[Short story] When the first love end…
Story by: Chiffon
“พี่ขอโทษนะ แต่ว่า...” น้ำเสียงเรียบๆ ทว่าแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดของชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยออกมาช้าๆ ต่อหน้าหญิงสาวร่างเล็กผมสีช็อกโกแลตที่กำลังยืนตะลึง “พี่ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับชิฟฟอนจริงๆ”
หญิงสาวตั้งสติ ลำคอแห้งผาก สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก กล่องช็อกโกแลตที่ตั้งใจทำสุดฝีมือเกือบจะร่วงลงพื้นแต่ก็ได้มือเรียวของอีกคนคว้าเอาไว้เสียก่อน
“ขอบคุณสำหรับช็อกโกแลต แต่ว่า พี่รับไว้ไม่ได้หรอก เราเอาไปให้คนอื่นดีกว่านะ” เสียงของชายหนุ่มพูดต่อ ก่อนจะพาหญิงสาวเดินกลับมาส่งที่บ้าน
“ขอบใจมากนะที่มาแสดงความยินดีในวันที่พี่จบการศึกษาจากโรงเรียนนี้ หลังจากนี้มีอะไรก็ติดต่อหาพี่ได้เสมอเลยนะ” เสียงของชายหนุ่มพูดขึ้นหลังจากเดินมาถึงประตูบ้านของหญิงสาว
“ขอบคุณมากนะคะพี่มูส” ชิฟฟอนกล่าวขอบคุณก่อนที่ชายหนุ่มจะขอตัวกลับบ้านไป
อีกแล้ว นึกถึงเรื่องนี้อีกแล้ว…
ชิฟฟอนนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอน หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่มักจะลอยเข้ามาทุกทีที่เธออยู่คนเดียว
และมักจะเป็นเรื่องเดิมๆ ทุกครั้ง หญิงสาวพยายามจะลืมเรื่องนี้ให้ได้แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง เรื่องความรักของเธอกับมูส…
ทำไมเขาคนนี้ช่างมีอิทธิพลต่อความคิดของหญิงสาวมากมายเหลือเกิน?...
เธอกับมูสรู้จักกันมาตั้งแต่อยู่มัธยมต้น โดยเขาเป็นรุ่นพี่เธอสองปี หญิงสาวแอบชอบเขามาตลอด เธอพยายามจะสารภาพกับเขาแต่ก็ไม่มีความกล้าเลยสักครั้ง และแล้วโชคก็เข้าข้างเพราะเธอกับเขาอยู่ชมรมเทนนิสด้วยกัน
ชิฟฟอนชอบไปนั่งดูเขาซ้อมเทนนิสทุกเย็นหลังจากซ้อมกิจกรรมของชมรมเสร็จ มูสมักจะเล่นเทนนิสต่ออีกสักพัก จนหญิงสาวได้โอกาสเข้าไปตีเทนนิสด้วยกันกับเขา มิตรภาพของทั้งคู่จึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันนั้น
และโอกาสของเธอก็มาถึง ในวันวาเลนไทน์เมื่อสองปีก่อน ชิฟฟอนตั้งใจทำช็อกโกแลตสุดฝีมือเพื่อจะเอาไปให้เขาแต่ก็ถูกปฏิเสธ และวันนั้นก็เป็นวันที่มูสจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้พอดี หญิงสาวจึงซื้อดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับเขา มูสรับดอกไม้ของเธอไว้ แต่ปฏิเสธช็อกโกแลตจากเธอ
“พี่มีคนที่ชอบแล้ว” คำพูดของเขาทำให้เธอถึงกับตะลึงค้าง ชิฟฟอนตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะเดินออกมา
ความสัมพันธ์ของเขากับเธอไม่ถึงกับขาดสะบั้นไปเพราะเขาก็เป็นหนึ่งในรุ่นพี่ที่ชิฟฟอนสนิทที่สุดเหมือนกัน ทั้งคู่ยังคงคุยกันเรื่อยมาแต่ก็เป็นเรื่องทั่วไป และเรื่องเรียนเสียส่วนใหญ่…
แอ๊ด!...
“ชิฟฟอนนนน!!” เสียงแหลมใสดังมาจากหน้าประตูพร้อมกับร่างเพรียวของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ร่างนั้นเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งเหม่อ ผมสีอำพันซึ่งถูกรวบไปด้านหลังปลิวไปตามแรงหันของเจ้าตัว ก่อนที่ผู้มาใหม่จะดึงร่างที่นั่งเหม่ออยู่เข้ามากอดไว้หลวมๆ
“มะ..เมลตี้” ดูเหมือนชิฟฟอนจะเพิ่งรู้สึกตัว หญิงสาวกอดตอบอีกฝ่ายเบาๆ “ไปไหนมาเนี่ย ฉันกะว่าจะโทรตามอยู่แล้วเชียว นี่มันเย็นแล้วนะยังไม่เห็นกลับมาสักที”
ผู้ที่ถูกเรียกว่า “เมลตี้” ขมวดคิ้ว “ฉันบอกให้เรียกว่าคาราเมลไงเล่า” คาราเมลพูดขึ้นหลังจากคลายอ้อมแขนออกจากคนตัวเล็ก
“เอาน่า ชื่อนี้น่ารักดีออก ว่าแต่ เธอยังไม่ตอบฉันเลยนะว่าที่หายไปตั้งแต่บ่ายเนี่ย ไปไหนมา” ชิฟฟอนหันมาถาม คาราเมลสังเกตเห็นความเศร้าอยู่ลึกๆ ในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น
“ไปดูหนังกับพี่มิลกี้มา แล้วก็เลยแวะซื้อข้าวเย็นมาเผื่อเธอด้วย วางอยู่ข้างนอกแน่ะ ถ้าหิวก็ไปกินซะนะ” คาราเมลตอบยิ้มๆ แต่ก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้
ชิฟฟอน เธอเป็นอะไร? ฉันเห็นนั่งเหม่อมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว…
ชิฟฟอนลุกขึ้นจากเตียง หญิงสาวเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทก่อนจะเลิกคิ้วสงสัย “เมลตี้มีอะไรหรือเปล่า เห็นมองฉันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
คาราเมลนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นเบาๆ “เธอ... ยัง ลืมพี่เขาไม่ได้อีกเหรอ?”
“รู้ด้วยเหรอ” ชิฟฟอนย้อนถาม คาราเมลพยักหน้า “เรื่องของชิฟฟอนทั้งที ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ นี่มันผ่านมาสองปีแล้วนะ เธอไม่คิดจะมีคนใหม่บ้างเลยหรือไง?”
“ไม่รู้สิ” ชิฟฟอนยิ้มเจื่อนๆ “ถึงฉันกับพี่มูสจะไม่ได้คบกันในฐานะคนรัก แต่ความรู้สึกที่ฉันมีต่อพี่เขาก็ยังเหมือนเดิม ฉันยังรักพี่เขาเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่ว่าพี่เขามีคนที่ชอบแล้ว แต่ฉันก็ยังห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย ฉันควรทำไงดีเมลตี้?”
คาราเมลรู้สึกว่าน้ำเสียงของชิฟฟอนเริ่มสั่นในประโยคหลัง ดวงตาที่มักจะมีแววสดใสอยู่เป็นนิจบัดนี้ไหวระริก ชิฟฟอนกำลังจะร้องไห้ งั้นเหรอ…
“ชิฟฟอน” หญิงสาวผมเหลืองเอ่ยเรียกเพื่อนสาวคนสนิทเบาๆ พลางดึงร่างบางเข้ามากอดอีกครั้ง “เลิกยึดติดกับอดีตได้แล้ว นี่มันก็ผ่านมาสองปีแล้วนะ จริงอยู่ว่ารักแรกมันลืมยาก แต่ฉันคิดว่าเธอจะต้องเจอคนที่ดีกว่าพี่มูสแน่ๆ ในเร็วๆ นี้แหละ ในเมื่อรู้ว่าพี่เขาไม่ได้รักก็ลองเปิดใจกับคนอื่นบ้างสิ แล้วเธอจะรู้ว่าผู้ชายดีๆ ไม่ได้มีแต่พี่เขาคนเดียวนะ”
“ขอบใจนะเมลตี้” ชิฟฟอนพูดขึ้นเบาๆ “ใช่นี่มันก็สองปีแล้วหลังจากวันนั้น ทำไมฉันไม่ลองเปิดใจกับคนอื่นบ้างนะ” หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้ง “ว่าแต่ ผู้ชายดีๆ เหรอ… อืมมม...จะมีมั้ยน้า”
“ต้องมีสิ เชื่อฉัน” คาราเมลยิ้ม และหญิงสาวทั้งสองก็ไปนั่งรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
***
เวลาผ่านมาเกือบอาทิตย์ ชิฟฟอนกับคาราเมลไปเดินเที่ยวที่ศูนย์การค้าใกล้มหาวิทยาลัย วันนี้ไม่มีเรียนช่วงบ่าย หญิงสาวทั้งสองจึงถือโอกาสหลังเรียนช่วงเช้าเสร็จไปหาข้าวกลางวันกินกันและถือโอกาสไปซื้อของด้วยเสียเลย
“นานๆ มาที่นี่สักที รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้เนอะ” ชิฟฟอนเอ่ยขึ้นหลังจากเดินออกมาจากแผนกเสื้อผ้า
“นั่นสินะ เอ๊ะ! ชิฟฟอนระวัง!” คาราเมลร้องเตือนหลังจากเห็นเงาของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งอย่างสุดแรงตรงมาทางพวกเธอ
โครม!
ชิฟฟอนที่กำลังตกใจจนทำอะไรไม่ถูกถูกชนจนกระเด็นไปอีกทาง ชายหนุ่มหน้าเข้ม รูปร่างสันทัดคนหนึ่งหยุดกึก เขาปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามหน้าผาก แล้วหันไปหาหญิงสาวที่ล้มลงกับพื้น กระเป๋าเครื่องเขียนของเธอกระจัดกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นนั่นเอง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มติดแหบเล็กน้อยเอ่ยถามพลางช่วยพยุงร่างบางให้ลุกขึ้น “เดี๋ยวผมช่วยเก็บนะ” เขาอาสาช่วยหญิงสาวที่เพิ่งตั้งสติได้เก็บของที่กระจายอยู่บนพื้นใส่กระเป๋าให้เธอจนเสร็จเรียบร้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ชิฟฟอนกล่าวขอบคุณพลางมองหน้าชายหนุ่มที่เดินชนอย่างพินิจพิจารณา
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มผู้ถูกมองเอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะเขาก็มองหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าเช่นกัน
“เอ่อ คือ อยู่มหาลัยเดียวกันหรือเปล่าคะ” ชิฟฟอนเอ่ยถาม
“ใช่ครับ รู้สึกผมเคยเห็นคุณอยู่นะ ชื่ออะไร เรียนอยู่คณะไหนหรือครับ?”
“ชิฟฟอนค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับบอกชื่อคณะที่เธอเรียนอยู่ออกไป
“อ้าว งั้นเราก็อยู่คณะเดียวกันน่ะสิ พี่ชื่อลาเต้นะ” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ พี่ลาเต้” ชิฟฟอนยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันไปหาคาราเมลที่ยืนรออยู่ด้านหลัง “เมลตี้”
“อ้าว นั่น” ลาเต้มองตามสายตาของชิฟฟอนไป “น้องคาราเมลใช่ไหมครับ?”
“สวัสดีค่ะพี่ลาเต้ ไม่ได้เจอกันนานนะคะ” คาราเมลโค้งให้อีกฝ่ายเบาๆ
“ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ครับ เราก็รุ่นพี่รุ่นน้องกัน ว่าแต่พวกน้องกำลังจะไปไหนหรือเปล่า?” ลาเต้เอ่ยถาม
“ความจริง พวกเราเพิ่งกินข้าวเสร็จ แล้วมาเดินเล่นอยู่แถวนี้แหละค่ะ ไม่มีที่ไป” คาราเมลตอบ
“งั้น พี่ขอเลี้ยงน้ำทั้งสองคนเป็นการขอโทษนะ ชิฟฟอนโอเคหรือเปล่าครับ?”
“ระ..รบกวนหรือเปล่าคะ?” ชิฟฟอนตอบ หญิงสาวรู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ถือว่าไถ่โทษที่พี่ชนเราจนล้มก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากนะคะพี่ลาเต้” ชิฟฟอนเอ่ยพลางโค้งให้อีกฝ่าย ก่อนเธอจะนึกอะไรออก “เมื่อกี้ ชิฟฟอนเห็นพี่ลาเต้วิ่งมา กำลังจะไปไหนหรือเปล่าคะ”
“อ้อ พี่กำลังจะไปร้านน้ำเนี่ยแหละ ทำงานพิเศษน่ะ เห็นว่าสายแล้วเลยรีบไปหน่อย เมื่อกี้ขอโทษจริงๆ นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ชิฟฟอนลูบสะโพกตัวเองเบาๆ เมื่อกี้จุกจนแทบขยับไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
“งั้นเรารีบไปกันเถอะค่ะ” คาราเมลตัดบท ก่อนที่คนทั้งสามจะเดินไปร้านน้ำด้วยกัน
***
ที่ร้านน้ำ…
“ชิฟฟอนเอาอะไรดี” คาราเมลเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังไล่สายตาดูเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เอ่อ... อันนี้แล้วกัน” ชิฟฟอนตอบก่อนจะชี้ที่ชาเขียวซึ่งเธอชอบดื่มเป็นชีวิตจิตใจ
“มาทุกครั้งฉันก็เห็นกินแต่ชาเขียว ไม่คิดจะลองเปลี่ยนเมนูอื่นบ้างเลยหรือไงหือ?” คาราเมลหน้าเซ็ง ก่อนเธอจะเลือกสั่งกาแฟลาเต้ที่อยากลองชิมมานานแล้ว
“ฉันกินแต่อะไรเดิมๆ ก็แสดงว่าใจฉันยังมั่นคง รักใครรักจริงไง” ชิฟฟอนตอบยิ้มๆ
“ก็เพราะเหตุนี้ไง เธอถึงยังตัดใจจากพี่มูสไม่ได้สักที” คาราเมลพูดแทงใจดำเพื่อนสนิทเข้าอย่างจัง เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับเงียบกริบ
“เอ่อ เมื่อกี้ ขอโทษนะ” ดูเหมือนคาราเมลจะเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป เธอหันไปรับแก้วกาแฟมาจากลาเต้ที่เดินมาวางไว้ให้ถึงที่โต๊ะแล้วสังเกตสีหน้าของชิฟฟอนไปด้วย
“อันนี้ชาเขียวของชิฟฟอนนะครับ เอาอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า?” ลาเต้ถาม ชิฟฟอนมองหน้าหนุ่มรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่ง ผมสีดำขลับถูกจัดทรงอย่างดี ใบหน้าเรียวรูปไข่ที่ไม่มีสิวให้เห็นเลยแม้แต่เม็ดเดียว และกลิ่นน้ำหอมสำหรับผู้ชายจางๆ ที่ออกมาจากตัวของเขาก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้เธอรู้สึกหลงใหลไม่น้อย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอาแค่นี้ดีกว่า ขอบคุณนะคะพี่ลาเต้” ชิฟฟอนตอบพลางพยายามทำสีหน้าให้ปกติ ไม่ ฉันจะต้องไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆ แบบนี้สิ นี่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวเองนะ
ลาเต้เดินคล้อยหลังไปสักพัก คาราเมลจึงได้โอกาสถามเพื่อนสาว “เมื่อกี้เธอเป็นอะไรน่ะ เห็นมองพี่เขาอยู่ตั้งนานกว่าจะตอบได้”
“แหะๆ ไม่มีอะไรหรอก” ชิฟฟอนยิ้มแหยๆ ใบหน้าเริ่มมีสีเรื่อให้เห็นเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่รอดสายตาเพื่อนสนิทอย่างคาราเมลไปได้
“ฮั่นแน่! นี่คือคิดอะไรกับพี่เขาอยู่หรือเปล่าจ๊ะ?” คาราเมลได้ทีแหย่เพื่อนสาวที่หน้าเริ่มแดงขึ้นทุกที
“ป่าวน้า! ก็แค่รู้สึกว่าพี่เขาใจดีจังเลย แค่นั้นเอง ว่าแต่เธอกับพี่เขาไปรู้จักกันตอนไหนเนี่ย” ชิฟฟอนทำทีเปลี่ยนเรื่องคุยแก้เขิน แต่นั่นก็หนีไม่พ้นเรื่องของรุ่นพี่ใจดีคนนั้นไปได้สิน่า
“ชอบพี่เขาก็บอกมาเถอะ ฉันรู้นะ” คาราเมลยื่นมือมาจิ้มแก้มแดงๆ นั่นไปหนึ่งที “เธอไม่รู้อะไร วันๆ ก็มีแต่เรียน แล้วก็กลับหอ ฉันเคยมาทำงานพิเศษที่นี่เมื่อปีที่แล้วเลยได้รู้จักพี่เขาไง”
“งั้นหรอกหรอ” ชิฟฟอนตอบเสียงอ่อย ก่อนจะหันไปดูดชาเขียวแก้เก้อ
เวลาผ่านไป ชิฟฟอนกับคาราเมลนั่งคุยกับลาเต้สักพัก เมื่อเห็นสมควรแก่เวลาแล้วจึงขอตัวกลับหอ
***
หลังจากวันนั้น ชิฟฟอนกับลาเต้มีโอกาสได้เจอกันบ่อยขึ้น โดยที่เขาคอยให้คำแนะนำเรื่องเรียน หรือคอยมานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกับเธอตลอดมา นั่นยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่พัฒนาขึ้น
เวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนวันที่ 14 กุมภาเวียนมาถึงอีกครั้ง ชิฟฟอนจึงชวนลาเต้กลับมาที่ร้านน้ำร้านเดิมที่พวกเขามานั่งคุยกันเป็นครั้งแรก
“คิดอะไรอยู่เนี่ยชิฟฟอน ทำไมชวนพี่มาที่นี่ล่ะ”
“พี่ลาเต้จำวันนั้นที่เรามานั่งคุยกันที่นี่ครั้งแรกได้มั้ยคะ?” ชิฟฟอนเอ่ยถามขณะนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่างซึ่งมองเห็นวิวข้างนอกชัดเจน
“จำได้สิ วันที่พี่ชนเราจนล้มใช่มั้ยล่ะ?” ลาเต้พูดยิ้มๆ “และวันนั้นพี่ก็พาเรากับคาราเมลมาที่นี่”
ชิฟฟอนพยักหน้า “สั่งน้ำก่อนดีกว่านะคะ ชิฟฟอนหิวแล้ว” หญิงสาวสั่งเมนูที่ทั้งเธอและเขาชอบดื่มอย่างรู้งาน “ชาเขียวกับเอสเปรสโซไม่ใส่น้ำตาลอย่างละที่ค่ะ”
ทั้งคู่นั่งดื่มน้ำกันไปคุยกันไปจนชิฟฟอนนึกขึ้นได้ หญิงสาวหยิบกล่องรูปหัวใจผูกโบสีชมพูใบเล็กยื่นส่งให้กับมือของอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ข้างๆ
“นี่..ชิฟฟอนให้พี่เหรอ?” ลาเต้มองกล่องใบจิ๋วที่นอนนิ่งอยู่ในมือของตัวเองอย่างพิจารณา
“ใช่ค่ะ ขอบคุณสำหรับอะไรหลายๆ อย่างที่ผ่านมา วันนี้ชิฟฟอนมีความสุขมากที่ได้กลับมาที่นี่พร้อมกับพี่” หญิงสาวตอบเสียงเรียบพร้อมกับส่งยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดไปให้อีกฝ่าย
“ขอบใจนะ พี่ก็รู้สึกดีมากเหมือนกันที่ได้กลับมาที่นี่กับเรา” ลาเต้ตอบเบาๆ พร้อมกับเปิดกล่องช็อกโกแลตออก เขาหยิบชิ้นช็อกโกแลตเข้าปาก ชายหนุ่มรู้โดยไม่ต้องคิดเลยว่านี่เป็นช็อกโกแลตที่ชิฟฟอนทำเองกับมือเพื่อเขา กลิ่นหอมหวานแต่ไม่มากนักกับรสเข้มๆ ของดาร์คช็อกโกแลตที่สัมผัสได้ทำให้ชายหนุ่มถึงกับยิ้มออกมาเลยทีเดียว ชิฟฟอนรู้ดีว่าเขาไม่ชอบของหวานเท่าไรนัก เธอจึงลงทุนไปซื้อผงดาร์คช็อกโกแลตมาทำ ซึ่งราคาของมันก็แพงไม่ใช่น้อย
“อร่อยมากเลยละ จริงๆ ชิฟฟอนไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ก็ได้นะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะพี่ลาเต้ เพราะทั้งหมดนี้ ชิฟฟอนทำเพื่อพี่นะคะ” ชิฟฟอนยิ้มบาง ก่อนจะเอ่ยต่อ “วันนี้ ชิฟฟอนไม่รู้หรอกว่าพี่รู้สึกยังไง ตั้งแต่เราสนิทกัน ชิฟฟอนคิดมาตลอด” หญิงสาวหยุดคิดอยู่ครู่จึงเอ่ยต่อ
“เมื่อก่อน ชิฟฟอนเคยรักผู้ชายคนหนึ่งมากๆ แต่ไม่กล้าสารภาพเลยสักครั้ง จนชิฟฟอนทำช็อกโกแลตไปให้เขาแต่ก็ถูกปฏิเสธ” จู่ๆ หญิงสาวเงียบไปจนลาเต้ต้องเอ่ยถาม
“เขาบอกชิฟฟอนว่าอะไรบ้างล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเบาๆ “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ”
“เขาบอกว่ามีคนที่ชอบแล้วค่ะ” ชิฟฟอนตอบเหมือนกับว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่พูดออกมาได้โดยไม่รู้สึกอะไร หญิงสาวนึกแปลกใจตัวเองที่ไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนั้นอีกแล้ว เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้ลาเต้ฟังโดยที่เขาก็นั่งฟังโดยไม่ขัดเธอเลย
“รักแรกมักเจ็บปวดเสมอแหละ พี่ก็เคย แต่ก็ผ่านมันมาได้” ลาเต้พูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน “พี่กับเขาเคยคบกันนานพอสมควร แต่ก็มีเหตุให้เลิกกันไป กว่าพี่จะลืมเขาได้ก็นานเหมือนกัน”
“แล้วตอนนี้พี่ไม่เป็นไรแล้วเหรอคะ” ชิฟฟอนซักต่อ
“ใช่ พี่ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เหมือนกับเราที่พูดถึงเขาได้โดยไม่รู้สึกแล้วไง ชิฟฟอนเก่งมากเลยนะที่ลืมเขาได้” ลาเต้ชม แต่ก็อดรู้สึกสงสัยกับการกระทำของหญิงสาวข้างกายไม่ได้ ตั้งแต่ที่เธอชวนเขามาที่นี่ เอาช็อกโกแลตมาให้ และยังเล่าเรื่องอดีตให้เขาฟังอีก เธอต้องการจะสื่อสารอะไรกับเขากันนะ…
“หลังจากที่ชิฟฟอนลืมเขาได้ จนมาได้พบกับพี่ลาเต้ ได้รู้จักกัน สนิทกันมาจนถึงวันนี้ มันทำให้ชิฟฟอนเข้าใจแล้วละค่ะ” ชิฟฟอนหยุดดูดน้ำในแก้วของตัวเองเพื่อทำใจเอ่ยสิ่งที่กลัวที่สุดออกไป
“ถึงพี่ลาเต้จะไม่ได้รู้สึกอะไรกับชิฟฟอนเลยก็ไม่เป็นไร แต่ชิฟฟอน...” ลาเต้รอฟังสิ่งที่หญิงสาวจะพูดต่อด้วยใจระทึก เขาไม่รู้เลยว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่ ถ้าสิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่หญิงสาวข้างกายจะพูดออกมาตรงกันคงจะดีไม่น้อยเลย
“ชิฟฟอน รัก พี่ลาเต้นะคะ”
ลาเต้ตะลึง เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาที่หนักอึ้งออกไปจากอกได้สำเร็จ เขาดึงร่างของชิฟฟอนเข้าไปกอดแทบจะในทันทีหลังจากเธอพูดประโยคนั้นจบ “ความจริง พี่ก็อยากบอกเรามานานแล้วเหมือนกันแหละ” เขากอดร่างเล็กสักพักจึงปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
“พี่ก็รักชิฟฟอนเหมือนกัน” ชิฟฟอนรู้สึกดีใจมากเมื่อได้ยินประโยคที่เธอรอมานานจากคนที่เธอรักที่สุด น้ำตาหญิงสาวไหลพราก ลาเต้ใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาให้หญิงสาวเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้น เราคบกันนะ” ลาเต้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำตาของชิฟฟอนแห้งไปแล้ว หญิงสาวเอ่ยตอบเบาๆ “ตกลงค่ะ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันโดยมีแก้วสองใบบนโต๊ะที่ดูเหมือนจะเป็นพยานให้โดยปริยาย และความสัมพันธ์ฉันคนรักของพวกเขาก็เริ่มขึ้นตั้งแต่วันนั้น
***
เมื่อรักแรกจบลง สิ่งที่ทำให้ผ่านมันไปได้ไม่ใช่มีเพียงแค่เวลาเท่านั้น หากการปรับตัวก็สำคัญเช่นกัน มันอาจจะใช้เวลานานสักหน่อยกว่าเราจะลืมเขาได้ แต่ก็ไม่ควรจมปลักอยู่กับอดีตจนลืมนึกถึงปัจจุบัน “คนแรก” อาจไม่ใช่ “คนที่ใช่” เสมอไป แต่ “คนที่ใช่” จะปรากฏตัวเมื่อถึงเวลาของมันเอง
และที่สำคัญ อย่าลืมนึกถึง คนที่รักเรา ด้วยล่ะ..
“คนที่เรารัก” เขาอาจไม่มาสนใจ ในวันที่เราไม่สำคัญต่อเขาอีกแล้ว แต่ “คนที่รักเรา” จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ไม่ว่าเราจะต้องการเขาหรือไม่ก็ตาม
190619
[The end.]
- 👁️ ยอดวิว 1606
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น