Introduction / บทนำ
บ้านหลังใหญ่ ตระกูลชาติพยัคฆ์
ที่ห้องนั่งเล่น
“ คุณลุงครับ คุณพ่อให้มาถามเรื่องสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณตา เรื่องแต่งงานครับ ตอนนี้น้องนิดก็ 17 ปีแล้ว น้องหน่อยก็เพิ่งครบ 16 ปี ถ้าคุณ เอ่อ พี่ชายต้องการแต่งกับคนไหน ให้เรียนกับคุณพ่อได้เลยครับ นี่เป็นรูปถ่ายของน้องสาวของผมทั้งสองคนครับ ” เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากก่อนที่จะพยายามพูดออกมาด้วยความลำบากใจ
“ ถ้าอยากให้มีการจัดงานแต่งงาน เราก็มาแต่งกับพี่แล้วกัน ” คนพูดเดินลงมาจากชั้นบน
“ คุณ เอ่อ พี่ชายพูดว่าอะไรนะครับ ” เด็กหนุ่มรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทบไม่ทัน เพราะตอนนี้เขาไม่ได้กำลังอยู่ตามลำพังกับคนที่เขาเพิ่งตั้งคำถาม ตรงนี้ยังมีคุณชาญนั่งอยู่ด้วย ส่วนคุณสร้อย ภรรยาของเจ้าของบ้านน่าจะกำลังดูแลพวกแม่บ้านให้ทำของว่างอยู่เป็นแน่ เขารู้ เพราะเขาก็เคยเข้ามาที่นี่บ่อย ๆ
“ ถ้าอยากให้มีการจัดงานแต่งงาน เราก็มาแต่งกับพี่แล้วกัน ” คนพูดยังพูดเหมือนเดิม เหมือนถ่ายเอกสารยังไงยังงั้น ท่ายืนสบาย ๆ ทำเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรทั้งนั้น
“ งั้นผม เอ่อ น้อยจะไปเรียนคุณพ่อว่าพี่ชายไม่ตกลงนะครับ ” ‘โอ้ยให้ตายสิ นี่คุณลุงจะสงสัยไหมนะ ว่าเขาใช้สรรพนามผิดอีกแล้ว ’ เขาสรุปว่าที่อีพี่พูดอย่างนั้น คือ การประชด ไม่ต้องการให้มีการแต่งงานนี้เกิดขึ้นนั่นเอง
“ พี่ตกลง ไปเรียนคุณอาได้เลย คุณพ่อครับ ช่วยผมจัดเตรียมเรื่องการจัดงานด้วยนะครับ ” คนพูด พูดกับเขาเสร็จก็หันไปบอกกล่าวพ่อของเขา จบแล้วก็เดินออกไปทันที
เดี๋ยว ไอ้คุณพี่ชายบ้า พูดเสร็จก็เดินจากไป ไม่มีการสนใจอะไรต่อเลย ทำเหมือนกับเป็นการสั่งงาน สรุปการประชุมจบอย่างนั้นแหละ นี่มันงานแต่งงานนะโ-้ย แล้วเราก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วย โอ้ย ปวดหัว แล้วเขาจะทำอย่างไรดี เขาจะไปบอกพ่อของเขาว่าอย่างไร น่าจะลากอีพี่ให้ไปพูดกับพ่อของเขาเอง ท่าทางจะง่ายกว่า
“ คุณลุงครับ น้อยขอตัวกลับก่อนนะครับ ” เขายกมือขึ้นไหว้ชายวัยกลางคน พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ นายชาญยกมือไหว้ตอบเขา พร้อมยิ้มรับ
เขาเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยความโมโห เขาจะไปแต่งงานกับชายหนุ่มรุ่นพี่ได้อย่างไร ในเมื่อตัวเขาเองก็เป็นผู้ชาย ส่วนอีกคนก็เป็นผู้ชาย ถึงเขาจะแอบมีความรู้สึกดี ๆ ให้ก็ตาม แต่เขาเคยแอบได้ยิน คนพี่นั้นพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนของเขาว่า เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาชอบผู้หญิง แล้วทำไมเขาคนนั้นถึงได้กล้าพูดออกมาว่า จะแต่งงานกับเขานะ ทั้งที่มีผู้หญิงให้เขาเลือกถึง 2 คน แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกว่า อีกคนน่าจะรำคาญเขามาก ๆ ด้วย เขาก็เลยพยายามไม่ไปเข้าใกล้เขาคนนั้นอีกเลย
“ ดูสิ เดินหายไปไหนแล้วนะ ” เขาบ่นพึมพำ ก่อนรีบเดินผ่านประตูเล็กที่เชื่อมบ้านสองหลังไว้ด้วยกัน คุณนวล คุณแม่ของเขา ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เคยเล่าให้เขาฟังว่า อาณาเขตบ้านของตระกูลชาติพยัคฆ์ ส่วนของเรือนหลังเล็กนั้นเคยเป็นบ้านที่คุณแม่กับคุณพ่อเคยอยู่ ก่อนที่เขาจะเกิดมา แต่ภายหลังที่พ่อเขาแยกทางไป พ่อก็เอาไปขาย โชคยังดีที่คุณลุงชาญเป็นคนมาซื้อเอาไว้ ประตูเล็กนี้จึงยังมีอยู่ แปลงกุหลาบของคุณแม่เขาก็ยังอยู่เหมือนเดิม ตอนเด็ก ๆ คุณแม่ของเขาชอบพามานั่งดูเป็นประจำ ปากก็เล่าให้ฟังว่าพ่อเขาเป็นคนปลูกให้ แล้วก็ร้องไห้ สำหรับเขา เขาไม่ชอบเลยที่แม่ร้องไห้เพราะพ่อ แต่เขาก็ไม่เคยเกลียดพ่อเลย เพราะแม่ไม่เคยสอนให้เกลียดพ่อ มีแต่สอนให้เขารัก และต้องตอบแทนบุญคุณพ่อผู้ให้กำเนิดเขามา ทั้งที่คนเป็นพ่อแยกทางกับแม่ของเขาทันทีที่เขาเกิด พี่เลี้ยงเล่าให้เขาฟังว่า ที่พ่อเขาทิ้งเขากับแม่ไป เพราะเขาเกิดมาเป็นชาย ทำให้ข้อตกลงการหมั้นหมายของสองตระกูลเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่ผู้หญิง พ่อของเขาไปมีครอบครัวใหม่ ให้กำเนิดลูกสาวมา 2 คน เขาเองไม่ได้เจอพ่อเลยตั้งแต่เกิด งานศพแม่ของเขา พ่อก็ไม่ได้มา น้องสาวอีก 2 คนเขาก็ไม่เคยเจอ เขาเองเพิ่งได้เจอกับพ่อตัวเองเมื่อวานนี้เอง พร้อมรูปของน้องสาวทั้ง 2 คน พ่อมาเพื่อให้เขาช่วยทวงสัญญาการหมั้นหมายนั้น เขาเองก็เพิ่งได้รับรู้เรื่องทั้งหมด ตอนแรกเขาไม่คิดจะพูดให้ แต่คนเป็นพ่อก็ไม่พูดเปล่า กลับตรงเข้าทำร้ายเขา ยังดีที่พี่เลี้ยงของเขาเข้ามาช่วย ไม่อย่างนั้นรอยตามตัวพี่เลี้ยงคงมาอยู่บนตัวเขาแทนแน่ เขารีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในบ้าน บนโซฟาตัวสวย มีคนเป็นพ่อของเขานั่งอยู่ ส่วนพี่เลี้ยงของเขานั่งอยู่บนพื้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 449
แสดงความคิดเห็น