ตอนที่ 35 หัวใจของฉุ่ยเหยา

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)
คุณกำลังอ่าน: สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 35 หัวใจของฉุ่ยเหยา

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 35 หัวใจของฉุ่ยเหยา

 

สายตาของฉุ่ยเหยามองไปยังน้องชายที่นางเคยคุ้น หากแต่ก็แปลกหน้า เท่าที่นางจำได้รูปร่างหน้าตาของเขายังคงเดิมหากแต่อุปนิสัยใจคอดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เขายังคงเป็นบุรุษรูปงามแต่บรรยากาศของความอ่อนแอดุจสตรีได้หายไป เขากลับให้สัมผัสได้ถึงความสง่างามอันยากจะบรรยาย ท่าทางของเขาแสดงถึงความกล้าหาญ รู้เลยว่าหากใครตอแยเขาพร้อมที่จะจัดการ ราวกับเขาไม่เคยเห็นผู้ใดในสายตา ที่น่าแปลกก็คือ เขากลับไม่ได้ทำให้ผู้อื่นรู้สึกต่อต้าน แววตาเขาเต็มไปด้วยความหดหู่ลึกล้ำดั่งก้นสมุทร ยามประสานสายตากัน นางเกิดความรู้สึกประหลาดอยากถลำลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น

 

 

 

“ใครสอนเจ้า?” เย่ฉุ่ยเหยาเบือนหน้าออก นางมองภาพที่วาดเสร็จแล้วอีกครั้งและเกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมไหวในใจเล็กน้อย นางเริ่มวาดภาพตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก และได้วาดภาพภูเขาไว้มากมายมาตลอด 10 ปี มือของนางวาดยอดเขาสูงชันนับไม่ถ้วน แต่ด้วยภาพที่เขาวาดเสร็จในไม่ถึงหนึ่งนาที กลับทำให้งานภาพที่นางวาดมาทั้งหมด ให้ความรู้สึกไม่น่ามอง

 

“ข้าเรียนด้วยตัวเอง! แนวคิดเบื้องหลังการวาดภาพนั้นนับว่าธรรมดาพื้นฐานมาก เพียงแต่ว่าพี่หญิงยังไม่ค้นพบมัน”

 

ทันทีที่เขาเคาะประตูหัวใจของนางได้สำเร็จ เย่หวูเฉินลากเก้าอี้มานั่งอย่างเป็นกันเอง และกอดหนิงเสวี่ยไว้ในอ้อมแขน “นี่คือหนิงเสวี่ย นางคือคนที่ข้ารับเป็นน้องสาว เสวี่ยเอ๋อร์ ทักทายพี่สาวของเจ้าสิ”

 

“พี่สาว สวัสดี..... ข้าชื่อหนิงเสวี่ย” หนิงเสวี่ยโบกมือน้อยเบาๆ และยิ้มอย่างเอียงอาย

 

เย่ฉุ่ยเหยาพยักหน้ารับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สายตาของนางมองที่เย่หวูเฉินอีกครั้ง พยายามชั่งใจว่าเขาใช่น้องชายคนเดิมในความทรงจำของนางหรือไม่

 

“พี่หญิง ท่านใช่ไม่พอใจที่ต้องเกิดมาในครอบครัวตระกูลเย่ใช่หรือไม่?” เย่หวูเฉินถามออกไปโดยไม่ต้องคิด แต่คำเหล่านี้ทำให้เย่ฉุ่ยเหยาชะงักค้างและเบือนหน้าออกไป จากนั้นดวงตาของนางเริ่มพร่าและไม่ทราบว่านางกำลังคิดสิ่งใด

 

“ไม่ว่าจะเป็นสวนของพี่หญิง หรือห้องของท่าน แม้ว่าพวกมันจะดูสง่าขนาดไหน แต่รูปแบบของมันกลับเรียบง่ายอย่างที่สุด นี่สมควรเป็นสิ่งพี่หญิงเจตนาต้องการ? ท่านไม่ประทินโฉมหรือประพรมน้ำหอมใดๆบนเรือนร่าง ใบหน้าท่านไม่ผัดแป้ง ไม่ตกแต่งกายด้วยเครื่องประดับ แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พี่สาวของข้า ผู้งดงามตามธรรมชาติดั่งนางฟ้าอวตาร จะไม่ต้องการเครื่องตกแต่งใดๆ แต่ที่แปลกสุดคือท่านเกิดเป็นธิดาคนเดียวในตระกูลร่ำรวยกลับนิยมเรียบง่าย ยิ่งกว่านั้นในสวนกว้างขวางกลับไม่มีคนรับใช้ใดๆ หรือว่าพี่สาวข้าชอบความเงียบสงบและสันโดษเดียวดาย”

 

“แม้แต่ข้าที่หายตัวไปทั้งปี พี่หญิงก็ยังไม่ห่วงกังวลต่อตัวข้าแม้แต่น้อย บางทีเสียงตะโกนอาจไม่ดังพอให้พี่หญิงได้ยิน ท่านจึงไม่ทราบกระทั่งว่าข้ากลับมา เมื่อข้ากลับมาแล้วจึงเห็นว่า พี่หญิงเองก็ไม่ค่อยคุยกับบิดามารดาเช่นกัน ท่านละเลยกระทั่งญาติพี่น้อง แสดงว่าท่านต้องมีบางสิ่งหนักหนาอยู่ในใจแน่นอน” เย่หวูเฉินแอบลอบพึมพำ ‘ในโลกของเรา มีสิ่งที่เรียกว่ากำแพงจิตใจ หากเป็นหนักมากๆจะเรียกว่าเจ็บป่วยทางจิต’

 

“มีสตรีกี่คนที่เพียรปีนป่ายใช้ทุกอย่างสู่ความมั่งคั่ง? กับผู้หญิงส่วนมาก การได้เป็นสาวใช้ของตระกูลเย่นับว่าเย้ายวนใจ แต่พี่สาวข้าเกิดมายืนยังจุดที่สตรีเหล่านั้นไม่กล้าคิดฝันถึง และตอนนี้... ข้าไม่คิดว่าจะมีสิ่งใดดึงดูดใจของท่านได้ ท่านปฏิเสธสถานะและอำนาจของตัวเอง ในฐานะหนึ่งในครอบครัวตระกูลเย่ และกลับต้องการใช้ชีวิตเรียบง่ายและสงบสุข แต่ลิขิตชะตาของพี่สาวข้าไม่อาจเปลี่ยนแปลง ท่านจึงทำได้เพียงเก็บความขมขื่นอยู่ภายในใจ ยิ่งเวลาผ่านไป ประตูหัวใจท่านก็ค่อยๆปิดลง”

 

เย่ฉุ่ยเหยาหลับตาลงเบาๆและกล่าวด้วยน้ำเสียงสลด “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคนที่สามารถเข้าใจจิตใจของข้าได้จะเป็นเจ้า”

 

“ย่อมเป็นเรื่องธรรมดายิ่ง เพราะว่าพวกเราคือพี่น้องกัน!” เย่หวูเฉินกล่าวพลางหัวเราะ ราวกับเป็นสิ่งที่น้องชายที่ดีพึงกระทำ

 

เย่ฉุ่ยเหยาไม่กล่าวสิ่งใด แววตาทอประกายดั่งสระน้ำลึกใสกระจ่าง ดูงดงามน่าประทับใจ

 

“เมื่อ 1 ปีก่อน จู่ๆข้าได้หายตัวไปจากตระกูลเย่ หากผู้ใดไม่ใช่คนโง่ย่อมมองออกว่าเป้าหมายของพวกมันคือตระกูลเย่ของพวกเรา ไม่ว่ามันจะเป็นขุมกำลังใด หากว่าข้าตกตายไปจริงๆ ผลลัพท์ดังกล่าวมีแต่จะทำให้พี่หญิงต้องสืบทอดต่อตระกูลเพียงลำพัง แต่พี่สาวข้าเป็นเพียงสตรี ท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือว่าเป็นผู้ถือสันโดษด้วยหัวใจบริสุทธิ์ ด้วยการที่รุ่นต่อไปจะขาดผู้สืบทอดต่อทายาท ย่อมเป็นธรรมดาที่ท่านจะไม่ได้รับการสนับสนุน เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านคิดว่าผู้ใดที่จะได้รับผลประโยชน์จากสถานการณ์เช่นนี้มากที่สุด?” เย่หวูเฉินกล่าวเรียบเรื่อย

 

เย่ฉุ่ยเหยามุ่นคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากเผยอเอ่ยเบาๆ “เจ้าหมายถึง.... เสี่ยวหยุน?”

 

เย่หวูเฉินไม่ตอบคำ หากแต่กล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้น ใครที่มุ่งหมายต่อตระกูลเย่ของข้า? เมืองเทียนหลงในยามนี้ มีผู้ใดบ้างไม่ทราบว่าตระกูลเย่กำลังขัดแย้งกับตระกูลหลินและตระกูลฮั่ว ทั้งตระกูลเย่และตระกูลหลินต่างไม่ลงรอยกัน เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้คุยกับชายชราผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในที่สันโดษ เกี่ยวกับเรื่องราวของเมืองเทียนหลงเมื่อ 15 ปีก่อน เขาได้บอกข้าว่าในกลุ่มทรงอิทธิพลจำนวนไม่มาก ตระกูลเย่นั้นแข็งแกร่งที่สุด แต่เขาไม่ได้เอ่ยถึงตระกูลหลินเลย เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลินไม่อยู่ในสายตาเขาเมื่อ 15 ปีก่อน แต่พวกเขากลับเรืองอำนาจอย่างรวดเร็วเพียงเวลา 15 ปี กระทั่งตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ,ทรัพยากร ,พลังอำนาจ หรือเกียรติภูมิ พวกเขาแข่งแกร่งทัดเทียมที่จะต่อกรกับตระกูลเย่ของพวกเรา ในกรณีเช่นนี้ มีขุมกำลังใดที่ให้การสนับสนุนตระกูลหลิน? ทำไมตระกูลหลินถึงเติบโตได้รวดเร็วนัก? ทำไมพวกมันถึงจงใจยั่วโทสะตระกูลเย่ ทุกสิ้นทั้งหมดไม่มีเหตุผลเบื้องหลังจริงๆหรือ?”

 

เย่ฉุ่ยเหยา “.........”

 

“ถึงแม้ว่าตอนนี้ ‘หลินขวง’ แห่งตระกูลหลินจะมีความสำเร็จทางทหารน่าชมอยู่บ้าง แต่เทียบกับตระกูลเย่ของเราแล้วยังคงห่างไกล แต่หลังจากหลิงขวงได้ขึ้นเป็นผู้นำของตระกูล ธิดาของเขา‘หลินซิว’น้องสาวของ‘หลินซาน’ก็ได้กลายเป็นจักรพรรดิณี ตระกูลหลินยังคงรุ่งโรจน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังรุ่งเรืองรวดเร็วมากเกินไป หากราชวงศ์อยู่เบื้องหลังพวกเขา และไม่พยายามกดดันพวกเขาใดๆ เรื่องทั้งหมดก็ล้วนดูมีคำอธิบายที่ดี”

 

อาศัยเพียงข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของตระกูลหลิน ที่เย่หวูเฉินถามหวังเวิ่นชูตอนที่พากันเดินมายังสวน ด้วยความที่เขาเป็น ‘บุตรชาย’ ของหวังเวิ่นชู แน่นอนว่านางย่อมตอบทุกคำถามใดๆ

 

เย่ฉุ่ยเหยาม่านตาหดลีบลงเล็กน้อย นางเอ่ยถามราบเรียบ “เจ้าต้องการจะบอกอะไร?”

 

“ข้าจะบอกว่า พลังของตระกูลเย่นั้นยิ่งใหญ่มาก และไม่อาจห้ามความโดดเด่น แต่ความสำเร็จยิ่งใหญ่กลับนำมาซึ่งความริษยา ในตอนนี้ตระกูลเย่ควบคุมขุมกำลังทหารอยู่ในมือถึงหนึ่งในสามของอาณาจักรเทียนหลง ทั้งยังมียอดขุนพลผู้เหี้ยมหาญถึงสองรุ่น ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเทียม กระทั่งทหารส่วนใหญ่ยังภาคภูมิที่ได้อยู่ใต้บัญชาขุนพลตระกูลเย่ เพราะว่าตระกูลเย่ทรงพลังอำนาจถึงเพียงนี้ แล้วจะให้องค์จักรพรรดิอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร? หากข้าเป็นองค์จักรพรรดิ ทันทีที่ข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์สิ่งแรกที่จะกระทำคือกำราบตระกูลเย่ นี่นับเป็นเรื่องธรรมดาเพราะตระกูลเย่นั้นแข็งแกร่งเกินไป และถึงแม้ตระกูลเย่จะจงรักภักดีและสร้างผลงานทางทหารที่โดดเด่นไว้มากมาย เขาก็ยังไม่อาจจะปล่อยตระกูลเย่ไว้ได้ ดังนั้น.... เขาจึงช่วยเหลือตระกูลหลินให้ขึ้นมามีพลังเพียงพอที่จะต่อต้านตระกูลเย่ ซึ่งทำให้พวกเขาสูญเสียอำนาจเบ็ดเสร็จ และนอกจากนั้น วิธีนี้ยังทำให้สามารถควบคุมตระกูลเย่ไว้ในกำมือ ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ก็นับว่าสมบูรณ์แบบ”

 

เย่ฉุ่ยเหยา “..........”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.