บทที่ 9 หยุดยั้ง 2s
แสงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าไปอย่างช้า ๆ สายลมยามเย็นค่อยๆพัดพาความอบอุ่นของฤดูร้อน บรรยากาศที่ไม่ค่อยเย็นสบายช่างเหมือนกับจิตใจของไบรท์ในยามนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนบ่ายของวันนี้ ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังระเหยลอยชายอยู่กับเพื่อนๆของเขา ทันใดนั้นเองท้องฟ้าที่สว่างสดใสอยู่ดีๆพลันกลับกลายเป็นมืดมน
พลังเวทย์มนต์แผ่พุ่งไปรอบๆบริเวณ พลังเวทย์ที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยแต่เป็นเพลังที่มหาศาลทำให้เด็กหนุ่มรู้ตัวได้ทันทีว่าตนเองนั้นอยู่ห่างชั้นเพียงใด
ไบรท์กำมือแน่นก่อนที่จะทอดสายตามองไปยังแผ่นฟ้ากว้าง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาอยากได้ มันเป็นสิ่งที่เขาถวินหา พลังและอำนาจ พลังของจักรพรรดิ ท้องฟ้ากำลังค่อย ๆ แย่ออก ระหว่างที่ไบรท์กำลังคุ้นคิดคำนึงอยู่นั้นเขากลับรู้สึกถึงมือหนึ่งที่สัมผัสกับหัวไหล่
ไบรท์เหลียวหน้ากลับไปมองทำให้ไบรท์เห็นรอยยิ้มของชายหนุ่มผมฟ้า “นายสนใจกลับท้องฟ้าที่กำลังค่อย ๆ แยกออกหรอ”
“ใช่ ฉันอยากรู้จริงว่าตอนนี้มันกำลังเกิดอะไรกัน”
“ตามตำนาน หากท้องฟ้าแยกออกแสดงว่ามีนักเวทที่มีพลังมหาศาลกำลังปะทะกัน พลังที่แผ่ออกมานายคุ้นเคยใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ฉันรู้เลยล่ะว่าพลังแบบนี้มันเป็นของใคร พลังของย่าแอนนากับปู่โยดา”
รูรุพยักหน้ารับ “ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกเขากำลังปะทะอยู่กับใคร แต่พลังที่พวกเราสัมผัสได้มันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของพลังเท่านั้น ไบรท์นายยังจำได้ไหมว่าพวกเนกิกับจอนห์เคยถามอะไรกับนายตอนฝึก”
ไบรท์พยักหน้ารับ “จำได้ พวกนั้นถามฉันว่าทำไมฉันถึงอยากได้พลัง ทำไมฉันถึงอยากเก่ง”
“แล้วนายตอบได้แล้วหรือยัง”
สิ้นคำกล่าวของรูรุ เด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับ “แน่นอน ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันอยากได้พลังไปทำไม
“พลังที่บยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบนะ”
วันนี้เป็นวันแรกที่ไบรท์ได้ไปศึกษาและไปลองค้นคว้าวิชาที่ตนเองสนใจ เขารู้ได้ทันทีว่าตนเองนั้นสนใจวิชาอะไร วิชาที่เขาสนใจก็คือวิชายุทธเวท วิชานี้เป็นวิชาที่จะสอนเรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์ผสมผสานกับวิทยายุทธแขนงต่างๆที่สามารถใช้ต่อสู้ได้จริง
แต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาคนที่จะสอนวิชาให้กับเขา ไบรท์กับพบว่าตอนนี้อาจารย์ที่จะถ่ายทอดวิชาให้กับเขานั้นไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ อาจารย์คนนั้นถูกส่งตัวไปทำภารกิจบางอย่าง เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเซ็งอย่างไม่รู้จะกล่าวเช่นไร สิ่งที่เขาทำได้ก็คือพัฒนาพลังฝีมือตนเองให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะสามารถจดจำเวทมนตร์ได้รวดเร็วราวกับว่ามันถูกบันทึกลงในสมองของตนเองแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เขาขาดไปก็คือพลังเวทย์
ไบรท์ได้บอกกับพวกของตนเองว่าวันนี้ไม่ต้องรอเพราะเขาจะไม่ได้กลับบ้าน เขามุ่งหน้าไปยังป่ามรณะสิ่งที่เขาได้ต่อสู้เป็นครั้งแรกป่าแห่งนี้เป็นป่าที่เขาได้ใช้เวทมนต์อย่างจริงจัง และยังได้ใช้เวทย์อัญเชิญอัญเชิญมินาโตะมายังโลกใบนี้
ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะส่งหญิงสาวกลับบ้าน แต่ทว่าด้วยความรู้ความสามารถอันน้อยนิดของเขาทำให้ไม่สามารถอัญเชิญเธอกลับไปได้ แถมยังการทำพันธสัญญาของพวกเขาทั้งสอง ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังตกอยู่ในภวังค์นั้นเองเขาก็เดินมาถึงเป้าหมายของตนอย่างไม่รู้ตัว
ป่ามรณะแห่งนี้เป็นที่ที่พวกเขาใช้ฝึกฝนร่างกายกับพวกของจอนห์เนื่องจากการฝึกการต่อสู้กับกับชายหนุ่มนั้นต้องใช้พื้นที่ที่กว้างใหญ่ การฟันดาบของจอห์นแต่ละครั้งกินบริเวณมหาศาลสร้างความเสียหายไปโดยรอบเพราะฝีมือดาบของชายหนุ่มนั้นไร้ผู้ต้านทานหาตัวจับได้ยากของโลกใบนี้
ถึงแม้ว่าไบรท์จะไม่สามารถเข้าไปยังส่วนลึกของป่ามรณะแห่งนี้ได้ แต่ว่าหากนั่งอยู่รอบๆหรืออยู่รอบนอกมันก็ยังเป็นไปได้ หากถามว่าจะมีผู้อื่นมารบกวนการฝึกของเขาหรือไม่ คำตอบคือไม่มีทางเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบอยู่ที่นี่ อาจจะเป็นเพราะว่าป่าแห่งนี้นั้นหน้าหวาดกลัวในบริเวณที่มีความเยือกเย็น ราวกับมีบางสิ่งจับจ้องมองอยู่ไม่ห่าง
ไบรท์เดืนไปมองยังต้นไม้บางส่วนที่มีรอยใบดาบของจอนห์กับเขา ส่วนไม่ผ่านก้อนหินที่อยู่ตรงข้างเป็นที่ที่ไบรท์ใช้ฝึกฝนเวทมนตร์กับพวกเนกิ ความจริงตอนแรกของการฝึกฝนไบรท์ก็ได้ฝึกที่บ้าน แต่ว่าต่อมาพอการฝึกสามารถทำได้รวดเร็วทำให้พวกไบรท์ต้องย้ายที่ฝึกมายังณ ที่แห่งนี้
เนกิเคยเล่าให้ฟังว่า ณ ป่ามรณะนั้นมีบางตำนานเคยกล่าวไว้ว่าที่แห่งนี้เคยเป็นที่ที่มีผู้คนล้มตายนับไม่ถ้วน ร่างกายของพวกเขาถูกฝังไว้ใต้พื้นดินที่เย็นยะเยือก เด็กหนุ่มตัดสินใจนั่งลงแล้วรวบรวมพลังเวทย์
เขาตัดสินใจแล้วว่าต่อให้เขาจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดมากมายเพียงใดเขาก็จะพัฒนาพลังเวทย์ของตนเองให้กลายเป็นระดับของผู้ใช้เวทไม่ได้ การที่จะกลายขีดจำกัดของเวทมนตร์แต่ละครั้งต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับเลือดตกยางออก แต่ว่ามันก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดอันมหาศาลเหมือนกับร่างกายจะถูกฉีกออกจากร่าง
ไบรท์ค่อยๆนำพลังธาตุของตนแปรเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์และรวบรวมมันเข้ามาไว้ในหัวใจ วงเวทย์ทั้ง 10 ค่อยๆหลอมรวมกันอย่างช้าๆมันเริ่มมีสีชัดเจนขึ้น เมื่อมันรวบรวมและขยายตัวเป็นวงเวทย์ที่มีความใหญ่โตกว่าเดิม 1 เท่าตัวแสดงว่าตอนนี้เขาได้เข้าสู่นักเวทย์ระดับต่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้ใช้เวทย์เป็นนักเวทย์ขั้นที่ 2 ซึ่งเป็นขั้นมาตรฐานของนักเรียนโรงเรียนเวทมนตร์ แต่ว่าเด็กหนุ่มนั้นยังอยู่แค่นักเวทฝึกหัดระดับ 10 อยู่ ที่ผ่านมาเขาไม่ใส่ใจในการเพิ่มพลังเวทย์มากนักหลังจากที่ความทรงจำเขาฟื้นฟูกลับมาหรือต้องบอกให้ถูกก็คือตัวตนของตนเองได้กลับมาต่างมิติพลังเวทย์ของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นจากระดับ 5 กลายเป็นระดับ 10
แต่ข้อเสียที่เขาพบก็ขับตามมาตอนนี้เด็กหนุ่มสามารถใช้พลังธาตุได้ถึง 3 ธาตุ ได้แก่ธาตุลม ธาตุไฟ และธาตุน้ำ ธาตุลมกับธาตุไฟเป็นธาตุที่เขาใช้บ่อยที่สุดทำให้การเพิ่มพลังให้ไปสู่จุดสูงสุดนั้นไม่ยาก แต่ธาตุน้ำเป็นธาตุที่เขาไม่ค่อยได้ใช้ เวลาใช้ธาตุน้ำทำให้เกิดอุปสรรคมากมายหลายประการอย่างเช่นไม่สามารถดึงไอน้ำออกมาจากอากาศได้
พลังเวทย์ค่อยๆมารวมกันอย่างช้าๆวงเวทย์ที่มีขนาดเล็กประมาณ 1 ฝ่ามือค่อยๆรวมตัวกัน หลังจากนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็นวงเวทย์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นประมาณ 2 ฝ่ามือ ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มพันสัมผัสถึงพลังธาตุในร่างกายที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล ความร้อนหนาวเหน็บและเย็นยะเยือกค่อยๆเข้าประเดประดังเข้าสู่ร่าง ร่างกายเกิดความหนาวสั่นหลังจากนั้นก็ร้อนหลังจากนั้นก็เย็นยะเยือก โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของตนเอง
เขาตัดสินใจกัดฟันกรอด อดทนกับความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนกับไฟธาตุกำลังเข้าแทรกร่างกาย แต่ทว่าสติของเขาก็ไม่สามารถรับได้ ร่างกายค่อยๆไร้ความรู้สึกหนังตาค่อยๆดับก่อนที่จะค่อยๆหมดสติลง ไบรท์ยังไม่เข้าใจเลยว่าร่างกายของเขาเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่เขาจะค่อยๆไร้ความรู้สึกเด็กหนุ่มพันได้ยินเสียงบางอย่างตะโกน เสียงนั้นเขารู้สึกคุณเขยเขาพยายามลืมตาที่จะไปมองแต่ทว่หนังตากับหนักราวกับมีบางสิ่งบางอย่างถ่วงมันเอาไว้
ในขณะที่ประตูมิติกำลังถูกทำลายอย่างช้า ดารุณีนางหนึ่งกลับจับจ้องมองมันก่อนที่จะยิ้มออกมา เธอไม่คิดเลยว่าเวลาที่หล่อนจะได้ไปเจอกับคนรักของตนเองมันจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ซินเทียรู้ดีว่าตอนที่เจอกับผู้อันเป็นที่รักของตนเองตอนนั้นเด็กหนุ่มยังมีความรู้และพลังเวทไม่มากนัก
การต่อสู้ครั้งนั้นที่ต้องต่อสู้กับผู้คุมกฎทั้งสามเป็นเพราะว่าหล่อนไม่อยากจะใช้พลังที่แท้จริง
หากเธอใช้พลังที่แท้จริงพระเจ้าทั้ง 3 ที่อยู่เบื้องบนในมิติแห่งนี้ต้องตรวจสอบและต้องไล่ล่าเธอ การข้ามไปยังไม่ตื่นนั้นหาใช่เรื่องที่ทำได้โดยง่าย หากไม่ใช่เพราะมีคนเปิดไม่ติให้ข้ามก็คงไม่สามารถกระทำได้
แต่ว่าสำหรับเธอนั้นต่อให้ต้องสูญเสียอะไรเธอก็จะข้ามไปหาผู้ชายอันเป็นที่รักของเธอ ความรักต่อเมื่อแรกพบนั้นช่างมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาดสำหรับผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับความรักเช่นเธอ เธอยิ้มออกมาก่อนที่จะค่อยๆลดพลังระดับตัวเอง จากเดิมที่อยู่ในขั้นจักรพรรดิลดเหลือเพียงนักรบเวทย์เท่านั้น
ระหว่างที่พวกเผ่ามารกำลังทยอยไปโลกฝั่งนั้นเธอเองก็จะปะปนไปด้วยเช่นกัน
ณ ที่แห่งหนึ่งใจกลางมหานครวิทาเรีย ณ พงไพรที่ห่างไปไกลแสนไกล ต้นไม้ปกคลุมไปรอบๆบริเวณไร้ซึ่งแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ส่องมาถึง ณ ใต้ดินที่มิมีใครย่างกลายใครพบเห็น หญิงสาวมีนามว่ามิคาเอลผู้ที่มีตาสองสีหรือราชาแห่งอาณาจักรแห่งนี้เรียกเธอว่าผู้ผู้ข้ามเวลา มองผลงานที่กำลังเกิดขึ้นอย่างพึงพอใจ เบื้องหน้าของหล่อนนั้นกำลังเกิดรอยแยกมิติขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนัก รอยแยกห่งนี้สามารถให้พวกเขามารที่มีแรงค์จีถึงแรงค์เอเข้ามาได้โดยง่าย ในระหว่างที่เธอกำลังยิ้มพึงใจกับผลงานความสำเร็จของเธอนั้น ทันใดนั้นเองเธอพลันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลทั้ง 3 สายที่กำลังพุ่งตรงมาทางเธอ
หล่อนเลิกคิ้วแต่ว่าหาใช่ความประหลาดใจที่ทั้ง 3 ผู้คุมกฎกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ไม่ แต่สิ่งที่เธอประหลาดใจเหตุใดทั้ง 3 ผู้คุมกฎถึงไม่สามารถมาหาเธอได้เร็วกว่านี้ โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอไม่ได้ต่อสู้อยู่เพียงลำพัง
สองหนุ่มสองชรามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร รอแยกมิติที่ค่อยๆกำลังแยกออกมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้พวกเขาคงไม่สามารถทำเช่นไรได้อีกแล้ว มิหนำซ้ำการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่มันเกิดได้โดยง่ายแต่มันมีผู้ให้การสนับสนุน มันก็คืออาณาจักรทั้ง 2 ที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับอาณาจักรบาบิโลน
วินถอนหายใจออกมา “ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะมาถึงจนได้ เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าพวกเราประมาทไปจริงๆ หากพวกเราวางแผนให้รัดกุมไม่สิหากพวกเราตัดสินใจเรื่องนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้น”
“อาจจะคิดเสียดายอะไรตอนนี้มันก็คงสายไปแล้ว ฉันว่าตอนนี้เราควรที่จะวางแผนใหม่ การที่ 2 อาณาจักรทำแบบนี้แสดงว่าพวกเขาตั้งใจฝ่าฝืนข้อตกลงของ นาย ดังนั้นฉันคิดว่าพวกเราควรที่จะไปยังโรงเรียนบาบิโลเนีย”
สิ้นคำกล่าวของเมฆา ชายชราก็พยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้ว เมฆาพูดถูก สิ่งที่พวกเราทำได้ในตอนนี้ก็คือถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้กับลูกศิษย์ของพวกเรา ถ้าพวกเรายังคงวิชาอยู่แล้วก็ต่อไปพวกเราจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ฉันรู้ดีว่าท่านเองก็คงไม่อยากยุ่งกับเรื่องของยุคสมัยนี้ใช่ไหมท่านวิน ฉันจะทำเหมือนเช่นดังยุคของท่านก็ได้ แต่ว่าหากท่านทำเช่นนั้น ข้าเกรงว่าการสูญเสียมันจะ ที่เคยเกิดกับพวกท่านก็คงจะเกิดในยุคนี้อย่างไม่จบไม่สิ้น”
วินมองหน้าของชายชราก่อนที่จะยิ้มในใจ เขารู้แล้วว่าทำไมวันนี้มันถึงมีผลรับและเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ได้ “เข้าใจแล้วมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็ย่อมได้ฉันจะไปยังอาณาจักรบาบิโลเนีย แต่ว่าฉันมีข้อเสนอ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 162
แสดงความคิดเห็น