บทที่ 3 การโต้เถียงกันของเทพเจ้า 2/2
บทที่ 3 การโต้เถียงกันของเทพเจ้า 2/2
สิ้นคำกล่าวของคาออส บุรุษหนุ่มผมสีทองก็ทุบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธเกรี้ยว เขามองหน้าอดีตสหายของตนเองอย่างไม่พอใจก่อนที่จะเบ้ปาก
“แล้วแกจะให้กันทำไงวะ อย่าบอกนะว่าจะให้เอาโลกแบบของแก แบบนั้นไม่มีทางหรอกโว้ย กันไม่ยอมโลกที่ไร้ศีลธรรมจรรยาป่าเถื่อนไร้คุณธรรมแบบนั้นน่ะ โลกที่สามผู้เฒ่าดูแลอยู่มันก็อุบาทว์จะแย่อยู่แล้วอ่ะ “
“ฉันว่ามันสนุกจะตาย หรือว่าแกไม่เห็นด้วยอย่างนั้นหรอ ใครที่มีพลังเวทย์สูงๆมีความสามารถสามารถใช้เวทย์มิติก็ใช้ได้ สามารถใช้เวทย์เคลื่อนย้ายก็ใช้ได้ สามารถข้ามกาลเวลาไปเปลี่ยนอดีตตามใจชอบ สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจเป็นโงกที่ศาลโกลาหล แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าโลกที่แท้จริง”
“ไม่ใช่เว้ย โลกมันควรจะมีมาตรฐานเดียวกัน พลังเวทย์นะมีก็ดี แต่ว่าก็ยังมีลูกที่ไม่มีพลังเวทย์อยู่ไม่ใช่หรือไงโลกที่พึ่งพาพลังธรรมชาติ เขาเรียกว่าอะไรนะน้ำมันป่ะ”
ชายหนุ่มหันไปหาหญิงสาวผมสีทองเป็นเชิงขอความเห็น
“น้ำมันพลังงานธรรมชาติ รู้สึกว่าโลกที่นายเคยจากมาจะเรียกว่าน้ำมันนะ แต่ว่าใช้พวกน้ำมันเยอะๆก็แย่เหมือนกันนะมีมลภาวะ จำได้หรือเปล่าที่พวกเราเคยไปเที่ยวด้วยกัน 5-6 คนน่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “จำได้ตอนที่เธอใช้เวทย์มิติพาพวกเราไปใช่ป่ะ เธอบอกว่าไม่ชอบนี่แต่ว่าฉันกับชินมากกว่านะ นอกนั้นวุ่นวายดีแต่ว่ายังไงมันก็ไม่ใช่โลกที่พวกเราดูแล”
คาออสกล่าว “ไม่ควรที่จะให้นายไปดูแล ทนายไปดูแลลูกนั้นคงจะเต็มไปด้วยความสุข พวกมนุษย์ที่มีความโลภมากน่ะยังไงก็ไม่มีทางที่จะให้คนอย่างนายไปดูแลได้”
“ฉันแพ้มติ 2 ใน 3 ต่างหาก พระนารายณ์กับพระเจ้าเห็นด้วยฉันก็ได้ไปดูแลโรคเดิมของฉันล่ะ มีอะไรให้พระเจ้าไปดูแลแล้วหมอนั่นก็ดูแลลูกนี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง ก่อนที่พวกเราจะโค่นล้ม 3 คู่เท่านั้นได้เห็นว่าหมอนั่นก็เคยดูแลโลกนี้มาก่อน”
คาออสมีท่าทางไต่ตรอง ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรคุกกี้กับน้ำชาก็มาเสิร์ฟ หญิงสาวผมฟ้าท่าทางมีความสุขค่อยๆนำแก้วชางดงาม หลังจากนั้นหล่อนก็ค่อยๆรินชาใส่แก้วความเชื่องช้า แววตาของหล่อนมองตรงไปยังที่บุรุษผมสีทอง เธอยิ้มก่อนที่จะพูดกับเทพแห่งความโกลาหล
“ชาได้แล้วค่ะคาออส”
หลังจากนั้น หญิงสาวก็ค่อยๆรินชาให้ทุกคนในห้องจนครบ เธอหาที่นั่งใหม่แล้วก็ค่อยๆทรุดตัวนั่งข้างๆหลุดหนุ่มผมสีทองและน้องสาวผมสีทองผิวสีแทนอีกครั้ง
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีหรือเปล่า” คาออสถามหญิงสาวผมสีฟ้า
“ก็สบายดีนะ แต่ว่าฉันชอบทำตัวคล้ายๆกับตอนที่ฉันยังเป็นมนุษย์อยู่น่ะ นิสัยเดิมน่ะ แล้วมั้งและอีกอย่างนึงทำตัวแบบนั้นมันรู้สึกดีมากกว่า
คาออสยิ้ม “ชอบทำตัวแบบไหนชอบทำนิสัยแบบไหนก็ทำแบบนั้นแหละ คนเรามันต้องมีความสับสนในตัวเอง อย่าทำตามใครให้จิตใจและร่างกายบัญชา ตอบสนองทุกความรู้สึกส่วนลึกของตัวเอง มีความโกรธความโลภความหลงราคะ บาปทั้ง 7 ประการอยู่ในจิตใจนี่แหละถึงจะเรียกว่ามนุษย์ ไม่สิต่อให้เป็นเทพเจ้าหรือได้ชื่อว่าเทพก็เธอก็คงยังมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่แล้วมั้ง ถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่มี แต่สำหรับฉันมีอยู่เต็มเปี่ยมเลยนะ”
เด็กสาวผมสีทองผิวสีแทนยิ้มอย่างถูกใจกับคำกล่าว ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน “เพราะอย่างนี้สินะ เพราะนายมีบาปทั้ง 7 ประการ นายเลยส่งสกิลบัสไปเล่นงานเด็กผมฟ้าสินะ กับไบรท์เด็กผมสีดำนัยน์ตาสีแดง”
คาอออสยิ้ม “ฉันอุตส่าห์คุยเบี่ยงประเด็นอยู่ตั้งนาน ไม่นึกเลยว่าว่าที่เทพสงครามพอมาถึงก็จะเข้าประเด็นเลยนะเนี่ย ใช่แล้วฉันเป็นคนส่งซัคคิวบัสไปเล่นงานเด็กพวกนั้นเอง”
“ถ้าอย่างนั้นนายสินะที่เป็นคนโจมตีเครื่องสีขาว เครื่องที่พวกนั้นคิดค้นขึ้นมาน่ะ ที่เป็นเครื่องย้ายมิติอะนะ” บุรุษหนุ่มผมสีทองกล่าวเป็นเชิงถาม
เคออสส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เป็นคนโจมตีเครื่องสีขาวนั่นหรอก คนโจมตีอ่ะเป็นคนที่ได้ชื่อว่าแพทย์เทวะ เป็นคนที่จะฝ่าฝืนกฎของโลกที่นายสร้างขึ้น หมอนั่นใช้วิชากักขังวิญญาณ กักขังวิญญาณภรรยาของตนเองไว้ หลังจากนั้นก็จะใช้ศิลาแห่งชีวิตคืนชีพภรรยาของตนเอง”
“มันเป็นใครวะ ทำไมถึงมีความรู้มากมายขนาดนั้น เวทมนตร์เกี่ยวกับวิญญาณน่ะถ้าไม่ใช่วิญญาณประจำตระกูลของอาสึนะ บนโลกนัดก็ไม่น่าจะมีใครรู้แล้วนี่นา ถ้าจำไม่ผิดเวทปฐมกาลฉันรู้สึกมันไปหมดแล้วไม่ใช่หรอวะ ก่อนที่ฉันจะได้มาเป็นเทพด้วยซ้ำ”
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก ถ้าอยากจะรู้ก็ลองถามภรรยาของนายทั้งสามคนสิ ความทรงจำของบ้านมันหายคันๆหายนี่นา หลังจากที่นายสูญเสียตัวตนน่ะแถมยังโดนหมอนั่นเล่นไว้ซะเยอะด้วยนี่”
“อย่าพูดถึงได้ไหม เจ็บใจโดนหลอกมาตั้งหลายปี แต่ในที่สุดฉันก็ได้ความเป็นตัวตนของตัวเองคืนมา รากเหง้าของฉันถึงแม้ว่าจะมีคนพยายามจะทำลายมันก็ไม่สามารถทำลายตัวได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นหรอก แต่ว่าประเด็นสำคัญน่ะถ้านางไปเกิดใหม่ได้ต้องรอให้ผ่านวันแห่งราชันไปก่อน หลังจากนั้นนายจะไม่เกิดเป็นอะไรฉันก็ไม่ว่าทั้งนั้นแหละ โทษทีต้องใช้คำอื่น คำว่ากันไง”
หญิงสาวผมสีทองค่อยๆหยิบชาขึ้นมาจิบอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะหยิบคุกกี้ซึ่งเป็นขนมของพี่สาวของเธอเข้าป่า หลังจากนั้นเธอก็กวาดสายตามองรอบๆ
“ว่าแต่ทำไมพระเจ้าไม่มาล่ะ หรือว่างานยุ่งกันแน่นะ”
คาออสส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ “ไม่รู้สิ แต่ถ้าฉันเดาไม่ผิดน่าจะไปวุ่นวายกับมิติอยู่ พอดีฉันเปิดไม่ติดนิดหน่อยเพื่อให้เด็กทั้ง 3 4 คนเข้ามาเล่นในมิติของฉันได้”
ชายหนุ่มยิ้มก่อนที่จะผายมือออก “ในมิติของฉันมีทั้งปีศาจหลายอย่างเลยนะ มิติที่มีเทพปีศาจอสูรยักษา น่าสนุกใช่ไหมล่ะ”
สิ้นคำของชายหนุ่มผมขาว บุรุษหนุ่มคมทองก็อยากจะเอาตีนไปก่ายหน้าผาก เอาสมุดออกมาเคุ้นสียงดังลั่นอย่างไม่คิดจะเกรงใครทั้งสิ้น
“เทพปีศาจอสูรหรอ ไอ้บ้าเอ้ย คิดว่าอะไรอยู่วะแกให้เด็กๆที่น่ารักของฉันที่มีระดับนักเวทฝึกหัดเนี่ยนะ มาต่อสู้กับปีศาจอสูรยักษ์สา ปีศาจตุ๊กแกคือตัวอะไรบ้างบอกมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย”
คาออสคิดอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่บอกหรอกถ้าบอกเดี๋ยวจะเป็นการสปอย นายคงไม่ชอบสปอยใช่ไหมล่ะ แต่ว่าฉันจะบอกคนที่ฉันดึงมาอยู่ในมิตินี้ให้ก็ได้นะ”
“มีใครบ้าง รีบๆบอกมานะเว้ยไอ้เทพแห่งความโกลาหลวุ่นวาย ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก หลังจากที่นายบอกสิฉันจะไปช่วยเด็กๆของฉัน ไอ้บ้าถ้าหากพวกนั้นตายขึ้นมาจะทำยังไงวะ”
ชายหนุ่มพูดในขณะที่กำลังเตรียมตัวดีดร่างออกไปเพื่อช่วยเหลือ แต่เขาก็ต้องหยุดเมื่อเสียงของเด็กหญิงผมทองผิวสีแทนกล่าวเตือนสติ
“นายอยากไปช่วยก็ทำไม่ได้หรอกนะ อย่าลืมสิว่าพวกเราตกลงกันไว้ว่ายังไง ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นพวกเราก็จะไม่มีทางไปยุ่งกับโลกใบนั้นอีกเด็ดขาด”
“แต่นี่มันเป็นการแทรกแซงของคาออส หมอนี่มันแทรกแซงก่อนนี่”
ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังคาออส ที่มีท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“พวกเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรอก เพราะว่าพวกเราไม่ทำอะไรแต่เด็กของฉันก็ต้องทำอยู่ดี ไม่มีทางที่ไอยราจะปล่อยน้องชายของตัวเองติดอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักนานนักหรอก”
สิ้นคำกล่าวชายหน้าตาหวานดุจสตรีก็ปรากฏขึ้นจากอากาศที่ว่างเปล่า
“ฉันไม่ได้หายไปเพื่อไปดูประตูมิติของคาออส หรอกนะ แล้วที่หายไปนานเพราะว่า ฉันอยากออกมาเป็นคนสุดท้ายจะได้ดูเท่ๆยังไงล่ะ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 293
แสดงความคิดเห็น