STARCIN ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 8 ลาก่อน (รีไรท์)
"คานะ ! เธอพาพวกนั้นไปดับไฟ" คานะแยกออกไปพร้อมกับกลุ่มคนที่ใช้เวทวารีได้ บ้านหลายครั้งที่ติดกันเป็นแถบทำให้ไฟลุกลามได้อย่างรวดเร็ว พวกเธอดับมันทั้งหมดไม่ไหวแน่ ๆ เพียงแค่ทำให้มันไม่ลามไปมากกว่านี้เท่านั้น
"เซน ! นายไปช่วยพอลตรงนั้น" กลุ่มเจ้าถิ่นที่ค่อย ๆ เดินหน้ารุกเข้ามาแม้ชาวเมืองจะพยายามต้านไว้แต่ก็ไม่สำเร็จทั้งเจ็บและตายไปหลายคน พวกคนที่รอดก็พากันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน
ซึฮากิวิ่งตรงเข้าไปจุดที่น่าจะเป็นต้นเพลิงด้วยตัวคนเดียว ผ่านซากบ้านเรือนที่เริ่มพังทลายลงพร้อมกับความร้อนระอุที่กระจายไปทั่ว
จะต้องมีคนที่ใช้เวทเพลิงอยู่แน่ ๆ มันอาจจะอยู่ใกล้ ๆซึฮากิหยุดวิ่งเมื่อเห็นชายแปลกหน้ากำลังยืนมองไปรอบ ๆ
"แกเป็นคนทำใช่ไหม?" เขาไม่สนคำพูดของซึฮากิและวิ่งเข้าใส่ทันทีพร้อมกับถือค้อนที่ไม่ใหญ่มากนักมาด้วย
"[ระฆังเพลิง]" เขาเหวี่ยงค้อนที่ลุกเป็นไฟใส่ซึฮากิ โชคดีที่หลบได้อย่างเฉียดฉิวทำเอาเสื้อคลุมของซึฮากิลุกเป็นไฟ
นี่มันอะไรกัน?ซึฮากิรีบถอดและโยนเสื้อคลุมทิ้งไปก่อนที่ทั้งคู่จะจ้องตากันอยู่พักหนึ่ง
ซึฮากิตั้งท่าเตรียมพร้อมกับมีด "[ตรวจสอบ]" เลเวลห้าเหมือนกับเรา
"[เสริมกำลังระดับสี่]" พวกเขาร่ายคาถาพร้อม ๆ กันและพุ่งปะทะทันที
"[เพลิงพิโรธ]" ชายคนนั้นใช้มีดสั้นกวาดไปมาสร้างเปลวเพลิงออกไปเป็นระลอกส่วนซึฮากิก็สร้างกระแสลมพัดเปลวเพลิงพวกนั้นออกไป
ต้องไวกว่านี้ ซึฮากิหยุดอยู่กับที่และสร้างพายุคมดาบฟาดฟันชายผู้นั้นได้หลายแผลก่อนที่เขาจะหลบหนีได้ทัน
ไม่ทันไรเขาก็สวนกลับด้วยเวทมนตร์บางอย่าง เปลวเพลิงที่พุ่งตรงเข้ามาขนาดเท่าลูกปิงปองแต่ไวอย่างกับลูกธนู ซึฮากิกระโดดม้วนตัวออกไปข้าง ๆ แทนที่จะรับมันไว้
"[ระฆังเพลิง]" เสียงคำร่ายของเขาอยู่ใกล้หูกว่าที่คิดเมื่อซึฮากิหันไปดูก็เห็นมานาสีแดงที่อัดแน่นไว้ที่ปลายมีดพร้อมที่จะระเบิดออก
เวรเอ๊ย ซึฮากิสร้างกำแพงลมขึ้นมาแต่มันก็ยังไม่หนาพอเพราะเวลามีจำกัด เสียงระเบิดดังลั่นไปถึงจุดที่พวกเซนอยู่พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ซึฮากิพลิกตัวหลบได้และใช้กำแพงวายุลดความเสียหาย พื้นบริเวณที่ถูกเวทมนตร์นี้เข้าไปมันก็ยุบลงแตกร้าวแถมยังมีเพลิงลุกไหม้อยู่อีกต่างหาก ถ้าซึฮากิโดนเข้าไปคงจะเจ็บหนักไม่น้อย
ซึฮากิถีบตัวเขาออกไปและลุกขึ้นยืนต่อด้วยการยิงกระสุนวายุเล็งไปที่หัวแต่ก็ถูกกันไว้ได้ด้วยแขน
"[เสริมกำลังระดับห้า]" เมื่อร่ายคาถาเสร็จเพียงเขาตวัดมีดสั้นก็ทำให้เกิดคลื่นกระแทกออกมา
"[ปิงปอง]" ชายผู้นั้นโบกมีดไปมาเหมือนกับกำลังตีอะไรบางอย่างอยู่ เพียงชั่วขณะที่เขาหันหน้ามองซึฮากิและเอนตัวเล็กน้อยก่อนจะออกแรงตีลูกบอลมานามีดสร้างเป็นลูกบอลไฟขนาดเล็กพุ่งใส่ซึฮากิด้วยความเร็วที่สูงมากจนไม่สามารถหลบได้ทัน
ซึฮากิถูกลากไปตามทางชนเข้ากับซากบ้านหลังหนึ่งโชคร้ายที่มีเศษจากเสาไม้อยู่ตรงนั้นแทงทะลุกลางลำตัวพอดี
ถ้ามันใช้เสริมกำลังขนาดนั้นมานาก็คงจะหมดในไม่ช้า ซึฮากิมองดูท่อนไม้ที่เป็นฐานของบ้านเสียบทะลุออกมาด้านหน้าและเงยหน้ามองศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
ก่อนที่มานามันจะหมดเราได้ตายก่อนแน่ "[เสริมกำลังระดับห้า]" ซึฮากิดันตัวเองลุกขึ้นยืน
"[รักษา]" หลังจากฝืนดึงท่อนไม้ออกเขาก็รีบร่ายเวทรักษาทันที
เอาก็เอาวะ "[ร่างโคลน]" หลังจากสร้างร่างโคลนออกมา ซึฮากิก็ใช้ระเบิดมานาให้ร่างโคลนถือเป็นระเบิดพลีชีพ
เขาทำซ้ำหลายรอบจนได้กองทัพระเบิดพลีชีพวิ่งเข้าใส่ไม่หยุดต้านชายผู้นั้นให้เข้ามาไม่ถึงตัวซึฮากิ
“ไอ้เวรนี่เล่นอะไรอยู่ ตายซะ !” เขาฟาดมีดเพลิงปะทะกับเหล่าระเบิดพลีชีพก่อนที่จะถึงตัว
"[ปิงปอง]" ทั้งจำนวนและความรวดเร็วของร่างโคลนทำให้เขาต้องใช้เวทมนตร์ที่กินมานาค่อนข้างมากเพื่อจัดการร่างโคลนให้ได้
เวรเอ๊ย มานาจะหมดแล้ว "[เพลิงพิโรธ]" สุดท้ายเขาก็ต้องถอยห่างพร้อม ๆ เพราะมานาที่เหลือไม่มากนัก
ต้องกลับไปรวมตัวกับพรรคพวกก่อน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเขาเห็นร่างโคลนตัวหนึ่งวิ่งตามทันและมันก็โผล่มาอยู่ข้าง ๆ แล้ว แสงสีขาวในมือพร้อมที่จะระเบิดมันใกล้มากจนไม่อาจจะหลบได้ทัน
แรงระเบิดทำให้ชายผู้นั้นกระเด็นไกลออกไปและด้วยแรงกระแทกระยะประชิดทำให้ภายในได้รับบาดเจ็บพอสมควรจนขยับร่างกายได้ไม่สะดวก
พวกร่างโคลนมันต้องด้อยกว่าตัวจริงนี่ อย่าบอกนะว่า เขาหันไปมองจุดที่ระเบิดที่มีควันลอยฟุ้งอยู่ ไม่ทันไรก็มีคลื่นลมยิงออกเข้าที่หน้าของเขา แม้จะไม่โดนเต็ม ๆ แต่ก็ได้แผลตั้งแต่ตาขวาลงมาจนถึงปาก
"อา ! ไอ้สารเลวเอ๊ย !" เสียงร้องโอดโอยจากความเจ็บปวดเมื่อเขามองหาที่มาของเวทวายุก็ไม่เห็นใครแล้ว แต่ทันใดนั้นกลับรู้สึกเสียวสันหลังเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นซึฮากิกำลังง้างมีดเตรียมแทงหัว
เขาเอาแขนขึ้นมารับมีดไว้แทน มีดได้แทงลึกลงทะลุลงอีกฝั่งจ่อเข้าที่ดวงตาอีกข้างที่เหลือ
"[ระเบิดเพลิง] ก็เอาสิวะมาตายไปด้วยกันเลย" รอยยิ้มแสยะออกเผยให้เห็นทั้งความสะใจและความสิ้นหวังก่อนที่แสงเปลวเพลิงสีแดงชาดจะระเบิดลุกไหม้กินขอบเขตกว่าสิบเมตรแผดเผาทุกอย่างที่อยู่ในรัศมี
เมื่อรู้ตัวอีกทีพวกเขาทั้งสองก็นอนนิ่งกันไปแล้ว เมื่อกลุ่มควันไฟได้หายไปจึงได้เห็นเรือนร่างที่น่าเกลียดน่ากลัวของชายผู้นั้น ทั่วทั้งตัวมีแต่รอยไหม้และผิวที่สุกเหมือนกับหมูที่ถูกเอาไปย่างไฟ พอหันไปมองซึฮากิก็ไม่ต่างกันนักเขาถูกย่างสดจนไม่เหลือรูปลักษณ์เดิมอีกเลย
"กิ ! นายเป็นยังไงบ้าง?" เสียงตะโกนจากเซนที่กำลังเดินฝ่ากองเพลิงหาซึฮากิ ขณะที่ไฟรอบ ๆ เมืองก็เริ่มมอดลงเพราะคานะและชาวเมืองช่วยกันดับไฟด้วย
ส่วนเซน พอลและนักผจญภัยคนอื่นก็ช่วยกันจัดการกับพวกเจ้าถิ่นหลายสิบคน รอยเลือดกระเด็นไปทั่วสนามรบนอกจากกลิ่นคาวก็ยังมีกลิ่นควันตลบอบอวลไปทั่ว
"กิ !" เซนหน้าซีดวิ่งหาซึฮากิไปทั่วจนได้พบกับร่างดำที่แทบจะไม่เห็นเค้าโครงเดิมอีก
เซนประคองร่างของซึฮากิขึ้นมาอย่างทะนุถนอมและพยายามร่ายเวทรักษาตลอด "กิตื่นสิ" เขาส่งเสียงเรียกอยู่ตลอดเวลาด้วยความหมดหวังแต่ก็กัดฟันกลั้นน้ำตาไว้
เมื่อกองเพลิงมอดลงไปเหลือไว้เพียงซากปรักหักพังและฝุ่นควันอันน่าเวทนาโดยมีเซนอุ้มซึฮากิกลับไปหาเพื่อน ๆ ของเขา สีหน้าท่าทางเอื่อยเฉื่อยเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น
"กิ..." คานะโอบกอดพวกเขาทั้งสองไว้ด้วยกัน น้ำตาแห่งความโศกเศร้าไหลหยดลงบนแผ่นหลังของเซนขณะที่พอลมองดูด้วยความเวทนา
"หน้าที่เราคงหมดแล้วฝากที่เหลือด้วย" คานะจับไหล่พอลพร้อม ๆ กับเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าออก พวกเธอเดินกลับไปที่รถม้าตามแผนเดิมที่วางไว้
"พวกเราต้องมีชีวิตรอด..." คานะกัดฟันพูดด้วยความคับแค้นใจ สายตาดุร้ายเหมือนกับสัตว์ป่าพร้อมที่จะอาละวาดได้ทุกเมื่อ
เมื่อไปถึงรถม้าที่มีพ่อของพอลรออยู่ และเจ้าปุยมันก็กระโดดไปมารอบ ๆ ด้วยความดีใจที่ได้เห็นเจ้านายของมัน
"ขอบคุณอีกครั้งครับ" เซนกล่าวลาและขึ้นรถม้าไป
"ขอให้โชคดี" ชายสูงวัยกล่าวลาครั้งสุดท้ายพร้อมกับโบกมือให้ก่อนที่คานะจะบังคับม้าและเคลื่อนตัวรถออกไปโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง
"คานะ...ปุยมันเอาหัวดันตัวกิใหญ่เลย" เซนพูดด้วยเสียงสั่น ๆ เหมือนกับจะร้องไห้พลางมองไปที่ใบหน้าของซึฮากิที่ยังคงเฉยชาเหมือนเดิม
"เขาตายจริง ๆ ใช่ไหม?"
"อืม..." เซนตอบหลังจากจับชีพจรดู
เสียงกระแทกดังมาจากด้านหน้า คานะกัดฟันแน่นเอามือทุบตัวรถจนไม้หัก
"เราจะเอายังไงต่อ?" เซนเอ่ยขึ้นมา
คานะโกรธจนเส้นเลือดปูดจ้องมองทางตรงหน้าตาเขม็ง
"มีชีวิตต่อไป อย่างน้อยเขาก็ได้ช่วยชาวบ้านบริสุทธิ์ไว้ได้" หลังสิ้นเสียงของคานะก็ไม่มีใครพูดคุยกันอีกเอาแต่นั่งนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง
พวกเธอเคลื่อนรถม้าไปตามทางขรุขระเต็มไปด้วยหินเล็กหินน้อย ถ้าเดินด้วยเท้าเปล่าคงเจ็บน่าดู ช่างโชคดีที่แสงจันทร์ส่องสว่างให้เห็นพื้นบ้างโดยไม่ต้องใช้ไฟจากตะเกียงเพราะมันอาจจะสว่างเกินไปจนเป็นจุดสังเกต
"ฝังเขาเลยดีไหม?" เซนพูดขึ้นมาระหว่างที่บรรยากาศเงียบสนิทมีเพียงเสียงลมและต้นไม้ใบหญ้า
"ก็ดี ฉันว่าเขาก็คง...ไม่อยากให้เราต้องกังวลหรอก" เธอหยุดรถม้าและลงมาช่วยกันนำร่างของซึฮากิวางบนพื้น
พวกเขาขุดดินได้ลึกประมาณหนึ่งเมตรแล้วก็วางร่างของซึฮากิไว้ข้างล่าง ทั้งสองยืนมองดูราวกับไว้อาลัยก่อนจะถมดินจนมิด
"ไปกันต่อเถอะ"
ให้ตายสิ เราไม่น่าปล่อยเขาไปคนเดียวเลย จากความเศร้าเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้มุ่งหน้าสู้กับความเป็นจริง พวกเธอไม่แสดงอาการด้านลบออกมาอีกไม่ว่าจะร้องไห้หรืออะไรก็ตามทำเพียงเงยหน้าขึ้นและเดินหน้าต่อไป
"อะไรอีกเนี่ย !" พื้นพสุธาสะเทือนจนรถม้ามีเสียงกึกกักเหมือนมีอะไรจะหัก ทั้งคานะและเซนต่างก็พยายามมองหาที่มาแต่ก็ไม่พบอะไร
หรือจะเป็นแผ่นดินไหว คานะกระโดดลงจากรถเดินวนรอบรถม้ามองดูทุกซอกทุกมุมว่ามีอะไรเสียหายหรือไม่
น่าจะไม่มีปัญหานะ เสียงดังสั่นสะเทือนที่เหมือนตัวอะไรกำลังเดินเข้ามาและเมื่อคานะมองเข้าไปในป่าก็เห็นต้นไม้ล้มระเนระนาด
"เวรแล้ว" คานะรีบวิ่งไปที่บังเหียนเคลื่อนรถออกทันทีขณะที่เธอได้เห็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ออกมาจากป่า
ไปสิ คานะหน้าซีดเหงื่อไหลพราก
"เกิดอะไรขึ้น?" เซนชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างมองเห็นสัตว์ประหลาดในระยะใกล้ มันจ้องไปที่เขาไม่ละสายตา
เซนตกใจร้องเสียงดังทำอะไรไม่ถูก
"ไป !" เสียงเชือกสะบัดแรงทำให้ม้าวิ่งสุดฝีเท้าแต่สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็วิ่งตามแม้จะทิ้งระยะห่างแต่ก็รู้สึกได้จากแรงสั่นสะเทือนของมัน
"คานะ ! มันใกล้จะทันแล้ว"
"อา !" เมื่อเธอหันกลับมามองเห็นรูปร่างหน้าตาลิงขนาดใหญ่ที่กำลังโกรธเกรี้ยว
"ใช้เวทมนตร์ทำให้มันช้าลงสิเว้ย !" เธอตะโกนเสียงหลงด้วยความร้อนรนเหมือนถูกไฟจี้หลังพลางคุมรถม้าให้ไปตามทาง
"เจอนี่สักหน่อย" เซนใช้มีดยิงลูกไฟใส่อย่างต่อเนื่อง แสงจากไฟทำให้เห็นรูปร่างของมันได้ชัดเจนมากขึ้น มันวิ่งด้วยสองขาสองมือ นิ้วมือทั้งห้ากำไว้แน่นใช้ยันตัวเสมือนเท้าอีกคู่ เมื่อเงยหน้ามองก็จะได้เห็นใบหน้าอันแสนเศร้าที่ขนาดเซนยังดูออกหลัง
"คานะ หยุดก่อน" เซนหยุดร่ายเวทใส่มันแต่ใช้เพื่อเพียงเป็นแสงไฟส่องสว่างเท่านั้น เขามองเข้าไปในดวงตาของมันแสดงถึงความเป็นมิตรไม่คิดร้าย
"แน่ใจนะ?" แม้คานะจะยังกลัวแต่เพราะเซนกล่าวเช่นนั้นเธอจึงเลือกที่จะเชื่อใจ
"ฉันสัญญา" เมื่อรถม้าค่อย ๆ ช้าลงเฉกเช่นเดียวกับคิงคองตัวนั้น มันรักษาระยะห่างไว้ไกลเป็นสิบเมตร
"นายจะทำอะไร?" คานะและเซนเดินลงรถยืนมองสบตากับคิงคองตัวนั้น
"มันน่าจะไม่ทำร้ายเรานะ" เซนจุดไฟและค่อย ๆ เดินเข้าหามัน
"น่าจะยังงั้นเหรอ?" คานะยืนอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าตามไปพลางทอดสายตาตั้งแต่แผ่นหลังของเซนไปจนถึงตัวคิงคอง
เซนถือมีดสั้นอย่างกับคบเพลิง เขายืนอยู่ตรงหน้าของคิงคองด้วยความลังเลแม้ตัวจะสั่นบ้างแต่ก็ยังก้าวต่อไป
"แกโดนใครทำร้ายมาใช่ไหม?" เขากวาดสายตาไปตามร่างของมันที่มีรอยแผลจากทั้งดาบและธนู
ขณะที่กำลังมองกันและกันมันก็ก้มหน้าลงมาใกล้
"ขอฉันดูใกล้ ๆ" เซนวางมีดแนบกับหน้าผากของมันโดยใช้ด้ามจับที่ไม่มีคม
"[รักษา]" เขายืนร่ายเวทอยู่พักหนึ่งขณะที่คานะมองดูอยู่ไม่ไกลเริ่มเกิดความสงสัย
แผลเล็ก ๆ เริ่มสมานกันแม้จะทำให้แผลใหญ่หายเลยไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ห้ามเลือดได้สำเร็จ
"คานะ เธอไม่ต้องกลัวหรอก" เซนกวักมือเรียกคานะเข้ามาพลางลูบหน้าผากของมันอย่างกับลูบหัวสุนัข
คานะยืนคู่กับเซนมองดูรอยยิ้มของคิงคอง มันส่งเสียงร้องดีใจพร้อมกับรอยยิ้มอันเป็นมิตร
"เราควรไปต่อนะ" คานะลดความระวังตัวลง เธอเดินกลับไปยังรถม้าพร้อมที่จะเคลื่อนรถออกทันที
"รอฉันด้วย" เซนวิ่งกลับมาที่รถพร้อมกับโบกมือลาและส่งยิ้มให้กับคิงคองตัวนั้น
"ไว้เจอกัน !" เสียงสุดท้ายที่ส่งไปถึงมันก่อนที่เซนจะดับไฟและเดินทางต่อไป
เจอกันคราวหน้าข้าจะตอบแทนให้แน่นอน สัตว์ประหลาดร่างยักษ์เฝ้ามองรถม้าของพวกเซนเคลื่อนตัวออกไปก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในป่าแยกไปทางใครทางมัน
"คืนนี้จะมีอะไรอีกไหมเนี่ย?" เซนถอนหายใจลากยาวนอนอยู่ข้าง ๆ ปุยพลางลูบหัวมันเล่นไปด้วย
"นายรีบนอนพักเถอะตอนที่ยังมีเวลา"
"แล้วเธอล่ะ?" เซนหาวอ้าปากกว้าง
"นายบังคับม้าเป็นหรือไง นอน ๆ ไปเถอะฉันไม่เป็นไร" คานะยิ้มอ่อนตอบกลับด้วยความมั่นอกมั่นใจมองไปตามทางที่ขรุขระ
แล้วเราจะไปไหนดีนะ
หลังจากที่พวกเธอเดินทางมาได้หลายชั่วโมงแล้วก็ได้พบกับกลุ่มคนแปลกหน้า
"หยุด !" เสียงชายหนุ่มตรงหน้ายืนขวางถนน นายทหารหลายสิบคนกำลังยืนล้อมรถเธอไว้อีกทั้งยังถืออาวุธครบมือเหมือนเป็นการขู่
เอาแล้วไง คานะนั่งเงียบอยู่พักหนึ่งไม่ขัดขืนพวกทหาร แม้พวกมันจะเดินเข้ามาใกล้ยื่นหน้าเข้าประชิดจนเกือบจะโดนจมูกของคานะแต่เธอก็ยังสงบสติอารมณ์ไว้ได้
"ตื่นเว้ย !" พวกมันช่วยกันจับเซนลากไปมาพยายามปลุกด้วยวิธีรุนแรง
"พวกเธอจะไปไหนกัน?" ชายคนหนึ่งถามขึ้นมาขณะที่มองดูเรือนร่างของคานะทุกซอกทุกมุมด้วยสายตาหื่นกระหาย
"เราเป็นนักพเนจรค่ะ...ก็แค่เดินทางไปเรื่อย ๆ" คานะยิ้มแห้งตอบกลับพยายามข่มใจไม่ให้ออกหมัดขวาที่กำลังสั่นเกร็งเข้าเบ้าหน้าชายผู้นั้น
"หัวหน้าครับ ! ไม่มีอะไรผิดปกติครับ" เสียงจากนายทหารที่กำลังตรวจค้นอยู่ด้านหลังตะโกนมา
"งั้นพวกเธอก็ไปได้" เขาถอยห่างออกจากเส้นทางของรถม้าปล่อยให้เคลื่อนรถต่อไปได้
คานะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อผ่านมาได้สักพัก
"ให้ตายสิ ฉันนึกว่าจะมีเรื่องอะไรอีกแล้ว" เซนนอนบ่นไปเรื่อย
พวกทหารเดินไปตามทางที่พวกเซนผ่านมาเหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่าง
"หัวหน้า ผมว่าหน้าไอ้สองคนนั้นมันคุ้น ๆ นะครับ" ทหารนายหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
"คุ้น ยังงั้นเหรอ?" เมื่อได้ยินเช่นนั้นมันก็ทำให้พวกเขาพากันคิดไม่ตก
"จริงด้วย ! พวกนั้นมันมีประกาศจับอยู่นี่ รีบตามไปเร็ว" เสียงตะโกนตกใจเป็นสัญญาณให้เหล่าทหารมุ่งหน้าตามหาพวกคานะ
"คงไม่มีอะไรอีกแล้วมั้ง" ขณะที่กำลังนอนสบายใจก็มีเสียงฝีเท้าจำนวนมากกำลังวิ่งตามหลังรถม้ามา
"พูดไม่ทันขาดคำ วิ่งสุดตัวไปเลยเจ้าม้า" เซนชะโงกหน้าออกมาเห็นพวกทหารถืออาวุธกำลังวิ่งตามด้วยความบ้าคลั่ง
"เงินรางวัลเยอะซะด้วย เราต้องจับให้ได้" ความหิวกระหายในเงินตราทำให้พวกเขาไม่ต่างอะไรกับนักล่าค่าหัวไม่เหลือความเป็นทหารเสียแล้ว
"อา ! น่ากลัว" เซนเบิกตากว้างร้องเสียงหลง
ให้ได้พักบ้างเหอะ คานะใจจดใจจ่อกับการมองทางได้แต่ฟังเสียงของพวกเขาที่กำลังตามหลังมา
ไม่นานรถม้าของเธอก็เหยียบก้อนหินก้อนใหญ่และด้วยความเร็วที่วิ่งมาทำให้รถม้าเสียหลักพลิกคว่ำ คานะกระเด็นตกจากที่นั่งส่วนเซนกอดปุยไว้แน่นเพื่อไม่ให้มันกระแทกพื้น
"ได้โอกาสแล้วรีบจับพวกมัน" เสียงตะโกนของนายทหารที่ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตรทำให้พวกเธอตั้งสติได้อีกครั้ง
"เราต้องทิ้งรถแล้ว" คานะแกะเชือกที่ผูกกับม้าเพื่อใช้ขี่หนีแต่ไม่ทันไรมันก็วิ่งหนีหายไปแล้ว คานะตกใจทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นม้าวิ่งหายไปพร้อม ๆ กับเหล่าทหารที่กำลังมุ่งหน้ามา
"มานี่" เซนคว้ามือของเธอไว้ขณะที่อีกมือยังอุ้มปุยไปด้วย พวกเขาวิ่งลงข้างทางเข้าไปในป่าทึบ
พวกทหารวิ่งตามกันเข้ามาหลายคนโดยใช้เวทเพลิงเพื่อส่องสว่างนำทาง
"จะจุดไฟบ้างก็ไม่ได้เดี๋ยวพวกมันเห็น" พวกเขาค่อย ๆ งมหาทางไป บางครั้งก็โดนหนามเล็กใหญ่ทิ่มแทงบางครั้งก็มีใบไม้คม ๆ บาดตามตัวแต่เซนก็พยายามเอาตัวนำหน้าไปก่อนเพื่อเปิดทางให้คานะ
พวกทหารเริ่มแยกกันออกไปคนละทาง มีหนึ่งนายที่มาทางเดียวกับพวกเซน พอเดินมาใกล้เขาก็ได้ยินเสียงใบไม้ใบหญ้าจึงรีบวิ่งตามทันที
ซวยแล้ว เซนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อทิ้งระยะห่าง
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีพื้นที่เหยียบก็หายไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแต่เพียงชั่ววูบทุกอย่างก็มืดดับลง พวกเขาตกลงมาจากผาถึงจะไม่สูงมากนักแต่โชคร้ายที่หัวกระทบกระเทือนจนหมดสติไป
"ทางนี่" เสียงจากนายทหารที่ตามมาตะโกนเรียกพรรคพวก พวกเขาค่อย ๆ ปีนลงมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนและตอนนี้พวกเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเซนกับคานะแล้ว
"อา..." เซนเริ่มได้สติพยายามเริ่มตาขึ้นจึงได้เห็นนายทหารสามคนยืนล้อมเขาไว้ หนึ่งในนั้นพยายามลากตัวคานะและขณะที่กำลังจะอุ้มมือของมันก็สัมผัสไปตามเรือนร่างของเธอเหมือนตั้งใจเสียมากกว่า
"ไปตายซะ" เสียงกระซิบที่เหมือนพูดกรอกข้างหู ทหารที่อยู่ตรงหน้าหันมามองแต่ก็ไม่ทันได้ทำอะไรเซนลุกขึ้นมาเตะเข้าที่หน้าแข้งจนล้มพับลงไปและตีเข่าเข้าหาหน้าพอดี
"ไอ้เวรนี่" ทหารอีกคนชักมีดแทงไปที่ท้องของเซนที่ยังไม่ได้สติครบถ้วน
เซนกลั้นใจจับแขนข้างนั้นที่กำลังใช้มีดแทงอยู่เพื่อทำให้ทหารนายนั้นหยุดอยู่กับที่และจากนั้นก็ใช้อีกมือชกเข้าที่คางเต็ม ๆ จนทหารนายนั้นแทบจะยืนไม่อยู่ เซนไม่เปิดโอกาสให้สวนได้จึงรีบตามไปแทงซ้ำด้วยมีดของทหารนายนั้นแต่พวกมันอีกคนก็มาช่วยได้ทัน
นี่เราโดนแทงเหรอ ? ไม่เห็นจะเจ็บสักเท่าไรเลย เซนพุ่งเข้าใส่ปล่อยหมัดขวาไปที่หน้าของนายทหารแต่เขาก็ยกแขนขึ้นกันได้ทัน ขณะที่อีกคนเดินอ้อมมาอีกฝั่งหวังจะใช้ข้อได้เปรียบจากจำนวน
ทหารที่อยู่ตรงหน้าเหวี่ยงเท้าขวาเต็มแรงเตะตัดขาพร้อม ๆ กับทหารอีกนายที่อยู่ทางขวาคว้ามีดที่หล่นพื้นและเหวี่ยงมีดสั้นเคลือบมานาหวังจะจบงานแต่เซนก็หลบได้ทันแม้จะได้แผลเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็โดนทหารอีกคนเตะด้วยรองเท้าหนา ๆ อัดเข้ามาที่ขาล้มลงไปทันที
เซนเงยหน้ามองดูมีดทั้งสองเล่มจากทหารทั้งสองคนที่กำลังจ่อมาที่หน้าของเขาราวกับความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
คานะได้สติลืมตาขึ้นมาเห็นภาพที่เซนกำลังจะถูกฆ่าอยู่ตรงหน้า เธอตกใจเบิกตากว้างกัดฟันกรอด แม้จะพยายามฝืนร่างกายวิ่งเต็มแรงแต่ก็เหมือนจะสายเกินไป
เสียงสายลมผ่านใบหูไปชวนขนลุก เสียงของมีคมเหวี่ยงเฉือนอย่างรวดเร็ว พอรู้ตัวอีกทีหัวของนายทหารสองคนก็ถูกสะบั้นออกจากบ่า ข้างหลังนั้นมีชายสองคนยืนถือหัวของพวกทหารไว้คนละหัว ใบหน้าอันแสนเฉยชาและชายผ้าปิดหน้าที่คุ้นเคย น้ำตาของเซนและคานะเอ่อล้นออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจพุ่งเข้าสวมกอดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
"ยินดีต้อนรับกลับนะ...กิ" เสียงสายลมที่พัดผ่านพาลมหนาวเย็นมาให้ เสียงใบไม้ใบหญ้าปลิวไสวราวกับกำลังบรรเลงเพลง ใบหน้าที่แสนเฉยชาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นแสดงความรู้สึกที่เก็บไว้ หากไม่มีแสงจันทร์ก็คงไม่ได้เห็นรอยยิ้มของซึฮากิเป็นแน่
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 512
แสดงความคิดเห็น