บทที่ 4...3/3
ทางเมษายังไม่คืบหน้าเรื่องที่จะหาเงินมาซ่อมแซมร้าน ทางมีนาก็เช่นกันจากวันนั้นที่เธอคุยกับภาคินจนถึงวันนี้ผ่านมา 3 วันแล้ว ยังไม่มีใครโทรมาหาเธอสักคนเรื่องที่จะซื้อห้องไปผ่อนต่อ จากที่มีนาคิดว่าไม่น่าจะยาก ตอนนี้เธอคงต้องหาแผนสองไว้แล้วกระมัง
มีนาถอนใจเหนื่อยๆ ในระหว่างที่ลงจากรถเมล์แล้วเดินมาที่คอนโด ในมือมีข้าวกล่อง เพราะช่วงนี้เธอไม่มีอารมณ์ทำอาหารกินเอง อีกทั้งยังต้องแก้งานให้ทันสัปดาห์หน้า รวมถึงงานที่เป็นโปรเจคใหม่ที่วรการให้เธออ่านเพื่อศึกษาซึ่งน่าจะลงมือได้หลังจากแก้งานของภูบดีเสร็จแล้ว
“เสียงโทรศัพท์ของมีนดังหรือเปล่า”
มีนาหันไปมองข้างหลังถึงได้เพิ่งรู้ว่าเขมินท์เข้ามาในลิฟต์ก่อนเธอ ความที่มัวคิดนั่นคิดนี่ทำให้เธอไม่ได้มองอะไรเลย เธอยิ้มแทนคำขอบคุณให้เขาแล้วรีบกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใครคะ”
“น้องมีนาที่ลงประกาศขายห้องใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ” นี่เรียกว่าความหวังได้ไหมนะ มีนาบอกให้ตัวเองใจเย็นไม่ซักอีกฝ่ายจนหนีกระเจิง
“พอดีว่าพี่สนใจ ไม่ทราบว่าขายห้องไปหรือยังคะ”
“ยังค่ะ” คุณพี่คือคนแรกที่โทรมา มีนาอื้ออึงอยู่ในใจ
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง มีนาได้ยินเสียงเพลงซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะกำลังขับรถ
“ถ้ายังไงนัดเจอกันไหมคะ พี่อยากจะขอไปดูห้องจริงสักหน่อย ไม่ทราบว่าน้องมีนาสะดวกไหมคะ”
มีนาถอนใจเบาๆ เธอกำลังลุ้นให้มาถึงประโยคนี้แหละ “สะดวกค่ะ ไม่ทราบว่าจะมาวันไหนคะ”
“วันนี้ค่ะ ถ้าน้องมีนาสะดวก พี่จะเดินทางไปทันทีค่ะ”
ไม่เพียงสนใจห้อง แต่จะมาดูทันที ไม่รู้ละว่าห้องจะขายออกไหม แค่มีคนโทรมาบ้าง มีนาก็หายหนักใจไปมากแล้ว
“ได้ค่ะ ถ้าถึงแล้วโทรมาได้เลยนะคะ มีนจะลงไปรับค่ะ”
มีนากดวางสายรู้สึกเหมือนอยากจะกรี๊ด แต่เธอทำไม่ได้เด็ดขาดเกรงใจเขมินท์ ว่าแต่เขายังไม่รู้เรื่องที่เธอจะขายห้องใช่ไหม ภาคินไม่น่าจะเล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายฟังแน่ๆ
“มีนจะขายห้องงั้นหรือ ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ พี่ช่วยซื้อได้นะ”
มีนาไม่เข้าใจว่าทำไมรู้สึกเหมือนแอบกินขนมโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเมื่อสบตากับเขมินท์ บานลิฟต์เปิดเมื่อมาถึงชั้น 12 พอดี เธอเลยมีเวลาคิดในระหว่างที่เดินออกมาจากลิฟต์ โดยมีเขมินท์เดินมาข้างๆ
“อย่าดีกว่าค่ะ มีนเกรงใจเลยไม่กล้ารบกวนพี่เขม” มีนาอยากจะทึ้งหัวตัวเองที่คิดคำตอบออกมาได้แค่นี้เอง
“ถ้าไม่มีใครติดต่อมาซื้อห้องอีก มีนบอกพี่ได้นะ”
น้ำเสียงของเขมินท์เรียบๆ แต่สีหน้าของเขาจริงจังจนมีนาต้องเค้นสมองตัวเองอย่างหนัก เธออยากทะนุถนอมความรู้สึกดีๆ แม้ว่าจะเหมือนห่างเหินไว้ สำหรับเขา แม้เธอจะไม่ได้อยู่ในฐานะอื่นนอกจากน้องสาว แต่เธอก็อยากให้เขายังคงอยู่ในชีวิตไปแบบนี้
“ถ้าวันหนึ่งมีนมีเรื่องที่รับมือไม่ได้ มีนจะนึกถึงครอบครัวของพี่เขมนะคะ แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ มีนเกรงใจจริงๆ ค่ะ”
เขมินท์พยักหน้าไม่พูดอะไรอีก จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าห้องของมีนา ชายหนุ่มเดินต่อไปยังห้องของเขาแล้วเข้าห้องไปทันที มีนารู้ว่าเขมินท์ไม่ได้โกรธที่เธอตอบไปแบบนั้น เธอมั่นใจว่าเขาเข้าใจเหตุผลทุกอย่าง ตอนนี้เธอแค่คิดถึงผู้ชายอ่อนโยนคนนั้นที่ขับรถไปซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋มาให้ตอนตี 4 วันนั้นเธอคงดูน่าสงสารมากๆ ในสายตาของเขากระมัง
มีนาไปธนาคารเพื่อทำธุรกรรมเรื่องห้องพร้อมกับมีใบมอบฉันทะจากป้าที่เซ็นไว้ตั้งแต่วันก่อนที่เธอไปหาเพื่อบอกเรื่องห้องที่เคยกู้เงินร่วมกัน โดยผู้ซื้อต่อก็คือพี่ปนัดดาที่ติดต่อมาเมื่อวันก่อนนั่นเอง โดยปนัดดาเลือกที่จะปิดยอดทีเดียวเพราะไม่ต้องการผ่อนรายเดือน ทำให้มีนาได้เงินในส่วนของเธอในวันนั้น อีกทั้งเจ้าของห้องคนใหม่ยังให้เวลาเธอในการขนย้ายของจนถึงสิ้นเดือนอีกด้วย เธอรู้สึกโชคดีอย่างไรก็ไม่รู้
ถึงแม้จะได้เงินมาแล้ว แต่สิ่งที่ยากสำหรับมีนาคงไม่พ้นการโน้มน้าวเมษา ไม่รู้ล่ะร้านขนมชื่อเมนา การที่เธอจะใช้เงินตัวเองทำให้มันกลับมาก็ย่อมทำได้สิ คิดอย่างนี้แล้วมีนาจึงไม่รอช้าวางซองเงินจำนวนหนึ่งที่แบ่งออกมาให้เมษา
“อะไรหรือมีน” เมษาถามพลางเปิดซองน้ำตาลที่มีของสักอย่างอยู่หนาพอสมควร ก่อนจะมองน้องสาวด้วยความตกใจ
มีนารีบยกมือห้ามพี่สาว ขอเธอพูดก่อน “มีนอยากช่วย พี่เมรับเงินไว้นะ”
“มีนไปเอาเงินมาจากไหน หรือว่าขายห้อง” เมษาหน้าเจื่อนเมื่อไม่เห็นว่าน้องสาวจะปฏิเสธ
“ของนอกกายน่ะพี่เม เดี๋ยวเราสองคนเก็บเงินกันใหม่ แต่ถ้าพี่เมไม่สบายใจ เอาไว้อะไรๆ ดีขึ้นแล้ว พี่เมค่อยมาช่วยมีนซื้อห้องก็ได้เนอะ”
มีนารู้ว่าเมษารับปากพ่อกับแม่ว่าจะดูแลน้องสาวคนนี้ เพราะฉะนั้นการที่เธอขายห้องแล้วนำเงินบางส่วนมาให้ย่อมเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเมษา เธอแค่ไม่แน่ใจว่าพี่สาวจะโกรธหรือว่าเสียใจ แต่เพียงครู่เดียวมีนาก็ได้คำตอบ
“ทำไมมีนถึงทำแบบนี้ นั่นมันห้องของมีน จากเงินขายที่ในส่วนของมีนนะ พี่ไม่สมควรรับ...”
เมษาอยากจะพูดต่อแต่มีนามากอดเธอไว้แน่นเสียก่อน น้ำตาที่กลั้นไว้ก็พลันไหลออกมา ความเป็นพี่สาวทำให้เธอรู้สึกนอกจากดูแลน้องไม่ได้แล้ว น้องยังมาลำบากเพราะเธออีก หากตอนนั้นเธอทำประกันอัคคีภัยไว้ เรื่องราวคราวนี้คงทุเลาลง ไม่ใช่ต้องกอบกู้ทุกอย่างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดแบบนี้
“ไม่เป็นไรนะพี่เม มีนเต็มใจ ที่นั่นเป็นความฝันของพี่เมกับมีน เป็นร้านขนมของเราสองคนนะ ที่ผ่านมามีนไม่ได้ช่วยพี่เมเลย ตอนนี้มีนขอทำให้ร้านขนมของเรากลับมาเถอะนะ”
เมษาฟังแล้วยิ่งน้ำตาไหล คืนนั้นเธอคิดว่าน้องสาวเติบโตขึ้นมาก มาตอนนี้พอเห็นใบหน้าของมีนาชัดๆ เธอยิ่งคิดว่าไม่ใช่แค่เติบโตขึ้น แต่มีนาเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งกว่าเธอด้วยซ้ำ หากเธอไม่รับความหวังดีในคราวนี้ มีนาจะเสียใจมากใช่ไหม
“แล้วมีนจะไปอยู่ที่ไหน ไปกลับก็เดินทางไกล”
มีนายิ้มกว้าง น่าแปลกที่พอเห็นเมษาร้องไห้ เธอกลับยิ่งเข้มแข็ง เธออยากเป็นที่พึ่งของพี่สาวบ้าง เธอยังจำตอนที่พ่อแม่ตายได้ เมษาร้องไห้ครั้งเดียวตอนที่ไปโรงพยาบาล หลังจากนั้นเธอไม่เห็นเมษาร้องไห้อีก ในขณะที่เธอร้องไห้ทุกวัน แทบตลอดเวลา ตอนนั้นเธอมีเมษาคอยปลอบ คอยกอดและดูแลแทนพ่อกับแม่ มาตอนนี้มีนาถึงได้เข้าใจว่าการเข้มแข็งเพื่อคนที่ตัวเองรักมันเป็นอย่างนี้เอง
“เดี๋ยวมีนหาห้องแถวๆ นั้นแหละ วันก่อนมีนไปเดินดูมาบ้างแล้ว ถ้าพี่เมห่วงเรื่องนี้ก็สบายใจได้เลยนะ มีนสบายมาก”
เมษายกมือมาเช็ดน้ำตัวเอง แม้มีนาจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
“พี่ไม่อยากให้มีนลำบาก”
“ไม่มีอะไรที่มีนลำบากเลย พี่เมต่างหากที่ลำบากกว่าเดี๋ยวต้องหาช่างมาซ่อมตึก หาอุปกรณ์ทำขนม ตกแต่งร้าน งานอีกเยอะแยะเลย มีนนอกจากงานประจำแล้ว หลังจากเลิกงานก็นอนอย่างเดียว เห็นไหมใครที่ลำบาก” มีนาแกล้งขมวดคิ้วเหมือนล้อๆ เมษา
เมษาหัวเราะทั้งน้ำตา มีนาเลยหัวเราะตามพลางส่งกระดาษทิชชูให้พี่สาวไปสั่งน้ำมูก คราวนี้ยิ่งหัวเราะไปกันใหญ่ เมษายกแขนของมีนามาวางบนไหล่ของตัวเองแล้วเอนหัวซบที่โซฟา การที่มีใครสักคนกอดและช่วยกู้วิกฤติมันเป็นอย่างนี้ เธอรู้สึกสบายใจและตัวเบา พอมองมีนาที่มองมาเหมือนกันเธอถึงได้เข้าใจ ความเป็นพี่น้องคือสายใยที่เหนียวแน่นระหว่างเรา
“ขอบใจมากนะ พี่ดีใจที่คนที่นั่งอยู่กับพี่ตรงนี้เป็นมีน”
มีนายิ้มกว้างเพราะที่เธอทำมันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย เธอแค่อยากทำให้เมษากลับมายิ้มได้เท่านั้นเอง เมษาไม่เคยรู้ว่าพ่อแม่ก็บอกเธอเหมือนกันว่าให้ดูแลพี่สาวคนเดียวคนนี้ด้วย เพราะฉะนั้นเราแค่กำลังดูแลกัน ตอนนี้พ่อแม่คงสบายใจที่เธอได้ทำแบบนี้บ้าง
ตำรวจสรุปสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ว่าเป็นเพราะไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนโครงสร้างอาคารต่างๆ ยังสามารถใช้งานได้ต่อทำให้เมษาเริ่มการซ่อมแซมตึกทันที มีนากับภาคินมาช่วยเรื่องของการตกแต่งและหาช่าง ต้องเดินระบบไฟใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังต้องหาอุปกรณ์ทำขนมต่างๆ ด้วย คราวนี้เมษาตั้งใจจะลุยทำเบเกอรี่ด้วยเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าและจำนวนลูกค้าไปด้วย มีนาวางแผนไว้คราวๆ ว่าหากทุกอย่างไปสวย คราวนี้เธอจะไปเรียนชงกาแฟเอาไว้มาทำอีกจ๊อบในวันหยุด
ในระหว่างนั้นมีนาเริ่มเก็บของและหาห้องที่จะเช่าไปด้วย เรื่องหาห้องไม่ยากอะไร แต่การหาสภาพแวดล้อมที่ถูกใจต่างหากที่ยาก ตอนนี้เธอติดต่อห้องไว้หลายที่ซึ่งราคาย่อมเยา เพียงแต่ยังไม่ได้ชี้ชัดลงไปว่าจะเลือกเช่าห้องที่คอนโดไหน
เลือกที่ไหนดี?
มีนาถอนใจยังคิดไม่ตก ได้แต่เดินเรื่อยๆ ออกมานั่งเล่นที่ระเบียงด้านนอก ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วทำให้แสงไฟจากถนน รถยนต์และตึกต่างๆ พากันสว่างแทน เหตุผลที่เธอเลือกคอนโดแห่งนี้ก็เพราะว่าอยู่ใกล้ที่ทำงาน ค่อนข้างเงียบและระบบรักษาความปลอดภัยค่อนข้างดี ใจจริงแล้วเธออยากหาห้องว่างในคอนโดนี้ แต่ติดเรื่องราคาเช่าที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเธอยังคิดเหมือนเดิมว่าหากเช่าด้วยราคานั้นควรนำเงินมาซื้อเสียดีกว่า
“คินบอกว่ามีนขายห้องได้แล้ว”
มีนาสะดุ้งเบาๆ พลางหันไปมองจึงเพิ่งเห็นว่าเขมินท์คงออกมาทำงานที่ระเบียงเพราะเธอเห็นโน้ตบุ๊กวางอยู่ที่โต๊ะตัวเล็ก ถ้าอย่างนั้นเขาคงได้ยินเธอถอนใจไปหลายรอบแล้วน่ะสิ
“ค่ะ ตอนนี้มีนก็เก็บของแล้ว พอดีว่าเจ้าของห้องคนใหม่ใจดีให้มีนอยู่จนถึงสิ้นเดือนค่ะ”
เขมินท์ลุกขึ้นมายืนพิงขอบระเบียงสายตามองมาที่มีนา เธอใส่เสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงวอร์ม ผมที่เคยยาวถึงกลางหลังตอนนี้ตัดสั้นลงเหลือเพียงไหล่
“มีนได้ที่พักใหม่แล้วหรือยัง”
มีนาขยับมายืนที่ระเบียงริมสุดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตะเบ็งเสียงให้ดังเพราะกลัวว่าเขมินท์จะไม่ได้ยิน พอมองไปที่เขาก็เลยเหมือนเรานัดออกมายืนคุยกัน ทั้งที่ผ่านมาจะ 3 เดือนแล้ว สิ่งนี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยความบังเอิญ
“ยังค่ะ มีนไปดูๆ ห้องไว้ แต่ว่ายังไม่ได้ตัดสินใจเลือก เดี๋ยวมีนจะไปหาเพิ่มอีกหน่อย น่าจะทันก่อนสิ้นเดือนค่ะ”
เกิดความเงียบที่มีนาไม่เข้าใจจนต้องหันไปมองว่าเขมินท์ยังยืนอยู่ที่เดิมหรือเปล่า เธอเห็นเขาไม่ได้ไปไหน แต่ทำไมเงียบแบบนั้น หมดเวลาคุยของเธอเพื่อที่เขาจะกลับไปทำงานหรือเปล่านะ
“มาอยู่ห้องพี่ไหม” เขมินท์เอ่ยน้ำเสียงธรรมดา
“คะ!”
มีนามองเขมินท์เหมือนเห็นฟ้าผ่าลงตรงหน้า จนเธอตกใจแล้วลืมไปว่าต้องวิ่งหนียังไง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 272
แสดงความคิดเห็น