บทที่ 13...2/4
พริมาเห็นว่าเขมินท์เดินออกไปที่ระเบียงด้านนอกของโรงแรม คำพูดของเขายังติดอยู่ในความคิดของเธอตลอดเวลาที่อยู่ในงาน ทำให้หญิงสาวไม่ยอมให้ตัวเองต้องอยู่ในความสงสัยจนไม่แน่ใจอีกต่อไป หากเขายังเหลือทางให้เธอกลับไป เธอจะให้โอกาสตัวเองเช่นกัน แต่ถ้าเส้นทางนั้นไม่มีอีกแล้ว เธอคงต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าควรทำอย่างไรต่อไป
เขมินท์คุยกับเจตน์ด้วยเรื่องทั่วไปเพราะเขารับผิดชอบเรื่องงานทั้งหมด ปู่สามารถวางใจไม่ต้องห่วงเรื่องงานอีกแล้ว ไม่ถึง 15 นาที เขมินท์ก็วางสายกำลังจะเดินกลับเข้าไปในงานแต่ง ถ้าหากว่าพริมาจะไม่มาดักรอเสียก่อน เขายืนรอฟังไม่คิดจะหนี การพูดให้ชัดเจนน่าจะจบปัญหาต่างๆ รวมทั้งมีนาจะได้ทำงานกับพริมาได้ราบรื่นด้วย เขาหวังให้เป็นอย่างนั้น
“เขมหมายความตามที่พูดจริงๆ หรือคะ” พริมาไม่อ้อมค้อม
...ความสัมพันธ์อื่นถ้าขาดแล้วก็กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้
มันกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้เพราะอะไร ในเมื่อเขาไม่ได้เกลียดเธอ
“ถ้าพริมรู้จักผมจริงๆ คงรู้ว่าผมหมายความตามที่พูด ผมเดินหน้าแล้วไม่ถอยหลังกลับ”
“แต่เรื่องของความรักมันใช้วิธีคิดแบบเดียวกับความเป็นเพื่อนได้นะ”
สำหรับพริมาการเป็นคนรัก ต่อให้อีกฝ่ายทำผิดขนาดไหน หากรักแล้วก็ต้องให้อภัยกันได้เสมอ ความรักระหว่างเขากับเธอเคยแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเพื่อน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเลิกกันแล้ว เธอควรได้เป็นคนที่พิเศษกว่าความเป็นเพื่อน ไม่ใช่กลายเป็นคนอื่นไปเลยแบบนี้
“ผมเคยคิดว่าหากเลิกกัน ผมสามารถเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ แต่ในกรณีของพริม ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้” เขาถูกทิ้งไปในวันที่สูญเสียที่สุด ทั้งที่พริมาสามารถเลื่อนวันเดินทางโดยที่เงื่อนไขต่างๆ ที่เธอได้รับไม่เปลี่ยนไป แต่เธอเลือกที่จะไม่ทำ ทำให้เขาชัดเจนแก่ใจว่าเธอไม่ได้ห่วงใยความรู้สึกในเวลานั้นของเขาเลย เธอติดต่อกลับมาหลังจากผ่านไปหลายเดือน มันสายไป เขาลุกขึ้นได้ด้วยตัวเองแล้ว “เราอาจจะเป็นแม้กระทั่งเพื่อนกันไม่ได้อีก เหลือไว้เพียงแค่คนรู้จักคงเหมาะสมกว่า”
พริมาผงะอึ้งไม่คิดว่าคำตอบที่ได้จากอดีตคนเคยรักจะแหลมคมยิ่งกว่ามีดที่กรีดลงกลางใจ แม้กระทั่งความเป็นเพื่อนเขายังไม่หลงเหลือไว้ให้เธอด้วยซ้ำ แค่เพราะเธอเดินทางไปตามความฝัน เขากลับโยนความรู้สึกทั้งหมดทิ้งไปเขาช่างเลือดเย็น ทั้งที่เธอยอมกลับมาแล้ว
“เขมพูดแรงไปไหมคะ พริมไม่ได้ทำอะไรผิดสำหรับเหตุผลที่เราเลิกกันในตอนนั้น”
เขมินท์เลิกคิ้วเพราะเขาไม่เคยมองว่าพริมาผิด เพียงแต่เขาเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ ซึ่งยืนยันได้ว่าหากในอนาคตเกิดปัญหาอะไรก็ตาม เขาคงต้องแก้ปัญหาเหล่านั้นเพียงลำพังเพราะเธอไม่ได้รักเขามากพอที่จะอยู่เคียงข้างและฟันฝ่าไปด้วยกันต่างหาก
“พริมไม่ได้ผิด ผมแค่รู้สึกว่าในอนาคตเราไม่ควรคบกันอีก พริมคิดในส่วนของพริม ผมคิดในส่วนของผม เราแค่คิดไม่ตรงกัน การเลิกคบกันมันก็ถูกแล้ว”
“แล้วทำไมเขมถึงยังโกรธพริมอยู่ล่ะคะ” หากเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมเขาถึงกลับมาเป็นเพื่อนกับเธออีกไม่ได้ พริมาอยากจะเข้าใจ
เขมินท์มองพริมาตรงๆ “ผมไม่ได้โกรธ ผมแค่สบายใจกว่าหากจะดำเนินชีวิตต่อไปโดยที่ไม่ต้องมีพริม นี่ล่ะเหตุผลของผม”
พริมาหมดความสงสัยจากคำตอบที่ซื่อตรงจนทำให้หมดหวังจากเขมินท์ สมองของหญิงสาวอึงอลไปหมดเพราะรับไม่ได้ เธอเหนือกว่ามีนาทุกอย่าง แต่เขากลับบอกว่าสบายใจกว่าหากจะดำเนินชีวิตต่อไปโดยไม่มีเธอเนี่ยนะ
“แล้วมีนาไม่อยู่ในเหตุผลของเขมหรือคะ ทำไมไม่เห็นมาด้วยกัน”
ระหว่างเขมินท์กับมีนา ไม่มีความเหมาะสมกันสักอย่าง ต่อให้เขาอยากคบกับมีนาจริงๆ พริมาดูจากมุมมองไหนก็ไม่มีทางรอด ครอบครัวของเขมินท์คงคาดหวังในตัวเขาไว้สูงในทุกเรื่อง รวมทั้งคู่ครองด้วย มีนาไม่ใช่คนที่คู่ควรกับเขาเลย
“ถ้ามาแล้วมีนจะมีเรื่องให้ร้อนใจหรือไม่สบายใจ ผมมาคนเดียวน่าจะดีกว่า” เขมินท์กดยิ้มที่มุมปากรู้เท่าทันพริมาทุกอย่าง
พริมาเม้มปากขัดใจไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้จากเขมินท์ คนที่เก็บความรู้สึกและเลือกคำที่จะพูดออกมาหายไปไหนแล้ว ชายหนุ่มเดินจากเธอไปและไม่แม้จะเหลียวกลับมามอง ความมั่นใจว่าเธอมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นฝ่ายเลือกเขมินท์ให้กลับมาเป็นแฟนกันอีกครั้งกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้กลายเป็นเธอต่างหากที่เขาไม่เลือก มันเจ็บปวดเกินกว่าที่คนอย่างพริมาจะยอมรับได้
การได้คำตอบจากเขมินท์ควรทำให้พริมาก้าวเดินต่อไปได้เสียที แต่เธอไม่อาจยอมรับว่าไม่ถูกเลือกทั้งที่เธอเลือกเขมินท์ก่อน ทำให้ตอนนี้หญิงสาวหยิบรูปมากมายที่ได้จากนักสืบที่เธอจ้างออกมาดู หากเขมินท์เติบโตมาด้วยความคาดหวังให้เขาสมบูรณ์แบบในทุกด้านของชีวิต ฉะนั้นการที่เขาจะคบหากับเด็กข้างบ้านที่ไม่มีอะไรเทียบเขาได้สักอย่าง คนอย่างเจตน์จะยอมรับได้หรือเปล่า
ทั้งหมดคือเหตุผลพริมาที่ขับรถมาบ้านของเขมินท์ โดยที่หญิงสาวเตรียมผ้าพันคอมาให้เจตน์ด้วย เมื่อคืนตอนที่รอเขมินท์คุยโทรศัพท์ เธอได้ยินว่าเขากำลังหาผ้าพันคอให้เจตน์ ชายชราเป็นภูมิแพ้ พออากาศเปลี่ยนนิดเดียวก็ป่วยได้ง่ายแล้ว หญิงสาวลงมาจากรถ พอเดินมาถึงบันไดหน้าบ้านสาวใช้ที่จำเธอได้ก็พาไปยังห้องรับรอง เพียงครู่เดียวป้ารุจาก็มาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณป้ารุจา” พริมายกมือไหว้ “พอดีว่าพริมทำผ้าพันคอมาให้คุณปู่ค่ะ คราวก่อนที่มาพริมเห็นคุณปู่ใช้ผ้าพันคอ พริมเลยตั้งใจทำมาให้ค่ะ”
“พอดีเลย อากาศเริ่มหนาวแล้ว รายนี้อากาศเปลี่ยนทีไรเป็นหวัดทุกที” รุจายังคงเป็นผู้ใหญ่ใจดี แม้ว่าพริมากับเขมินท์จะเลิกรากันไปนานแล้วก็ตาม
พริมาเดินตามรุจาไปยังห้องที่มีหนังสือมากมาย เจตน์ชอบอ่านหนังสือพอๆ กับการปลูกต้นไม้ ในเวลาที่อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น ชายชรามักเลือกจะมาอยู่ในห้องนี้แทน รุจาเคาะประตูห้องก่อนจะเข้าไปพร้อมกับพริมา เจตน์เงยหน้ามองพลางวางหนังสือที่อ่านค้างอยู่
“หนูพริมมาหา” รุจาเอ่ย “คุยไปก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าไปบอกให้เด็กเอาบัวลอยน้ำขิงขึ้นมา วันนี้ทำไว้รอเขมน่ะ”
พริมายิ้มคิดว่าจะต้องรีบแล้ว “ค่ะ คุณป้ารุจา”
พยาบาลประจำตัวของเจตน์ลุกขึ้นไปนั่งที่ริมหน้าต่าง พริมาจึงขยับมานั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ กับเจตน์พลางเลื่อนกล่องใส่ผ้าพันคอให้ชายชรา
“พริมทำผ้าพันคอมาให้คุณปู่ค่ะ”
เจตน์เปิดฝากล่องแล้วหยิบผ้าพันคอสีเนื้อมาคลี่ออกแล้วยิ้มชอบใจ เมื่อคืนเขาเพิ่งบอกหลานชายคนโตว่าอยากได้ผ้าพันคอ แต่พริมานำผ้าพันคอมาให้เขาในวันนี้มันหมายความว่าสองคนนี้ยังคุยกันอยู่ใช่ไหม
พริมาจะมาไม้ไหนอีก ตอนนี้ เพราะคุณคือรักแรก วางจำหน่ายใน MEB แล้วนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ลงให้อ่าน 60% ของเนื้อหาทั้งหมดนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 261
แสดงความคิดเห็น