดูตกตะลึง อัลโนดเหวี่ยงดาบของเขาลง และฟันผู้ส่งสาส์นตาย
「อ้าา!!」 「นายทำอะไรนะ!?」 「นายบ้าไปแล้วเหรอ!?」
หน้าของขุนนางได้ซีดและตะโกน ถ้าคุณฟันผู้ส่งสาส์นของราชา ไม่มีอะไรที่คุณพูดจะถูกได้ยิน มันเหมือนกันกับการเซ็นคำสั่งประหารให้กับขุนนางทั้งหมดที่อยู่ที่นี่และครอบครัวของเขา
「ช่างเป็นคนที่โง่เขา พวกนายยังไม่เข้าใจ ราชามีเจตนาจะลบเราออกตั้งแต่แรกเริ่ม! มันตั้งแต่เวลาที่เราบอกว่าเราไม่มีความสุขกับภาษีชั่วคราว… ทุกอย่างที่เหลือหลังจากนั้นก็เพื่อที่จะทำให้เราตื่นและยั่วยุเรา หลังจากที่ข้อสรุปออกมาแล้ว ไม่มีอะไรที่เราทำได้แล้วตอนนี้…」
「ไม่มีทาง! งั้นเราควรจะมองหาให้บางคนช่วยเหลือ…」 「ใครจะยอมมาช่วยคนทรยศแบบเรากัน?」
ขุนนางได้โห่ร้องตีโพยตีพาย
อัลโนดได้เงียบอย่างประหลาด เมื่อคุณไม่สามารถจะทำอะไรได้ คนนั้นจะได้ใจเย็นอย่างคาดไม่ถึง และเขาคิดวิธีหนึ่งที่จะหนี
「ใจเย็น เรายังมีทางเลือก เพื่อให้บางคนมาช่วยเราที่เสียหายจากการเข้าตีของกองทัพราชา ที่ดันเรากลับมาอยู่」
「มีใครซักคนที่จะเป็นพวกกับเราแล้วช่วยเราเหรอ…」
「มีสิ ในทางใต้ มันอยู่ภายใต้คำสาบานว่าเราสาบานต่อราชาของอาร์คแลนด์」
ทุกคนได้หมดคำพูด มันเป็นกิจของคนทรยศอย่างแน่นอน มันเป็นความอัปยศที่แย่ที่สุด
「คิดเกี่ยวกับมันสิ ถ้าเราไปต่อแบบนี้ เราเลือกได้แค่ความตายและการที่ตระกูลได้ถูกทำลาย ถ้างั้นแม้ว่าเราต้องปิดตัวเองในความอับอาย เราสามารถยืดชีวิตของเราและลูกและหลานของเรา จะมีโอกาสที่จะแก้แค้น」
มีเพียงทางเดียวที่เหลือ ทางเลือกคือเราจะหยุดหรือไปต่อ
บางคนทำมันเพื่อลูก บางคนเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ขุนนางทุกคนมุ่งมั่นที่จะไปต่อ
「วิสเคานต์เบลลิโด อยู่ที่นี่มั้ย?」
「ชั้นอยู่นี่」
นักรบห่ออยู่ในเกราะสีเงิน อายุประมาณ 30 รูปลักษณ์กล้าหาญอย่างเป็นระเบียบ และเขาหล่อพอที่แค่คำเดียวของเขาจะให้ผู้หญิงคนไหนก็ตามเปิดหว่างขา
「นายได้ถูกพาเข้ามาในตระกูลนี้ และชั้นจะให้นายเติมเต็มหน้าที่ในฐานะลูกของชั้น ชั้นขอโทษแต่ชั้นต้องให้นายเห็นจุดจบแบบนี้」
「ครับ เมื่อผมรับลูกสาวของคุณแคทเธอรีนเป็นภรรยาของผม ยิมยินดีที่จะตามเธอไปถึงก้นบึ้งของนรก」
「เข้าใจแล้ว ชั้นจะให้นายนำอัศวินของชั้น ลูกชายชั้นได้ไปแล้ว ถ้านายสามารถที่จะได้รับความดีความชอบ นายจะเป็นลูกชายบุญธรรมของตระกูลอัลโนด และสืบทอดมันในฐานะทายาท」
「โอ้ นั่นจะดีเยี่ยม」
「ความสำเร็จทางทหารของนายดังก้องไปทั้งอาณาจักร ถ้ามันเป็นวิสเคานต์ เบลลิโด งั้นการปัดกองทัพของราชาไปไกลๆจะเป็นเรื่องเรียบง่าย」
รอยยิ้มกลับมาที่หน้าของขุนนางบางคน แต่ผิวที่ซีดของพวกเขายังคงอยู่
—————————————————————
แคมป์ของกองทัพศูนย์กลาง
กองทัพศูนย์กลางมีซาล เมืองหลักของมาร์เกรฟ อัลโนด ตรงหน้ามันพวกเขาได้ตั้งที่ตั้งแคมป์ กำลังที่เหลือของศัตรูมีน้อยนิด ทางเลือกเดียวของพวกเขาคือตั้งรับอยู่ข้างในเมือง แต่แม้แต่นั่น จะไม่ดำเนินต่อไปนาน มันเป็นตอนนี้ที่รายงานได้เข้ามา
「ผู้ส่งสาส์นถูกฟันตาย? อย่างนั้นเหรอ?」
ผมถามอีริชว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มั้ย แม้แต่ผมก็จะฟันเขาตายถ้ามันเป็นเรื่องไร้สาระจากศัตรู
「นั่นหมายความว่าพวกเขาได้ลั่นธนูใส่ตระกูลราชวงศ์ จะไมม่สันติในการเจรจานี้ และเราต้องสู้ไปจนถึงจุดจบ」
「นายจะไม่คาดว่านี่เป็นบางอย่างที่กองทัพที่พ่ายแพ้จะทำ」
「มันอาจจะถูกทำโดยแรงกระตุ้นกระทันหัน บางทีเค้าอาจจะพยายามไปพึ่งอาร์คแลนด์」
แน่นอนว่าถ้าพวกเขาไม่มีอะไรหลังจากนี้ พวกเขาจะขอความช่วยเหลือส่งเดช และใกล้พวกเขาที่สุดในแง่ของภูมิศาสตร์จะเป็นอาร์คแลนด์
「แต่นั่นเป็นทฤษฎีบนโต๊ะที่ใช้ไม่ได้ เมื่อกลางคืนมาถึง เราจะโจมตีเต็มกำลัง ไม่ต้องแสดงความปราณีให้พวกนั้นที่ป้องกันอยู่ในเมือง ถ้าเรายิงธนูไฟเหมือนภูเขา เมืองจะเปลี่ยนจากป้อมปราการไปเป็นกาน้ำในนรก」
แม้ว่าเราจะลบเมืองไปเป็นซากปรักหักพัง มันจะไปเปลี่ยนวัตถุประสงค์สำหรับชัยชนะ
「ชั้นจะให้นายทำงานพรุ่งนี้ด้วยเหมือนกันแต่…มีภารกิจลับอื่นจากพระองค์เองเลย」
อีริชและผมได้ออกจากเต็นท์และเข้าไปในป่า ซีเลียอยากจะไปด้วยแต่ผมรั้งเธอไว้ มันดูเหมือนไม่มีใครยกเว้นผมที่จะรู้เกี่ยวกับมันได้
ในความมืดสนิท รออยู่ซักพัก คพเพลิงสีอันได้โบกเป็นรูปภูเขาในรูปร่างของตัวอักษร ‘八’ เข้ามาใกล้
「นั่นเป็นสัญญาน」
จากความมืดเงาของคนได้ปรากฏขึ้น สองคนเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้คุ้มกันและเป็นชายที่แข็งแรง ขุนนางสองคนได้ใส่เสือผ้าที่ดูแพง
「โอ้นี่มันลอร์ดราดาห์ลอย่างนั้นเรอะ ผู้บัญชาการกองทัพออกมาเพื่อพบกับเราโดยตรง ชั้นขอโทษสำหรับปัญหา」
ขุนนางแก่ก้มหัวของเขาอย่างเคารพ
「เคานต์โรแลนด์ มันดีที่ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี」
เคานต์โรแลนด์เป็นคนที่เขียนคำประท้วงส่งมาด้วยลายเซ็นร่วม ขุนนางฝั่งใต้ที่ใกล้ชิดกับมาร์เกรฟ อัลโนด และหลักๆแล้วเป็นหมายเลข 2
「ไม่ ยังไงซะ มาร์เกรฟ อัลโนดไม่เชี่ยวชาญกับเล่ห์กล ดังนั้นมันไปได้ง่าย…ขอโทษสำหรับการแนะนำตัวล่าช้า นี่เป็นลูกชายของชั้น เมื่อเรื่องครั้งนี้ได้สำเร็จมันเป็นเจตนาชั้นที่จะให้เค้าสืบทอด…」
เข้าใจแล้ว จากการส่งจดหมายประท้วงถึงการกบฏ ทุกอย่างที่ทำเป็นการแข่งขัน
「ยังไงซะ มาฟังหลังเหตุการณ์กันเถอะ」
อีริชคะยั้นคะยอให้หยุดการคุยเล็กน้อยที่ไม่มีประโยชน์
「ครับ ฝ่ายอัลโนดได้วางกำลังทหารไว้ในเมือง พยายามจะป้องกันอย่างสิ้นหวัง เพิ่มเติมจากครั้งนี้ ไม่มีหลักฐานว่ากองกำลังต่างชาติได้อยู่ที่นั่น」
「อย่างนั้นเหรอ งั้นมันเหมือนกับที่วางแผนว่าชะตาของพวกเขาจะจบจากการโจมตีพรุ่งนี้」
「งั้น…หลังจากที่ขยี้อัลโนด นายได้ยินจากพระองค์เรื่องที่จะข้ามดินแดนของเรามั้ย? มีสะพานที่อันตราย ที่ได้ข้ามหลายครั้งแล้ว…」
ดินแดนของขุนนางฝั่งใต้ที่ถูกขยี้ ถูกเปลี่ยนให้เป็นสมบัติของชาติ โรแลนด์จะเก็บที่เหลือ ราชาได้พูดบางอย่างแบบนั้น ผู้อาวุโสคนนี้และพระองค์ค่อนข้างเป็นนักกลยุทธ์
อีริชไม่เปลี่ยนสีหน้าของเขาเลยซักนิด
「มันอย่างที่ถูกได้ยินจากพระองค์ งั้นกลยุทธ์ครั้งนี้ ตระกูลไม่ได้ถูกพูดถึง ใช่มั้ย?」
เคานต์แก่ยืดมือของเขาอย่างเกินจริง
「นั่นมันพอได้แล้ว! ไม่ว่ายังไง โอกาสที่มันจะเล็ดออกไปโดยไม่ต้องสงสัยจะฆ่ามาร์เกรฟ สิ่งเดียวที่ชั้นรู้คือลูกชายของนาย ชั้นรู้เกี่ยวกับคนคุ้มกันแค่เมื่อกี้นี้」
「ยังไงซะ นั่นดี」
อีริชและผมส่งสัญญานด้วยสายตา
ผมดึงแอ่งคู่จากข้างหลังผม และฟันคนคุ้มกันสองคน คนคุ้มกันที่ลดการป้องกันลงจะทำอะไรซักอย่างไม่ได้ พวกเขาล้มลงระหว่างที่ยังมีสีหน้าตกใจ
「นายทำอะไร!?」
คนต่อไปที่ดูเหมือนภัยจะเป็นคนที่เด็กกว่า เขาอาจจะพึ่งพาไม่ได้แต่เขาจะมีพลังมากกว่าคนแก่
「ฮฮฮิ้ห์! ฮฮฮิ้ห์! ทำไม เหี้ยเอ้ย!」
ชายพยายามที่จะดึงดาบเขาออกมาแต่เขาลืมนำเส้นล็อคออก ดังนั้นเขาดึงดาบไม่ได้ ระหว่างที่ทำให้มั่นใจว่าไม่มีใครขวางทาง ผมใช้ดาบของผมเพื่อแทงลึกเข้าไปในอกเขา ชายเสียกำลังของเขาไป
「อ-ไอเด็กเวร! ทำไมมันเป็นแบบนี้-มันต่างไปจากที่เราพูดกันนี่!」
อีริชชักดาบและเข้าหาเคานต์โรแลนด์
「คนทรยศจะเสียชีวิตของพวกเค้าสำหรับการทรยศ มันเป็นบางอย่างที่ได้พูดกันหลายร้อยปีก่อน」
อีริชแทงดาบของเขาเข้าไปในตาของโรแลนด์ คนแก่ที่น่าสงสารได้กระตุก และจะไม่มีวันขยับอีกครั้งไปตลอดกาล
「เคานต์โรแลนด์ที่ขี้ขลาดได้เห็นว่าเค้าอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ เขาหนีไปกับลูกชายของเขาแต่ถูกฆ่าโดยโจรในตอนกลางคืน มันเป็นบางอย่างแบบนั้น」
อีริชหยิบของที่ดูแพงจากเคานต์และลูกชายเขาและโยนมันเข้าไปในป่าลึก ถ้าในโอกาสที่ศพได้ถูกพบ มันจะทำให้ดูเหมือนเป็นงานของโจร
「มันค่อนข้างน่ากลัวนะ นี่คือนี่นายเรียกว่ากลยุทธ์ หือห์」
「ชั้นก็ไม่ชอบนี่ด้วย แต่ถ้าไม่มีกลยุทธ์มันก็จะไม่มีการเมือง」
ผมเช็ดเลือดจากดาบผมด้วยผ้าจากศพที่น่าสมเพช และกลับไปโดยไม่พูดอะไร
「ด้วยนายอยู่ที่นี่ ชั้นขอบคุณที่ชั้นไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งทางทหารกับภารกิจแบบนี้」
ผมมั่นใจว่าผมจะไม่แพ้ในศึกถึงตายระหว่างคนไม่กี่คน
「วันหนึ่งชั้นก็อาจจะถูกฆ่าบางวันด้วย หือห์」
「พระองค์เชื่อว่านายเป็นพวกลมใหม่ จะไม่มีอะไรแบบนั้น…แต่ถ้ามีโอกาสในการลอบสังหาร ทีมจะเป็นสิ่งจำเป็น ไม่อย่างนั้นมันเป็นไปไม่ได้」
เราเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้พรุ่งนี้และดื่มแอลกอฮอล์ แล้วก็มีความสุขกับลมเย็น เราออกมาแล้วเดินด้านนอก นั้นคือทั้งหมดที่มันเป็น
พร้อมกันกับตอนพระอาทิตย์ขึ้น กองทัพศูนย์กลางได้เริ่มการโจมตีทั้งกองกำลังไปบนเมืองซาล
เมืองซาลเป็นเมืองศูนย์กลางของทางใต้ ที่ที่มาร์เกรฟได้อยู่อาศัย แต่ด้วยฝั่งตรงข้ามอาร์คแลนด์ที่รุนแรงได้ใกล้กับพวกเขา การค้าและธุรกิจไม่ได้พัฒนาอย่างโดดเด่น และมีจำนวนคนเพียง 3000 ดังนั้นมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น
ทหารของมาร์เกรฟยิงธนูมาจากข้างบนกำแพงเมือง เราโยนหินเพื่อโจมตีสวน แต่ทันทีที่ทีมนักธนูยิงธนูไฟพร้อมกันทั้งหมดทีเดียว เมืองได้ถูกกลืนกินเข้าไปในเปลวเพลิง พวกเขาจะไม่สามารถอยู่ได้แล้วจะไปจากกำแพงอย่างรวดเร็วเพื่อล่าถอย กองทัพศูนย์กลางไม่ได้เสียสละอะไรที่สำคัญเลย และสามารถที่จะรุกรานเมืองได้สำเร็จ
「พวกเราไม่มีตาของพวกเราในสงครามปิดล้อม เราควรจะเงียบๆอยู่ข้างหลังไม่ให้ไปเกะกะมั้ย?」
แน่นอนว่าการโจมตีใกล้กับกำแพง ในถนนที่แคบที่มีบ้าน ยืดไปอยู่ภายในเมืองชั้นใน ทหารม้าทำอะไรไม่ได้มาก ต่างจากเมืองหลวง ไม่มีที่มากสำหรับทหารม้าเพื่อเรียงกันอย่างเรียบร้อยเหมือนถนนหลักหรือพลาซ่า อากอร์เสนอว่าเราควนแยกไปเป็นทีมเล็กๆ และแต่ละทีมไปช่วยทีมใกล้เคียงโดยการมอบการสนับสนุน
「เอเกอร์-ซามะ หนูกลับมาแล้ว」
ซีเลียที่ออกไปสอดแนมได้กลับมา
「มีการต่อต้านประปรายในแต่ละที่ แต่ไม่มีทีมใหญ่ พวกเค้าทั้งหมดดูเหมือนการสู้เก็บกวาด」
「...ไม่ใช่ว่านั่นแปลกเหรอ? แม้พวกเขาได้ถูกตีในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย นี่เป็นฐานของพวกเขา แต่ทหาร 1000 หรือ 2000 ควรจะอยู่ที่นี่นะ」
อากอร์บิดขอของเขา แต่ผมเห็นคำตอบ
「พวกเค้าหนีแล้วไม่ใช่เหรอ ชั้นไม่รู้ว่ากองทัพสำรองของมาร์เกรฟมีเท่าไหร่ แต่ปรกติแล้วเค้าควรจะมีอย่างน้อยไม่กี่พัน เนื่องจากการพ่ายแพ้ของการกบฏ ชาวนาและทหารรับจ้างที่ถูกเกณฑ์มาต้องหนีไปแล้วอย่างแน่นอน」
การที่จะอยู่บนเรือที่ล่มนั่นหมายถึงไม่มีที่ให้หายใจ อากอร์ที่อยู่ในกองทัพของสหพันธรัฐอาจจะไม่รู้ แต่สำหรับทหารรับจ้างและชาวนา สิ่งแรกที่เขาสนใจก็คือรางวัล ในสถานการณ์ที่แน่นอนว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ พวกเขาจะวิ่งหนีอย่างแน่นอน
「ทหารที่ออกมาจากกำแพงเมืองก่อนหน้าไม่มีเจตนาที่จะต่อต้าน」
「เข้าใจแล้ว งั้นมันตรงกันข้ามกับทหารที่ยังต่อต้านอยู่ตอนนี้ที่ยังอยู่」
「พวกนั้นเป็นพวกที่สาบานความจงรักภักดีที่แน่นอนกับมาร์เกรฟ หรือพวกนั้นที่ไม่มีทีจะให้หนี แต่พวกนั้นที่มุ่งมั่นที่จะตายนั้นสู้ยากนะ」
ไม่ว่าความหยั่งรู้ผมจะถูกหรือไม่ ทีมที่ได้ไปที่คฤหาสน์ได้รายงานว่าพวกเขาได้หนีไปแล้ว
「อากอร์ ยังไงเราก็จะไม่สามารถทำอะไรได้ดีๆได้ ทำไมเราไม่ไปดูทีมสุดท้ายของศัตรูล่ะ?」
「กัปตันเป็นคนที่ขี้สงสัยไม่ใช่เหรอ…ชั้นจะไปด้วย」
「มีอะไรพวกหมาที่ต้อยต่ำ!? นี่มันจบแล้วเหรอ!?」
ชายที่ส่งเสียงในชัยชนะได้ถูกล้อมโดยอัศวินที่ติดอาวุธหนักเรียงกันอยู่ ศพของทหารของกองทัพศูนย์กลางได้กลิ้งไปทั่ว คนที่มีสีหน้าที่ขมขื่นคือบรูโน่ ทางการคืออัศวินบรูโน่ เรนสเตอร์ เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของทหารราบ
「บรูโน่ มีอะไรเกิดขึ้น?」
「เมื่อชั้นพยายามจะรุกรานคฤหาสน์ของลอร์ด เขาได้ปรากฏตัวขึ้นมากระทันหัน นี่มันลำบาก」
「ชื่อของข้าคือ เซซิล เบลลิโด! พวกนั้นที่อยากได้หัวข้าเป็นของรางวัล มาสู้กับข้า!」
ชายที่ดูเหมือนผู้บัญชาการตะโกนอย่างดัง ดูเหมือนเขาจะมีความมั่นใจสูง ทหารม้าที่ท้าทายดวลกับเขาเมื่อกี้นี้ได้ถูกฟันตายทันที
「เค้าเก่งเหรอ?」
「วิสเคานต์เบลลิโดเป็นหมายเลข 1 ในอาณาจักร เขาเป็นชายชื่อดังในฐานะอัศวินที่ได้แข่งขันสองครั้ง กองหทารภายใต้การสั่งการของเขาน่าจะเป็นทหารส่วนตัวของมาร์เกรฟ อัลโนด เพราะทั้งหมด เขาเป็นลูกบุญธรรมและลูกเขย」
มีฮีโร่นำกลุ่มอัศวินฝีมือสูง และปกป้องประตูรั้วคฤหาสน์ นี่มันมีปัญหา
「ชั้นควรจะยิงธนูมั้ย」
ความคิดผมตรงกันกับอากอร์และบรูโน่ ถ้าคุณคิดเกี่ยวกับมันปรกติแล้ว คุณจะไม่อยากดวลและเสียลูกน้องไปอย่างไร้เหตุผล แต่โชคร้าย พวกเราได้เหนือกว่าทหารธรรมดา มากว่าความอยากที่จะปกป้องเกียรติของอัศวิน เราอยากจะชนะอย่างสบายๆ
ห่าฝนจากทีมปืนธนูทำให้อัศวินและม้าของพวกเขาล้มตายไปทีละคนทีละคน
「ขี้ขลาด! พวกนายคิดกับความภาคภูมิใจของอัศวินยังไงกัน!?」
ไม่ใช่ว่านายเพิ่งบอกว่าเราเป็นหมาต้อยต่ำก่อนหน้านั้นเหรอ ไร้เดียงสาขนาดที่เรียงกันอยู่ตรงหน้าประตูรั้ว พวกนายสอบตกในแง่ของการเป็นคนบ้าสงคราม ไม่มีทหารมากที่ขยับได้อย่างน่าพอใจ แต่วิสเคานต์เบลลิโดนั้นมีโชคที่ดีและไม่ถูกยิงโดยลูกธนู
「ตอนนี้มันมาเป็นอย่างนี้แล้ว ชั้นเสนอขอดวลกับฮีโร่! มา ก้าวออกมา!」
ผมและบรูโน่มองหน้ากันและหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ การต่อสู้ได้สรุปแล้วและขอดวล คนนี้ไม่เหมาะจะมาอยู่ในกองทัพ บรูโน่ดูเหมือนว่าอยากจะยิงเขา เขาออกคำสั่งให้ทีมปืนธนู แต่อากอร์ก้าวไปข้างหน้า
「เค้าไม่เหมาะจะเป็นทหาร แต่เค้าไม่ลังเลที่ตะถูกแทงโดยห่าฝนของธนู นักรบที่เหมาะสมควรได้รับจุดจบที่เหมาะสม…」
「นายจะยอมรับการท้าทาย?」
「ครับท่าน!」
อากอร์นั้นแข็งแกร่งแต่ดูคนนั้นธรรมดาเขาดูค่อนข้างเก่งด้วย พูดจากใจแล้วเขาเก่งกว่าอากอร์หลายเท่า การเสียผู้ช่วยไปจะเป็นการไม่ดี ผมอาจจะไม่เหมาะที่จะอยู่ในกองทัพ
「ชั้นจะไป มันโอเคมั้ยบรูโน่?」
「เฮ้ เฮ้…นายเอาจริงเหรอ?...」
มันเป็นซักพักแล้วตั้งแต่ที่ผมได้ดวล ผมรู้ว่ามันเป็นความคิดที่โง่แต่ผมไม่สนใจ
「ชื่อชั้นคือเอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ ชั้นจะอ่านพิธีกรรมสุดท้ายให้นายเอง」
ผมลงจากชวาร์ซแล้วไปข้างหน้า เบลลิโด้ยิ้มด้วยความดีใจ เขาอาจจะคิดว่าลูกธนูจะบินมาหาเขาจากก้นบึ้งของพวกใจ
「ช่างเป็นการเสียดายของที่ชายแบบนี้ได้ถูกวางอยู่ในหมู่ขยะ! ตอนนี้ มาเลย!」
มันไม่ใช่การพุ่งเข้าตี พวกเราสองคนขึ้นม้าและสังเวียนการขี่ม้าแทงหอกได้เริ่มขึ้น
หอกของเขาค่อนข้างมีเครื่องประดับ และเขามีถ้วยรางวัลติดอยู่อย่างไม่จำเป็นกับหอกที่ฟุ่มเฟือยของเขา แต่มันมีน้ำหนัก และมันเคลื่อนไหวอย่างคม
รับการโจมตีของผม เขาได้มีทักษะในการเลี้ยวและการโจมตีสวนอย่างรวดเร็ว และชื่อของหมายเลขหนึ่งในอาณาจักรไม่ใช่แค่เอาไว้แสดง
แต่ผมไม่มีเจตนาที่จะแพ้ ผมเสร็จแล้วกับการตรวจทักษะของเขา ผมจะตีเขาด้วยการโจมตีเต็มกำลังจากหอกของผม
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง ท่ายืนของเขาพังทลายลง และในการโจมตีครั้งที่สี่ มันทำให้เขาตกม้า
「อึก! ...มันยังไม่จบ!」
เขายืนขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วชี้หอกมาที่ผม ผมก็ลงจากชวาร์ซและเตรียมหอกของผม ผมตั้งท่าเพื่อการแทง
เราล่นระยะอย่างช้าๆ เมื่อเขาเข้ามาในระยะของผม ผมปล่อยการแทงที่แข็งแรง เขาคาดการณ์ว่าเกราะเขาจะกันได้ และคาดการณ์ว่าผมจะเล็งไปที่คอเขาดังนั้นเขาปกป้องบริเวณนั้น แต่เขาผิด ผมมีเป้าหมายไปที่ตรงกลาง ผมแทงไปที่ส่วนที่แข็งแรงที่สุดของเกราะที่ปกป้องหน้าอกเขา แน่นอนว่า ผมเจาะทะลุมันไม่ได้ แต่ด้วยอาวุธที่หนักสุดยอด แค่ทีเดียวมันเพียงพอแล้วที่จะซัดเขากระเด็น
เขากลิ้งไปที่พื้น เมื่อเขากำลังจะยืนขึ้นผมวางใบมีดไปที่คอเขา
เลือดได้พุ่งและมันระบุว่ามันเป็นการจบการต่อสู้
「ส่งเสียงหน่อย!」
「โออออออ้–!」
บรูโน่ได้นำทัพ และทำส่วนหนึ่งของทีมใหญ่ที่ได้สนับสนุน และส่วนหนึ่งของทีมผมและตะโกนการคำรามของสงคราม
อัศวินที่เสียผู้บัญชาการไปได้ทิ้งอาวุธของพวกเขาแล้วยอมแพ้ เมื่อเราได้โห่ร้องในชัยชนะจากคฤหาสน์ของลอร์ด ศัตรูที่กระจายกันอยู่รอบๆเมืองได้หยุดการต่อต้านของพวกเขา และฐานของขุนนางกบฏ เมืองซาลได้ล่มอย่างสมบูรณ์
—————————————————————
ชื่อ : เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต 19 ปี ฤดูร้อน
สถานะ : อัศวินอาณาจักรโกลโดเนียกองทัพศูนย์กลางกองทหารทหารม้าที่ 1
เงินเดือนประจำปี 80 ทอง
เงิน : 257 เหรียญทอง (เงินและต่ำลงมาไม่นับ)
อาวุธ : แอ่งคู่ (ดาบยาว), บัลดิชใหญ่ (หอก)
อุปกรณ์ : เกราะเต็มตัวเหล็กระดับสูง, ผ้าคลุมสีดำ (ต้องสาป)
พวกพ้อง : นนน่า, เมลิสซ่า, มาเรีย, คาร์ล่า
คนรับใช้ : มิทตี้, อัลม่า, ครอลล์
ลูกน้อง : ซีเลีย (ผู้ติดตาม), อากอร์ (ผู้ช่วย), คริสตอฟ, คาร์ล, ชวาร์ซ (ม้า)
จำนวนคู่นอน : 28
สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่
067-3-63958-5
กสิกรไทย
แปลโดย: wayuwayu
ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: "wayuwayu แปล"
pdfไว้อ่านตอนกลางคืน สปอนเซอร์ตอน จองตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 183
แสดงความคิดเห็น