STARCIN ภาคที่ 4 At School ตอนที่ 10 หมั่น
"นี่มันผ่านมากี่วันแล้วนะ ? ไอ้ความรู้สึกขนหัวลุกแบบนั้นยังอยู่อยู่เลย" ซันนี่กอดแขนตัวเองอย่างกับอากาศหนาวจนจับไข้
"ใช่...ความรู้สึกสั่นกลัว สิ้นหวัง ฮึดสู้ที่เหมือนกับตอนอยู่ค่ายทหาร ชีวิตที่ต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนั้นน่ะ..." ชาญเองก็นั่งซึมทั้ง ๆ ที่ปกติจะเดินเหินไปเรื่อย
"..." ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีเพียงกลุ่มห้องพิเศษเท่านั้นยิ่งทำให้มันรู้สึกโหวงเหวงเงียบสงัดเหมือนกับไม่มีใครอยู่
"อะแฮ่ม เด็ก ๆ ทุกคนขอโทษที่ให้คอยนะ" อาจารย์หนุ่มเดินเข้ามาท่าทางสำรวมผิดปกติและเดินไปยืนอยู่ตรงหัวมุมห้อง
"องค์ราชา !" ริสุเผลออุทานออกมาเสียงดังก่อนจะลุกจากเก้าอี้และก้มน้อมคำนับค้างอยู่อย่างงั้น
"เงยหน้าขึ้นเถอะ..." โอบาเดินผ่านริสุไปไม่ได้รู้สึกอะไรและนั่งลงบนเก้าอี้หัวมุมโต๊ะ
"ที่เรียกพวกเธอมาในวันนี้ก็เพราะเราจะสอบถามหาข้อมูล" ทหารองครักษ์ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนเลขาขององค์ราชากำลังแจกกระดาษให้กับทุกคน
"เนื่องจากเมื่อสามวันก่อนได้มีการแทรกแซงของบุคคลภายนอก ทำให้การแข่งขันระหว่างห้องของเด็กนักเรียนชั้นเริ่มต้นมีปัญหาเกือบจะมีคนเสียชีวิต"
"แล้วตอนนี้ก็ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้สินะครับ" ซากิพูดต่อทันทีแถมยังเบือนหน้าหนี
"ถ-ถูกของเธอ แม้จะพยายามสอบถามนักเรียนจากทุกห้องหรือแม่แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เบาะแสอะไรเลย"
"ขนาดเจ้าหน้าที่ยังไม่รู้อะไรแล้วพวกเราจะไปรู้ได้ยังไง ?" ซากิหันมองค้อนไม่กลัวแม้เขาจะเป็นทหารองครักษ์ของราชา
"ใจเย็นก่อนน่าซากิ" ซันนี่ถึงกับต้องเอามือดันตัวของเขาไว้ ท่าทางที่หยิ่งผยองกับอารมณ์ที่ดูไม่คงที่ไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร
"เหอะ" เขาสะบัดหน้าหนีท่าทางฉุนเฉียวไม่แม้แต่จะมองหน้าพวกราชาหรือเพื่อน ๆ เลย
"ขอโทษนะคะเขาค่อนข้างเป็นห่วงเพื่อน ๆ เลยหัวเสียไปบ้างที่เกิดเรื่องแบบนั้น"
"ไม่เป็นไรเราเข้าใจดี ถึงยังไงเก็มาเข้าเรื่องกันดีกว่า" เขาเปิดสมุดที่จดอะไรต่าง ๆ ไว้มากมายกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่
"เบาะแสเดียวที่มีก็คือมอนสเตอร์จากป่าที่หลุดออกมาแถมยังมีมิโนทอร์ที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับเลเวลเจ็ด หลังจากที่ตรวจสอบร่างกายของมันแล้วก็ควรอยู่แค่เลเวลห้าหรือมากสุดก็หกแสดงว่าต้องมีใครสักคนที่บัฟใส่มัน" เขายังเปิดกระดาษไปยังหน้าถัดไป
"บาเรียขนาดใหญ่ที่กางไว้มันใหญ่และแข็งแรงกว่าของผู้อำนวยการแพกซ์และคณะกรรมการกระทรวงเวทมนตร์ ดูจากที่กล้องฉายภาพแสดงว่าก่อนหน้านี้ยังไม่มีการวางเวทมนตร์ไว้ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าหน้าที่ต้องรับรู้ได้แน่แต่บาเรียและมอนสเตอร์พวกนั้นกลับเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว"
"ผู้ที่มีเลเวลเก้า...ใช่ไหม" นั้นเป็นสิ่งเดียวที่ชาญเอ่ยออกมาหลังจากนั่งฟังคำอภิปรายยาวเหยียด
"ถูกต้อง ปริมาณมานาและความเข้มข้นทั้งหมดทั้งมวลไม่มีใครสามารถทำได้ยกเว้นผู้ที่มีเลเวลเก้า หลังจากตั้งสมมุติฐานนี้ก็มีคณะกรรมการตรวจสอบ พวกเขาต่างก็มีความสามารถตรวจจับในระดับสูงจนหาที่ที่คาดว่าเป็นจุดใช้เวทมนตร์ซึ่งมาจากจุดจุดเดียว...ก็คือเหนือสนามแข่งประมาณยี่สิบถึงห้าสิบเมตร"
"สูงขนาดนั้นต่อให้ใช้เครื่องร่อนก็ไม่มีทางขึ้นไปได้" อาจารย์หนุ่มเอ่ยออกมาจากมุมห้อง
"ใช่...แต่พอได้ฟังที่พลโทลักซ์เล่าก็มีความเป็นไปได้ที่สิ่งสิ่งนั้นจะเป็นเผ่าภูติจิ๋ว เจ้านั่นได้เข้าปะทะกับลักซ์ได้อย่างสูสีแถมยังหลบหนีไปได้อีก"
"ภูติจิ๋ว ?" เมื่อได้ยินชาญก็คิดจินตนาการไปเรื่อย
"พวกเธอคงยังไม่ได้เรียนเรื่องเผ่าพันธุ์ไปมากนัก ปกติแล้วภูติจิ๋วมักจะอยู่ในป่าลึกไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์อื่น แถมการที่มีภูติจิ๋วเลเวลเก้าโผล่มาซึ่งไม่เคยมีบันทึกไว้ก็ยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่า...มีไส้ศึกจากอาณาจักรอื่นเข้ามาในเมืองและมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอาณาจักรอาฟ"
"ก็มีข้อมูลเยอะไม่ใช่หรือยังไง ? แล้วทำไมถึงยังจะมาถามพวกเราที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย" ซันนี่จ้องมองทหารองครักษ์ด้วยความอยากรู้
"ที่จะถามของจริงก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่พลโทลักซ์จะเข้าไปช่วย ทำไมพวกเธอถึงจัดการกับมิโนทอร์ตัวนั้นได้...เพราะพลโทลักซ์ยืนยันเองว่ามิโนทอร์ตัวนั้นมีความสามารถพอ ๆ กับเลเวลเจ็ดแต่ก็ยังเชื่อไม่สนิทใจอยู่ดี" เขานั่งวางสมุดบันทึกลงบนโต๊ะแล้วนั่งเก้าอี้หลังตรง
"เราอยากจะให้พวกเธอช่วยเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ฟังสักหน่อย"
"..." ซันนี่หันมองหน้าเพื่อน ๆ ของเธอก่อนจะพยักหน้าตอบกลับ
"ทางเราขอถามกลับบ้าง...ทำไมถึงไม่ถามเรื่องนี้กับฟรานล่ะหรือว่าเธอปฏิเสธ" ชายหนุ่มตรงหน้าพยักหน้าช้า ๆ
"ท่านผู้กล้าขอเวลาส่วนตัวในการพักผ่อน เราเลยไม่อยากจะรบกวนเธอนัก"
"งั้นจะเริ่มจากตรงไหนดี คงไม่ต้องเล่าตั้งแต่เดินเข้าป่าหรอกนะ" ชาญพูดไปก็นั่งคอตกพยายามฟื้นความทรงจำที่มี
"เฮ้อ...ตอนที่เรากำลังไล่ต้อนทีมห้องหนึ่งจู่ ๆ เจ้ายักษ์นั่นก็พุ่งเข้ามา ก่อนหน้านี้มันเดินอยู่แถว ๆ แม่น้ำใจกลางป่า" ซากิเริ่มพูดต่อจากชาญทันทีถึงจะดูไม่สบอารมณ์ก็เถอะ
"มันฟาดกระบองไปทั่ว ขนาดเวทมนตร์ของพวกเราสามคนก็ไม่อาจต้านทานไว้ได้ มีเพียงฟรานเท่านั้นที่ต้านเอาไว้จนทุกคนหนีออกไป" ซันนี่เหลือบตามองซากิครู่หนึ่ง
"หลังจากที่ช่วยคนอื่น ๆ เรียบร้อยพวกเราที่ยังยืนได้ก็รีบกลับไปช่วยฟรานทันที แต่ไปถึงก็เห็นแต่หยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น แขนของฟรานเหมือนจะหักไปแล้วด้วยซ้ำแต่ก็ยังกำดาบไว้แน่น"
"อืม...พวกเราใช้เวทมนตร์ช่วยโจมตีมันเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อให้ฟรานรักษาตัวได้แต่ก็ยื้อได้ไม่นาน พวกเราเองก็โดนมันฟาดกระบองใหญ่ยักษ์นั้นจนเจ็บหนักลุกไม่ขึ้น"
"แล้วพวกเธอทำยังไงต่อล่ะ ?"
"ไม่ใช่พวกเรา...ฟรานเป็นคนจัดการมันเอง เธอยืนอยู่ตรงหน้าหันหลังให้กับพวกเราทุกคนก่อนจะฟาดฟันดาบลงตรงหน้าหนึ่งครั้งและทุกอย่างก็จบลง"
การฟาดดาบครั้งเดียวก็สามารถจัดการมิโนทอร์ได้หรือเพราะมันอ่อนแอลงแล้วกันนะ "แล้วพวกเธอ-"
"ผมขอบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง" ซากิพูดแทรกทันทีที่ก่อนที่ทหารองครักษ์จะได้ถาม
"อย่าให้เธอใช้ดาบเล่มนั้นอีก" เมื่อพูดจบซากิก็ลุกพรวดพราดออกไปไม่สนหัวองค์ราชาเลยสักนิด
ดาบสีดำนั่นต้องมีพลังบางอย่างแน่ ๆ ออร่าดำมืดที่กำลังกลืนกินฟราน ดาบสีดำทมิฬที่ฟรานชักออกฟันลงตรงหน้าสร้างพลังมหาศาลแรงสั่นสะเทือนรุนแรงดั่งแผ่นดินไหว
ไม่อยากจะนึกถึงมันเลยภาพที่เธอกำลังจะล้มลง ไม่ว่ายังไงฟรานก็ต้องไม่แพ้เรายอมใช้มานาแทบจะทั้งหมดเพื่อรักษาเธอไว้ ซากิมองออกไปนอกราชวังวิวทิวทัศน์ที่มีทั้งเรียบหรูยาวไปจนถึงหมู่บ้านรอบนอก
"ทำไมนายดูอารมณ์เสียนักล่ะ" พรรคพวกของเขาก็ตามออกมาเช่นกัน แววตาอันหมองหม่นเหมือนมีเรื่องทุกข์อยู่ในใจแต่ก็ไม่อาจบอกออกไปได้
"แค่เครียดหลาย ๆ เรื่อง"
"ว่าแต่ฟรานไปอยู่ไหนแล้วล่ะ พอออกจากโรงพยาบาลก็หายไปเลย"
"ท่านผู้กล้าไปฝึกซ้อมเพิ่มน่ะ เห็นบ่นกับตัวเองว่ายังอ่อนแออยู่ เลยพยายามหาวิชาการต่อสู้เพิ่ม" โอบาพูดออกมาด้วยท่าทางสบาย ๆ หัวเราะในลำคอ
"ฝึกเหรอ ? เธออยู่ที่ไหน ?"
"ก็คงลานฝึกสักที่แหละฉันเองก็ไม่รู้หรอก" โอบาเดินผ่านพวกเขาไปโดยไม่ให้คำตอบแถมยังยิ้มเหยาะเหมือนตั้งใจแกล้งเสียมากกว่า
"ไม่เป็นไรผมไปหาเองก็ได้" ซากิเดินดุ่ม ๆ แซงหน้าองค์ราชาโดยไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด
พวกเขาตรงไปยังสนามฝึกทั่วเขตเริ่มต้นจนในที่สุดก็พบฟรานกำลังดวลดาบอาจารย์คนหนึ่ง การวาดดาบที่ลื่นไหลดั่งสายน้ำและยังหนักแน่นดั่งภูผาไล่ต้อนชายวัยกลางคนซึ่งเป็นถึงอาจารย์ของโรงเรียนหลวงและทันใดนั้นดาบของเขาก็ถูกปัดลงพื้นไปพร้อม ๆ กับตัวเขาเอง
"ยอมแล้ว..."
"เธอเรียนรู้วิชาดาบวารีพิทักษ์ได้หมดแล้ว ฉันคงไม่มีอะไรจะสอนเธอ"
"ขอบคุณมากค่ะคุณครู" ฟรานตอบกลับด้วยรอยยิ้มฉีกกว้างเหมือนอย่างเคยและยังช่วยพยุงตัวอาจารย์ขึ้นมา
"ฟราน !" ซันนี่โผเข้ากอดสุดแรงแทบจะกลืนกินเข้าไปอยู่แล้ว
"ฮ่า ๆ ๆ อะไรของเธอเนี่ย" ฟรานเอาแต่ยิ้มหัวเราะสวมกอดร่างของซันนี่ไว้เฉกเช่นเดียวกัน
"ก็ฉันเป็นห่วงเธอนี่ เห็นเจ็บหนักจนต้องพักรักษาตัวหลายวันพอออกมาก็หายหน้าหายตาไปเลย" ซันนี่ยังคงรัดแน่นจนชาญเข้ามากระชากตัวเธอออกไป
"ใจเย็น ๆ ก่อนน่า ฉันพักจนกลับมาแข็งแรงเหมือนปกติแล้ว อีกอย่างการจะมานั่งอยู่เฉย ๆ ก็ไม่ใช่ทางฉันอีก"
"ถึงเธอจะว่าอย่างงั้นก็เถอะ..."
"ไปหาอะไรกินกันดีกว่า" ฟรานลากเพื่อน ๆ ของเธอไปยังโรงอาหารทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อะ-
ท้องฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยเมฆฝนกำลังก่อรวมกันตรงหน้า ฟรานพยายามจะเดินแต่เท้าก็แตะไม่ถึงพื้นสักทีเมื่อเธอก้มลงมองก็เห็นเพียงท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุดแต่ตัวเธอก็ไม่ร่วงลงไปเลย
นี่มันอะไรกัน ?
"สวัสดีแม่หนู" เสียงแหบแห้งจากหญิงสูงวัยคนหนึ่ง เธอเดินบนอากาศเข้าใกล้ ๆ จนแทบจะเอาหน้าแนบ
"อ-เอ่อ...สวัสดีค่ะ"
"แม่หนูเก่งมากเลยนะที่มาได้ไกลขนาดนี้โดยใช้เวลาไม่ถึงปี" ผิวกายอันหยาบกร้านและเหี่ยวย่นกำลังลูบไล้เรือนร่างของฟรานแววตาที่ดูไร้ชีวิตชีวากำลังมองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
"คุณยายเป็นใครคะ ?"
"ฮึ ๆ ๆ" เธอเมินคำถามของฟรานและเดินออกไปจนหายไปจากสายตาท่ามกลางเมฆจำนวนมากที่ปกคลุมอยู่
"วันนี้เราจะกินอะไรดี"
นั่นมันเสียงของชาญแล้วก็ซันนี่ เธอมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าตัวเองกำลังเดินเกาะกลุ่มกันไปที่โรงอาหารอย่างกับเรื่องยายคนนั้นเป็นเพียงแค่ฝันชั่วขณะ
"ทำไมดูเหม่อแบบนั้นล่ะหรือว่าเธออยากจะไปกินข้าวที่ร้านขอบเมือง"
"ม-ไม่มีอะไรกินที่นี่เลยก็ได้จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล"
ทำไมถึงรู้สึกแปลก ๆ กันนะ มานาในร่างกายกำลังปั่นป่วนเหมือนมีสิ่งมีชีวิตกำลังแหวกว่ายอยู่ แม้เธอจะยังคงนิ่งเฉยปกปิดความเจ็บปวดภายในใจกับความรู้สึกทรมานพวกนั้นไว้
LV.7 ฟราน เลสเทีย
STR 720 AGI 630
VIT 570 DEF 150
INT 860 LUK 150
HP 3350 MP 4522
ท-ทำไมจู่ ๆ หน้าต่างสเตตัสก็เด้งขึ้นมา ฟรานยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง
"เป็นอะไรไปฟราน ?" ซากิเหลือบตามองอยู่ตลอดเห็นฟรานเดินชะงักเหมือนกับเจออะไรบางอย่าง
"เลเวลเจ็ด...ฉันก้าวข้ามเลเวลหกได้แล้ว" ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้นที่ตกใจแต่เพื่อน ๆ ทุกคนต่างก็หยุดชะงักหันกลับมาจ้องกันตาโต
"เธอว่ายังไงนะ ?"
"เอ่อ...ตอนนี้ขึ้นเป็นเลเวลเจ็ดแล้ว" ทันใดนั้นผู้คนใกล้ ๆ ที่เงี่ยหูฟังก็แตกตื่นกระจายข่าวกันอย่างรวดเร็ว
"เป็นไปได้ด้วยเหรอที่จะข้ามเลเวลหกไปเจ็ดโดยใช้เวลาไม่ถึงปี" เสียงร่ำลือได้กระจายไปถึงหูของพวกคนใหญ่คนโตไม่พ้นวันก็มีสายลับมากมายส่งเข้ามาสอดส่องฟราน
"อย่าพูดแบบนั้น ต้องจากเลเวลหนึ่งไปเจ็ดในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีต่างหาก ความเร็วแบบนั้นไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนและไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นไปได้เพราะทุกคนต่างก็ต้องสะสมประสบการณ์มากมาย หลาย ๆ คนต่อสู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปีแต่ก็ใช่ว่าจะก้าวข้ามเลเวลหกไปได้"
"รายงานครับ สายลับที่เราส่งไปตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความจริงครับ ที่ท่านผู้กล้าขึ้นเลเวลเจ็ดแล้วแถมสเตตัสโดยรวมยังมากกว่าปกติอีกครับ" ชายหนุ่มคนหนึ่งพรวดพราดเปิดประตูเข้ามาไม่มีการเคาะอะไรทั้งนั้นท่าทางเหนื่อยหอบเหมือนวิ่งมาเป็นสิบกิโลเมตร
“เป็นเรื่องใหญ่แล้วสิ ข่าวการก้าวข้ามเลเวลหกของผู้กล้ากำลังแพร่สะพัดไปไวยิ่งกว่าสายลม อีกไม่นานพวกตระกูลใหญ่ ๆ ต้องเดินทางมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเธอแน่ ๆ คราวนี้คงหนีไม่พ้นความวุ่นวายที่จะเกิดได้” เหล่าผู้มีอิทธิพลของอาณาจักรต่างก็กำลังประชุมหารือกัน
“ทางรัฐต้องเพิ่มกำลังทหารเพื่อยกระดับความปลอดภัยของตัวผู้กล้า ถ้าเธอถูกกำจัดก่อนจะก้าวข้ามเลเวลเก้าได้...เราก็จะไม่สามารถต้านการโจมตีของจอมมารได้"
"เดี๋ยวก่อนนะเรายังมีท่านผู้นั้นอยู่ไม่ใช่หรือไง ท่านเคยไล่มันออกไปได้ถ้าจะให้กำจัดก็คงไม่เกินมือหรอก" เสียงจากชายสูงวัยอีกคนกล่าวขึ้นพร้อมกับยันตัวเองลุก
"ไม่ได้ ๆ" โอบาพูดแทรกทันทีที่ได้ยินว่าท่านผู้นั้น
"เขาจะทำตามเจตจำนงของตัวเองไม่มีใครสามารถบังคับหรือสั่งได้ และในคำทำนายที่ท่านบอกไว้ก็คือผู้กล้าจะมาจัดการกับจอมมารดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องปกป้องและส่งเสริมผู้กล้าให้มากที่สุดเพราะไม่มีใครที่เข้าข่ายมากกว่าเธออีกแล้ว"
"งั้นก็ตามนั้น"
"อืม ฉันก็เห็นด้วย"
เสียงตอบรับไปในทางเดียวกันหลังจากที่โอบาพูดจบดูไม่มีปัญหาอะไร
"ถ้ามติเป็นเอกฉันท์ก็จบการประชุมเพียงเท่านี้"
อีกด้านหนึ่งภายในสนามประลองพวกอาจารย์และเพื่อนของฟรานต่างก็เฝ้ารอความสามารถที่เพิ่มขึ้น
"เอาล่ะนะ" ฟรานชักดาบคาตานะสีเงินตั้งท่าเตรียมชี้ปลายดาบไปข้างหน้าและฟาดมันลงโดยใช้มานาห่อหุ้มเสริมกำลังแข็งแรง เพียงการฟันหนึ่งครั้งก็สามารถทำลายโล่มานาสามชั้นได้สบาย ๆ
"ความสามารถจากเลเวลเจ็ดนั้นต่างกับเลเวลหกมาก ๆ และน้อยคนนักที่จะก้าวข้ามมันได้" เหล่าคณาจารย์เองก็ดูเป็นพยานถึงความสามารถในการพัฒนาของฟรานที่ไวยิ่งกว่าใคร
"ถ้าเทียบกับพลโทลักซ์ที่ใช้เวลาเก้าปีสำหรับไต่เต้าขึ้นมาเลเวลเจ็ดและก้าวข้ามไปถึงเลเวลแปดอีกห้าปี มีความเป็นไปได้ที่ท่านผู้กล้าจะก้าวข้ามและขึ้นไปเลเวลเก้าได้ในหนึ่งปี"
"เธอจะทำมันได้จริง ๆ เหรอ ?" อาจารย์คนหนึ่งถามขณะที่ฟรานยังคงโชว์ลวดลายการใช้ดาบและมานาที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก
"ก็แค่คาดเดา แต่เธอยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ได้แสดงให้เราเห็น...ความสามารถเดอะที่ยังไม่ตื่นถ้าเราสามารถช่วยให้เธอใช้มันได้คงจะพัฒนาได้ไวยิ่งกว่านี้อีก"
ภายในกรมทหารเองก็มีหัวข้อของฟรานพูดคุยกันไม่หยุด บ้างก็หาว่าโกง เส้นสาย ข่าวปลอมบางคนที่เคยเห็นฝีมือของเธอผ่านการแข่งก็เถียงกลับทันที
"นายเองก็เป็นคนจากโลกเดียวกับผู้กล้านี่ รู้เรื่องของเธอมากแค่ไหนล่ะ ?"
"ไม่รู้" เสียงตอบสั้น ๆ ก่อนจะรีบเดินออกไปยิ่งทำให้นายทหารคนนั้นหัวเสีย
"ทหารใหม่เดี๋ยวนี้ไม่รู้จักมารยาทหรือยังไง ? อ้อนายมันก็เป็นแค่คนที่ถูกทิ้งเท่านั้นแหละ-" ไม่ทันพูดจบนัตโตะก็เดินมากระชากคอเสื้อดึงตัวชายคนนั้นขึ้นกลางอากาศ
"ทหารเดี๋ยวนี้อ่อนกันจริง ๆ มาเป็นกันได้ยังไงนะ ? หรือว่าจ่ายใต้โต๊ะเอา" น้ำเสียงที่ดูไร้ระดับแต่กลับจิกกัดจนน่าแปลกใจขณะที่ยกร่างของนายทหารขึ้นบนอากาศและโยนออกไปที่มุมห้อง
"กล้าทำแบบนี้ในกรมทหารเหรอ ? เดี๋ยวจบไม่สวยหรอก"
"มีเรื่องอะไรกัน ?" ทันใดนั้นก็มีนายทหารยศสูงเดินเข้ามา ทุกคนในนั้นต่างก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและยังยิ้มเป็นการทักทายอีก
"ไม่มีอะไรก็ดี เราจะเริ่มออกสำรวจเมืองเพื่อหาร่องรอยของเจ้าภูตินั่น"
เมื่อเหล่าทหารเตรียมตัวเสร็จตั้งแถวเดินไปทั่วเมืองตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็ไม่มีท่าทีจะเจอเบาะแสเลยสักอย่าง
"ทำไมถึงให้เดินกันเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้ แทนที่จะแยกออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ แล้วหา ทั้งการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวกว่าและจับสังเกตได้ยากกว่าอาจจะตามหาตัวคนร้ายได้ไวกว่าแท้ ๆ คิดอะไรของเขาอยู่กันนะ ?" วาเดินเตะฝุ่นเดาะลิ้นเสียงดัง
"พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะหาตัวภูตินั่นหรอกแค่มีโอกาสได้เบิกงบเพิ่มเท่านั้น ยิ่งใช้เวลาตามหานานเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องใช้งบประมาณมากขึ้น"
"เห...เรื่องอะไรแบบนี้คุ้น ๆ มากเลยนะ" แก้วถึงกับหน้าเจื่อนถอนหายใจยกใหญ่
"ฮี่ ๆ ๆ พวกเขาหาตัวเราสินะ หาให้ตายก็ไม่เจอหรอกก็อยู่ข้างบนนี่" ชาร์ลอทบินอยู่เหนือหัวของพวกนัตโตะตลอดการสำรวจใครจะคิดว่าคนร้ายที่ตามหาจะอยู่ใกล้แค่นี้
"หาจังหวะนัตโตะอยู่คนเดียวไม่ได้สักที ตอนนอนก็นอนกับเจ้ายักษ์นั่นหรือจะฉุดเลยดีไหม ?" เธอบินสบายใจอย่างกับอยู่บ้านตัวเองจะว่าประมาทก็ได้
"อืม...ผู้กล้าเลเวลเจ็ดแล้ว ถ้าอาณาจักรเซียใช้เธอมารุกรานอาณาจักรอื่นคงรอดยากแน่ ๆ ใช้เวลาน้อยนิดก็สามารถก้าวข้ามเลเวลหกได้หรือจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเลย" ทันใดนั้นเธอเหลือบไปเห็นพวกฟรานกำลังเดินเที่ยวตลาดความรู้อยากลองก็แวบเข้ามาในหัวทันที
"เฮ้ ! แม่หนู" เสียงเรียกจากหญิงสาวคนหนึ่ง
"ค่ะ ใช้ได้เลย" ฟรานตอบรับพอเป็นมารยาทแต่ทันใดนั้นเธอพุ่งเข้าใส่และด้วยสัญชาตญาณทำให้ฟรานสวนกลับทันทีแต่ก็พลาดเป้าเพราะเธอคนนั้นรวดเร็วยิ่งกว่าใคร ๆ ที่เคยเจอมา ก่อนจะชกเข้าที่ท้องซึ่งไร้การป้องกันใด ๆ และอุ้มบินขึ้นเหนือเมืองแอสต้าไปยังที่ไหนสักแห่ง
"เธอเป็นใคร !" ฟรานใช้มือทั้งสองข้างทุบหลังของหญิงสาวคนนั้นไม่หยุด เมื่อไม่มีดาบที่ใช้เป็นสื่อเวทก็ไม่สามารถใช้พลังได้
"ใจเย็น ๆ น่าก็แค่อยากจะพาไปเที่ยวสักหน่อย" ฟรานใช้สร้อยคอที่เป็นสื่อนำเวทสำรองเสริมกำลังและปล่อยหมัดกระแทกแผ่นหลังของหญิงสาวแต่มันก็เหมือนกระทบบางสิ่งที่มองไม่เห็นไม่อาจจะสร้างความเสียหายให้ได้
เสริมกำลังของเธอมีมากกว่าเรา ถ้ามีดาบอยู่ก็น่าจะทำลายได้ไม่เหมือนกับสร้อยที่เป็นตัวนำเวทได้น้อย ฟรานรวบรวมมานาจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ตอบโต้ในคราวเดียวแต่ก่อนที่เธอจะทำได้นั้นก็ถูกโยนลงพื้นจากความสูงกว่าห้าสิบเมตร
"บททดสอบแรก ลงพื้นอย่างนิ่มนวล"
"หน็อย" ฟรานหมุนตัวกลางอากาศเพื่อกลับมาตั้งหลักใหม่ในวินาทีที่กำลังจะกระแทกพื้นก็ร่ายเวทลมดันพื้นด้านล่างเพื่อลดแรงกระแทก
เธอไม่อยู่ไหนแล้ว ? เมื่อฟรานลงถึงพื้นก็เอาแต่มองหาหญิงสาวปริศนาคนนั้นแต่ก็มีแค่ความว่างเปล่าท่ามกลางป่าลึก
"ดีจ้าหาฉันอยู่ใช่ไหม ?" จู่ ๆ เธอก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังทำเอาเสียววาบไปทุกรูขุมขนและฟรานก็เตะกลับหลังเล็งไปที่บริเวณหัว
"ประสาทสัมผัสไวใช้ได้เลยนี่ แสดงว่าเข้าใกล้พลโทลักซ์ไปอีกก้าวแล้วสินะ อีกไม่นานก็คงจะแซงหน้าด้วยซ้ำ" เธอสามารถรับลูกเตะนั้นได้อีกทั้งยังยิ้มกว้างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนเลยสักนิด
"เธอเป็นใคร ? ต้องการอะไรจากฉัน ?" ฟรานจ้องตาเขม็งกำหมัดแน่นพร้อมจะใส่ได้ทุกเมื่อ
"ฮี่ ๆ ๆ ลองเดาดูสิ"
"..." ฟรานนิ่งเงียบทำหน้าบึ้งตึง
"เฮ้อ...ไม่สนุกเลย" ทันใดนั้นร่างของเธอหดเล็กลงเหลือขนาดเท่าฝ่ามือ
"ภูติจิ๋วที่กำลังตามล่าสินะ"
"ถูกต้อง ! เธอนี่ก็ฉลาดเหมือนกันนะ-" ไม่ทันที่ชาร์ลอทจะพูดจบฟรานก็ปล่อยหมัดตรงใส่ต่อด้วยฮุกจากขวาและซ้ายและยังผสมผสานกับการเตะจากด้านล่างสลับไปมาแต่ก็ไม่อาจตามความเร็วของชาร์ลอททันได้
"ฮ่า ๆ ๆ ทำได้แค่นี้เองเหรอ ผู้กล้า" ชาร์ลอทขยายกลับมาร่างมนุษย์อีกครั้งพุ่งเข้าประชิดยื่นออกไปมือจับใบหน้าของฟรานและกระแทกลงพื้นทั้งอย่างงั้น
"มาสู่บททดสอบที่สอง เป่ายิ้งฉุบ" เธอดึงตัวฟรานขึ้นมายืนอีกครั้งและชูมือออกไป
"ฮ่า ๆ ๆ ฉันชนะ" ในขณะที่ฟรานยังคงกำหมัดแน่นชาร์ลอทกลับแบมือออก เมื่อได้จังหวะก็ใช้มือที่แบตบหน้าของฟรานกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้
"ที่ว่าเป็นผู้ที่มีเลเวลเก้าก็คงจะจริง ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้ลองสู้กับคนระดับนั้น" ฟรานลุกขึ้นยืนแม้จะมีเลือดออกตามแผลแต่ก็ไม่มีการถอย
"ใจสู้กว่าที่คิดสมกับเป็น ผู้กล้า ขึ้นมาหน่อย...บททดสอบที่สาม ป้องกันเวทที่ใช้ต่อไปนี้ให้ได้"
"มีเท่าไหร่ก็จัดมา" ใบหน้ายิ้มแย้มที่มีความสุขแม้จะไม่มีอาวุธติดตัว
"[มหาวาตะลินดา]" กระแสลมแปรปรวนและแรงจนต้นไม้หักล้ม จู่ ๆ เมฆฝนก็เต็มท้องฟ้าปกคลุมแสงอาทิตย์ที่เหลือน้อยนิดจนมืดสนิท เสียงฟ้าคำรามดังเป็นระยะส่งสายฟ้าฟาดลงมาที่พื้นแบบสุ่มและยังขยายอาณาเขตไปอีกหลายกิโลเมตร
"ครั้งแรกสินะที่ได้เห็นเวทระดับวิบัติ ลองดูสิว่ารับมือมันยังไงบอกเลยว่าฉันเองก็คุมมันไม่อยู่เหมือนกัน" ชาร์ลอทกางเวทโล่มานาหลายชั้นป้องกันพายุและสายฟ้าฟาดที่กระหน่ำลงมาไม่ยั้ง แม้ฟรานจะพยายามเร่งมานามากเท่าไรแต่อุปกรณ์ของเธอก็ไม่อำนวยนัก
พายุลูกใหญ่หมุนพัดลากยาวสร้างความเสียหายมหาศาลแถมยังมีความกำลังลมที่แรงมากพอจะยกบ้านขึ้นไปได้ทั้งหลังขนาดชาร์ลอทยังป้องกันได้ลำบากยากเย็น
"อะ-" โล่มานาอันบอบบางของฟรานแตกกระจายไม่มีชิ้นดีก่อนจะถูกดูดร่างขึ้นไปแต่เพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้นก็มีเสียงดังของการฟันดาบหนึ่งครั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆดำมืดก็แหวกออกเป็นสองฝั่งมิหนำซ้ำยังทำลายพายุลูกใหญ่ตรงหน้าไปด้วย
"เลิกทำตัวเหมือนเด็กสักทีชาร์ลอท" เสียงแหบ ๆ และหยาบกร้านเหมือนไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายวันของชายคนหนึ่ง เขาค่อย ๆ เก็บดาบลงฟักและนั่งลงตรงหน้าของทั้งสองคน
"ถ้าเธอยังทำอะไรเกินเลยอีกฉันจะบอกนัตโตะ"
"อย่า ๆ ฉันขอล่ะ ไม่อยากให้เขาต้องมาเกลียดฉัน..." เมื่อเธอได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นก็ต้องชะงัก
"ถ้าเธอจำฉันได้ก็จงสอดแนมไปเฉย ๆ ซะ" ชาร์ลอทจ้องมองดูอิริยาบถของชายคนนั้นอย่างกับไปแค้นมาแต่ชาติปางก่อน
ฟรานที่ยืนมองอยู่ก็ได้แต่สงสัยก่อนที่พวกเขาจะหายตัวไปทิ้งฟรานไว้คนเดียว
ถ้าดูจากทิศที่มาแล้วก็คงจะทางนี้ ให้ตายสิพวกเขามันสัตว์ประหลาดกันทั้งนั้นฉันจะสามารถแข็งแกร่งได้อย่างงั้นไหมนะ?
"ท่านผู้กล้า !" กว่าจะกลับถึงเมืองก็พลบค่ำเสียแล้วเหลือเพียงทหารยามที่คอยรักษาการณ์ที่ประตูเมือง หลังจากการกลับมาของผู้กล้าผู้คนต่างก็ตกอกตกใจเพราะสภาพของเธอที่สะบักสะบอมมีแผลเต็มตัว
คอยดูเถอะสักวันฉันจะแข็งแกร่งขึ้นจนจัดการเจ้าสองคนนั้น รอฉันก่อนนะ...กิ
หน่วยพยาบาลตามมาด้วยพรรคพวกของฟรานแต่ละคนก็เป็นห่วงไม่แพ้กันรีบช่วยกันดูอาการและรักษาจนหายสนิทเหลือเพียงความคับแค้นใจที่มาดับความสุขในการก้าวข้ามเลเวล
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 335
แสดงความคิดเห็น