กรุ่นรักละมุนใจ 3: น้ำใจที่ให้ไป

-A A +A

กรุ่นรักละมุนใจ 3: น้ำใจที่ให้ไป

            ตั้งแต่วันที่ทราบสเปกชายในอุดมคติของแพทย์สาว เกียรติคุณก็พยายามเปลี่ยนแปลงตนเองมาตลอดหลายวัน เขาพยายามออกกำลังกายลดหุ่นเพื่อให้ดูดีขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่ายตรงๆอยู่ดี ที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาล ก็มักจะหมกตัวอยู่แต่หลังร้าน
จะออกมาข้างนอกก็ต่อเมื่อรู้ว่าเธอคนนั้นกลับไปแล้วเท่านั้น พอกลับมาที่บ้านในไร่ หากรู้ว่าวันใดวรัทยา
จะมาติวให้น้องสาว ก็จะหลบอยู่ในบ้าน ไม่งั้นก็เข้าไปวิ่งในตัวไร่ใกล้ๆ แทน

 

            ประตูกระจกร้าน1+1mm. Coffee สาขาในโรงพยาบาลอำเภอถูกมือเรียวผลักเข้ามาอีกครั้ง
ก่อนเจ้าของร่างโปร่งจะเดินไปสั่งรายการที่เคาน์เตอร์อย่างคุ้นเคย เพียงเห็นหน้าหญิงสาว พนักงานรับออร์เดอร์ก็รู้ทันทีว่าเธอจะสั่งอะไร

            “เหมือนเดิมจ้ะ” วรัทยาบอกเด็กสาวหลังเคาน์เตอร์ แล้วจึงหันกลับไปสำรวจโต๊ะในร้านว่า
ยังมีที่ว่างเหลืออยู่หรือไม่ เมื่อเห็นว่าที่ประจำของเธอ
ยังไม่มีใครจับจองก็สาวเท้ายาวๆ เข้าไปนั่งทันที

            ขณะนั่งรอเครื่องดื่มมา แพทย์สาวก็เปิดข้าวกล่องที่นำมาด้วยกินไปพลางๆ กว่าจะได้พักเวลาก็เลยเที่ยง
มามากแล้ว

            ตอนนี้ภายในร้านยังมีลูกค้าเข้าออกเรื่อยๆ
เธอสังเกตว่านอกจากวันนี้บนเคาน์เตอร์สั่งออร์เดอร์
จะมีกล่องลายสวยน่ารักๆ เขียนป้ายติดไว้เด่นหราว่า ‘บริจาคเพิ่มเติมช่วยพี่น้องในสถานการณ์โควิด’ วางอยู่
ก็เหมือนพนักงานร้านจะแจกเจลแอลกอฮอล์ขวดจิ๋ว
ให้ลูกค้าอีก และดูหลายคนทั้งที่นั่งดื่มในร้าน หรือซื้อออกไปกินข้างนอกจะมีความสุขกับแก้วเครื่องดื่ม
ของตนเองเป็นพิเศษด้วย

            ผ่านไปครู่หนึ่ง กาแฟที่สั่งไว้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ พนักงานร้านพูดจาด้วยความเป็นมิตรอย่างเคย พอเอาเครื่องดื่มมาให้เสร็จก็กลับไปทำงานต่อ

            เมื่ออยู่ตามลำพัง มือเรียวก็จับแก้วกาแฟหมุนดูข้างแก้วทันที อยากรู้ว่าวันนี้ใครคนนั้นจะเขียนข้อความถึงเธออย่างไรบ้าง แม้ปกติเวลามีใครมาจีบจะไม่ค่อยสนใจมากนัก ทว่าข้อความที่มากับแก้วกาแฟของคาเฟ่นี้กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจและอยากอ่านทุกวันได้ทุกครั้ง

            จะว่าไป จีบงั้นหรือ เจ้าของข้อความข้างแก้วกาแฟอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้ เขาหรือเธอคนนั้น
คงอยากแค่เป็นกำลังใจให้เธอในฐานะอาชีพหนึ่งที่ต้องทำงานหนักในช่วงนี้มากกว่า แต่ทำไมถามเพื่อนแพทย์

คนไหนๆ ก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ได้รับข้อความพิเศษอย่างเธอเลยสักคน

            ตกเย็น พรรษามาติวให้กัลยาณีแทนวรัทยา ที่ต้องเข้าเวรต่อจนถึงเช้าของอีกวัน เธอขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจมาที่ไร่ตามลำพัง เพราะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไร การที่จะมีรถยนต์ขับอย่างใครเขาจึงค่อนข้างไกลตัวสักหน่อย

            ขับมาได้ครึ่งทาง ก้อนเมฆสีเทาหนาหนักก็เคลื่อนเข้ามาบดบังท้องฟ้าโล่งสดใส บรรยากาศรอบกาย
เริ่มอึมครึมครึ้มฟ้าครึ้มฝน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีเค้าลางแม้แต่น้อย พรรษาสังเกตความเปลี่ยนแปลงนั้นได้
ในใจเริ่มกังวลว่าฝนจะเทลงมาก่อนถึงที่หมายหรือไม่
แต่ท้ายที่สุด เธอกับรถมอเตอร์ไซค์เพื่อนยากก็มาถึงทันเวลาที่ฝนกำลังจะลงพอดี

            “อ้าว! พี่หมอมาพอดีเลยค่ะ หนูกำลังจะเดินไปดู
ที่ร้านอยู่เลย” กัลยาณีเดินพ้นประตูบ้านไม่เท่าไหร่
ก็เหลือบเห็นแพทย์สาวกำลังลงจากรถมอเตอร์ไซค์มาพอดี

            คนถูกทักหันมามอง ก่อนพบว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ พลางถือร่มบังฝนให้

            “เปียกมากไหมคะ จะไปเปลี่ยนชุดที่บ้านหนูก่อนไหมคะ” เด็กสาวถามด้วยความมีน้ำใจ

            “ไม่ล่ะ พี่เพิ่งโดนฝนไปนิดหน่อยเอง ได้อยู่” พรรษาหยิบกระเป๋าสะพายหน้าตะกร้ารถขึ้นมาคล้องไหล่ มืออีกข้างถือหมวกกันน๊อกอยู่

            “ตอนแรกนึกว่าพวกพี่หมอจะไม่มาวันนี้ เห็นพี่กวินบอกว่าส่งข่าวที่มรสุมจะเข้าฝากให้พี่สักหลาด
ไปบอกพวกพี่แล้ว แต่พี่หมอกล้วยไม้เพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าพี่หมอนานาจะเข้ามา หนูเลยออกมาดู
นี่แหละค่ะ” กัลยาณีเล่าให้พรรษาฟัง พอเห็นว่าแพทย์สาวเตรียมของเสร็จแล้วก็ชวนกันออกเดินมาที่ร้านกาแฟ
หน้าบ้าน

            “ไม่เห็นมีข้อความอะไรถึงพี่นี่ กล้วยไม้ก็ไม่ได้พูดอะไร บอกแค่ให้พี่มาแทนหน่อยเท่านั้น” พรรษาแปลกใจ

            “อ้าว! หรือว่าพี่สักหลาดลืมบอกพวกพี่ๆ ล่ะเนี่ย
พี่หมอนานาเลยต้องขับรถฝ่าฝนมาแบบนี้”

            “หรือกล้วยไม้จะลืมบอกพี่เองหรือเปล่า? แต่เรื่องสำคัญแบบนี้ไม่น่าลืมได้นะ”

            “เย็นนี้พายุเข้าด้วย แล้วแบบนี้พี่หมอนานาจะกลับยังไงล่ะคะเนี่ย?”

            “ถ้าพายุไม่หยุดง่ายๆ อาจต้องฝ่าฝนไป อย่างน้อยพี่ก็ยังพกเสื้อกันฝนไว้ใต้เบาะรถ พรุ่งนี้มีงานเช้าด้วย”

            “แย่จริงๆ เลยพวกพี่กวินเนี่ย เดี๋ยวเจอหน้าจะว่าให้สักที”

            “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ความจริงอาจไม่ใช่ความผิดของพวกพี่เขาก็ได้นะ ลองถามพวกเขาอีกที
พี่ก็จะถามกล้วยไม้ดูด้วย”

            “ตะกี้หนูก็ส่งข้อความกลับไปหาพี่กล้วยไม้นะคะ แต่พี่เขายังไม่ตอบกลับมา สงสัยจะไม่ว่าง”

            “หนูส่งข้อความหาพวกพี่กวินแล้วนะคะ พวกนั้นกำลังขับรถใกล้จะถึงบ้านแล้วค่ะ พี่กวินยังบอกอีกว่า
พี่สักหลาดยืนยันว่าส่งข้อความให้พี่หมอกล้วยไม้แล้วค่ะ แต่ส่งให้แค่พี่หมอกล้วยไม้คนเดียว เพราะฝากพี่หมอกล้วยไม้บอกพี่หมอนานาแล้ว แบบนี้ค่ะ” กัลยาณีเห็นหญิงสาวเดินกลับมาจากเข้าห้องน้ำก็เอ่ย

            “งั้นหรือ อย่างนั้นกล้วยไม้คงจะลืมบอกพี่ต่อ”

            “ดูท่าทางฝนจะไม่ซาลงง่ายๆ นะคะเนี่ย ถ้าต้องรอฝนเบาลงกว่านี้จนดึกเดี๋ยวหนูให้พี่สักหลาดไปส่งพี่หมอนานาดีกว่าค่ะ” เด็กสาวกล่าวต่อ

            พรรษาหันมองออกไปนอกระเบียงร้านกาแฟ
ม่านฝนหนาแทบบดบังทัศนียภาพเกือบหมด หากตอนนี้เธอจะขับมอเตอร์ไซค์ฝ่ากลับที่พักเลยคงไม่ไหวแน่

            กระทั่งมหานครและเกียรติคุณมาถึง สถานการณ์พายุก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ด้วยความที่มันค่อนข้าง
ดึกแล้ว ทุกคนจึงชวนแพทย์สาวเข้าไปนั่งรอในบ้าน
ตอนนั้นเอง ที่เธอได้พบเกียรติคุณ เขามานั่งคุยเป็นเพื่อนในฐานะเจ้าของบ้าน โดยมีกัลยาณีและมหานครอยู่ร่วมวงด้วย

            “นี่พี่กวิน พี่ชายแท้ๆ ของหนูเองค่ะพี่หมอนานา” กัลยาณีแนะนำพี่ชายของตนให้แพทย์สาวรู้จักอย่าง
เป็นทางการ

            “ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ค่อยได้ออกไปเจอ
คุณหมอเท่าไหร่” เกียรติคุณบอกด้วยความสุภาพและเกรงใจในสถานะของหญิงสาว

            “ไม่เป็นไรค่ะ” พรรษาบอกด้วยรอยยิ้ม ทุกคน
เห็นว่าอยู่กันเองจึงพากันถอดหน้ากากอนามัยออกเพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น

            “ไอ้หมอนี่แหละครับ ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่ามันมัวแต่ซุ่มออกกำลังกายลดหุ่นเอาใจสาวอยู่” ได้ทีมหานครก็อดกระเซ้าเกียรติคุณไม่ได้

            “อ๋อ...” พรรษารับคำด้วยรอยยิ้ม หันมองคนที่
ถูกเย้าอย่างพิจารณา

            “จริงสิ ผมต้องขอโทษคุณหมอนานาด้วยนะครับ
ที่สะเพร่าไม่ดูให้ดีว่าข้อความที่ส่งไปถึงคุณหมอกล้วยไม้หรือยัง ทำให้คุณหมอต้องมาลำบากแบบนี้” มหานคร
นึกขึ้นได้จึงกล่าวกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะรับแขกด้วยความรู้สึกผิด

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นานาก็เคยเป็นเหมือนกัน นานาเข้าใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
หรอกค่ะ”

            “ยังไงผมก็ต้องไถ่โทษคุณหมออยู่ดีครับ และอยากขอบคุณคุณหมอที่ช่วยออกความคิดเรื่องงานสาธารณประโยชน์และเป็นธุระติดต่อกับโรงพยาบาลให้ด้วยครับ” มหานครพูดจากใจจริง

            “นี่เลยพี่สักหลาด เดี๋ยวฝนซาลงแล้วหนูจะให้ไปส่งพี่หมอนานาที่หอนะ แล้วพรุ่งนี้เช้าก็ไปรับพี่หมอด้วย เดี๋ยวสายๆ ค่อยให้พี่กวินเอารถพี่หมอไปไว้ให้ที่โรงพยาบาลอีกที”

            “ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้เช้าพี่เดินไปโรงพยาบาลเองได้อยู่ มันไม่ได้ไกลจากที่พักมากเท่าไหร่ คุณสักหลาด
ไปส่งนานาที่หอก็พอนะคะ” แพทย์สาวพูดกับเด็กสาวเสร็จก็หันไปบอกชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน

            “คุณหมอพักอยู่ตรงไหนหรือครับ” เกียรติคุณ
ถามขึ้น

            “.....ค่ะ เดินไม่นานก็ถึงแล้วล่ะ” พรรษาบอกพิกัดที่พักของตนเองก่อนจะกล่าวต่อด้วยความเกรงใจ

            “ที่นั่นห่างจากโรงพยาบาลเกือบห้าร้อยเมตร
เลยนะครับ ยิ่งหน้าฝนอีกคงจะเดินลำบาก ผมว่าให้พี่สักหลาดไปรับก็ดีครับ”

            “ไม่ลำบากเลยค่ะ ถ้าคุณสักหลาดต้องรีบออกจากบ้านมารับนานาตั้งแต่เช้าน่าจะลำบากมากกว่าอีกนะคะ”

            “ปกติคุณหมอออกไปทำงานกี่โมงครับ” มหานครถาม

            “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะคุณสักหลาด นานาเดินไปเองได้จริงๆ นะคะ ไม่ลำบากเลย” หญิงสาวพยายามยืนยัน
ให้อีกฝ่ายคลายใจ เพราะเธอไม่อยากรบกวนเขาโดย
ไม่จำเป็น

            “ให้ผมไปรับเถอะครับ ผมอยากไถ่โทษ
ที่เป็นสาเหตุให้คุณต้องมาติดฝนอยู่ที่นี่ แถมต้องทิ้งรถไว้
ไม่มีรถขี่ไปทำงานอีก”

            “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะคุณสักหลาด” หญิงสาว
ยังปฏิเสธอย่างเกรงใจ

            “ให้พี่สักหลาดไปรับเถอะนะคะพี่หมอ อย่าเดินตากฝนโดยไม่จำเป็นเลยค่ะ” กัลยาณีช่วยพูดอีกแรง

            “เอางั้นหรือ” พรรษาไม่ค่อยแน่ใจนัก จะปฏิเสธเรื่อยๆ ก็ดูจะเสียมารยาท จะรีบตอบรับก็กลัวอีกฝ่าย
จะลำบาก

            “เอาอย่างนั้นแหละค่ะ ไม่ลำบากพี่สักหลาด
มากหรอก ยังไงพี่สักหลาดก็ต้องตื่นไปดูร้านเช้าๆ อยู่แล้วค่ะ”

            “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเต็มใจ และยินดี
มากด้วยถ้าจะได้ไถ่โทษและตอบแทนคุณหมอบ้างครับ”
มหานครยืนยันอีกเสียง

            แพทย์สาวยังมีท่าทีลังเล แต่ที่สุดก็ยอมให้
มหานครไปรับ เพราะเห็นเขายืนยันหนักหนาที่จะ
มารับเธอในตอนเช้าพรุ่งนี้ให้ได้ ประกอบกับเธอไม่อยากปฏิเสธมากเกินไปจนเสียน้ำใจกันด้วย

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.