หัวใจมายา ตอนที่ 5 หัดเล่น
“นี่เหรอบัตรสมาชิกที่คนพวกนั้นต้องการ” กองทัพเอ่ยถามพร้อมหมุนบัตรในมืออย่างไม่เห็นค่าเท่าใดนัก
“ไอ้บัตรนี้แหละ จะทำให้นายเข้าออก สถานที่นี้ได้อย่างได้อิสระ”
“แล้วฉันจะเข้ามาทำไมวะ ไม่เห็นน่าสนใจตรงไหน ก็แค่บ่อนมะ”
“ชู่..อย่าพึ่งพูดแบบนั้น ลองดูก่อนไหมล่ะ” ภาคีจับบ่าเพื่อนรักแล้วยิ้มมุมปากอย่างมีเล่ห์นัยน์ ก่อนจะพากองทัพมาทำความรู้จักกับใครหลาย ๆ คนในแวดวงนักพนัน ภาคีหันกลับมายังเพื่อนรักแล้วยักคิ้วให้เพื่อนหนึ่งครั้ง
“นายดูฉันก่อนก็แล้วกัน อย่าพึ่งลงเงิน” ภาคีวางชิปในมือ แล้วเริ่มการพนันในทันที เริ่มแรกดูเหมือนกองทัพจะไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก หากแต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ภาคีก็ค่อย ๆ ไต่ระดับมากขึ้น ชิปตรงหน้ากองท่วมเต็มจนล้นมือ
“Yes ได้อีกแล้วแม่จ้าว!” น้ำเสียงสะใจของภาคีดังออกมาจนกองทัพเริ่มให้ความสนใจ
“รอบนี้กูได้ห้าหมื่น” ภาคีหันมากระซิบ พร้อมกับแววตาเป็นประกายสังเกตท่าทางของเพื่อนรัก พลันยกยิ้มมุมปากอย่างคนมีเล่ห์นัยน์
“ห้าหมื่นเลยเหรอวะ” กองทัพทำตาโต ด้วยเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ภาคีสามารถหาเงินได้มากมายถึงเพียงนี้
“ที่นี่คือแหละเงินของกู ถ้ามึงอยากหาเงินใช้เอง โดยที่พ่อมึงไม่บ่น มึงอยากลองปะล่ะ ตอนนี้มึงมีเงินเท่าไหร่”
“สามพัน กูเหลือเท่านี้” ความโลภเริ่มทำให้กองทัพรู้สึกสนใจอยากลงพลัน
“ก็ลงหมดสามพันสิวะ รออะไร” ภาคีวางชิปจำนวนสามพันบาทลงตรงหน้า แล้วตั้งหน้าตั้งตารอลุ้น ก่อนเสียงเฮของภาคีจะดังขึ้นอีกครั้ง
“ได้อีกแล้ว เป็นไง!” ภาคีหันมาถามกองทัพด้วยความภูมิใจ ก่อนที่กองทัพจะวางชิปเพิ่มแล้วเริ่มเดิมพันด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก
“ต้องอย่างนี้สิวะ ไอ้เพื่อนรัก” เขาพูดจบจึงแอบหันมองไปยังอเล็กซ์ ที่ยืนทอดสายตาตรงมายังทั้งสอง ก่อนภาคีจะพยักหน้าให้กับชายคนดังกล่าว เพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง
“เชี้ย! ได้อีกแล้ว กูขอลงอีก” กองทัพกลืนน้ำลายแล้วกวาดชิปทั้งหมดมากองตรงหน้า พร้อมกับสายตาที่เริ่มอยากเอาชนะมากขึ้น เขาจับจ้องไปยังเจ้ามือตาไม่กะพริบ ก่อนผลการพนันจะทำให้กองทัพถึงกับเบิกตากว้างดีใจอย่างถึงที่สุด
“ได้อีกแล้วว่ะ ดวงดีฉิบหาย”
“ลงอีกสิ” ภาคีกระซิบยุยงอยู่ใกล้ ๆ
ท่ามกลางผู้คนมากมาย ชายหนุ่มสองคนวางเดิมพันและลุ้นผลอยู่หลายรอบ จนลืมเวลาที่ล่วงเลยมา เกือบค่อนคืนก่อนเสียงมือถือของกองทัพดังขึ้นขัดจังหวะ
“พี่ปลายฝน!” เขาเห็นเบอร์มือถือของพี่สาว พลางทำหน้าตกใจ ก่อนจะได้สติกลับมาแล้วรีบกดรับในทันที
“เมื่อไหร่นายจะกลับบ้าน จะเที่ยงคืนอยู่แล้วนะ” ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ปลายฝนก็ต่อว่าเขาในทันที พร้อมกับสายตาของกองทัพรีบก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ ทว่าตัวเลขบอกเวลาไม่ได้ทำให้เขาสะท้าน ชายหนุ่มใช้เวลาประมวลผลครู่หนึ่ง แล้วรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ผมขอเวลาอีกพักหนึ่ง แล้วจะรีบกลับ”
“นายอยู่ที่ไหน ทำไมเสียงดังจัง” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจับผิด ชายหนุ่มจึงรีบตัดบท
“เออน่า..ทำธุระด่วนอยู่ อีกพักหนึ่งจะรีบกลับ” ก่อนจะกดตัดสายไป แล้วหันมาลุ้นกับไพ่ตรงหน้า ไม่นานนัก ภาคีก็ทำกำไรให้กับกองทัพมากมายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ชิปมากมายวางกองอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มอย่างไม่คาดคิด ใจหนึ่งอยากอยู่ทำเงินจนถึงเช้า หากแต่อีกใจรู้สึกเป็นห่วงปลายฝน ด้วยกลัวเธอจะโดนบิดาทำโทษอีก จึงตัดสินใจยอมหยุดแต่เพียงเท่านี้
“เฮ้ยภาคี ฉันต้องรีบกลับแล้วว่ะ” ชายหนุ่มสะกิดเพื่อนหลังจากก้มดูนาฬิกา
“อะไรวะ อยู่ต่ออีกหน่อยดิ กำลังได้เลย”
“ไม่ได้..กูเป็นห่วงพี่ปลายฝน ยังไงก็ต้องกลับ เดี๋ยวค่อยมาต่อพรุ่งนี้”
“อะไรของมึงวะ” ภาคีทำเสียงไม่พอใจ
“อย่าบ่นมากดิ ยังไงวันนี้ก็ได้กำไรอยู่แล้ว พรุ่งนี้มาใหม่ก็ได้ แต่ถ้าฉันไม่กลับตอนนี้ พี่สาวฉันจะเดือดร้อน ฉันไม่ต้องการให้พี่ปลายฝนเดือดร้อนเพราะฉัน แต่ถ้านายไม่อยากกลับ ก็อยู่ต่อเองละกัน”
“อ่ะ ๆ กลับ ๆ แต่เดี๋ยวก่อน รอกูแป๊บ” เมื่อเห็นว่ากองทัพเอาจริงจึงยอมแพ้แต่โดยดี ก่อนที่ภาคีหายไปแล้วกลับออกมา หลังจากแลกเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะโยนเงินสามหมื่นให้หลังจากขึ้นรถมาแล้ว
“อ่ะ ที่กูเล่นให้มึงอ่ะ”
“เหี้ย เยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ” เขาอุทานเมื่อเห็นกองเงินตรงหน้าตักตัวเอง
“เออ..ไม่งั้นกูจะเอานาฬิกาเรือนนี้มาจากไหน ถ้าไม่ใช่ที่นี่ กูจะบอกให้นะ ที่นี่คือแหล่งเงินชั้นดีเลยล่ะ กูไม่เคยบอกใคร นอกจากมึงคนเดียว และช่วยเก็บมันเป็นความลับต่อไปด้วยล่ะ” กองทัพก้มมองเงินบนตัก พร้อมกับความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมอง
ตลอดทางกลับบ้านเขาหวนคิดถึงเงินจำนวนมากมายมหาศาล ที่จะทำให้ไม่ต้องแบมือขอเศษเงินจากบิดาอีกต่อไป
แสงไฟหน้ารถขับมาด้วยความเร็ว แล้วจอดสงบลงหน้าบ้าน พร้อมกับร่างของชายหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในบ้าน พร้อมกับก้มมองนาฬิกาไปด้วยความรีบร้อน
“ทำไมกลับดึก” คำถามขอหญิงสาวทำให้อีกฝ่ายชะงักพลันหยุดเดินอย่างกะทันหัน แล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ก่อนจะยิ้มแหย ๆ ออกมา เมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้
“ก็กลับมาแล้วไง มาทันคุณพ่อด้วย”
“ตอบไม่ตรงคำถาม พี่ถามว่าไปไหนมา!” เสียงดุ ทำให้กองทัพเบี่ยงตัวเดินขึ้นบันไดไป ก่อนที่ปลายฝนจะถอนหายใจแล้วเดินตามไปเช่นกัน
“การเดินหนี ไม่ใช่การแก้ปัญหาหรอกนะ ยิ่งทำแบบนี้พี่ก็ต้องยิ่งรู้ให้ได้ว่านายไปไหนมา ทำไมหมู่นี้กลับบ้านดึกบ่อย ถ้าวันไหนนายมาไม่ทันคุณพ่อ นายจะทำยังไง”
“ผมไปสังสรรค์กับเพื่อนมา” เขาตอบปัดรำคาญ ก่อนที่ปลายฝนจะดึงชายเสื้อกองทัพไว้ แล้วสำรวจกลิ่นตัวรอบ ๆ อย่างตั้งใจ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 399
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น