บทที่ 12 ต่อรอง 2/2

มนตราสะท้านโลกา
คุณกำลังอ่าน: มนตราสะท้านโลกา

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 12 ต่อรอง 2/2

บทที่ 12 ต่อรอง 2/2

การเพื่อนร่างกายของหญิงสาวเป็นไปได้อย่างรวดเร็วเมื่อการทำพันธะเสร็จสิ้น ในโลกใบนี้หากได้ทำพันธสัญญาหรือสัตย์สาบานกับใครแล้วก็ไม่สามารถผิดสัจจะได้ง่ายๆ หากเกิดการผิดสัจจะขึ้นมาผู้ทำสัญญาก็อาจจะตกตายได้อย่างน่าอนาถ หากถามว่าเป็นเพราะอะไร นั่นก็เพราะว่าการทำสัตย์สาบานนั้นคือการใช้เวทย์คำสาป หากผิดสัญญาก็จะตกตายอย่างง่ายดาย

 เมื่อการทำศัญญาเสร็จสิ้นชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างพึงใจ เขาหันไปมองนาฬิกาปารีสตัวใหญ่ เวลาใกล้ถึงยามเช้านี่เองที่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เคลื่อนไหว เมื่อสิ่งนั้นปรากฏขึ้น อีกไม่นานเท่านั้น 

“แผนการไปถึงไหนแล้ว”

“ตอนนี้พวกเรากำลังดำเนินการอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ การทำลายโครงสร้างพื้นฐานกำลังเริ่มต้นขึ้น พรุ่งนี้เช้าโรงเรียนเวทย์มนต์กับหน่วยความมั่นคงจะต้องวุ่นวาย เมื่อพวกเขาพบว่าตอนนี้ลูกคุณหนูของบ้านต่างๆได้ถูกลักพาตัว มาอยู่กับพวกเรา”

“แผนการนี้ได้รับความเห็นชอบจากดรเอ็ดเวิร์ด และท่านผู้นั้น”

แพทย์เทวะยิ้ม “แสดงว่าก็มีร่างกายที่ฉันสามารถใช้ได้ แต่ว่ามันก็น่าเสียใจที่ต้องทดลองกับมนุษย์เป็นๆที่ไม่ใช่นักโทษ”

“ความจริงแล้วกดของโลกใหม่ การทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิดหลักการของของสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว”

หญิงสาวผมแดงยักไหล่เธอไม่คิดจะสนใจสิ่งที่ตนเองกล่าวออกมา สำหรับหญิงสาวแล้วผู้ที่อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อผู้ที่ไร้พลังจะต้องโดนกดขี่ ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่อดีตหัวหน้าของเธอไม่เคยเห็นด้วย แต่สุดท้ายแล้วท่านผู้นั้นก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

“คนอ่อนแอไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้ว เมื่อเกิดมาอยู่ในสังคมแบบนี้ ว่าแต่ท่านจะเข้าร่วมแผนการของพวกเราตั้งแต่แรกเลยหรือไม่ ถ้าท่านสนใจเข้าร่วมจริงๆท่านต้องไปยังเกาะของพวกเราเสียก่อน”

“แน่นอน หลังจากพรุ่งนี้ให้มารับประมาณ 18:00 น เพราะว่าพรุ่งนี้คงไม่มีใครสังเกตหรอกว่าอาจารย์ของโรงเรียนหายไปคนนึง นั่นก็เพราะว่าทุกคนก็ย่อมสนใจ ว่าแต่แผนการนั้นเริ่มดำเนินการแล้วหรือเปล่า”

หญิงสาวผมแดงพยักหน้ารับ 

“ตอนนี้พวกเราได้ไล่ต้อนเด็กคนนั้นจนถึงที่สุดเรียบร้อยแล้ว ต้องลองดูว่าฝ่ายความมั่นคงกับศาสนจักรจะทำอย่างไร ตอนนี้เราต้องโจมตีโรงเรียนเวทมนต์ให้ได้มากที่สุดต่อให้เราจำเป็นจะต้องใช้วิธีโหดแค่ไหนก็ตาม”

ชายหนุ่มพยักหน้าเข้ายิ้มเห*้ยมเกรียม

“อย่าบอกนะว่าจะให้ความลับแก่ศาสนจักร ถ้าเป็นอย่างนั้นสมดุลคงเปลี่ยนไปในพริบตา“

“แน่นอน เรื่องหลานของผู้อำนวยการโรงเรียนเวทย์มนต์กับเรื่องเด็กพิเศษจำนวน 2 คน เราจะให้ข้อมูลนี้กับศาสนจักร นอกจากศาสนจักรจะได้รับรู้แล้ว หน่วยความมั่นคงก็คงเคลื่อนไหว หลังจากนั้นพวกเราก็จะรอดูว่าตำรวจและหน่วยความมั่นคงของศาสนจักรบาบิโลเนีย จะทำอย่างไรกับเด็กทั้งสอง”

“ถ้าจะพูดให้ถูกคงจะเป็นเด็กทั้งสาม กับอาจารย์อีก 1 คน อาจารย์สาวที่ได้ชื่อว่าอัจฉริยะแห่งโลกเวทมนตร์ เด็กที่มีพลังพิเศษในการรับรู้ความรู้สึกและอนาคต การพยากรณ์ต่างๆล้วนอยู่ในมือของเธอ เด็กที่มีปีศาจและคำสาปต้องห้ามสิงสู่อยู่ในร่างกาย และเด็กที่มี”

ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้กล่าว เสียงของบุรุษหนุ่มคนหนึ่งก็ดังก้องขึ้น “เรื่องนี้คงจะให้ทางหน่วยความมั่นคง ตำรวจ และพวกศาสนจักรรับรู้ไม่ได้หรอก หากถามว่าทำไมนั่นก็เพราะว่า”

ชายหนุ่มโผล่มาจากช่องว่างที่ว่างเปล่า ในมือถือบางสิ่งที่ดำทำว้าวรูปทรงของมันคือปืนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนัก มือซ้ายถือดาบสีดำเช่นเดียวกัน ชุดคลุมสีดำโบกสะบัดไปตามแรงลม 

“ไม่ได้เจอกันนานเลยแพทย์เทวะ นี่เป็นชื่อปัจจุบันของแกสินะ แล้วพวกลูกน้องของเอ็ดเวิร์ด ยังทำอะไรน่าเบื่อเหมือนเดิมแต่ว่าก็สมกับเป็นพวกแกแล้ว”

ภายใต้หน้ากากสีดำ ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ หน้ากากสีดำเป็นรูปทรงของกะโหลกมนุษย์ เขาไม่คิดจะถอดมันออก เขายกปืนชี้ไปยังชายหนุ่ม ก่อนที่จะหันไปทางหญิงสาว 

“เธอคงจะเห็นว่าหน่วยความมั่นคงมันอ่อนมากสินะ ถึงได้ใช้แผนการตื้น ฉันจะบอกอะไรดีๆให้ พวกมันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างของอาณาจักรได้อยู่ภายใต้การรับรู้ของพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของโรงเรียนเวทมนต์บาบิโลเนีย การกระทำของศาสนจักร แล้วการกระทำของพวกเธอก็ตาม”

“ทำไมแกถึงไม่อยู่ที่นี่ได้ ไม่สิอีกอย่างนึงเวทมิติมันเป็นสิ่งต้องห้ามของโลกแห่งนี้ นอกจากพวกเราในยุคนี้ไม่น่าจะมีใครใช้ได้แล้ว”

“สิ่งต้องห้ามอย่างนั้นหรอ เรื่องนี้ใครเป็นคนกำหนดล่ะ ไม่ใช่พวกเราหรือพวกเธอ คนกำหนดก็เป็นสภา พวกมันไม่เคยทำประชามติไม่เคยส่งเสียงถามว่าใครจะเอาด้วยหรือไม่ แล้วอีกอย่างเธอคงจะลืมไปแล้วว่าเวทนี้มีกลุ่มคนนึงที่ได้รับการยกเว้นให้สามารถใช้ได้” 

“นี่แกเป็นใคร แล้วทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ มีเป้าหมายอะไรกันแน่“ แพทย์เทวะกล่าว

ชายหนุ่มยิ้มแต่ไม่มีใครที่สามารถรับรู้ได้ 

“พวกแกไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทำไมฉันถึงมาโผล่ที่นี่ได้ แต่ว่าสิ่งที่พวกแกไม่สิ ฉันมีเรื่องจะเสนอพวกแกมีสิทธิ์แค่อย่างเดียว ก็คือต้องทำตาม ถ้าไม่ทำตามฉันจะทำลายแผนการพวกแกทิ้งตรงนี้ แต่ถ้าทำตามฉันจะปล่อยพวกแกให้ทำแผนการตามใจชอบ”

“ใครจะไปยอม” แพทย์เทวะยกดาบเตรียมตัวจู่ ๆ โจม แต่ทว่าพริบตาก่อนที่จะจับดาบ ดาบของชายหนุ่มก็กระเด็นไปไกล ทุกสายตามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อมองไปยังหญิงสาวผมแดงที่มีท่าทางไตร่ตรอง  “ฉันแนะนำอะไรบางอย่าง ไปบอกเอ็ดเวิร์ด อาเล็ก แล้วพวกของแกให้หมด ว่าสิ่งที่พวกแกทำมันไร้ความหมาย เพราะว่าความจริงแล้ว คนที่พวกเขาต้องการจะคืนชีพนั้นยังไม่ตาย”

“แกหมายความว่าอย่างไร” หญิงผมแดงกล่าว 

ชายหนุ่มยิ้มอีกครั้ง  “ถามว่ามันเป็นเพราะอะไรนั่นก็เพราะว่าฉันคือเมฆา”

เสียงตอบทำให้ทุกคนในห้องต้องผงะ ทุกคนหยุดการกระทำ 

“เป็นไปไม่ได้ ก็หมอนั่น ก็หมอนั่นตายไปตั้งนานแล้ว” แพทย์เทวะกล่าว 

“ใช่แล้ว เขาตายไปในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับอาจารย์ของเขาเองใครๆก็รู้เรื่องนี้”

ชายใส่หน้ากากยักไหล่  

“เรื่องเล่ามันเป็นแบบนั้นก็จริง ฉันได้อ่านประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ที่พวกอาณาจักรได้เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฉันสามารถหนีรอดออกมาได้แต่ว่าก็ต้องสูญเสียพลังทั้งหมดไป แต่ว่าไม่นานฉันก็สามารถนำพลังเวทย์ทั้งหมดกลับคืนมาได้”

ชายหน้ากากหยุดกล่าว ก่อนที่จะถามกลับ “ถ้าฉันตายแล้วจริงๆฉันจะสามารถมีลูกได้ยังไงตั้ง 3 คน ไอยราเป็นพี่สาวที่เกิดขึ้นมาคนแรกก็จริง แต่ว่าอีก 2 คนที่เหลือล่ะเป็นลูกของใครกันแน่ พวกแกไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้เลยสินะ วันๆก็จะเอาแต่ตามหาวิธีการทำศิลาแห่งชีวิตการปลุกชีพมนุษย์ โดยที่ไม่เคยคิดเลยว่าฉันคนที่พวกแกต้องการที่จะให้คืนชีพมากที่สุดยังมีชีวิตอยู่”

“ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องเปิดหน้าให้พวกเราดู” แพทย์เทวะกล่าว 

ชายหนุ่มที่ใส่หน้ากากสีดำใส่หัวปฏิเสธ “ฉันว่าพวกนายทุกคนไม่อยากดูหรอก เพราะตอนที่สู้กันครั้งสุดท้ายใบหน้าของฉันถูกทำลายไปเกือบครึ่ง ทำให้ตอนนี้มันแทบไม่เป็นสภาพเดิม ต่อให้เปิดใบหน้าให้ดูพวกนายก็จะไม่เชื่อว่าเป็นฉันอยู่ดี”

“ถ้านายคือเมฆาจริง มันไม่มีปัญหาอยู่แล้วมันยังมีวิธีที่พวกเราจะสามารถพิสูจน์ได้” ชายหนุ่มกล่าว

ชายหน้ากากยิ้ม ตาสีทับทิมของเขาจับจ้องไปยังเบื้องหน้า 

“สมแล้วที่เป็นเพื่อนของฉัน ถ้าอย่างนั้นก็ย่อมได้ฉันจะเปิดหน้าให้พวกนายได้รับชม ถ้าหลังจากนั้นพบว่าฉันคือเมฆา นายต้องพาฉันไปยังฐานทัพของพวกนาย”

“นั่นย่อมได้ถ้าพวกเราสามารถพิสูจน์ได้ว่านายคือท่านผู้นำ แต่ว่าฉันมีอะไรที่จะอยากจะถาม”

ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากนั่งลงยังเก้าอี้ที่อยู่ไม่ห่างไกลก่อนที่เขาจะค่อยๆนำมือไปถอดหน้ากากของตนเองอย่างช้า ๆ 

หน้าที่ที่ห่างไกลจากอาณาจักร ชายหนุ่มผมสีทองตาสีฟ้ามองไปยังการกระทำของกลุ่มคนที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อจะปลุกชีพมนุษย์ เขาทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง 

“มีตลอดเลยสินะพวกที่ต้องการฝืนกฎพระเจ้า ถ้าเราไม่เคลื่อนไหวมันก็จะดูยังไงอยู่ แต่ถ้าหากเคลื่อนไหวแล้วก็คงขัดแย้งกับพวกนั้นแน่ เอายังไงดีนะ”

“เรื่องนี้ให้ฉันจัดการให้ไหมวิน”

 เสียงหญิงสาวที่เขาไม่ได้ยินมานานกล่าวขึ้นข้างหลัง ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปมองเธอก็เข้ามากอดเขา 

“ฉันอยู่ข้างบนนี่เบื่อจะตายอยู่แล้ว อยากจะลงไปเที่ยวสักหน่อยนะ”

“ฉันคงให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ นั่นก็เพราะว่ามันหลายครั้งแล้วที่หญิงสาวมาขอเขา

“อย่างนั้นหรอ น่าเบื่อจังเลย” หญิงสาวพูดแต่ในขณะเดียวกันเธอก็ยิ้มในใจ เพราะสิ่งที่เธอต้องการเธอได้ทำมันเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยที่ไม่มีใครนะที่นี้ได้รับรู้ 

การกระทำของเธอมันจะเป็นความลับจนกว่าเด็กผู้นั้นจะเริ่มเคลื่อนไหว ผู้นั้นสามารถใช้อาวุธที่เธอประทานไปให้ได้อย่างคล่องแคล่วโลกใบนี้ก็จะเริ่มสนุกขึ้นอีกครั้ง ความสงบสุขมันมีมากเกินไปก็ไม่ดีมีน้อยเกินไปก็ไม่ได้ แต่สิ่งที่หญิงสาวรู้ลึกๆก็คือคนที่เธอประทานสิ่งนี้ให้มันย่อมไม่ใช่เป็นคนเลวร้าย 

เด็กหนุ่มผู้นี้ต้องเป็นวีรบุรุษอย่างแน่นอน เหมือนกับชายหนุ่มที่เธอเคยหลงรักตั้งแต่แรกเห็น ชายหนุ่มที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีและเอื้ออาทร อยากจะช่วยเหลือทุกชีวิตให้กับโลกใบนี้

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.