เมื่อผมวิ่งชน....เค้ก!
ความรักของผม...
มันเริ่มต้นจากการตกหลุมเค้ก...
ช็อก-โก-แลต!
ใช่แล้วครับผมเป็นคนที่ชอบกินขนมมากๆ จะเรียกผมว่า ไอ้เด็กอ้วน ก็ได้ ถึงจริงๆแล้วผมจะไม่ได้อ้วนก็เถอะ ผมเป็นสายของหวานที่ใครๆต่างก็ยกย่องให้เป็น กูรูเรื่องขนม เลยนะ
ร้านไหนดัง!
ร้านไหนเด็ดจริง!
ต้องมีหน้าผมแปะไว้ตามโซเชียลว่าไปกินมาแล้ว ใครๆก็รู้ว่าถ้ามีรีวิวจากรถบัสฟาดแปด ร้านนั้นถือว่ามีของดีจริงๆ ทุกๆคนไปตามไอจีผมได้นะibusfatpaet ผมเนี้ยเป็นเน็ตไอดอลสายแดกของแท้เลย
ผมขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อขนมหวาน จะทำงานแบบถวายหัวเพื่อจะได้มีเงินมาซื้อขนม
จะแดกทุกอย่างจนกว่าตัวจะแตกตายไปเลย วะฮะฮ่า
“ไอ้บัส!”
"ครับพี่!!" ผมรีบขานรับเสียงดังฟังชัดก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดคราบน้ำลายที่มุมปาก
ตอนนี้ผมกำลังทำงานพิเศษอยู่ครับ เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารของคนรู้จักผมจะแอบมารับจ๊อปทุกวันหลังเลิกเรียน
แต่ถ้าช่วงไหนใกล้สอบก็จะหนีไปติวก่อนว่างๆถึงจะมาทำครับ
“ไอ้น้องเลว!!นั่นเค้กลูกค้ายกไปเร็วๆเมียเขารอแดกอยู่หน้าร้าน”
เสียงเร่งปนก่นด่าจากพี่เจมส์เชฟใหญ่ของร้านดังไล่หลังผมจนต้องรีบเร่งจังหวะก้าวขายาวๆให้เร็วขึ้น ก็คนมันอยากรู้ว่าในเค้กมีอะไร สีสันน่ากินขนาดนี้ขอชิมหน่อยก็ไม่ได้เหรอ
ขอเอาลิ้นแตะนิดเดียวไม่มีใครรู้หรอก ผมคิด
“ไอ้รถบัส!เค้กลูกค้ากู”
เคยได้ยินคนเขาว่ากันว่าเวลาที่คนเรากำลังจะมีความสุขมันก็มักมีมารมาผจญเสมอเหมือนจะเป็นเรื่องจริง ผมหันไปกลอกตาใส่พี่เจมส์แล้วรีบเดินหนีออกมาเพื่อจะเอาเค้กออกไปเสิร์ฟลูกค้า
ชีวิตเด็กม.6ในวันที่ไม่ต้องไปติวหนังสือสอบกับเพื่อน คือการมาวิ่งวุ่นวายอยู่ในร้านอาหารที่ขายดิบขายดีจนต้องโทรจองล่วงหน้าเท่านั้นถึงจะมีโต๊ะนั่ง มันผ่านไปไวเหมือนโกหก
“ไอ้รถบัส เดินเร็วๆโต๊ะ4จะแดกโชฟาร้านกูแล้ว”
ใช่ครับผมโกหก...
ไม่รู้ว่าพี่เจมส์มันเอาอะไรใส่ลงไปในอาหารคนถึงได้มากินกันเยอะขนาดนี้ ผมแอบชิมดูรสชาติก็งั้นๆแหละ เผลอๆผมทำอร่อยกว่าด้วยซ้ำ
“ไอ้น้องเวร มึงจะเอานิ้วจุมลงถ้วยน้ำแกงลูกค้ากูหาพระแสงอะไร ไอ้น้องห่าเอาไปเปลี่ยนอันใหม่มาเร็วๆ” และไม่ทันไรผมก็โดนเจ้าของร้านจับได้เรื่องที่แอบตรวจสอบคุณภาพอาหาร ผมทำเพื่อพี่เลยนะเนี้ย ถ้าไม่อร่อยใครจะกล้าเอาไปเสิร์ฟลูกค้าละพี่เจมส์
“มึงแอบแดกไปกี่อย่างแล้วเนี้ย ควายเอ้ย~แล้วร้านกูจะเจ๊งไหม!” ผมต้องยืนยิ้มกว้างๆรับฟังบทสวดอำนวยอวยชัยให้เจริญๆรุ่งเรืองในหน้าที่การงานของพี่เจมส์อยู่เกือบสิบนาที
ผมสงสัยมากว่าทำไมพี่มันถึงพูดได้ไม่หยุด เปิดเดี่ยวไมโครโฟนสักรอบดีไหมพี่เจมส์เผื่อจะได้เงินมาซ่อมร้าน รั้วที่ลูกค้าถอยรถชนแล้วชนอีกตรงนั้นก็น่าจะเอาออกไปซะก็จบ ไม่รู้จะเสียเงินจ้างช่างมาซ่อมแล้วซ่อมอีกทำไม
เสียดายตัง...
“มึงเข้าไปช่วยในครัวเลย ไม่ต้องออกมาเสิร์ฟแล้ว” หลังสวดผมเสร็จก็ไล่ผมให้ไปวิ่งเล่นในครัวแทน ซึ่งมันไม่ได้แย่เลยผมออกจะชอบมันมากกว่าด้วยซ้ำ
คราวนี้อยากจะแดกอะไร อยากจะหยิบอันไหนขึ้นมากินก็ไม่ต้องกลัวพี่เจมส์ด่าแล้ว เพราะว่าเชฟที่อยู่ในร้านพี่เจมส์ถูกผมเอาความน่ารักซื้อตัวไว้หมดแล้วยังไงละ
@16:00 น.
อาจเพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้ผมเลิกงานไม่ดึกเหมือนวันธรรมดา พี่เจมส์ที่ผมเคารพยิ่งกว่าใครรีบไล่ผมกลับบ้านทันที ค่าแรงก็ไม่ยอมจ่ายแถมจะหักเงินเดือนเพราะว่าผมแอบไปกินเค้กที่ลูกค้าสั่งไว้เซอร์ไพร์ขอแฟนแต่งงาน
ก็คนมันไม่รู้ไงเห็นเค้กวางทิ้งเอาไว้ ผมก็แค่แอบชิมเฉยๆ แต่ไม่รู้ว่าชิมอีกท่าไหนรู้ตัวอีกทีหมดก้อนเลย ความจริงเรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของผมหรอกนะเค้กมันก้อนเล็กไงผมเลยเผลอชิมจนหมด แต่ผมก็ไม่ได้กินแหวนที่ใส่อยู่ข้างในไปด้วยซะหน่อย
ผมเอาไปล้างแล้วก็วางไว้ให้บนจานเค้กเหมือนเดิม ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกมาแต่ก็โดนพี่เจมส์จับได้อยู่ดี พี่เจมส์มันเป็นสารวัตรนักเรียนเก่าครับ ผมทำอะไรผิดนิดผิดหน่อยโดนจับได้ตลอด
“ฟ้ายังสว่างอยู่เลยออกหากินต่อดีกว่า” ผมคิดแล้วล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ป้ายแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ยิ้มยิงฟันเหล็กไปหนึ่งทีเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ กดเลข1เพื่อโทรออกยืนรอไม่นานก็มีคนรับสาย
"เพ่คิม~~~กินหนมกานน" พอผมพูดจบสายก็ถูกตัดทันที แล้วคิดว่าไอ้เด็กอ้วนอย่างผมจะยอมเหรอ
ได้!พี่คิมได้!
ผมรีบรัวนิ้วส่งไลน์ไปหาพี่ชายสุดหล่อ ส่งย้ำซ้ำๆจนได้คำตอบที่ตัวเองพอใจถึงได้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างผู้ชนะ
“วะฮ่ะฮ่า”
“มึงเป็นบ้าอะไรไอ้รถบัส!” พี่เจมส์นี้ก็หูดีเนาะเหมือนหมาเลย ผมยืนของผมอยู่ดีๆตะโกนด่าผมออกมาจากข้างในร้านได้เฉยเลย
โคตรเก่ง!
@ร้านGlingTaen
“ร้านนี้ขนมอร่อยเหรออ้วน” พลขับหน้าตาดีเอ่ยถามด้วยความสงสัย พี่คิมแกคงแปลกใจว่าร้านนี้ใช่ร้านขายขนมจริงๆเหรอ ถึงจะเคยโดนผมลากมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยเชื่อว่าร้านนี้เป็นร้านขายขนมจริงๆ
ดูจากการตกแต่งที่ข้างนอกถูกทาด้วยสีดำสนิท คงจะไม่มีใครคิดหรอกว่ามันคือร้านขายขนม แต่ผมบอกเลยนะว่าข้างในคือร้านขนมหวานจริงๆ
“ใช่ๆ” ผมรีบพยักหน้าตอบ
เอาจริงๆตอนผมที่บังเอิญหาร้านนี้เจอยังตกใจกับการตกแต่งของร้านเลย แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือบราวนี่ลาวาของร้านนี้อร่อยมาก
มากแบบต้องพิมพ์กอไก่ใส่ตรงท้ายไปสักร้อยตัว มันกินแล้วเหมือนจะลอยได้ มันเป็นขนมที่เกิดจากการรวมตัวของช็อกโกเลตกับบราวนี่ที่ลงตัวสุดๆ ผมนี่หยุดคิดถึงมันไม่ได้เลยจริงๆ
"มันจะมีที่นั่งป่ะเนี้ย"ผมพูดพลางยืดตัวขึ้นมองหาโต๊ะว่าง คนมากินเยอะขนาดนี้แจกฟรีรึไง?
“ไอ้บัสพี่ไปเข้าห้องน้ำแปบ”
“เคๆพี่” ผมทำมือโอเคส่งๆให้พี่คิมแล้วเดินแทรกตัวเข้าไปหาที่นั่ง เดินวนรอบร้านอยู่นานแต่ก็ยังไม่มีที่ว่างจนต้องตัดใจและเลือกซื้อเค้กกลับบ้านแทน แต่เขาว่ากันว่าคนดีผีคุ้มแต่คนจะกินจนไม่มีคนอุ้มมักจะมีคนดีคอยช่วยเหลือเสมอ
เกี่ยวกันไหมครับ?
“รถบัส~~ลู๊ก” ผมรีบหันตามเสียงนางฟ้าตัวยักษ์ที่คุ้นเคย
เจ้รุ่งโรจน์ คือผู้จัดการสาวกล้ามปูประจำ ร้านGlingTaenที่ผมชอบมาฝากท้องนั่นเอง
เรียกเจ้ว่าพี่โรสนะลู๊ก~ คือประโยคสุดท้ายที่เราตกลงตอนคุยเมื่อครั้งที่แล้ว
ผมไม่สามารถเรียกชื่อเล่นเต็มๆของเจ้แกได้เหมือนคนอื่นๆ เอาเป็นว่า...
จะเห็นแก่ของอร่อยก็แล้วกันนะ จะให้เรียกอะไรไอ้รถบัสคนนี้ก็ยอมฮับ ผมยกมือไหว้อย่างเด็กมีมารยาทซึ่งพี่โรสเองก็ส่งยิ้มหวานตอบกลับมาเหมือนทุกครั้ง
“มาคนเดียวเหรอลูก พี่ชายสุดหล่อของหนูละ”
"พ่อไปเข้าห้องน้ำฮับแมะ" เพราะผมรู้ว่าพี่โรสชอบพี่คิม เรื่องยกยอคนอื่นขอให้ไว้ใจไอ้รถบัสได้เลย
“โอ๊ย~~ต๊ายแล้วพูดจาดีเด๊ยวเจ้แถมขนมให้นะคะ”
หึๆเสร็จไอ้รถบัส เพื่อของฟรีทำเรื่องดีๆไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะครับพี่คิมผมยืนยกยิ้มมุมปากพลางคิดในใจ ป่านนี้คงนั่งจามจนหน้าทิ่มโถส้วมล่ะมั้งไอ้พี่คิม
"พี่โรสครับ....บัสไม่มีโต๊ะนั่งเลยอ่ะ ขอสั่งกลับบ้านได้ไหม" ผมเริ่มปฏิบัติการอ้อนคนตัวโตแต่หัวใจมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกิงก่องแก้วด้วยใบหน้าอันสุดแสนจะน่ารัก
“ได้จ๊ะลูก เอ้าอยากได้อันไหนก็ชี้บอกพี่ข้างในหยิบให้นะ พี่ขอตัวไปทำงานก่อน” พี่โรสบอกผมพร้อมกับโบกไม้โบกมือลา2-3ทีแล้วเดินหายเข้าไปในฝูงชน ก่อนจะไปผมเห็นพี่แกกระซิบบอกคนที่ยืนหลังตู้เค้กแล้วว่าแถม2ลงบัญชีเจ้ พอได้ยินแบบนั้นผมก็สบายใจ
"เสร็จโจรอิอิ" ผมพูดแล้วย่อตัวลงมองบรรดาเค้กสีสวยๆในตู้โชว์ และราวกับผมโดนมนต์สะกดทำไมเค้กร้านนี้มันถึงได้ดูน่ากินทุกอันเลยละ
แต่ติดอยู่เรื่องเดียว...
ทำไมผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนจ้องยังไงก็รู้
“เลือกสักทีสิครับ ลูกค้าท่านอื่นรออยู่” ผมเงยหน้ามองอย่างหาเรื่อง ใครกันนะที่มาเร่งรถบัสเลือกขนมเขาไม่รู้รึไงว่ามันตัดสินใจยาก นี่ก็อยากแดกมันทุกอันเลยแต่เงินมีไม่พอ
"บราวนี่ลาวาไปไหน" ผมถามหาเมนูสุดโปรดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ปกติผมจะเห็นมันวางอยู่ในตู้อยู่ในที่ประจำของมัน แต่วันนี้ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า
“หมดแล้วยังไม่ว่างทำเพิ่ม” ไอ้น้ำเสียงเอื่อยๆที่ตอบมาแบบตัดความรำคาญทำให้ผมขมวดคิ้ว หมดแล้วทำไมไม่เติม คนแน่นร้านขนาดนี้เพราะเขาตามรีวิวของผมมากันทั้งนั้นแหละ
"หมดก็ไปทำสิ" ผมพูดโดยไม่ได้สนใจมองหน้าคนฟัง ขนมอะไรที่มันอร่อยจนต้องร้องว้าวเนี้ยพวกร้านขายชอบกักของตลอดเลย ทำออกมาเยอะๆสิ จะได้พอดีกับความต้องการของลูกค้า จะทำออกมานิดเดียวทำไมชอบเห็นคนตีกันแย่งของกินเหรอ
“......”
"เอ้า!ยังจะยืนนิ่งอีก" ผมยกมือเตรียมจะโบกไล่แต่โชคดีมีคนเดินเข้ามาตามคนท่าทางกวนประสาทเข้าครัวไปก่อนทำให้ผมต้องละสายตากลับมาจ้องมองคุณเค้กในตู้ต่ออย่างไม่ใส่ใจผู้ชายคนนั้น ผมได้ของที่ต้องการแล้วแต่พี่ชายสุดที่รักกลับหายไปไหนนี่สิจะไปตามหาได้ที่ไหนบ้าง
ห้องน้ำของร้านมันเป็นเขาวงกตรึไงเดินไปหลงทางไปงี้เหรอ ผมที่กลัวว่าจะกลับถึงบ้านช้าเริ่มเบื่อที่จะยืนรอเฉยๆแล้ว
ปัดโธ่!!
ก็คนจะรีบกลับไปกินเค้ก!
“เห้ย!!”
ผมที่มัวแต่มองจอโทรศัพท์ในมือไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะเดินเลยทางไปห้องน้ำจนเข้ามาถึงในครัวและกำลังจะเดินเข้าไปชนเข้ากับคนตัวสูงๆที่กำลังยกถาดขนมที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆล้มลงเทกระจาด
"เซฟ!!" ผมพูดพลางยกกล่องเค้กในมือขึ้นมาสำรวจด้วยความกังวล
เยี่ยม!!
ขนมของผมรอด ปลอดภัยหายห่วง แต่....
“ไอ้เด็กเวร!!!”
เชี้ย....ฉิบหายแล้ว
"ผมขอโทษๆไว้วันหลังจะกลับมาชดใช้ให้นะ" ผมรีบหันหลังวิ่งออกมาและก็โชคดีมากที่หาพี่คิมเจอสักที ผมทั้งดึงทั้งลากอยู่พักใหญ่กว่าจะพาคนเป็นพี่กลับบ้านได้ ตายๆไอ้รถบัสก่อเรื่องไว้ขนาดนั้นสงสัยต้องงดไปซื้อขนมที่ร้านเขาสัก3-4วัน
แล้วมันก็ช่างเป็น3-4วันที่ผ่านไปจนครบ1สัปดาห์แบบที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมกลับมาเรียนหนักเพื่อเตรียมสอบวัดผลและสอบเทียบ ตอนนี้ร่างกายที่แสนจะอ่อนล้าของผมต้องการขนมหวานๆมาเยียวยา
บราวนี่ลาวาจ๋าปี้มาแย้ววว
ผมก้าวขาเข้าร้านGlingTaen แบบไม่ทันได้คิดอะไร ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยทำอะไรไว้ ลูกค้ายังเยอะเหมือนเดิมเป็นแบบนี้เจ้าของร้านคงรวยเละ ผมไม่รีรอรีบตรงเข้าไปที่ตู้เค้ก
“โฮ้~~เค้กน่ากินจัง” นิ้วมือของผมชี้ไปที่เค้กชิ้นนั้น ชิ้นนั้น แล้วก็ชิ้นนั้นอย่างคนไม่มีสติ รวมๆแล้ววันนี้ผมซื้อเค้กกลับบ้านเกือบ10ชิ้นเลย
“สั่งเยอะจังเลยหนู จะกินหมดเหรอ” พี่พนักงานที่คุ้นหน้าแซวผมไม่หยุด อาจเพราะผมหายไปนานเป็นอาทิตย์ความอยากกินมันก็เลยเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ ผมยืนกลืนน้ำลายรออย่างใจจดใจจ่อเมื่อได้ของมาผมก็ยิ้มจนตาปิด
ไอ้อ้วนจะได้กินเค้กแล้ว....
วันนี้จะกินให้เบาหวานเรียกพี่เลย
แต่เสี้ยววินาทีที่ผมกำลังจะออกจากร้านชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป
“เค้กโผมมม!!” น้ำตาหรั่งรินเมื่อเค้กที่อยู่ในมือร่วงลงพื้น ผมทรุดตัวลงอย่างคนหมดแรง
“คุณหนู!!” พี่เกรทที่เป็นคนดูแลรีบวิ่งเข้ามาประคองให้ผมลุกขึ้นยืนดีๆ และกล่องเค้กที่แตกออกจากกันก็ทำใจของผมสลาย
“ฮือออเค้ก เค้กของบัสฮืออ” ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ทุกๆคนที่รู้จักผมจะรู้ดีว่าเค้กพวกนี้มีค่ามากแค่ไหน ชีวิตของผมขาดมันไม่ได้
ผมขาดมันไม่ได้...
"ขอโทษครับคุณลูกค้า"หลังจากที่เอามือเช็ดน้ำตาผมก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างเอาเรื่อง วันนี้จะมีใครตายไหมรถบัสไม่รู้ แต่ที่รู้คือวันนี้ต้องได้กินเค้ก!
“รถบัสลูก เป็นอะไรมากไหม?”
“ฮือออพี่โรส” พอเห็นคนวิ่งมาโอ๋ผมก็ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ
“เค้ก..เค้กของหนูเละหมดเลย”
“โอ๋ๆไม่ร้องนะลูก มาๆนั่งตรงนี้ก่อน หน้าเปื้อนหมดแล้ว” ผมยอมทำตามอย่างว่าง่ายคนที่ตัวสูงกว่าผมเดินจูงมือผมมานั่งรอที่เก้าอี้หน้าบาร์ พี่โรสจัดแจงใบหน้าที่เปื้อนของผมให้อย่างเอ็นดู ส่วนพี่เกรทคนดูแลที่ช่วยป๊ากับม๊าเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กๆก็เอามือมาลูบหลังปลอบ
“เค้กหนูอ่ะพี่โรส หนูอยากกินเค้ก” ผมพูดพลางหันมองอีกฝ่ายอย่างอ้อนๆ ไอ้เด็กอ้วนมันจะลงแดงตายแล้วครับ อยากกินขนม..อยากกินเค้ก
“หนูใจเย็นๆก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่โรสคุยให้” คนที่คอยสปอยผมเดินหายเข้าไปข้างในครัว ไม่นานพี่โรสก็กลับออกมาพร้อมกับกล่องใส่เค้กอันใหม่
“แทนคำขอโทษ เจ้าของร้านแถมเค้กให้หนูหลายชิ้นเลยนะคะลูก ไม่งอแงแล้วนะ”
“เจ้าของร้าน?” ผมทำหน้างง
“ก็คนที่ชนหนูเมื่อกี้ไง เขาเป็นเจ้าของร้านคะลูก”
“อ๋อ~” คราวนี้ผมพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ แต่พอรับกล่องเค้กมาผมก็ใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม น้ำตาแทบไหลเมื่อลองเปิดดู
“ฮือออ” ผมปล่อยโฮออกมาอีกครั้งพร้อมกับยื่นกล่องเค้กคืนพี่โรส
“ทำไมคะลูก มันน้อยไปเหรอ?” ผมอยากจะบอกว่าเค้กในกล่องมันไม่น้อยเลยครับ นับดูคร่าวๆก็น่าจะเกินจากที่ผมซื้อเมื่อกี้อยู่เหมือนกัน
แต่มันไม่มี...
“บราวนี่ลาวา...ฮืออ” ผมร้องไห้ราวกับคนใจจะขาด ใจของผมมันแตกสลายอีกครั้งเมื่อข้างในกล่องไม่มีขนมที่ผมชอบมากที่สุด
ต่อให้มีคนเอาเค้กมาให้ผมฟรีๆทั้งร้านแต่ถ้าไม่มีน้องบราวนี่ผมก็ไม่เอา
“บราวนี่....บราวนี่ลาวาของบัส” ผมพูดคำว่า บราวนี่ลาวาซ้ำไปซ้ำมาจนพี่โรสที่ยืนฟังอยู่ต้องถอนหายใจออกมา มันอาจจะดูน่ารำคาญที่ผมเอาแต่งอแง แต่ผมไม่ผิดนะถ้าไม่มีคนมาเดินชนผม ผมก็ไม่ต้องมานั่งเสียน้ำตาอยู่ตรงนี้
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“อ้าวคุณเซน” ผมรีบเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคำถาม มีผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวสูงมากๆเดินออกมาจากประตูที่น่าจะเชื่อมกับครัวที่เอาไว้ทำขนม ผมได้กลิ่นหอมๆลอยออกมาด้วย
“น้องที่คุณเซนเพิ่งเดินชนเมื่อกี้คะ”
“อ่า..ครับ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำว่า แล้วยังไง ของผู้มาใหม่ทำให้เส้นเลือดในสมองของผมปูดขึ้นมา ทำไมเขาดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน แทบจะดูไม่รู้สึกผิดที่เดินชนผมเลยด้วยซ้ำ เขาจะรู้บ้างไหมว่าเขาเพิ่งจะร้ายหัวใจของเด็กคนหนึ่งที่จะโตไปเป็นกำลังคนสำคัญของประเทศเลยนะ
ผมเรียนเก่งมากและผมก็กำลังสอบเทียบวุฒิเพื่อไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ มันยากมากแต่ผมก็ทำได้
“วันนี้คุณเซนจะเติมบราวนี่ลาวาไหมคะ” ยิ่งกว่านางฟ้ามาโปรดผมหันไปยิ้มให้คนถาม พี่โรสเองก็ดูจะรักผมมากถึงได้พยายามช่วย
“ไม่ครับ น่าจะอบเสร็จไม่ทัน”
ไม่ทัน?
จะไม่ทันอะไร!
ร้านปิดตั้งสองทุ่ม ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเอาอะไรมาไม่ทันครับโผมคุณเจ้าของร้าน คุณรู้ได้ไงเป็นคนทำเหรอ ในหัวของผมมันรันคำถามมากมายขึ้นมาทันที มันมากจนผมไม่รู้ว่าจะหยิบเอาอันไหนไปถามก่อนดี
“บัสลู๊ก ใจเย็นๆนะ” พี่โรสคงจะเห็นว่าผมกำลังทำหน้าไม่พอใจ แน่นอนละที่ผมเลือกมาซื้อเค้กที่ร้านก็เพราะผมมีของที่ผมชอบ ชอบมากๆและหาซื้อที่ไหนไม่ได้ผมถึงได้หอบสังขารมาซื้อ ร้านนี้ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านของผมเลยสักนิด แถมไม่ได้อยู่ทางผ่านกลับบ้านด้วย ที่ผมมาก็เพราะอยากจะกินขนมที่ตัวเองชอบ ผมรักบราวนี่ลาวาร้านนี้มาก
“กินวันหลังได้ไหมครับคุณลูกค้า” ผมคิ้วขมวดกับคำพูดเกี้ยวกล่อมที่ฟังยังไงก็ดูไร้ความจริงใจ ทำไมผมต้องยอมในเมื่อผมไม่ได้เป็นคนผิด
“พี่โรส...ฮึก..วันนี้บัสไปติวสอบมา...บัสเครียด...อึก บัสปวดหัว...บัสอยากกิน...บราวนี่” ผมยังคงเสียน้ำตาให้กับน้องบราวนี่ลาวาที่จากไป มีใครบางคนเคยพูดเอาไว้ว่าขนมหวานอาจกลายเป็นยาวิเศษสำหรับใครบางคนก็ได้ ผมเห็นด้วย เห็นด้วยมากๆเพราะผมเป็นอยู่ ทุกครั้งที่ผมเครียดหรือว่าเสียใจเหล่าขนมหวานคือผู้ช่วยชีวิตผม
ผมจะผ่านมันไปได้เสมอถ้ามีมัน
"โธ่..เจ้าเด็กอ้วนของพี่"ผมนั่งช้อนตามองอ้อนจะเอาขนมที่ตัวเองชอบ พี่โรสเอ็นดูผมจะตายผมต้องได้กินขนมที่ชอบแน่ๆ
“ไม่มีชิ้นเทสเหลือเลยเหรอคะคุณเซน” คนที่ตัวสูงมากๆถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าไปมา แค่นั้นก็ทำหัวใจของผมแตกสลายได้แล้ว
ไม่มี....
ไม่มีเหลือจริงๆ...
ผมนั่งคอตกเพราะยังทำใจไม่ได้ ผมเฝ้ารอวันนี้มาตลอด วันที่ผมจะได้มาซื้อขนมที่ร้าน ผมทั้งยอมไปทำงานพิเศษ และก็ตั้งใจเรียนเพื่ออัพค่าขนม ทำไมวันนี้ผมต้องมารู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์เพราะคนๆหนึ่งที่ไม่รู้จักระวังด้วย
“ทำไมต้องมาเดินชนผมอ่ะ พี่เดินชนทำไม ถ้าพี่ไม่มาชนผม ป่านนี้ผมได้กลับบ้านไปนั่งกินขนมสบายใจแล้ว” ผมจ้องตาคนฟังอย่างไม่พอใจ ทุกๆอย่างมันเป็นเพราะเขาคนเดียว ถ้าวันนี้เขาไม่มาเดินชนผม ผมคงไม่ต้องมานั่งเสียใจแบบนี้
“คุณเซนคะ ทุ่มครึ่งแล้วค่ะ” พี่สาวพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาแจ้งเวลากับเจ้าของร้าน ผมหันไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังแล้วถอนหายใจออกมาอย่างคนสิ้นหวัง
หรือวันนี้ผมจะไม่ได้กินขนมที่ตัวเองชอบกันนะ ถ้าไม่ได้กินมันแล้วผมจะนอนหลับรึเปล่า ผมจะเครียดจนไมเกรนขึ้นและต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลไหม ถ้าใช่มันคงจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แย่มากๆแน่
"กินข้าวมารึยัง"
“ห๊ะ!ย..ยังครับ?” อยู่ดีๆเขาก็ถามว่าผมกินข้าวมารึยัง พี่โรสที่ยังยืนเอามือลูบหัวผมยังหลุดขำออกมาเลย
"กินข้าวก่อนค่อยกินขนมโอเคไหม" ผมไม่ทันได้พูดอะไรเขาคนนั้นที่ผมเพิ่งจะรู้ว่าเป็นเจ้าของร้านก็เดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมกับของกินในมือ
“ผมอยากกินขนม” ผมว่าแล้วเบือนหน้าหนี ถึงกับข้าวที่วางอยู่ตรงหน้ามันจะดูน่าอร่อยมากก็ตาม
“กินรองท้อง จะอบบราวนี่ต้องใช้เวลา” ผมตาโตเหมือนกับมองเห็นแสงแห่งความหวังเมื่อได้ยินประโยคว่า อบบราวนี่ต้องใช้เวลา พี่โรสหลุดขำก่อนจะขอตัวไปช่วยคนอื่นๆเก็บร้าน
“ผมไม่กินกับข้าวถุงนะ” แต่เด็กอ้วนอย่างผมก็แอบซ่าด้วยการพูดจาไม่น่าฟังออกมา ความจริงผมกินได้ทุกอย่างนั่นแหละ เวลาที่หิวๆสากกะเบือยันเรือรบผมก็ไม่หวั่น
“อดีตเชฟมิชินสตาร์เขาไม่เสิร์ฟกับข้าวถุงให้ลูกค้าหรอก ไม่ใช่ว่ากับข้าวถุงมันไม่ดี แต่คนเป็นเชฟมักจะติดนิสัยทำกินเองมากกว่า หนูลองชิมกับข้าวฝีมือคุณเซนดูสิลูก อร่อยนะ อร่อยมั๊กม๊ากไม่มีบุญไม่ได้กินนะคะลูก” หลังจากที่ฟังพี่โรสพูดผมก็ชะโงกหน้ามองคนทำที่เดินหายไปแล้วอย่างไว้ตัว จะให้เขารู้ตัวไม่ได้เด็ดขาดว่าร่างกายของเรากำลังต้องการอาหาร เพราะมัวแต่ติวหนังสือสอบวันนี้ทั้งวันแทบจะไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลย
พอลองตักน้ำซุปมาชิมผมก็ตาโต ถึงมันจะเป็นแค่เมนูง่ายๆอย่างต้มจืดหมูสับกับข้าวไข่เจียวแต่รสชาติโคตรจะอร่อยเลย
“โห้ว~อร่อยจัง” พี่โรสหัวเราะชอบใจที่เห็นผมยิ้มหน้าบาน เวลาที่ผมได้กินของอร่อยมักจะลืมตัวอยู่เสมอ
“กินเยอะๆนะคะหนู” ผมรีบพยักหน้ารับ
“ผมจะกินให้มันเกลี้ยงจนพี่ไม่ต้องล้างชามเลยครับ” เด็กอ้วนอย่างผมมักโดนของกินล่อลวงอยู่เสมอ ผมโกรธง่ายและก็หายง่ายถ้าเอาของกินมาล่อ ยิ่งเป็นของกินที่อร่อยๆแบบนี้ทำผมโกรธได้ไม่นานหรอก
หลังจากที่ลอยคอ เห้ย!รอคอย ผมก็ได้บราวนี่ลาวามาครอบครอง มันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนจนทำให้ผมยิ้มไม่หุบ
"ดึกแล้วให้ไปส่งไหม" แรงสะกิดเบาๆจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปมอง
“อ๋อ ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวจะเดินไปรอคนที่บ้านมารับหน้าปากซอย”
“ลูกคุณหนูเหรอ?” คนพูดเลิกคิ้วมองก่อนจะยกไหล่เหมือนไม่ใส่ใจให้คิ้วที่ขมวดเป็นปมผมแล้วขับรถออกไป ถึงจะมีควันหรือฝุ่นลอยตามหลังจนผมอดที่จะจามออกมาไม่ได้ ผมก็ไม่โกรธหรอก เพราะในมือมีของที่ผมอยากกินแล้ว
ผมยังคงเดินยิ้มและมุ่งหน้าไปที่ปากซอย คงเพราะมันดึกมากแล้วตามทางถึงไม่ค่อยมีใครขับรถผ่านมา ตอนแรกพี่เกรทโทรมาบอกให้ผมยืนอยู่ที่หน้าร้านแต่ผมรีบไง ถ้าพี่เกรทมาถึงแล้วผมรออยู่ตรงปากซอยมันจะได้ไม่เสียเวลาหาที่กลับรถ
ผมอยากกลับบ้านเร็วๆ จะรีบไปกินขนมที่ซื้อมาวันนี้แล้วนอนฝันหวานถึงวันพรุ่งนี้ที่จะได้ไปกินบุฟเฟ่ต์ฉลองสอบเสร็จที่โรงแรมสุดหรู ใจของผมมันลอยไปแล้วเหลือแค่ตัวนี่แหละที่ยังตั้งหน้าตั้งตาเดินอยู่ข้างถนน แต่ใครมันจะไปรู้กันละว่าผม...จะบังเอิญเจอเข้ากับ...
“ไงจ๊ะ..น้องสาว” มีกลุ่มวัยรุ่นที่น่าจะอายุไล่ๆกันกับผมจอดรถรวมตัวกันอยู่ข้างทาง ผมพยายามจะไม่มองและรีบเดินแบบก้มหน้า แต่สิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาผมสติหลุดได้เหมือนกัน
“สาวพ่อมึงสิ” ผมคือเด็กผู้ชายที่ต้องยอมรับกันตรงๆเลยว่าเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ผิวของผมขาวราวกับไข่ปอกเปลือก ฟังแล้วดูน่ากินใช่ไหมล่ะ
ช่ายยยยตอนนี้ผมน่าจะหิวข้าวอีกแล้ว ผมพยายามทำตัวติดตลก แต่ดูเหมือนว่า....
“เล่นพ่อเลยเหรอน้อง” มันจะไม่ค่อยตลกสักเท่าไร เพราะกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งจะแซวผมกำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับอาวุธในมือ
อ้าว....
ฉิบ...หายแล้วครับ!
*****
***
*
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 292
แสดงความคิดเห็น