my wolf หมาป่าในดวงใจ - ตอนที่ 1
ตอนที่ 1 รอยเท้าปริศนา
ภายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลจากความเจริญ
ที่ท่อนซุงใต้ต้นไม้ใหญ่ติดตัวบ้าน มีสองสามีภรรยาคู่หนึ่งนั่งเล่นรับลม พลางโยนเศษเนื้อให้ฝูงหมาที่เป็นสัตว์เลี้ยงของคนอื่น
ออร์วิลชำเลืองมองคู่ชีวิตที่มีครรภ์มานานหลายเดือน แต่เขามองครู่สั้นๆ “ที่เจ้าทำถือว่าเป็นเรื่องที่ฉลาด”
“ที่ข้าทำรึ ?” เดลหันหน้าถามอย่างงงๆ เนื่องจากไม่รู้ว่าตนเองถูกชมเรื่องใด
ออร์วิลไม่ตอบ กลับตั้งคำถามแทน “หมาพวกนี้มักจะไล่กัดผู้ที่ไปใกล้บ้านเจ้าของพวกมัน แต่เมื่อพวกมันเห็นเป็นข้ากับเจ้าหรือพ่อแม่ของเจ้า พวกมันจะวิ่งมาต้อนรับแทน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด ?”
เดลคิดครู่หนึ่งก่อนตอบยิ้มๆ “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
“ข้าตั้งใจบอกใบ้เป็นคำถามเพียงนี้แล้ว เจ้ายังคิดไม่ออกรึ ?” ออร์วิลให้โอกาสคิดหาคำตอบอีกครั้ง
“ข้าไม่รู้” เดลยอมอย่างง่ายดาย “ตกลงว่าเพราะเหตุใด ?” น้ำเสียงของนางบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าอยากรู้
“คำตอบรึ” ออร์วิลไม่ตอบทันที เขาจงใจแกล้งให้เกิดความอยากรู้มากขึ้น
เดลยกมือตั้งท่าจะบิดพุงเพราะเริ่มทนไม่ไหว
“อย่า อย่า ! ข้าบอกแล้ว คำตอบคือ...” ทว่าออร์วิลยังแกล้งเว้นคำพูดนานๆ จนกระทั่งถูกบิดพุงจึงยอมเฉลยด้วยเสียงหัวเราะ “คำตอบคือเจ้าจ่ายค่าผ่านทางให้พวกมัน”
“จ่ายค่าผ่านทาง ?” เดลไม่เข้าใจ
ออร์วิลหยิบชิ้นเนื้อขึ้นมา “จ่ายค่าผ่านทางเช่นนี้” แล้วโยนไปให้หมาตัวหนึ่งได้กิน
เดลคิดครู่หนึ่งถึงเข้าใจว่าคือคำพูดเปรียบเทียบ นางหัวเราะทันใด “เจ้าคิดได้อย่างไร”
เดลรู้ แม้สัตว์พวกนี้มีข้อเสียคือชอบไล่กัด แต่พวกมันก็พร้อมปกป้องทุกคนจากอันตรายต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่คือสัตว์กินเนื้อดุร้ายที่มาจากชายป่าที่ล้อมรอบหมู่บ้าน
ดังนั้นสำหรับเดล หมาพวกนี้มีบุญคุณต่อมนุษย์มาก แต่ความคิดของนางไม่เป็นที่ยอมรับ นางรู้จากการสังเกตและได้รู้ว่าคนอื่นๆ มีมุมมองว่าหมาเป็นแค่สัตว์เลี้ยงที่ควรต้องตอบแทนที่ให้ที่พักและอาหารเท่านั้น เดลจึงเก็บความคิดนี้เป็นเหมือนของส่วนตัว เพราะไม่อยากขัดแย้งกับใคร
“วันนี้เจ้าไปได้อะไรมา ?” เดลถามสามี
ออร์วิลถอนหายใจ “โชคไม่เข้าข้างข้า กับดักที่วางไว้ในป่า ไม่มีอะไรมาติดแม้ตัวเดียว” เขาเอี้ยวตัวไปตักน้ำจากถังที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ มาล้างมือ “ข้าได้แต่ปลาจากกับดักที่แม่น้ำ” แล้วเอื้อมมือไปลากกระสอบมาเปิดให้ดู
ในกระสอบนั้นมีปลาขนาดเท่าท่อนแขนทั้งหมดสามตัว
เดลมองกลับขึ้นมาเห็นแววตาของสามีที่ไม่มีความสุข นางก็เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด “เอาเถิด อย่างน้อยได้ปลาดีกว่าไม่ได้อะไรกลับมา”
แม้ว่าภรรยาตั้งใจปลอบประมาณว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ออร์วิลยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าไรนัก ยิ่งเมื่อเขานึกถึงตอนเห็นเพื่อนได้สัตว์กันหมดทุกคน ความอิจฉาก็มาซ้ำเติมความรู้สึก
สองสามีภรรยาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อฝูงหมาขู่คำราม พวกเขามองไปตามทิศทางสายตาของฝูงหมาถึงได้รู้ว่าเพื่อนชายสามคนมาหา
“ออร์วิล !” แดร์แนลเนื้อตัวสั่นขณะชี้พวกหมาที่ตั้งท่าว่าจะวิ่งมากัด
ถึงแม้แดร์แนลบอกแค่นั้น แต่ออร์วิลรู้ความหมายได้จากการสังเกต เขาจึงหยิบไม้ไล่ฝูงหมาจนแตกกระเจิง
“พวกเจ้าแวะมาพูดคุยรึ ?” เดลเดาว่าเพื่อนชายทั้งสามคนออกจากป่ามาไม่นาน “พวกเจ้าจะมานั่งพักตรงนี้ก่อนก็ได้ ข้าจะเอาน้ำมาให้ดื่ม” แล้วนางก็ลุกขึ้นจะเข้าไปในบ้าน
“เจ้าไม่ต้องไปตักน้ำมาให้เรา” คำพูดของรอสเวลล์ยังเป็นการพูดแทนเพื่อนอีกสองคน “เราแค่เอาของมาให้ ตอบแทนที่ช่วยเราในป่า”
และทั้งรอสเวลล์และเพื่อนอีกสองคนก็หันกลับไปเอาของบนรถลากที่มีผ้าคลุมอยู่
หลังจากออร์วิลไล่หมาไปจนหมด เขาก็เดินกลับมาเห็นภรรยาหันหน้ามาเหมือนอยากถาม ออร์วิลจึงพูดไปตามความคิดของตัวเอง “อาจเป็นเรื่องที่ข้าช่วยจับสัตว์มัด” เขาหันกลับไปมองเพื่อนที่เอาของมาให้ ทันใดนั้นดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น “นี่ไม่มากเกินไปรึสหาย !?”
สิ่งเหล่านั้นคืออาหาร มีทั้งผลไม้ กระต่ายป่า และปลาจากแม่น้ำ
“อย่าเพิ่งดีใจ” แจ็คเผยยิ้มอย่างชั่วร้าย “ทั้งหมดที่เจ้าเห็น ไม่ใช่สำหรับเจ้า เราเอามาให้เป็นของฝากสำหรับเดล” เขาล้วงกระเป๋าเอาลูกวอลนัตออกมา “ของตอบแทนที่เราตั้งใจเอามาให้เจ้า มันคือสิ่งนี้”
สิ้นเสียงของแจ็ค ทุกคนก็หัวเราะเมื่อเห็นออร์วิลใบหน้าถมึงทึง
__________
ช่วงแรกทั้งเดลและออร์วิลเกรงใจ เพราะของที่ได้จากเพื่อนชายทั้งสามคนไม่มีแค่ที่ถือมาให้ ยังมีอีกมากบนรถ แต่ความเกรงใจหายไปเมื่อเพื่อนคะยั้นคะยอด้วยแววตาและรอยยิ้มจริงใจ
ที่จริงสาเหตุที่เพื่อนชายทั้งสามคนให้มามากจนเกินความต้องการเพราะอยากให้เอาบางส่วนไปขายเป็นรายได้
แม้ความตั้งใจของเพื่อนนั้นทำให้เกิดความรู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่สองสามีภรรยาไม่คิดมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะเกิดความคิดอยากจะเอาไปขายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ถ้าเพื่อนไม่คะยั้นคะยอ จะไม่เอาไปขายอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่ดูไม่ดี แม้ว่าเพื่อนมอบให้แล้วก็ตาม
ขณะชายหนุ่มทั้งสี่คนช่วยกันขนย้ายของไปที่รถ เดลรู้ว่าตนเองไม่ควรช่วยยกของ เธอก็ไปเอาน้ำมาวางให้เผื่อว่าพวกเขาจะดื่ม แล้วเธอก็ไปเตรียมอาหารให้คู่ชีวิตไว้กินระหว่างทาง
“เจ้ามัดแน่นแล้วรึ ? หากไม่แน่น หากหมีตัวน้อยเหล่านี้หลุดหนีไปเมื่อใด ข้าจะไม่ช่วยเจ้าจับ-”
แจ็คยังพูดไม่จบ กระต่ายตัวหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากถุงที่มัดหยาบๆ แต่มันหนีไปได้ไม่ไกลเนื่องจากขาหลังมีเชือกมัดอยู่ กระนั้นมันสามารถทำให้ชายทั้งสี่คนต้องออกแรงไล่จับอย่างวุ่นวาย
“เจ้าคิดได้อย่างไร หมีตัวน้อย” ออร์วิลหัวเราะเมื่อนึกถึงคำเปรียบเทียบกระต่าย
แจ็คตีกระสอบที่มีกระต่ายที่ถูกจับเข้าไปเมื่อครู่ ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในตกใจจนดิ้น “กับดักของข้าเกือบพังเพราะพวกมัน ไม่ให้ข้าเรียกว่าหมีตัวน้อยแล้วข้าควรจะเรียกว่าอย่างไร ?”
“เรียกว่าลูกหมี เจ้าไม่เห็นรึว่ามันยังตัวเล็กอยู่”
สิ้นเสียงคำตอบของออร์วิล เพื่อนชายทั้งสามคนก็หัวเราะ เพราะไม่คาดคิดว่าออร์วิลจะรับมุกตลกเข้ากันเช่นนี้
“พูดถึงหมีขึ้นมา ข้านึกได้ว่ามีเรื่องมาเตือนเจ้ากับเดล” แดร์แนลนึกได้
“เรื่องใด ?” ออร์วิลเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะที่มัดปากกระสอบแน่นกว่าเดิม
“ช่วงนี้เจ้าไม่ควรเข้าไปในป่าเพียงลำพัง” แดร์แนลชำเลืองมองชายป่า สีหน้าของเขาปรากฏความหวาดกลัว
“เพราะเหตุใด ?” ออร์วิลอยากได้คำอธิบาย
“หลังจากที่เจ้าออกไปจากป่าก่อน มีพรานผู้หนึ่งเรียกมาดูกับดักของเขา แรกที่ได้ยินว่ากับดักของเขาถูกหมีทำพัง เราไม่สนใจ แต่เมื่อเราเห็นพรานผู้อื่นไปดูกันเกือบหมด เราจึงตามไปดู เมื่อเราได้เห็นว่าเกิด... อะ... อะไรขึ้น” แดร์แนลเสียงเริ่มสั่น ยกมือแตะหน้าอก เหมือนกลัวว่าหัวใจที่เต้นระรัวจะหลุดหายไป “มันน่ากลัวมาก เราแทบอยากวิ่งหนีไปจากตรงนั้น”
“หยุดๆ” แจ็คขัด “อย่าเอาข้าไปรวมเหมือนเช่นเจ้า เพราะข้าไม่ได้กลัว ที่อยากจะวิ่งหนีนั้นคงมีแค่เจ้า ข้าจำได้ว่าไม่มีใครแสดงอาการตัวสั่นเหมือนอยากจะวิ่งหนีแม้ผู้เดียว”
“ข้าพูดเพื่อให้เรื่องน่าติดตาม ข้าไม่ได้คิดอยากวิ่งหนีอย่างที่พูด” ทว่าสีหน้าของแดร์แนลฟ้อง
“จริงรึ” แจ็คยิ้ม “วันนั้นที่ข้าได้เห็นเจ้าวิ่งหนีหมาป่าตัวเดียวไปก่อนใคร ข้าตาฝาดใช่หรือไม่ ?”
“และที่ข้าได้เห็นเจ้าสะดุดหินล้มก่อนร้องขอความช่วยเหลือดังลั่น ข้าต้องตาฝาดด้วยใช่หรือไม่ ?” รอสเวลล์ร่วมไล่ต้อนอีกคน
“หยุด !” ออร์วิลสังเกตได้ว่าเพื่อนเริ่มคุยออกนอกเรื่อง “ก่อนเลยไปเรื่องอื่น บอกให้ข้ารู้ก่อนว่าพวกเจ้าไปเห็นอะไรมา ?”
แดร์แนลปากสั่นเล็กน้อย “เราเห็นสัตว์ตาย หมีกับกระต่าย”
“ข้าคิดว่าพวกเจ้ามีเรื่องแปลกอะไรมาเล่า” ออร์วิลกลอกตาขึ้นฟ้า ปากพ่นลมอย่างหมดอารมณ์ “พวกเจ้ารู้อยู่ สัตว์ที่มาติดอยู่ในกรง บางครั้งพวกมันโชคดีหลุดรอดออกไป บางครั้งมีสัตว์กินเนื้อมาพังกรงเอามันไปกิน และบางครั้งพวกสัตว์กินเนื้อบังเอิญมาเผชิญหน้ากันแล้วเกิดการต่อสู้แย่งเหยื่อจนมีการตายให้เห็น เรื่องเช่นนี้พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเอามาเตือนข้า”
“ที่เจ้าพูดมาย่อมเป็นไปได้ หากเป็นเช่นหลายครั้งที่ผ่านมา” แดร์แนลพยายามพูดอย่างจริงจัง
“หมายความว่าอย่างไร ?” ออร์วิลเริ่มสนใจเพราะคำพูดของเพื่อนนั้นบ่งชี้ว่าเรื่องนี้ต่างไปจากเดิม
“หมีที่ว่านั่น... มันเหลือแค่หัว” แดร์แนลตอบ
“เหลือแค่หัว ?” ออร์วิลขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้หูเฝื่อนใช่หรือไม่ที่ได้ยินเจ้าบอก ?”
“เจ้าได้ยินถูกต้องแล้ว” แดร์แนลยืนยัน “นอกจากรอยเท้าของหมี บริเวณนั้นยังมีรอยเท้าขนาดใหญ่ของสัตว์อีกชนิด แต่เราไม่รู้ว่ามันเป็นของสัตว์ชนิดใด เราได้แค่คาดเดาว่ามันอาจเป็นตัวที่ฆ่าหมีและลากตัวหมีเข้าไปในป่า”
ออร์วิลอมยิ้มพร้อมส่ายหน้าช้าๆ “เจ้าจะบอกว่า ภายในป่ามีสัตว์ปริศนาบังเอิญมาเจอหมีที่จะกินกระต่าย ด้วยความหิวมันจึงตัดสินใจเข้าไปแย่ง แต่กลับเปลี่ยนใจกะทันหันเพราะคิดว่ากระต่ายจะไม่ทำให้อิ่ม มันจึงหันไปที่หมีแทน โดยการฆ่าเหมือนเด็ดผลไม้ออกจากกิ่ง และมันยังเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ลากตัวหมีกลับไปฝากครอบครัวของมัน เช่นนี้ใช่หรือไม่ ?”
ไม่มีเพื่อนคนไหนหัวเราะแม้คนเดียว ทุกคนมองมาด้วยใบหน้าเคืองๆ
ออร์วิลเลิกยิ้ม “เรื่องทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงรึ ?”
“ใช่” เพื่อนชายทั้งสามคนตอบพร้อมกัน
“เราเป็นห่วงเจ้า เราถึงมาเตือนเจ้า” รอสเวลล์พูดอย่างจริงจัง กระนั้นน้ำเสียงยังคงบ่งบอกให้รู้ว่าไม่ชอบการพูดของออร์วิลอย่างเมื่อครู่นี้อยู่
ออร์วิลรู้สึกว่าตนเองเป็นคนไม่ดีที่ไปพูดอย่างนั้น ทั้งที่เพื่อนๆ ตั้งใจมาเตือนด้วยความหวังดี
“ว่าแต่มันทิ้งร่องรอยอะไรให้ดูหรือไม่ ?” เนื่องจากออร์วิลอายที่จะพูดขอโทษตรงๆ ตามประสาผู้ชาย จึงถามอย่างสนใจแทนด้วยความหวังว่าจะทำให้เพื่อนไม่คิดเกี่ยวกับคำพูดเมื่อครู่ต่อ
“มันทิ้งร่องรอยให้ดูมากจนเจ้าคาดไม่ถึง” จากนั้นรอสเวลล์ชำเลืองไปทางแดร์แนลด้วยสายตาโยนเรื่องไปให้พูดต่อแทนที่เหลือ เนื่องจากแดร์แนลเป็นหนึ่งในพรานที่เก่งในการแกะรอยและวิเคราะห์
ส่วนแดร์แนลก็สังเกตได้ว่าเพื่อนอยากให้พูดต่อ “นอกจากร่องรอยลากเข้าไปในป่าและรอยเท้า ยังมีรอยการต่อสู้ ทั้งเลือด ขนกระจัดกระจาย รอยมือคล้ายเรา ยังมี-”
“หยุดก่อน ! เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามันมีมือรึ !?” ออร์วิลเบิกตาอย่างประหลาดใจ
“ใช่” แดร์แนลยืนยัน “มือเหล่านั้นใหญ่มากกว่ามือของเราถึงสิบสองต่อสิบ เมื่อเราดูกันอย่างละเอียดถึงสังเกตได้ว่ามือของสิ่งนี้ยังมีกรงเล็บ ที่ยืนยันได้ชัดเจนคือหัวของหมีตัวนั้น นอกจากมีรอยที่เกิดจากฟัน ยังมีรอยกรงเล็บ” เขาทำเสียงอืมแทนคำพูดช่วงสั้นๆ “ความคิดส่วนตัวของข้า ข้าคิดว่ามันอาจเดินได้ทั้งสี่ขาและสองขาเช่นเดียวกับเรา”
“เดินได้สองขา ?” อรร์วิลประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก
“ข้าเปรียบเทียบจากลักษณะของเราที่เปลี่ยนไปเดินสี่ขาคล้ายสัตว์” แดร์แนลย้ำอีกครั้งว่าเป็นความคิดส่วนตัว “ส่วนความจริงเป็นอย่างไร ทั้งข้าและพรานผู้อื่นไม่รู้ เรามั่นใจแค่ว่าสิ่งประหลาดนี้ต้องเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่และมีเรี่ยวแรงมาก” เขามองไปที่ป่าแวบหนึ่ง แววตาของเขาวูบไหวด้วยความหวาดกลัว “และตามที่ข้าบอกไปว่ามันมีขน หากไม่นับรวมขนของหมี เจ้าของรอยเท้าประหลาดนี้ต้องมีอยู่สามตัว”
“แล้วขนที่ว่ามีสีอะไรบ้าง ?” ออร์วิลจะเอามาเปรียบเทียบกับสัตว์ทุกตัวที่รู้จัก เขาคิดว่าอาจช่วยให้สันนิษฐานได้ว่ามันเป็นสัตว์ชนิดใด เพราะเขาก็อยากรู้
แดร์แนลนึกครู่หนึ่ง “มันมีสีขาว สีดำ และสีส้ม”
ออร์วิลหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน เขานึกอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นสัตว์ชนิดใด
“เจ้าไม่ต้องคิดให้ปวดหัว” รอสเวลล์บอก “ก่อนเราเอาของมาให้เจ้า เราเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อของข้าแล้ว พ่อของข้าบอกว่า จะเรียกรวมตัวพรานรุ่นเก่าแล้วไปดู อาจจะมีใครเคยเห็นรอยของสัตว์อย่างนี้มาก่อน เราจะได้รู้ว่าแท้จริงมันคือตัวอะไร” เขามองเดลเตรียมของอยู่ตรงที่โต๊ะติดหน้าต่าง “และในช่วงนี้ หากเจ้าจะเข้าไปในป่า ควรรอไปพร้อมกัน”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 594
แสดงความคิดเห็น