ตรงนี้ที่ฉันหลับฝัน

ตรงนี้ที่ฉันหลับฝัน
คุณกำลังอ่าน: ตรงนี้ที่ฉันหลับฝัน

-A A +A

ตรงนี้ที่ฉันหลับฝัน

จบบริบูรณ์

            ซ่าๆๆ   สายฝน   เสียงของสายฝนกระทบหน้าต่าง   เม็ดฝนมากมายเกาะบนผิวกระจก   ยากที่จะมองลอดผ่าน   เสียงของสายฝน....

            ฟุ่บ~   หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียง   นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองขึ้นไปบนนั้น   บนฝ้าเพดานสีคล้ำ   แสงไฟบนจอโทรศัพท์ค่อยค่อยอ่อนกำลังก่อนจะดับไปพร้อมเปลือกตาที่ปิดลง   เสียงเพลงยังคงเปิดดังอยู่เช่นนั้น

            แสงจากหลอดไฟ   แรงกล้าเกินกว่าจะหลับลง   แต่ก็เลือกที่จะนอนนิ่งๆ   ครุ่นคิดถึงเรื่องหนักอึ้งในวันนี้กับข้อความจำนวนมากถูกส่งมาพร้อมกัน   เป็นการรอคอยที่ยาวนานกับความรู้สึกที่เหมือนหลุดพ้นและร่วงหล่น   เหมือนกับปีกที่มีทั้งหมดมันหัก   ไม่อาจบินต่อ   จากจุดที่สูงที่สุด   จากสวรรค์ชั้นเก้า   กระแทกร่างกับพื้นคอนกรีตเหมือนที่เพลงบอกเอาไว้   ว่าฉันได้ตกลงมาแล้ว....

            ครื่น~   เสียงของสายฝนยังคงดังต่อไป   รบกวนจิตใจที่อยากพักผ่อน   หูยังคงได้ยินท่อนฮุคที่กลับมาย้ำอีกครั้งก่อนจะถึงช่วงสุดท้ายของเพลง

            “I am falling from cloud nine.”  

            ฟิ้ว~   เหมือนเสียงของลม   เหมือนตัวเธอกำลังร่วงหล่นอย่างที่เนื้อเพลงตอกย้ำ   ทันใดนั้นแสงทั้งหมด   หายไปในทันที

            ตุ่บ!!   เหมือนหลังกระแทกเข้ากับพื้นซีเมนต์อย่างจัง   ด้วยความเจ็บปวดจึงพยายามลุกขึ้นแต่ให้ความรู้สึกประหลาด   เหมือนขาของเธอไม่ได้ขยับตาม   พยายามลืมตาขึ้นดูก็เห็นเพียงแต่สีดำ

            “.....”   เธอเปล่งเสียงแต่มันชั่งเงียบงัน   ทุกอย่างเงียบสนิท   มันเงียบไปหมดแต่สักพักเธอเริ่มได้ยินเสียง   เป็นเสียงของเม็ดฝนตามด้วยฟ้าผ่า  

            ร่างกายกำลังสั่นและยุบ   เหมือนโอเอซิสที่ถูกแรงกดของมือแต่น่าแปลก   ไม่มีความรู้สึกใดใดนอกจากรับรู้ว่าสั่นและยุบ

            สายฝนจางหายไปในที่สุด   เธอได้ยินเสียง   ไกลออกไป   เหมือนกับเสียงของเด็กที่กำลังเล่นกันแต่นั่นไม่ทำให้เธอขยับตัวไปไหน   เหมือนขาทั้งสองไม่มีแรง   แม้แต่มือก็ไม่ทำตามใจนึก   เหมือนกับจิ๊กซอว์ที่มากขึ้นและมากขึ้น

            ยิ่งปล่อยให้เวลาเดินผ่านก็ยิ่งเหมือนร่างกายห่อเหี่ยวลงไปลงอีก   มันร้อนขึ้นและร้อนขึ้นจนไม่ต้องใช้ดวงตาก็รู้ว่าเป็นวันที่ร้อนอบอ้าว

            ในขณะที่ทุกอย่างเงียบสงบ   เธอได้ยินเสียงหวีดหวิวของลมก่อนจะรู้สึกเหมือนขากลับมามีแรงอีกครั้ง   แม้จะเล็กน้อยแต่ก็พอทำให้เธอเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้   ลองขยับมันอีกครั้งแต่กลับไม่ได้ผลอีกแล้ว 

            วิ้ว~~~   กระแสลมที่เย็นสบายพัดผ่านตัวเธอไปอีกครั้ง   เป็นกระแสลมเดียวกัน   เธอรับรู้และเชื่อแบบนั้นด้วยประสาทสัมผัสหูที่ทำงานได้ดีเยี่ยม   แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อความมืดที่ปกคลุมสายตากำลังเปล่งแสงสว่างออกมา   ท้องฟ้า   ท้องฟ้าสีครามและก้อนเมฆสีขาวสะอาด   ใบไม้ร่วงหล่นจากต้นไม้   น่าแปลกที่การมองเห็นครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนองศาได้   ราวกับใบหน้าของเธอแหงนขึ้นตลอดเวลา

            ลมหนาวหวนกลับมาอีกครั้ง   พัดกระทบใบหน้าของเธออย่างจัง   ลมหนาวที่แปลกแยกจากบรรยากาศในยามสาย   ลมหนาวที่ไม่น่าจะหวนคืนมา   ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่?   ในที่สุดก็เหมือนเธอจะได้ยินเสียงนึกคิดของตัวเอง   แปลกจัง   แต่ถึงอย่างนั้นก็เฝ้ามอง   แม้จะมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้   ลมหนาวยังอยู่ใกล้   ใกล้มากๆ   เพราะมันเย็นสบายและทำให้ตัวเธอเดินได้แม้จะสั้นๆ  

            มาอีกแล้ว   ลมหนาวนั่นมาอีกแล้ว   เหมือนกับยารักษาหวัด   ร่างกายที่ร้อนระอุกลับมาเย็นสบายในทุกครั้งที่ลมหนาวเคลื่อนผ่าน   รู้สึกดีใจทุกครั้งที่ลมหนาวมาเยือนจนติดเป็นนิสัย   เริ่มที่จะไม่อยากรอ   เริ่มที่จะเอาแต่ใจ   อยากให้ลมหนาวนั้นอยู่กับเธอตลอดไป   อย่าได้พัดไปไหนไกล

            ทว่า   ลมหนาวอาจมีครอบครัวที่ต้องดูแล   อาจมีเพื่อนที่ต้องพบเจอ  

            จากการรอคอยเพียงเสี้ยววินาที   ถดถอยเป็นชั่วโมงและกลายเป็นครึ่งวัน   เธอรู้สึกประหลาด   เธอหงุดหงิด   น้อยใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเวลาไม่อาจถูกแช่อยู่ที่เดิม   น่าแปลกที่การรอคอยที่ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศได้เท่านี้  

            สองปีกว่าแล้วที่การรอคอย   วันและเวลาเป็นเพียงตัวเลขที่เคลื่อนผ่าน   เร็วบ้าง   ช้าบ้างแต่ก็คุ้มค่ากับหนึ่งข้อความที่ถูกส่งกลับมา   มันทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอนั้นเหมือนอยู่บนสวรรค์ชั้นเก้า   แสงโทรศัพท์ส่องสว่าง   ตามด้วยการสั่นและชื่อที่แตกต่าง   เพราะมันเป็นชื่อที่ออกเสียงด้วยภาษาหลักที่เธอและเขาใช้คุยกันไม่ได้ดีนัก   มันมักจะดังทุกหนึ่งอาทิตย์   หากโชคดีก็ห้านาทีเพราะงั้นก็เหมือนกับการเสี่ยงโชค   อาจเพราะแบบนี้จึงทำให้การรอมีค่า   ทั้งความสุข   ความหวังและหัวเสียเล็กน้อยแต่ก็เป็นความรักที่แปลกประหลาด

 

            ลมหนาวหายไป   สองวันแล้วที่ความสุขที่ถูกเติมเต็มในขวดแก้วไร้ฝาหลุดลอด   ได้แต่เฝ้ารอให้ลมหนาวพัดผ่านเหมือนทุกครั้ง   เพราะเขาคือยา   ไม่ใช่ยาอัดเม็ดหรือน้ำแต่เป็นยาวิเศษ   ไม่ต้องกินหรือดื่ม  

            พรุ่งนี้จะกลับมารึเปล่า?   เกิดอะไรขึ้นกับเขารึเปล่า?   บางทีอาจจะมีพายุใหญ่กลืนเขาไปก็ได้?   พอคิดในทางลบก็ทำให้จิตใจห่อเหี่ยวเร็วกว่าเดิมแต่ก็อดคิดไม่ได้   คงเพราะสนิมเก่าที่เกาะตัวรถคันนี้ถูกเคาะออกไปหมดแล้วและสีที่ทาใหม่ก็เริ่มจะหลุดลอก

            ค่ำคืนที่ไร้ดาวจากไปพร้อมกับการกลับมาของแสงอาทิตย์ยามเช้า   เหมือนเธอกำลังนั่งอยู่บนรถ   คนขับไร้ฝีมือ   โยกไปมาจนรู้สึกเวียนหัวเพราะร่างกำลังไร้การควบคุมและกระแทกไปมากับความมืดที่มองไม่เห็น   ภาพของท้องฟ้าไม่เคยสั่นไหวแบบนี้มาก่อนแต่แล้วทุกอย่างก็หยุดลง   ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดอีกต่อไป   เธอจ้องมองท้องฟ้าสีครามแต่เหมือนกำลังมองผ่านบ่ออะไรสักอย่าง   ทั้งให้ความรู้สึกที่แคบและเหมือนกับตัวเธอกำลังพองตลอดเวลา  

            เธอได้ยินเสียงของลมอย่างชัดเจน   มันพัดผ่านแต่กลับไม่ทำให้เธอรู้สึกเย็นสบายเหมือนทุกครั้ง   แต่แล้วลมนั้นเหมือนจะแรงขึ้นจนทำให้ร่างกายเธอขยับไปเอง   เร็วมากจนน่าตกใจพร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนกับความอึดอัดและบวมเปล่งได้สลายไปก่อนที่จะสัมผัสกับความหนาวเย็น   ลมหนาวนั่นเอง   ครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว   เธอรู้สึกได้ถึงกระแสลมอื่นๆ   ที่กำลังพัดพาเธอไป   ลอยขึ้นไปยังท้องฟ้าราวกับมีปีก   ร่างกายเบาหวิวเหมือนกับตอนนี้มีแค่ใบหน้าเท่านั้น

            ก้อนเมฆชัดเจน   จนเหมือนกับมือนั้นจะสามารถเอื้อมออกไปจับได้   เหมือนกับกำลังจะได้ขึ้นไปเยือนสวรรค์ชั้นเก้าอีกครั้ง   แม้จะอยากขอบคุณลมหนาวและเพื่อนๆ   เธอกลับทำได้แค่คิดในใจ  

            รอยยิ้ม   เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังเปล่งรอยยิ้มอยู่   ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะน่าเกลียดมากแค่ไหนแต่ก็ยิ้มออกมา   ไม่ได้ฝืน   มันดูธรรมชาติมากกว่าครั้งใด   ซึ่งนั่นทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอถ่ายรูปและวิดีโอ   ใบหน้าเรียบนิ่งคือเอกลักษณ์เฉพาะของเธอ   เพราะทุกครั้งที่เธอยิ้มออกมา   มันดูน่าเกลียด   อย่างน้อยก็ในความคิดของเธอ

            เธอรู้สึกถึงความสุขหลังจากการรอคอยที่สิ้นสุดลง   ท่องเหนืออากาศด้วยปีกที่มองไม่เห็น   จินตนาการถึงหนังเก่าอย่างไททานิค   บางทีลมหนาวอาจจะกำลังโอบเอวเธออยู่   กันไม่ให้ตกลงไป   เรียกว่าความรักได้รึเปล่านะ   รักที่ไม่อาจเปล่งเสียง   รักที่รู้ว่ารักผ่านการกระทำ

            หลังจากวันนั้นเธอและคุณลมหนาวใช้เวลาอยู่ตลอดทั้งวัน   ทั้งคืน  

            มีบ้างที่คุณลมหนาวจะหายไปนานๆ   เหมือนครั้งก่อนจนเธอน้อยใจแต่ก็ไม่กล้าบอกว่าตัวเองอยู่ได้โดยไม่มีคุณลมหนาว   อาศัยการเรียนรู้และความเข้าใจจึงทำให้เธอผ่อนคลาย   ไม่พยายามกระซิบบอกให้คุณลมหนาวอยู่กับเธอในวันที่เขาไม่อาจต้านกระแสพายุ   เธอมองเขาจากไป   รวมเป็นหนึ่งแต่นั่นไม่ใช่การจากลา   อาจใช้เวลาเดินทางจากอีกฟากของโลกเพื่อกลับมาหาเธอแต่เธอจะไม่บ่นหรือตำหนิคุณลมหนาวอีกต่อไป

            ขอแค่ได้ใช้เวลาให้นานที่สุดก่อนที่ตัวเธอจะตื่นจากฝัน   แค่นั้นก็พอใจแล้วสำหรับชีวิตที่ดูพิการนี้   เพราะว่าเธอไม่ได้พิการจริงๆ   เพราะคุณลมหนาวคือแขนและขาของเธอ   และเขามียานพาหนะส่วนตัวที่จะพาเธอให้ล่องลอยไปในท้องฟ้าราวกับเจ้าหญิงบนพรมวิเศษก็ไม่ปาน  

            ความฝันที่ยาวนาน   ไม่คิดว่าจะจบลง   โชคชะตาของเธอในวาระสุดท้ายของชีวิต   การรอคอยคนรักที่เดินทางไปกับพายุแห่งกาลเวลา   หัวใจเต็มไปด้วยความคิดถึงและโหยหา   แต่ศรัทธาไม่อาจทำงานร่วมกับสังขาร   เธอไม่อาจรอได้อีกต่อไป....

 

            วัน   เดือนผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย   ลมหนาวได้หวนกลับมาอีกครั้ง   เขารู้ว่าเธอไหนเพราะเธอจะไม่ขยับไปไหน   เสียงดังกึกก้องในหัวใจ   บอกให้รู้ว่านานกว่าทุกครา   หัวใจแข็งทื่อเต้นตึกตักราวกับกำลังรัวกลอง   โหยหาที่พบหน้ากันอีกครั้ง  

            ใบไม้แห้งปลิวว่อนในอากาศ   ร่วงหล่นรวมกันที่ผืนดินยุบตัว   ปกปิดคราบแห้งจนเป็นดั่งสุสานสีรุ้ง   สิบห้า ตุลา สองห้าสองศูนย์ถึงยี่สิบ พฤษภา สองห้าสองหนึ่ง   หลุมดินนี้คือที่นอนของเธอผู้เป็นที่รัก   จะไม่มีความเศร้าอีกต่อไป   ไม่ว่าเธอจะเกิดใหม่เป็นสิ่งใด   ลมหนาวจะตามหาจนเจอ

            “เซราฟิม   เซราฟิม   เซราฟิม”   โทนเสียงกวนโอ๊ยของชายคนหนึ่งดังขึ้น   หน้าจอโทรศัพท์ที่เปล่งแสงปรากฏข้อความจากแชทไลน์  

            นิ้วเรียวยาวแตะหน้าจอสองที 

            “I suppose your water, quite free flowing to fill any shape and constantly moving forward but held back by the constraints of the world containing it but fast flowing and in large volumes can be quite powerful.”   รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า     

            ลมหนาวพัดผ่านบานหน้าต่างที่เปิดอ้า   แม้เพียงชั่วครู่แต่ทำให้รู้สึกเย็นสบาย   ทำให้หวนนึกถึงความฝันประหลาดเมื่อคืน   เป็นฝันที่ยาวนานและเหมือนจริง   คิดได้แบบนั้น   มือเรียวก็เริ่มพิมพ์ข้อความ

            “ขอบคุณนะ   ลมหนาว”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.