บทที่ 11 วางแผน 2/2
บทที่ 11 วางแผน 2/2
สิ้นคำกล่าวของเด็กตรงหน้า ศิลาก็แทบคลั่ง สำหรับชายหนุ่มแล้วการบอกว่าตนเองไม่ได้เข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้ายนั้นมันคือการหยามเกียรติอย่างถึงที่สุด เขาเป็นหนึ่งคนที่เข้าร่วมในสงครามครั้งสุดท้ายเกือบจะได้ต่อสู้กับพ่อของยัยหนูนี่ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กเมื่อวานซืนคนนี้กับไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย
เขาตะโกนขึ้นมาอย่างเดือดดาล “ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ความรู้ก็เท่าหางอื่งยังกล้ามาพูดแบบนี้ถ้าเธอได้อ่านเรื่องของสงครามครั้งสุดท้ายเธอน่าจะรู้ดี เมื่อฉันก็เป็นหนึ่งคนที่ได้เข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้ายครั้งนั้น ตอนนั้นฉันยังเป็นนักศึกษาอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ ได้ร่วมสู้กับอาจารย์และนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีนามว่าโยดา”
“อย่างนั้นเหรอคะ ดิฉันคิดว่าท่านแค่พูดไปเท่านั้น ไม่ได้คิดเลยว่าท่านจะกล้าเข้าร่วมสงครามครั้งนั้นด้วย ฉันเข้าใจว่าท่านเองคงจะรังเกียจสายเลือดของดิฉัน แต่ว่ามันก็ไม่เป็นเรื่องที่ถูกหรือผิดและฉันก็ไม่สามารถตัดสินได้เดิฉันรู้ดีว่าฉันคงไม่สามารถเปลี่ยนใจท่านได้ แต่ว่าปัจจุบันนี้มันมีเรื่องที่สำคัญมากกว่าที่พวกเราควรที่จะเสวนากัน”
ไอหยุดกล่าว ก่อนที่จะมองไปรอบๆเพื่อสังเกตพฤติกรรมของทุกคน หลังจากนั้นหญิงสาวที่มีอายุน้อยที่สุดในที่แห่งนี้ก็ตัดสินใจดึงเข้าประเด็น
“พวกท่านคงรู้ดีว่าทำไมดิฉันถึงมาอยู่ที่นี่ดิฉันจะขอนำเรียน เมื่อวานนี้ตอนที่ดิฉันกำลังจะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเครื่องย้ายมิติ ตอนนี้เด็กในโรงเรียนของเราจำนวน 2 คนได้หายไปยังไม่ติดอื่น จากการสันนิษฐานของดิฉันดิฉันคิดว่าพวกเด็กพวกนั้นน่าจะหลุดไปในดันเจี้ยน หรือถ้าอย่างเลวร้ายที่สุดก็คือพัดหลงไปยังมิติใดมิติด 1 ที่มีจำนวนมากมายในโลกใบนี้ แล้วประเด็นที่ 2 ที่ฉันได้รู้จักพวกท่านทุกคน เด็กแนวโรงเรียนเวทมนต์ของเราถูกลักพาตัวหายไปอย่างปริศนา”
“และยังมีประเด็นที่ 3” ชายชรากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคร่งเครียด
“ตอนนี้คนของศาสนจักรได้ถูกสังหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราไม่รู้ว่าหมอนั่นเป็นใคร แต่จากการสันนิษฐานหมอนั่นอาจจะโดนวิชาบางอย่างก็เป็นได้ ถ้าคนของศาสนจักรสามารถแทรกซึมเข้ามาในโรงเรียนเวทย์มนต์ได้ ก็มันจะเป็นปัญหาที่พวกเราไม่สามารถที่จะแก้ไขได้อย่างง่ายดายแน่นอน พวกเราต้องระมัดระวังตัวให้มากที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ แล้วยังต้องปกป้องหลานของฉัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันอยากจะให้พวกเธอทุกคนตระหนักเอาไว้ เราต้องใช้ทุกวิธีทาง ที่จะไม่ให้เรื่องดังกล่าวหลุดรอดไปยังพวกหูของอาณาจักรและศาสนจักร เด็กที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของพวกเราต้องปลอดภัยนี่คือกฎเหล็กของโรงเรียนของพวกเรา”
“แล้วทางหน่วยความมั่นคงให้ข้อมูลอะไรเราบ้างคะท่าน” หญิงสาวผมแดงกล่าว เฟรย่ามองไปยังชายชราที่มีท่าทางเคร่งเครียด เขานำมือไปจับหนวดของตนเองก่อนที่จะมองกลับมา
“เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่พวกเรากับหน่วยความมั่นคงพยายามรวบรวมข้อมูลเท่าที่จะทำได้ แต่ว่าพวกเราก็ต้องผิดหวังเพราะพวกเรารวมไปถึงหน่วยความมั่นคงไม่สามารถเก็บข้อมูลอะไรได้เลย เหมือนว่าจู่ ๆ เด็กพวกนั้นก็หายไปอย่างปริศนาไร้ร่องรอยไร้ที่ไปที่มา เราไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเด็กพวกนั้นไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกเด็กของพวกเราที่อยู่ในโรงเรียนเวทมนตร์หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“แสดงว่าเรารู้ต่อเมื่อผู้ปกครองมาแจ้งข่าวให้พวกเราทราบสินะ”
ชายชราพยักหน้าก่อนที่จะมองยังไอยรา
“ฉันทราบมาว่าลูกศิษย์ของเธอก็เคยถูกลักพาตัวไปเหมือนกัน แต่ว่าเธอสามารถไปช่วยได้อย่างรวดเร็ว แล้วองค์กรที่ลักพาตัวลูกศิษย์ของเธอไปก็คือองค์กรนั้นดังนั้นฉันเลยสันนิษฐานว่าคนที่ลักพาตัวลูกศิษย์ของพวกเราไปก็คือองค์กรเดียวกัน”
“องค์กรนั้นลักพาตัวลูกศิษย์ของฉันไปก็จริง แต่ว่าพวกมันก็ยังมีการติดต่อมาหาฉัน แต่ว่าจากที่ฉันได้ฟังมาเด็กพวกนั้นหายไปอย่างปริศนาแสดงว่ามันน่าจะไม่ใช่องค์กรเดียวกันนะคะ” หญิงสาวตอบในขณะที่หัวของเธอเองก็พยายามไต่ตรองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
พวกเขาทั้งหมดรู้ดีว่าตอนนี้ข้อมูลที่พวกเขาได้มามันช่างน้อยนิด ต่อให้โรงเรียนเวทย์มนต์จะมีสิทธิ์รับรู้ข้อมูลแต่พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งวุ่นวายกับหน่วยความมั่นคง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะส่งสายลับไปอยู่กับหน่วยความมั่นคงเสมอ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาจะได้ข้อมูลมาอย่างง่ายดาย ถ้าถามว่าทำไมน่าจะเป็นเพราะว่าหน่วยนี้สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างดีเยี่ยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในอาณาจักร
“แล้วที่บอกว่าฝ่ายของศาสนจักรถูกสังหาร แถมยังน่าจะถูกใช้ผู้ชายควบคุมศพนี่ล่ะคะด้วยความมั่นคงรับรู้ข้อมูลตรงนี้หรือเปล่าหรือว่ามีแต่อาจารย์ที่รับรู้ข้อมูล” เฟรย่ากล่าวถามชายชรา
“หน่วยความมั่นคงกับศาสนจักรเองก็รับรู้ข้อมูลแล้ว โรงเรียนของเราไม่มีนโยบายในการปิดบังข้อมูลเหมือน 2 หน่วยงานที่กล่าวมาถ้ามันไม่ใช่เรื่องไม่จำเป็น โยนให้คนของศาสนจักรที่เสียชีวิตไปนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอยู่แล้ว แต่สำหรับนักเรียนในโรงเรียนของพวกเรามันคนละเรื่อง เดิมทีฉันก็อยากจะให้หน่วยความมั่นคงกับพวกตำรวจเป็นคนดำเนินการเรื่องนี้พวกเราจะไม่ยุ่ง แต่ว่าจากที่ได้ทราบมาถ้าปล่อยไว้นานเด็กพวกนั้นจะมีโอกาสตายสูงดังนั้นฉันเลยอยากจะส่งพวกเธอ 3 ผู้สุดยอดไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้”
“แล้วภารกิจของฉันล่ะคะ ภารกิจที่ต้องไปสำรวจยังคุกนรก จะยกเลิกอย่างนั้นหรอแล้วตอนนี้ยังเกิดอุบัติเหตุอีกถ้าขืนชักช้าไปเด็กของฉันก็อาจจะตายได้เหมือนกัน”
“เด็กที่ถูกลักพาตัวไปเป็นลูกคุณหนูและลูกขุนนาง ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็เป็นเด็กที่หายไปต้อง 2 คนเป็นหลานของท่านอาจารย์กลับนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็เป็นตัวเลือกที่มีคุณค่าทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากเย็นจริงๆนะครับแต่ถ้าเป็นความคิดของผม ผมคิดว่าเราควรที่จะไปช่วยลูกของขุนนางก่อนจะดีกว่า เพราะว่าอย่างไรก็ตามลูกของขุนนางถึงแม้ว่าจะมีเวทมนตร์แต่ก็ไม่ได้มีกำลังลบมากมายนัก ขืนปล่อยเอาไว้แล้วก็เด็กพวกนั้นจะได้ตายจริงๆ”
เมื่อไอยราได้ยินดังนั้นเธอรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของศิลา
“แล้วจะปล่อยให้เด็กๆลูกศิษย์ของฉันตายไปฟี ๆ อย่างนั้นหรือ เด็กพวกนี้ก็มีอันตรายไม่ต่างจากพวกลูกคุณหนูนั่นหรอก รู้หรือเปล่าถ้าหลุดออกไปมิติอื่น หรือว่าดันเจี้ยนอื่น จะเจออันตรายอะไรบ้างก็ไม่รู้ รวมไปถึงกระแสของเวลาที่ไม่เท่ากันอาจจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็เป็นได้”
“พูดเอาดีใส่ตัวจริงๆนะไอยรา เรื่องที่เกิดขึ้นมันควรที่จะเป็นความรับผิดชอบของเธอไม่ใช่หรือยังไง เพราะว่าเธอนำลูกศิษย์ของพวกเราไปร่วมในภารกิจนี้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ ถ้าพวกเขารู้พวกเขาก็ต้องต่อต้านอย่างแน่นอนถึงแม้ว่าเสียง 2 ใน 3 จะเห็นด้วยกับความคิดนี้ก็ตามที แต่ว่าเรื่องนี้ฉันก็เคยห้ามไปแล้ว”
ชายหนุ่มหยุดก่อนที่จะมองไปยังหญิงสาวที่มีท่าทางไม่พอใจ คำพูดของเขานั้นล้วนแทงในใจของคนทั้งสอง ศิลากล่าวต่อโดยที่ไม่คิดจะไว้หน้าหญิงทั้งสองแม้เพียงนิด
“พวกเธอทั้งสองคนเคยพูดไว้นี่ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเธอทั้งสองคนก็จะเอาตำแหน่งแล้วจะแสดงความรับผิดชอบ ฉันมีข้อเสนอถ้าเธอ ไอยรา ถ้าเธอยินดีลาออกจากตำแหน่งครูของโรงเรียนเวทมนต์ฉันก็จะดำเนินการช่วยเหลือลูกศิษย์และน้องของเธอ แต่ถ้าเธอไม่เลือกทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนเธอคงรู้ดีนะว่าขั้นตอนในการช่วยเหลือมันจะเร็วหรือช้า ฉันคงไม่ต้องอธิบายให้มันยุ่งวุ่นวาย”
ไอยรากัดปาก หญิงสาวกำหมัดแน่นก่อนที่จะก้มหัวลง เธอก่อนที่จะตัดสินใจได้กล่าวบ้างสิ เฟรย่าก็กล่าวขึ้นมาเสียก่อน
“สถานการณ์แบบนี้ยังจะทำนิสัยแบบนี้อีกนะ ฉันรู้ดีว่านายต้องการจะบีบเด็กคนนี้ให้ลาออกจากตำแหน่งครูของโรงเรียนเวทมนต์ แต่ว่าตอนนี้ชีวิตของเด็กสำคัญกว่า นายควรที่จะดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยเหลือเด็กๆออกมาจากดันเจี้ยน นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องและดีที่สุด”
ชายหนุ่มยักไหล่กับคำพูดของหญิงสาว “ความช่วยเหลือฉันได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่ว่าการดำเนินการมันจะช้าหรือเร็วมันก็ขึ้นอยู่กับว่าไอยรา เธอจะยินยอมรับข้อเสนอของฉันหรือเปล่า ถ้ายินยอมรับข้อเสนอของฉันเรื่องทุกอย่างก็จะเร็วขึ้น เร็วขึ้น เร็วขึ้น และเร็วขึ้น จากเดิมที่การดำเนินการอาจจะ 3-4 วัน อาจจะรวดเร็วจนสามารถดำเนินการหาและเปิดประตูมิติเพื่อทำการช่วยเหลือภายใน 1 ถึง 2 วัน แต่ถ้าเกิดไม่รับข้อเสนอแล้วก็มันก็คงต้องเป็นไปตามกระบวนการ ก่อนอื่นต้องทำยังไงนะ”
ศิลาตึกตรอง ก่อนที่จะกล่าวอย่างเย้ยหยัน เมื่อเขาพบว่าตอนนี้หญิงสาวเด็กน้อยตรงหน้ากำลังกำมือแน่นด้วยความโกรธ สำหรับเขาเขารู้สึกสะใจเมื่อพบว่าตอนนี้เด็กน้อยตรงหน้าเหมือนเป็นลูกไก่ที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ชายหนุ่มยิ้มแต่ในใจกับหัวเราะดังลั่น
“มันจะมากไปแล้ว ฉันขอเสนอให้ลงมติ เพื่อช่วยเหลือเด็กทั้ง 3 คนอย่างเร่งด่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้”
คำพูดของเพื่อนสาวทำให้ศิลายิ้มออกมาอย่างชอบใจ
“โอ้โฮ้ เป็นความคิดที่ดีนี่หน่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร เฟรย่าฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความคิดของเธอเลยนะเนี่ย อย่าลืมสิว่าการลงมาแต่ละครั้งการเปิดใช้เวทมิติกลุ่มหรือรับความยินยอมจาก 3 ฝ่าย มันก็จะใช้เวลาไม่ต่างกันเท่าไหร่ พวกเราสามารถลงมติได้เลยก็จริงอยู่เธอและไอยรา สามารถรวมหัวลงมติเพื่อบีบบังคับให้ฉันทำอย่างที่เธอต้องการ แต่ว่าลองคิดดูดีๆสิว่าการลงมติครั้งนี้มันจะชอบธรรมหรือไม่ หรือต่อให้พวกเธอทั้งสองคนลงมติเพื่อให้ฉันเปิดเปิดมิติแต่ถ้าฉันไม่ทำขึ้นมาพวกเธอจะทำอะไรฉันได้”
“มันมีทางเดียวเท่านั้นแหละ คือการคืนตำแหน่งของเธอมาซะและเดินออกไปจากโรงเรียนเวทมนตร์นี่เป็นคำขาดของฉัน”
ชายชรามองการกระทำของอดีตลูกศิษย์ของตนอย่างเวทนาและสงสาร แต่ถึงอย่างนั้นผู้อาวุโสก็ไม่คิดที่จะเข้าไปแทรก สำหรับเขาถ้าหากเรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงจริง ๆเขาจะไม่เข้าไปยุ่งอย่างเด็ดขาด
ผู้อาวุโสมองสีหน้าท่าทางของเซย่า ก่อนที่เขาจะตัดสินใจกล่าว
“เรื่องการลักพาตัวพวกเราจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องไปช่วยเด็กที่เกิดอุบัติเหตุในการใช้เวทย์เคลื่อนย้ายมันเป็นเรื่องของพวกเธอ ฉันในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนเวทย์มนต์จะไม่ขอยุ่งเกี่ยว เพราะอย่างที่ศิลาพูดไป เรื่องที่จะให้เด็กๆไปทำภารกิจนอกสถานที่พวกเราไม่ยินยอมและไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องที่ศิลาเสนอไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของฉัน”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 213
แสดงความคิดเห็น