[fic vocaloid] just be…? [Gumi x Gumiya] Chapter 3
Chapter 3
“กุมิ… เฮ่อ ให้ตายสิ น้องคนนี้” เสียงทุ้มต่ำของหญิงสาวผมเหลืองคนหนึ่งดังอยู่ในห้อง ตอนนี้เธอกำลังปลุกเด็กขี้เซาที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“อะ… อืม” ดวงตากลมโตของกุมิค่อยๆ ลืมขึ้นทีละน้อย นั่นทำให้หญิงสาวมีสีหน้าดีขึ้นบ้าง
“อ้าว พี่ลิลี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” คนถูกปลุกลุกขึ้นนั่งพลางเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียเล็กน้อย
“สายแล้วจ้ะ ไม่ไปมหาลัยหรือไง?” ลิลี่ถามน้องสาวแสนขี้เซาของเธอ
“หา?” กุมิตาสว่างขึ้นทันใด เธอรีบลุกจากเตียงทันที
“ให้เวลาห้านาที อาบน้ำแต่งตัว แล้วออกมารอหน้าห้อง โอเคนะ” น้ำเสียงของพี่สาวมีแววจริงจัง ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกจากห้องไป
“อ้าว พี่ลิลี่” กุมิยะที่รออยู่หน้าห้องอยู่แล้วเอ่ยเรียก
“กุมิล่ะครับ?”
“พี่ไล่ไปอาบน้ำแล้ว ขี้เซาไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ” หญิงสาวบ่นเบาๆ ในประโยคสุดท้าย
“น้องกุมิก็แบบนี้แหละ ว่ามั้ย? กุมิยะ” เสียงของชายหนุ่มผมเหลืองอีกคนดังมาจากหน้าลิฟท์ ทำให้สองหนุ่มสาวที่กำลังคุยกันอยู่ต้องหันไปมอง
“อ้าว ลี” ลิลี่เรียกผู้มาใหม่แทบจะในทันทีที่เขาก้าวออกจากลิฟท์ “ไปไหนมาน่ะ?”
“ซื้อกับข้าวให้พวกเธอไง”
“พี่ลีมาทันเวลาพอดีเลยค่ะ กุมิกำลังหิวอยู่พอดีเลย”
“อีกแล้ว นี่ตื่นเพราะได้กลิ่นกับข้าวหรือเปล่าเนี่ย ยัยจอมตะกละเอ๊ย”
“อ้าวกุมิยะ ก็ฉันหิวนี่นา หรือนายไม่หิวล่ะ?”
“หิวสิ ว่าแต่เมื่อไหร่เธอจะเลิกขี้เซาสักทีเนี่ยฮะ?”
“ไม่รู้สิ ง่วงจริงๆนะ แทบไม่อยากตื่นเลย”
“เธอไม่สบายหรือเปล่า ลองไปตรวจหน่อยดีมั้ย”
“นั่นสิ กุมิยะพูดถูกนะ พี่ว่าเราไปตรวจหน่อยก็ดีน้า” ลิลี่สนับสนุนความคิดของน้องชาย
“หนูไม่เป็นไรจริงๆค่ะ” กุมิยิ้มตามสไตล์ของตัวเอง ก่อนที่สองคู่พี่น้องจะพากันเดินลงไปที่โรงอาหารข้างล่างเพื่อรับประทานอาหารเช้า ตอนนี้ก็เป็นเวลาแปดโมงพอดี
“รีบกินนะ เดี๋ยวไปไม่ทัน วันนี้พี่มีนัดกับคัลด้วย” ลิลลี่พูดถึงเพื่อนสาวผมแดงที่ชอบมายืมลอกการบ้านบ่อยๆ
“จริงด้วย วันนี้พวกเรานัดรินกับเอียไว้นี่นา” กุมิยะนึกได้ พวกเขานัดสองเพื่อนสนิทไว้ที่หน้ามหาลัย
“เอ่อ กุมิ แต่ฉันว่าอย่าชะล่าใจเลยนะ ลองไปตรวจหน่อยดีกว่า ฉันไม่ไว้ใจเลย” กุมิยะกระซิบเบาๆ ขณะเลื่อนเก้าอี้ออกให้ทั้งตัวเขาเองและกุมิ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เชื่อฉันสิ นายสบายใจได้”
“แต่ ฉัน เอ่อ…”
“อ้าวทั้งสองคน อย่ามัวแต่คุยกันสิ กินข้าวก่อนเถอะ” ลีปรามน้องทั้งสอง
“ค่ะ/ครับ” ทั้งสองคนหันมาทานข้าวในจานของตัวเองให้หมด และไร้บทสนทนาใดๆอีก ทั้งที่จริงๆแล้ว กุมิยะมีอะไรอยากจะบอกเพื่อนสาวข้างๆ มากพอสมควร
เมื่อรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว หนุ่มสาวทั้งสี่ก็เดินทางไปมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแมนชั่นของพวกเขามากนัก
“งั้น พวกพี่ไปก่อนนะ” ลิลี่โบกมือลาน้องสาว ก่อนจะเดินตามลีเข้าประตูไป
[Gumi’s part]
ฉันกับกุมิยะยืนรออยู่หน้าประตูสักครู่ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่มุ่งตรงมา
“กุมิจัง รอนานมั้ย” รินวิ่งกระหืดกระหอบมาหา
“ไม่หรอกจ้ะ ฉันก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง” ฉันหันไปส่งยิ้มให้เพื่อนสาวคนสนิท พอหันไปมองด้านหลังก็เห็นเอีย เลนและอิโนะเดินตามมาพอดี
“เพิ่งมาถึงสิ ก็กุมิมัวแต่นอนอ่ะ ฉันสงสัยเหมือนกันว่า กุมิไม่สบายหรือเปล่า?”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไรอ่า”
“กุมิจังโทรมาหาฉันวันก่อนเสียงเหมือนคนเป็นหวัดนะ แต่ดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อวานยังคุยไลน์กับฉันอยู่เลย” รินตั้งข้อสังเกต
“จ้า ฉันไม่เป็นไรแล้ว กุมิยะสิ กลัวอะไรก็ไม่รู้”
“แหม ห่วงก็บอกไปสิ ฟอร์มอยู่ได้” เอียเดินไปกระซิบข้างๆหูกุมิยะ ฉับพลัน หมัดอรหันต์ก็ประทับลงกลางหลังคนพูดเข้าอย่างจัง ‘อั้ก!’
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ” เอียโวยวาย
“อ้าว ก็เอียจังไปกวนอะไรกุมิยะล่ะ” รินถาม
“ฉันกลายเป็นคนกวนประสาทในสายตาพวกเธอไปแล้วเหรอเนี่ย”
“ใช่” ทุกคนพูดพร้อมกัน เอียค้อนให้วงหนึ่งก่อนจะสงบปากสงบคำลง
“แหมๆ พวกเธอเนี่ยน้า” ฉันแอบเห็นสายตาของอิโนะมองมาแบบไม่พอใจด้วยแหละ
“อ้าว อิโนะ นายไม่พอใจอะไรน่ะ” รินถาม
“ฉันเปล่านี่นา” เจ้าตัวปฏิเสธเสียงเรียบ
“หือ… นายคิดอะไรกับเอียหรือเปล่า?” เลนยิ้มเย้า
“เอ่อ ทั้งสองคน ฉันว่าขึ้นห้องก่อนเถอะ ใกล้เวลาแล้ว” กุมิยะชำเลืองดูนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย แล้วเดินนำพวกเราไปทันที อ้าว ไม่รอกันเลย
[writer’s part]
พักเที่ยง พวกเขาทั้งหกก็เดินลงไปที่โรงอาหารเพื่อกินข้าวเที่ยง หลังจากที่ปวดหัวกับบทเรียนมาตลอดเช้า โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ของอาจารย์ฮิยามะที่กุมิไม่ถนัดเลย
“ริน วันนี้อาจารย์ฮิยามะให้การบ้านหน้าไหนบ้างนะ” สาวผมเขียวเอ่ยปากถามคนข้างๆ ที่เดินไปเล่น psp ไปด้วย
“หน้า 58 แบบฝึกหัดที่ 1.4 จ้ะ อืม...ทำไมไอ้นี่มันฆ่ายากจังเลย” ประโยคสุดท้ายเธอบ่นกับ psp คู่ใจ
“เอาอีกแล้ว ติดเกมแบบนี้ เดี๋ยวก็ปวดตาหรอก” เลนเตือน
“น่า ก็มันสนุกนี่นา เครียดมาครึ่งวันแล้ว เบื่อจะตาย เล่นเกมคลายเครียดหน่อยก็ดี นายไม่สนใจบ้างเหรอ?”
“ไม่ดีกว่า ฉันไม่เซียนเหมือนเธอหรอก”
“นี่ กุมิ ฉันว่าเธอต้องดื่มน้ำผักเพื่อสุขภาพบ้างแล้วละนะ” กุมิยะโพล่งขึ้น
“น้ำผักเพื่อสุขภาพเหรอ มันก็อร่อยดีนะ แต่ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่อะ”
“ไม่ได้ ต้องดื่มนะ เพราะเธอสุขภาพไม่ค่อยดี”
“ฉันก็ดื่มน้ำแครอททุกวันอยู่แล้วนี่นา” กุมิพูด
“เอาน่า อร่อยดีนะ” เอียออกความเห็น
“กุมิจังไม่ลองบ้างเหรอ?” รินสนับสนุน
“อย่าเลยริน ฉันเห็นเธอดื่มแต่น้ำส้ม” เลนขัด
“แหม นายนี่ จะไม่ขัดฉันซักเรื่องได้มั้ยฮ้าาา!!!” รินเริ่มมีโมโหซะแล้วสิ
“ก็มันจริงนี่ อืมมม จะว่าฉันรู้ใจเธอที่สุดก็ได้นะ คนอย่างเธอ ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆหรอก แม้แต่ฝีมือการทำกับข้าว” (เอ่อ นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย?: เลนคิดในใจ)
“นี่ นายหาว่าฉันทำกับข้าวไม่อร่อยหรอ? ไอ้บ้าเลน!”
“เฮ้ยๆ เลน เบาหน่อย คนมองใหญ่แล้ว” อิโนะห้ามทัพ
“นี่มันหน้าลิฟท์ ทั้งสองคนนี่ยังกัดกันไม่เปลี่ยนเลยน้า” เอียหันไปหัวเราะกับอิโนะ
“เออ จริง แต่ก็น่ารักดี คนละสไตล์กับสองคนนั้นเลย” อิโนะพูดพลางชี้ไปที่กุมิและกุมิยะ
“เอ่อ เธอสังเกตมั้ยว่ามีคนกำลังพูดถึงเราอยู่น่ะ” ชายหนุ่มที่ถูกพาดพิงหันไปมองหน้าหญิงสาวข้างๆ
“ชี้ด้วย ต้องพูดถึงพวกเราแน่ๆเลย” หญิงสาวผมเขียวที่มองเพื่อนผมขาวทั้งสองซุบซิงเสียงดังในระยะเผาขนเห็นด้วย
‘อะแฮ่ม’ เธอและเขากระแอ็มขึ้นพร้อมกัน
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่า?” อิโนะสะดุ้ง
“ฉันต้องถามนายมากกว่านะว่ามีอะไร แซวไม่เลิก อย่าให้มีบ้างเถอะ” กุมิยะทำหน้าทะเล้นใส่เพื่อน
“นาย ไม่กดลิฟท์แล้วมันจะมามั้ยเนี่ย?” รินโวยวายเมื่อเห็นเลนยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าลิฟท์
“เดี๋ยวมันก็มาแล้ว จะโวยวายทำไมเนี่ย”
“ก็ถ้าไม่กดก็คงไม่มาหรอก นี่ อาจารย์ใกล้เข้าแล้วน้า เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี” รินเร่งเมื่อเห็นว่าเลนไม่ยอมกดลิฟท์สักที ด้วยว่าลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์ที่เพิ่งซ่อมเสร็จได้ไม่นาน และความที่จุดที่พวกเขายืนอยู่เป็นจุดอับทำให้แสงส่องมาไม่ถึง และปุ่มก็เล็กจนต้องเพ่งเล็งอยู่หลายครั้งจึงใช้เวลาสักพักกว่าเลนจะกดลิฟท์ได้
“เลน กดลิฟท์สักทีสิ” รินเร่ง เลนหันมาจ้องดวงตาสีฟ้าที่จ้องอยู่ก่อนแล้วเชิงบอกให้เงียบ
“เดี๋ยวสิ มันมืด ฉันมองไม่เห็น” พอดีกับที่มือเรียวกดชั้นที่ต้องการได้สำเร็จ
“เฮ่อออ เชื่อเขาเลย” รินถอนใจยาว จนกระทั่ง ‘ติ๊งต่อง…’
“ลิฟมาแล้ว!” ดูท่าทางรินจะตื่นเต้นกว่าคนอื่น
“เอ่อ รินจัง เป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ?” เอียหันไปมองเพื่อนสาวผมเหลืองที่กระโดดเข้าลิฟท์ไปก่อนใคร ส่วนตัวเองก็วิ่งตามเข้าไปแทบจะทันที
“รินอยู่ในโหมด alert น่ะ” เลนตอบ
ทุกคนเดินออกมาจากลิฟท์แล้วตรงไปที่โรงอาหารเพื่อหาข้าวกิน ก่อนที่เวลาพักจะหมดลง
เมื่อกินข้าวเสร็จก็ใกล้เวลาเข้าคลาสแล้ว ทุกคนตรงไปที่ลิฟท์ตัวเดิม ก่อนที่รินจะเดินไปกดลิฟท์ขึ้นชั้น 9 ซึ่งห้องเรียนของพวกเขาตั้งอยู่
“รีบเข้ามาสิ เดี๋ยวไม่ทันน้า” เสียงของสาวผลเหลืองร้องเรียกให้ทุกคนเข้าไป และแล้ว ประตูลิฟท์ก็ปิดลง เมื่อประตูลิฟเปิดอีกครั้ง ทุกคนก็เดินตรงกลับห้องตามปกติ
“ริน ไหวหรือเปล่า” เลนถามเมื่อสังเกตเห็นรินหน้าซีด
“เอ่อ วะ… ไหวสิ แค่นี้สบายมาก”
“รินเป็นอะไรเหรอ” กุมิถาม
“ฉันว่ารินจะเป็นลมน่ะ ตัวเย็นเฉียบเลย” เลนพูดพลางจับแขนรินที่เย็นขึ้นมา
“หน้าซีดจริงๆด้วย” อิโนะว่า
“ริน เธอเข้าไปนั่งข้างในก่อนนะ จับมือฉันไว้แน่นๆล่ะ เดี๋ยวจะล้ม” เลนส่งมือให้รินจับมั่นไว้ เขาประคองร่างบางให้นั่งลงที่โต๊ะของเธอเอง
“รู้สึกยังไงบ้าง”
“บอกไม่ถูก เวียนหัวแปลกๆอ่ะ”
“งั้นนั่งรอแป๊บนึนะ เดี๋ยวฉันไปเร่งแอร์ให้” เลนเดินไปเร่งความเย็นของเครื่องปรับอากาศท่ามกลางสายตาเพื่อนๆนักศึกษากว่าสามสิบชีวิต ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อเอาผ้าเช็ดหน้าของเขาไปชุบน้ำแล้วมาเช็ดหน้าให้ริน
“ขอบใจน้า ฉันคิดว่านาย”
“คิดว่าฉันทำไมเหรอ?”
“ก็คิดว่า นาย จะไม่ห่วงฉันซะแล้ว”
“ห่วงสิ จะไม่ห่วงได้ไง กลับบ้านไปต้องรีบนอนพักนะรู้มั้ย แล้วเรียนไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวฉันจะพาเธอไปห้องพยาบาล แล้วเดี๋ยวฉันจะเลคเชอร์ให้”
“มะ… ไม่เป็นไรจ้ะ” รินตอบทั้งที่ยังหน้าซีด
“สรุปเธอเป็นอะไรเนี่ย?” เสียงของกุมิยะถามขึ้น “ปกติขึ้นลิฟท์ก็ไม่เห็นมีอาการแบบนี้นี่นา”
“ฉันว่า รินจังคงจะเป็นลมเพราะน้ำส้มละมั้ง” เอียพูดพลางยิ้มขำ
“น้ำส้ม...” อิโนะตะลึงกับข้อสังเกตของเพื่อนสาว
“มันเกี่ยวอะไรกับน้ำส้มเหรอ?” กุมิสงสัย
“น้ำส้มเนี่ยนะ” ทุกคนหน้าเหวอ แม้แต่รินเองก็เหมือนกัน
“ปกติ ฉันไม่เคยเห็นรินจังดื่มน้ำส้มหลังกินมื้อเที่ยงเลยนะ” เอียวิเคราะห์
“นั่นสิ แต่วันนี้รินซื้อน้ำส้มมานี่นา” กุมิว่าพลางนึกถึงแก้วบรรจุน้ำส้มที่รินดื่มไปเมื่อกลางวัน
“เอีย ทฤษฎีของเธอมันเป็นอะไรที่พิลึกที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลยนะเนี่ย” กุมิยะพูดพลางยิ้มน้อยๆ
“แหม ฉันก็แค่วิเคราะห์น่า มันอาจจะไม่จริงก็ได้ใครจะไปรู้”
“หมายความว่า สิ่งที่เธอพูดมันสามารถเกิดขึ้นได้งั้นเหรอ? เป็นลมเพราะน้ำส้มเนี่ย?” อิโนะถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน” สาวผมขาวตอบหน้าตาย
“อ้าว” ทุกคนส่ายหน้า
“รินจังเป็นไงบ้าง?” เอียชวนเปลี่ยนเรื่อง พลางหันไปมองใบหน้าซีดเซียวของเพื่อนสาวผมเหลืองข้างๆ ด้วยความห่วงใย
“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ แค่มึนๆ นิดหน่อย” รินตอบ
“ไปห้องพยาบาลมั้ย?” กุมิถาม
“ไม่หรอกจ้ะ ฉันไหว” รินตอบอย่างมั่นใจก่อนจะชูนิ้วโป้งให้
“กลับไปอย่าลืมไปนอนพักนะรินจัง เดี๋ยวเป็นไข้ขึ้นมาจะยุ่ง หนาวๆ แล้วยังกินน้ำส้มอีก” เอียบ่นเล็กน้อยพลางเอามือแตะหน้าผากเพื่อนสาวเบาๆ
“นี่ไงตัวอุ่นๆ ด้วย ทนอีกชั่วโมงนะจ๊ะ เดี๋ยวให้เลนพาไปส่ง^^” ว่าพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เพื่อนข้างๆ ทำเอาคนถูกพูดถึงหน้าร้อนฉ่าขึ้นมา
“อะ… เอีย พูดอะไรน่ะ ห้องฉันกับรินก็อยู่ใกล้ๆ กันอยู่แล้วนี่”
“แล้วไง ฉันบอกให้นายไปส่งรินด้วยน่ะ” กุมิยะพูดเสียงเรียบแต่ก็มีแววล้อเลียนอยู่ในที
“นายก็เอากับเขาด้วยเหรอ?” เลนถาม เขาไม่นึกเลยว่าหนุ่มแว่นผู้เย็นชาข้างๆ จะมีคำพูดแบบนี้กับเขาด้วย
“เออ ส่วนเธอ…” ชี้ไปที่กุมิ “วันนี้กลับกับฉันละกัน” ทุกคนตะลึงงันกับคำพูดประโยคนั้น
“ฉะ… เอ่อ” สาวผมเขียวอึ้งเล็กน้อย เธอพยายามตั้งสติก่อนพูดว่า
“ฉะ… ฉันไม่ได้ขอนะ”
“เธอไม่ได้ขอ แต่ฉันอยากให้กลับด้วยนี่ ห้องก็อยู่ข้างๆ กันแท้ๆ”
“กุมิยะ นายกินน้ำแครอทไม่เขย่าขวดหรือเปล่า?” กุมิถาม
“เปล่าซะหน่อย” ชายหนุ่มนึกอยากเขกหัวเพื่อนสาวแสนซื่อบื้อนี่จริงๆ หนอย เราหรืออุตส่าห์ชวนกลับบ้านด้วยกัน กลั้นเขินแทบตาย ไหงกุมิเข้าใจผิดไปได้เล่า
บทสนทนาหยุดลงพร้อมกับอาจารย์ผู้สอนเดินเข้ามาในห้อง ทุกคนจึงเปลี่ยนโหมดเข้าสู่โหมดจริงจัง ก่อนที่อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาจะถึงเวลาเลิกคลาสพอดี
พวกเขาเดินลงมาข้างล่างโดยบันได ไม่ได้ลงลิฟท์เหมือนอย่างเคย เพราะ…
“ย่อยอาหารไงย่อยอาหาร” นี่คือเหตุผลของกุมิ
“จะบ้าเหรอ มันย่อยไปตั้งแต่เรียนแล้วเหอะ” และก็เป็นกุมิยะอีกแหละที่คอยขัดอยู่เรื่อยไป
“น่าๆ ทั้งสองคน กลับกันเถอะ วันนี้นายกลับยังไงกุมิยะ?” อิโนะถาม
“รถเมล์” หนุ่มแว่นตอบ
“โอเค งั้นฉันกับเอียไปก่อนนะ จะไปหาของกิน^^” หนุ่มผมขาวหันมาสบตาเพื่อนสาว ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินจากไป ทิ้งให้สี่คนที่เหลือยืนงงอยู่ตรงนั้น
“ริน เธอกลับยังไงเหรอ?” กุมิถาม
“รถเมล์จ้ะ หอฉันกับกุมิจังก็อยู่ที่เดียวกันนี่นา แต่คนละชั้นแค่นั้นไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ๆ กลับด้วยกันน้า^^” กุมิหันไปอ้อนเพื่อนสาวข้างๆ
“แหม มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่ ไปกันเถอะทุกคน” รินเดินนำทุกคนไปที่ป้ายรถเมล์ด้วยท่าทางร่าเริง
“ริน นั่นเธอไม่เป็นไรแล้วเหรอ?” คำพูดของเลนทำให้หญิงสาวชะงัก ความมึนและปวดหัวเริ่มกลับมาอีกครั้งจนเจ้าตัวยืนโงนเงนทำท่าจะล้ม จนเลนต้องคอยพยุง
“ฉันบอกแล้วไง ไม่ไหวก็อย่าฝืน” เจ้าตัวว่าในขณะที่ยังคงไม่ปล่อยมือจากร่างบาง
“อ๊ะ รถเมล์มาแล้ว” กุมิเดินนำขึ้นไปก่อนคนแรก
นั่งบนรถเมล์ไม่นานก็ถึงแมนชั่น ทั้งสี่คนเดินเข้าไปข้างในด้วยกัน ก่อนจะแยกกันตรงบันได
“เจอกันพรุ่งนี้นะ” รินพูดก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับเลน
“กลับกันเถอะ” กุมิยะว่าก่อนจะเดินนำขึ้นบันไดไปชั้นสิบสอง (แล้วทำไมไม่ขึ้นลิฟท์ฟะ?//ไรต์)
“นี่ กุมิยะ วันนี้เราไปกินราเมนกันมั้ย?” กุมิถาม
“เอาสิ ร้านข้างๆ แมนชั่นใช่มั้ยล่ะ?”
“ใช่เลย ร้านนั้นทำอร่อยมากเลยละ” ยิ้มไปด้วยขณะพูด ชายหนุ่มหยุดมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง ก่อนจะพยักหน้า
“จริงเหรอ? ดีใจจังเลย เย็นนี้เจอกันข้างล่างนะ” เธอนัดหมายเสร็จสรรพ ก่อนทั้งคู่จะเดินเข้าห้องไป
Tbc
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 833
ความคิดเห็น
รู้น้า ที่เดินขึ้นบันไดไม่ใช้ลิปท์อะ
แสดงความคิดเห็น