STARCIN ภาคที่ 5 Elforia ตอนที่ 2 งานหลัก

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 5 Elforia ตอนที่ 2 งานหลัก

"คุณหญิงวิกตอเรีย...ท่านคงจะไม่ใจร้ายกับชายแก่อย่างผมหรอกใช่ไหม?" 

"ดูพูดเข้าสิคิดว่าเราจะใจอ่อนเหรอ? ข้อหาที่ออกนอกลู่นอกทางสามสิบนาทีต้องถูกตัดค่าอาหารหนึ่งอาทิตย์" 

"โถ่เอ๊ยโดนอีกแล้ว" ซึฮากิได้แต่ยืนมองดูพวกเขาทะเลาะกันแต่กลับยิ้มเยาะหัวเราะสนุกเสียมากกว่าจะโกรธกัน

"...สเตตัสสูงใช่เล่นเลยนี่เจ้าหนุ่ม ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า?" หญิงสาวผมแดงเอ่ยถามขณะที่ยังกอดอกมองค้อน

"..." ซึฮากินิ่งเงียบรอดูท่าทีของหญิงสาวคนนั้นแต่มันกลับทำให้เธอหัวเสียและใช้มือข้างเดียวยกร่างของเขาขึ้นกลางอากาศ แรงมหาศาลที่แม้แต่ซึฮากิเองก็ไม่อาจต้านทานได้จนเสื้อขาดทำให้เขาร่วงลงพื้นก้นจ้ำเบ้า

"เราได้ยินที่เจ้าพูดเมื่อกี้ที่ว่าจะชวนเขามารวมกลุ่มกับเรา อะไรทำให้เจ้าเชื่อใจเขาล่ะ?" เธอเบือนหน้ามองชายสูงวัยคนนั้น

"ผมเห็นไฟในตัวเขา แววตาและท่าทางที่เยือกเย็นไม่มีท่าทีเกรงกลัวอีกทั้งยังกล้าเผชิญหน้ากับท่านเสียด้วย...แค่นี้ยังไม่ชัดเจนหรือครับ?"

"ก็จริงเมื่อกี้ขนาดโดนเราจับยกก็ยังไม่แสดงท่าทีให้เห็นเลย" เธอเดินเข้าหาซึฮากิแต่ท่าทางของเธอเปลี่ยนไปคนละขั้วกับก่อนหน้านี้ไม่เหลือความน่ากลัวอีก

"เจ้ามีนามว่าอันใด?"

"ก่อนจะถามชื่อคนอื่นก็ควรแนะนำตัวเองก่อนสิ" ซึฮากิยันตัวเองขึ้นยืนพูดด้วยเสียงเรียบดูสบายใจกว่าที่คิด

"เหอะ..." รอยยิ้มแสยะออกดูพึงพอใจแปลก ๆ 

"เรามีนามว่า วิกตอเรีย แอสต้า อดีตราชินีของอาณาจักรเซียแต่ตอนนี้เป็นเพียงนักเดินทางเท่านั้น"

"ผม ซึฮากิ ฮลาฟกาด เป็นนักเดินทางเช่นกัน" เขายืนตัวตรงจ้องตาของหญิงสาวตรงหน้าไม่ลดละยอมกันเลย

"นักเดินทางที่เดินทางเพียงคนเดียวเหรอ? ใจกล้าไม่เบาเลยนี่เราก็อยากได้คนที่กล้าแบบนี้นี่แหละแต่ก็หาได้ยากเสียเหลือเกิน" 

"เจ้าอยากจะเข้าร่วมกับเราหรือไม่? หากเจ้าได้อยู่กับเราก็จะรับประกันได้เลยว่าปลอดภัยแต่อาจจะเจอสถานการณ์เสี่ยง ๆ เยอะไปหน่อย"

"ไม่หน่อยละมั้ง" เสียงจากตาแก่พูดแทรกขึ้นมากลางคันทำเอาวิกตอเรียหงุดหงิดใช้กำปั้นเขกหัวไปหนึ่งครั้ง

"พูดมากน่ายังไงเราก็จะรับประกันว่าอยู่รอดแน่ ๆ แล้วเจ้ามีแผนจะไปที่ใดต่อ?"

"จริง ๆ แล้ว...ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวหรอก" ขณะที่พูดเขาก็เผลอกระตุกยิ้มที่มุมปาก

"ผมกำลังตามหาพรรคพวกที่พลัดหลงกันอยู่ มีความเป็นไปได้ที่จะอยู่เมืองใกล้ ๆ ชายฝั่งสักแห่ง" ไม่มีคำลวงทั้งผู้หญิงคนนี้และตาลุงนั่นพวกเขาต่างก็พูดออกมาจากใจจริง

"เป็นอย่างงี้เองสินะ อืม ๆ ไหนลองบอกลักษณะคร่าว ๆ ไม่ก็เอกลักษณ์มาสิเราจะช่วยหาให้"

"หือ...พวกเขามีเด็ก ๆ ที่เป็นอมนุษย์อยู่หลายคน ผู้ใช้เวทน้ำ ไฟเลเวลหกและยังมีอดีตทหารยศสูงอีกคน"

"อยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่เลยแฮะ" หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเธอก็ชะงักชักใบหน้าขึ้นตรง

"พวกเขาพึ่งผ่านเมืองนี้ไปทางเหนือดูท่าจะพึ่งต่อสู้มาด้วย"

นี่สินะพลังของการตรวจจับระดับสูง ซึฮากิถอนหายใจสั้น ๆ แสดงให้เห็นถึงความโล่งใจ

"เราช่วยเจ้าตามหาพรรคพวกได้นะเพราะดูเหมือนเราจะไปทางเดียวกัน" เธอยิ้มออกมาทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มอันน้อยนิดของซึฮากิเหมือนได้ปลดปล่อยความระแวงซึ่งกันและกัน

"ถ้าแบบนั้นผมก็ขอขอบคุณมาก ๆ" 

หลังจากนั้นซึฮากิก็ได้ไปรวมกลุ่มกับพวกเขาที่มีอยู่ไม่ถึงสิบคนแต่ละคนนั้นมีความสามารถที่แตกต่างและสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือวิกตอเรีย เธอเป็นคนรวมกลุ่มและสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของตัวเองทุกคนต่างก็เคารพนับถือเธอแต่ก็ไม่มีใครที่เกรงใจจนไม่กล้าพูดหรือบอกข้อบกพร่องพวกเขามักจะเล่นกันแรงไปหน่อยแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสนิทสนม

"ฮ่า ๆ ๆ ตาแก่เอ็งเอาแต่สอดส่องไปทั่วเลยไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?"

"ก็ฉันเป็นคนนำทางนี่แถมยังทำแผนที่เป็นงานอดิเรกอีก ถ้าจะทำแผนที่ให้ละเอียดที่สุดก็ต้องรู้ลักษณะพื้นที่มากที่สุด"

"โอะ ! ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อดีนเป็นช่างประจำกลุ่มไม่ใช่ว่าจะอุปกรณ์หรือข้าวของเป็นอะไรก็เอามาให้ซ่อมได้ทุกเมื่อเลยนะ"

"ผมซึฮากิแต่บางคนก็เรียกแค่กิ" เขายื่นมือจับสมานกันอย่างเป็นมิตรดูรอยยิ้มอันเบิกบานที่เขาส่งให้ไม่ว่ายังไงมันก็มาจากใจแน่ ๆ

"ยินดีต้อนรับสู่กลุ่มของเรา ถ้าวิกตอเรียเป็นคนชวนเองก็ต้องไว้ใจได้อยู่แล้วเนอะทุกคน"

"ใช่ ๆ" เสียงตอบรับจากชายหญิงหลายคนที่เดินเคียงคู่กัน

"ไหน ๆ ก็มีเด็กใหม่มาเราก็ต้องแนะนำตัวกันสักหน่อย" ดีนยิ้มฉีกกว้างเหมือนกำลังมีความสุขกับการรับน้องใหม่เขาดูพูดจาสุภาพและอ่อนน้อมอย่างกับเป็นหลานของตัวเอง

"ฉันก่อน ๆ ฉันนีน่าเป็นคนทำอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก" เมื่อได้ยินคำแนะนำตัวเหล่านั้นเพื่อน ๆ ของเธอต่างก็ต้องหัวเราะลั่น

"งั้นต่อไปก็เป็นฉันละกัน สเวนเป็นหมอที่เกือบจะรักษาได้ทุกโรค...มั้ง" 

"ฉันยามะเป็นนักผจญภัยสายต่อสู้ที่เน้นไปทางด้านการลอบสังหาร ชอบการจ้วงแทงจากด้านหลังโดยเฉพาะที่ท้ายทอย"

"แหม่ ๆ แนะนำตัวเสียยาวเหยียดเลยนะ ฉันโอกิเป็นคนตั้งรับในแนวหน้าของกลุ่ม"

"และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดฉันฮันน่าผู้ใช้เวทระยะไกล"

"ลืมฉันไปหรือเปล่า?" ตาลุงที่ได้พบกับซึฮากิคนแรกพูดแทรกขึ้นมา

"อูเซโร่นั่นเป็นชื่อของฉัน" เมื่อแนะนำตัวกันครบแล้วพวกเขาก็มองไปยังแกะตัวใหญ่ที่มีขนฟูนุ่มนิ่มกำลังลากของอย่างกับม้าที่ใช้แรงงาน

"เจ้านั่นเป็นคู่หูของวิกตอเรียชื่อของมันก็คือ-"

"ฟูวะฟูวะ" ซึฮากิยืนจ้องตาค้างเมื่อเสียงที่เปล่งออกมามันมาจากเจ้าแกะตัวนั้นก่อนจะชะเง้อใบหน้ามองเขากลับ

"ฮ่า ๆ ๆ ดูท่าทางมันจะชอบนายนะเพราะปกติมันไม่ค่อยพูดกับคนแปลกหน้า"

"พวกคุณบางคนมีออร่ามานาห่อหุ้มร่างกายแต่มันไม่เหมือนกับเสริมกำลังเลย" ซึฮากิเอ่ยถามทันทีที่ได้มองดูเหล่าสมาชิกของกลุ่มนักเดินทาง

"เก่งนี่ที่มองออก หลายคนในกลุ่มเป็นอมนุษย์น่ะ" ดีนคืนสภาพร่างกายที่เตี้ยจนเทียบเท่าเด็กผู้ชายแต่ยังคงเต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟิ้ม

"ฉันเป็นเผ่าคนแคระน่ะส่วนสเวนเป็นเอลฟ์และก็เผ่าคนยักษ์โอกิ" 

"ทำไมถึงต้องปลอมตัวล่ะ?"

"มันเดินทางได้สะดวกกว่าน่ะสิ เราไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดหรอก" ดีนส่ายหน้าเล็กน้อย

"ยอมเปิดเผยตัวตนกันแบบนี้แสดงว่าไว้ใจผมมากเลยสิ" ซึฮากิยังคงระวังตัวและยิงคำถามใส่

"แน่นอนพวกเราทุกคนไว้ใจวิกตอเรีย ไม่ว่าเธอจะพาใครเข้ากลุ่มมาก็ต้องผ่านเธอมาก่อนแค่นั้นมันก็พิสูจน์พอแล้ว...ถึงปกติจะไม่มีสมาชิกใหม่มานานหลายปีก็เถอะ" 

"เลิกพูดกันได้แล้วเรากำลังจะเข้าเขตเมือง" วิกตอเรียพูดแทรกขึ้นมากลางคันเมื่อมองออกไปสุดสายตาก็ได้เห็นเมืองเมืองหนึ่งและยังมีไร่สวนกว้างใหญ่จรดไปจนป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์

"ผมขอถามอีกหนึ่งอย่าง...กลุ่มของคุณมีเป้าหมายคืออะไร?" 

"พวกเรากำลัง-"

"ดีน !" วิกตอเรียหันมองค้อนส่งสายตาอันอำมหิตพร้อมเชือดทำให้ดีนได้แต่ส่ายหัวหยุดพูดกลางคัน

หลังจากเดินเท้ากว่าชั่วโมงในที่สุดพวกเราก็มาถึงเมืองอันกว้างใหญ่แสนจะครึกครื้นโดยที่ประชากรภายในเมืองจะเต็มไปด้วยอมนุษย์แม้จะมีมนุษย์อยู่ด้วยแต่อัตราส่วนของอีกฝั่งก็ยังมากกว่าเห็น ๆ เพียงแค่เดินผ่านร้านอาหารก็เห็นแต่เผ่าต่าง ๆ โดยเฉพาะเผ่าครึ่งสัตว์ที่มีขนตามตัวหรือไม่ก็ลักษณะพิเศษ

"พวกเราจะพักกันที่นี่ก่อน เดี๋ยวเราจะออกไปสำรวจเมืองสักหน่อย" วิกตอเรียเปล่งวาจาดังกังวานเหมือนคำสั่งเสียมากกว่าการบอกกล่าวเมื่อเธอเดินออกไปทุกคนต่างก็มองดูแผ่นด้วยความเป็นห่วงอยากจะตามไปใจจะขาด

"เธอดูเกรี้ยวกราดนะว่าไหม?" ซึฮากิเอ่ยขึ้นไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวพร้อมกับจิบกาแฟที่สั่งไป

"เธอเคยเป็นคนฝึกทหารมาก่อนเลยมักจะตะโกนเสียงดัง แต่เราก็เข้าใจได้และมันก็เป็นเสน่ห์ของวิกตอเรียด้วย" ดีนยกแก้วเหล้าดื่มหมดในครั้งเดียว

"งั้นเหรอ?" เพียงแค่ครึ่งวันซึฮากิก็ไม่มีความเกรงอกเกรงใจทำตัวเหมือนปกติไม่ว่าจะเย็นชาใส่หรือทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

"ว่าแต่นายยังใจเย็นได้อยู่อีกนะทั้ง ๆ ที่พวกเราต่างก็เลเวลสูงกว่าจะทำอะไรกับนายก็ได้" นีน่าพูดไปก็ยิ้มชอบใจเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว

"พูดเป็นลางไปได้ยังไงพวกเราก็ไม่รังแกเด็กใหม่อยู่แล้ว...มั้ง" ยามะกล่าวออกมาแต่ก็มีเสียงกระตุกหยุดชั่วขณะเหมือนกับไม่มั่นใจในคำพูด

"โฮะ ๆ ๆ มาดื่มกันดีกว่าก่อนที่ท่านหญิงจะกลับมา" โอกิยกกระดกเครื่องดื่มไม่หยุดปากหันมาหยิบกับแกล้มกินเป็นพัก ๆ เสียงหัวเราะใหญ่โตอีกทั้งยังดังไปยันนอกร้านไม่มีความเกรงใจเลยสักนิดจะมีใครมาบ่นก็ไม่แปลกใจ

"มีแต่พวกติดเหล้ากลุ่มของเราจะไปรอดไหมเนี่ย?" เอลฟ์หนุ่มผู้ซึ่งมีหน้าตาเรียบเนียนแต่ยังคงความเป็นผู้ชายไว้

"อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนายก็มาดื่มด้วยกันสักหน่อย" ทั้งดีนและโอกิต่างก็คะยั้นคะยอยื่นแก้วเหล้าให้จนแทบจะไม่มีที่หายใจแม้จะค้านหัวชนฝาแต่สุดท้ายก็กระดกหมดแก้วอยู่ดี

"ฮ่า ๆ ๆ มาดื่มฉลองต้อนรับสมาชิกใหม่กันเถอะ" ฮันน่าแม่สาวในชุดรัดรูปกับการพกอาวุธขนาดใหญ่ไว้สองสิ่งนั่นก็คือธนูและไม้คทา

"จัดไป !" 

นี่เรามาอยู่กลุ่มขี้เหล้าหรือเปล่าเนี่ย ซึฮากิได้แต่นั่งมองดูเหล่าสมาชิกเดินเล่นเต้นไม่สนสายตาแต่ทุกคนในร้านก็ดันสนุกไปกับพวกเขาเช่นกัน

"เฮ้ย ! เสียงดังไม่เกรงใจเลยเหรอวะ" ขณะที่กำลังสนุกสนานเพลิดเพลินสำราญใจจู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนถีบประตูเข้ามาท่าทางฉุนเฉียวโกรธจนคิ้วขมวด

"ขอโทษนะครับเราจะพยายามเบาลง" โอกิเดินไปรับหน้าแทนทุกคนในงานเลี้ยง

"ยิ้มแบบนั้นนึกว่าเพื่อนเล่นเหรอวะ" ชายหนุ่มคนนั้นตบหน้าของโอกิจัง ๆ แต่โอกิก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อยและยังยิ้มอย่างนอบน้อม

"ยัง ๆ ยังจะกวนตีนอีก" เขายังง้างมือเตรียมตบอีกครั้งแต่มันก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยมือของใครบางคนจากด้านหลัง

"ใช้กำลังทำร้ายร่างกาย...พวกเจ้าอยากจะโดนมากนักใช่หรือไหม?" เสียงที่คุ้นเคยจากคุณวิกตอเรียเธอจ้องมองชายคนนั้นตาไม่กะพริบทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ใช้เวทมนตร์แต่กลับทำให้พวกเขาตัวสั่นระริกม้วนหางวิ่งหนีออกไปทันที

"เฮ้อ...เจ้าไม่คิดจะตอบโต้หรือยังไง?"

"ฮ่า ๆ ๆ ถ้าข้าตบสวนมีหวังได้จัดงานศพแน่ ๆ" โอกิหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่รู้ว่าเพราะอาการมึนเมาหรือเป็นนิสัยส่วนตัวแต่คนภายในร้านก็ยังคงสนุกกันต่อ

"ก็ถูกของเจ้า..." สายตาอันดุดันเหลือบมองหน้าซึฮากิ

"เป็นยังไงบ้างล่ะอยู่กับเจ้าพวกนี้" 

"เหอะ...ก็ดีกว่าอยู่กับพวกทหารละกัน" 

"ดูจากสายตาเจ้าคงมีเรื่องฝังใจอยู่สินะ แล้วทำไมถึงมาเป็นนักเดินทางล่ะ?" เธอเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ จ้องมองตาไม่กะพริบ

"ก็หลาย ๆ เรื่อง" ซึฮากิตอบสั้น ๆ เหมือนอยากจะจบบทสนทนาให้ไวที่สุด

"อะไรกันหมดคำจะพูดแล้วเหรอ? เจ้ามาจากไหนแล้วหลังจากพบพรรคพวกเจ้าจะยังเดินทางเราหรือไม่?"

"ผมยังบอกไม่ได้ว่าจะไปด้วยกันต่อไหมแต่ขอให้ได้พบเพื่อน ๆ ก่อน ถึงเวลานั้นผมจะกลับมาให้คำตอบ"

"ดูมีความลับเยอะเลยนะเจ้าน่ะแต่ก็เอาเถอะ..." เธอกระดกเหล้าหมดแก้วในทีเดียวและวางแก้วเสียงดังลงบนโต๊ะ

"เราอยากจะทดสอบพลังของเจ้าสักหน่อยถ้าไม่ว่ากัน" 

สายตาแบบนั้นแสดงว่าไม่ได้พูดเล่น หากเราไม่มีพลังมากพอก็คงจะโดนไล่ออกสินะแต่ความสามารถในการตรวจจับของเธอก็เป็นประโยชน์ในการตามหาพวกเซนคงต้องตามน้ำไป

"ก็ได้..." พวกเขาพากันไปยังด้านนอกเมืองซึ่งห่างไกลหลายกิโลเมตร

"ทำไมถึงต้องออกมานอกเมืองไกลขนาดนี้ล่ะ?" ฮันน่าเอ่ยถาม

"ดูท่าทางนายหญิงจะประเมินเจ้าหนุ่มนั่นไว้สูงเชียวนะ" โอกิพูดต่อทันทีมองดูแผ่นหลังของชายหญิงสองคนเดินเคียงคู่กันอย่างกับเพื่อนเล่น

"ตรงนี้คงจะไกลพอแล้ว" วิกตอเรียเบือนหน้าหนีซึฮากิมองดูบรรยากาศรอบ ๆ

"ถ้างั้น..." ซึฮากิกำหมัดที่เต็มไปด้วยมานาพุ่งทะยานและปล่อยหมัดนั่นเล็งไปยังใบหน้าของวิกตอเรียขณะที่กำลังเผลอ ๆ อยู่

"โอ้ ! เริ่มแล้วเหรอ?" 

"เลือดร้อนผิดกับหน้าตาเลยนะซึฮากิ" เธอใช้มือกันหมัดนั่นได้โดยไม่รู้สึกสะทกสะท้าน

"ตอนแรกเราว่าจะ-"

ซึฮากิหมุนตัวเตะเล็งไปยังใบหน้าของเธอแต่เธอก็เอนตัวหลบเฉียดปลายผมไปนิดเดียว ไม่ทันที่จะตั้งหลักซึฮากิก็ร่ายเวทกระสุนลมยิงใส่ดวงตาทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่อาจจะทะลุการป้องกันจากเวทเสริมกำลังได้

"เล่นไม่พูดไม่จากันสักคำปกติเจ้าก็เป็นแบบนี้สินะ" ซึฮากิไม่ได้ฟังคำพูดพวกนั้นแต่ก็ยังโจมตีเข้าใส่ไม่หยุดพยายามมองหาจุดอ่อนที่พอจะเจาะการป้องกันไปได้

"แค่เราใช้เสริมกำลังเจ้าก็ไม่อาจจะทำอะไรได้แล้ว ไฉนถึงยังดิ้นรนวิ่งไปมาอยู่ล่ะ?" แม้ซึฮากิจะเคลื่อนไหวเร็วสักแค่ไหนแต่นั่นก็ยังเชื่องช้าสำหรับวิกตอเรีย

"เจอแล้ว" เพียงคำที่เอ่ยขึ้นมาสั้น ๆ จากซึฮากิก็ทำให้วิกตอเรียตกใจหยุดชะงักไปครู่หนึ่งและไม่นานนักเวทพายุลมที่รุนแรงพอจะพัดร่างของวิกตอเรียให้ลอยขึ้นได้ด้วยเวลาแค่หนึ่งวินาทีซึฮากิก็ได้เข้าประชิดตัวและก่อร่างของใบมีดไร้รูปฟันจากด้านล่างบริเวณฝ่าเท้าของเธอ

ทำไมมองไม่เห็น ช่วงเวลาแค่หนึ่งวินาทีที่ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสับสนและออร่ามานาที่ฟุ้งกระจายไปทั่วทำให้เธอจับจังหวะไม่ได้ไปครู่หนึ่งอีกทั้งวิสัยทัศน์ก็มืดบอดมองอะไรไม่เห็นเป็นผลจากเวทมนตร์ของซึฮากิ

"ฮ่า ๆ ๆ" วิกตอเรียถูกใบมีดลมเฉือนฝ่าเท้าแม้แผลมันจะไม่ลึกมาแต่ก็ทำให้เธอเจ็บปวดทางจิตใจทำไมถึงถูกคนที่อยู่แค่เลเวลหกทำร้ายได้

"หาจุดที่เสริมกำลังเบาบางเจอด้วยสินะไม่ธรรมดาจริง ๆ แต่ตอนนี้เรารู้สึกโมโหสุด ๆ ไปเลย" เธอง้างแขนสุดองศาสร้างเปลวเพลิงห่อหุ้มแขนข้างนั้นไว้ก่อนจะค่อย ๆ ก่อร่างสร้างเป็นดาบยักษ์ยาวกว่าสี่เมตร

"เตรียมรับมือให้ดีล่ะ" รอยยิ้มแสยะออกพร้อมกับใบมีดสีชาดเหวี่ยงลงมายังใบหน้าของซึฮากิหากโดนไปคงไม่รอดเป็นแน่

"ท่านหญิงเอาจริงเหรอ?" โอกินั่งดื่มเหล้าขณะที่ดูไปด้วย

"ไม่รู้สิแต่เจ้าหนุ่มนั่นก็มีฝีมือใช่ย่อยเลย" ดีนเอ่ยตาม

"ฮึ [กล่องที่ว่างเปล่า]" เพียงเสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรหยุดนิ่งไม่มีแม้แต่ลมพัดผ่าน เวทดาบเพลิงของวิกตอเรียได้สลายหายไปทันทีหลังจากที่ซึฮากิร่ายเวทนั้นอีกทั้งยังหายใจไม่ออกเหมือนข้างในกำลังจะระเบิดออกมา

"นี่เป็นเวทไพ่ตายที่เก็บไว้ไม่อยากจะแสดงให้ใครเห็น แต่คุณวิกตอเรียนั้นต่างออกไป" ซึฮากิยืนอยู่เหนือวิกตอเรียที่กำลังตื่นตระหนกกับการหายใจไม่ออก

"คุณจริงใจและมีเป้าหมายที่เด็ดเดี่ยว ถึงผมจะไม่รู้ว่ามีเป้าหมายอะไรแต่นั่นต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่ ๆ" หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีซึฮากิก็คลายเวท

"เวทนั้นมันคืออะไรกัน? ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นมาก่อน" แม้เธอจะแข็งแกร่งและมีเลเวลที่สูงแต่ก็ยังต้องล้มลงเพราะเวทอันแปลกประหลาดของซึฮากิ

"ผมใช้มันได้แค่ไม่กี่วินาทีเพราะตัวเองก็รับผลกระทบไปด้วย"

"เจ้ายังไม่ตอบคำถามของเราเลย" ซึฮากิดึงมือวิกตอเรียขึ้นโดยที่เธอไม่ได้รู้สึกท้อแท้หรือถือตัวเลย

"เวทนั้นจะเอาแก๊สออกซิเจนออกทั้งหมดรวมทั้งแก๊สหลาย ๆ ตัวแต่ก็ไม่ทั้งหมด ถ้าควบคุมได้ดีกว่านี้ก็อาจจะทำให้เกิดสุญญากาศได้"

"เอาออกซิเจนออกเหรอ? มันคืออะไรกัน?" เธอเอ่ยถามครุ่นคิดจนแทบจะบ้าแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธอได้สลัดคราบความสุขุมเยือกเย็นของอดีตองค์ราชินีไปอย่างสิ้นเชิง

สงสัยเธอจะไม่รู้แต่ที่โรงเรียนในเมืองหลวงก็น่าจะมีสอนแล้วนะ?

"เอาเป็นว่ามันเป็นเวทมนตร์ที่ใช้สำหรับต่อต้านเวทไฟโดยเฉพาะและยังสามารถจัดการคนกลุ่มใหญ่ ๆ ได้- เหมือนจะพูดมากไปซะแล้ว"

"เถอะน่าเราอยากรู้อีก ได้เจอคนเก่ง ๆ อย่างเจ้าอาจจะมีความรู้ที่เราไม่มีก็ได้" วิกตอเรียโอบกอดเอวของซึฮากิไว้พยายามจะยื้อยุดฉุดกระชากแทบจะก้มกราบ

"เอาอย่างงี้ตัวเราจะบอกความลับของตัวเองให้แต่เจ้าก็ต้องบอกความลับที่เก็บไว้เช่นกัน" 

"คุณเริ่มก่อนสิ..." ซึฮากิมองลงยังเบื้องล่างที่วิกตอเรียกอดเอวของเขาอยู่ทำให้เหล่าสมาชิกในกลุ่มตกอกตกใจจนแทบจะเป็นลม

"ได้ ๆ" เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้งจ้องมองซึฮากิตาไม่กะพริบ

"เฮ้ย ๆ อย่าบอกนะว่าท่านหญิงจะตกหลุมรักเจ้าเด็กใหม่" โอกิและพรรคพวกของเขารีบวิ่งเข้ามาด้วยความสงสัยใคร่รู้

"เป็นไปไม่ได้หรอกนอกจากจะมีลูกสองแล้วเธอก็ยังเป็นพวกบ้าพลัง ไม่ค่อยสนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เท่าไหร่หรอก" ดีนพูดเสริมต่อแต่ด้วยใบหน้าอันอิ่มเอมที่กำลังพูดคุยกับซึฮากิก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ

"เรากำลังตามหาดาวฤกษ์มฆาทั้งห้า พวกเขาคือผู้ที่กุมความลับในการทะลวงเลเวลเก้าไว้"

"คุณรู้ได้ยังไงว่าสิ่งนั้นกุมความลับไว้" ซึฮากิถามกลับทันทีที่ได้ยินทำให้เธอฉุกคิดขึ้นได้

"นั่นเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่เขียนไว้ในหนังสือ หากไม่เชื่อก็ไม่มีวิธีไหนแล้วที่จะก้าวข้ามเลเวลเก้า"

"ดาวฤกษ์มฆา?" 

"พวกเขาเป็นผู้บุกเบิกดินแดนดันเจี้ยน นอกจากข้อมูลส่วนนี้ก็ไม่มีอีกแล้วนอกจากตำนานที่เล่ากันต่อ ๆ มา บ้างก็ว่าพวกเขาถูกผนึกอยู่ในดันเจี้ยนหรือไม่ก็เป็นผู้คุมดันเจี้ยนเสียเอง...เราบอกข้อมูลลับแล้วเจ้าก็ต้องบอกบ้างสิ"

"ยังไม่หมดใช่ไหมล่ะ" ซึฮากิยังคงมองด้วยท่าทางและสายตาเย่อหยิ่ง

"เฮ้อ...เราหนีออกมาจากอาณาจักรเพราะการจะค้นดันเจี้ยนไปทั่วจะทำให้ทางราชวังและรัฐแตกคอกันได้ ดังนั้นเราจึงต้องค้นดันเจี้ยนที่อาณาจักรอื่นเสียก่อน ถึงเราจะแข็งแกร่งสุดในอาณาจักร...ยกเว้นท่านผู้นั้นนะ ตัวเรานั้นมิอาจมีใครเทียบเคียงได้ก็จริงแต่เพราะเป็นที่ที่เราประคบประหงมมันดูแลและใส่ใจกับทุกอย่างเลยไม่อยากจะมีปัญหา"

"อืม ๆ ตามหลักแล้วคุณเป็นผู้สืบทอดสายเลือดที่แท้จริงของแอสต้าไม่เหมือนกับองค์ราชาที่เป็นเขยแต่งเข้ามาในตระกูล ให้คนนอกสายเลือดมาปกครองไม่กลัวว่าอาณาจักรจะถูกยึดหรือถูกครอบงำเหรอ?"

"ตาเจ้าแล้ว" วิกตอเรียไม่สนคำพูดพวกนั้นเอาแต่ถามถึงเวทมนตร์แปลก ๆ

"คุยอะไรกันอยู่เหรอ?" พวกเขาเดินมาถึงพอดีเหมือนนัดกันไว้

"ผม...เป็นคนจากต่างโลกที่ถูกอาณาจักรเซียอัญเชิญมา"

"ฮะ?" เสียงอันเบาริบหรี่ที่เปล่งออกมาจากลำคอท่ามกลางความเงียบสงัด

"พวกเขาทำมันอีกแล้วเหรอ !" วิกตอเรียโกรธจนกัดฟันกรอดเรื่องเวทมนตร์ที่อยากรู้ได้หายไปทันที

อีกแล้ว? "มีผู้คนตายไปจำนวนมากจนเหลือเพียงกลุ่มสุดท้ายที่เหลือรอด...ส่วนผมและพรรคพวกอีกสองคนได้หลบหนีออกมาทำให้ในอาณาจักรเซียติดป้ายประกาศตามล่าตัวจนหาที่อยู่ไม่ได้ นั่นก็เป็นสาเหตุที่พวกเราหนีมายังอาณาจักรอาฟ"

"ด-เดี๋ยวนะแล้วพวกเจ้าหนีมาทางไหนทำไมถึงมาอยู่ที่เมืองนั้นได้" 

"พวกเราขึ้นเรือหนีมา" สีหน้าตกตะลึงแสดงออกมาอย่างชัดเจนไม่ว่าจะดีนหรือฮันน่า

"เป็นไปได้ยังไงผืนทะเลถูกพวกมนุษย์เงือกควบคุมไปอย่างสมบูรณ์แล้ว การจะผ่านที่นั่นมาได้อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในเลเวลแปดหรือเก้าและยังต้องมีเวทมนตร์ที่ได้เปรียบอีก"

"ผมเองก็ไม่รู้รายละเอียดนักแต่นายหญิงของพวกเขาสั่งไว้ให้ไว้ชีวิตผม"

"นายหญิง...อย่าบอกนะว่า"

"ใช่แล้วครับ จอมมารแห่งเสียงเนเน่สิ่งมีชีวิตที่ก้าวข้ามเลเวลเก้าและอยู่เหนือกฎเกณฑ์สามัญสำนึกของคนทั่วไป"

"ดูเหมือนนายจะเจออะไรมามากเลยสินะ" วิกตอเรียดึงตัวซึฮากิเข้ามาอยู่ภายใต้อ้อมแขนกอดให้ความอบอุ่นที่เขาไม่ได้รับมาตั้งแต่ยังเด็ก...ตั้งแต่ที่เขาสูญเสียผู้เป็นแม่ไป

ทำไมกันนะทำไมถึงรู้สึก ซึฮากิสวมกอดของวิกตอเรียไว้ดั่งกับลูกน้อย

"โฺฮะ ๆ ๆ อย่างกับแม่ลูกกันเลยนะ"

ทำไมเราถึงกล้าเล่าเรื่องพวกนี้ให้คนที่พึ่งเจอกันล่ะ? ทำไมเราถึงลดการ์ดลงล่ะ? ทำไมถึง ทันใดนั้นน้ำตาที่ไม่เคยได้เห็นของซึฮากิก็เอ่อล้นออกมาเงียบ ๆ ไร้ซึ่งเสียงร้องแม้จะพยายามปกปิดไว้แต่วิกตอเรียก็สัมผัสถึงมันได้

"คงอัดอั้นสินะ...เราจะช่วยรับมันไว้เอง"

ทำไมล่ะ? ทำไม ทำไม ทำไม เราทำอะไรผิดถึงต้องเก็บความรู้สึกไว้ เราเองก็อยากจะยิ้มบ้างอยากจะร้องไห้บ้าง

"ไม่เป็นไร...เรารู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน" เธอพูดด้วยถ้อยคำอันอ่อนหวานเต็มไปด้วยความอบอุ่นอย่างกับอ่านใจของซึฮากิได้จนได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ ภายใต้อ้อมแขนนั้น

"ข-ขอบคุณ"

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.