SALUTE FAREWELL
“พี่วิว ๆ เมื่อไหร่หนูจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างอะ?” แฟรี่ตัวน้อย ๆ ที่ได้ก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่น แต่พี่ของเธอกับห้ามไม่ให้ออกจากบ้านเหมือนกับว่าเธอเป็นแค่เด็กน้อยไร้ซึ่งความรู้ที่จะใช้ชีวิตเองได้ ถึงมันจะเป็นแบบที่วิวคิดก็เถอะ
“บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิปีกเธอมันเล็กเกินไปที่จะบินได้ ถ้าปล่อยเธอไปมีหวังแม่ฆ่าพี่แน่ ๆ รู้ใช่ไหมว่าแม่เขาน่ากลัวแค่ไหน เพราะฉะนั้น อยู่ที่บ้านทำงานบ้าน” วิวพูดเน้นเสียง ปีกของเธอมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบพี่ชายของเธอ
“โห…” เธอหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง มือผสานกันและมองพี่วิวด้วยตาที่เหมือนจะร้องไห้
“พี่ไปทำงานละ จัดการเรื่องภายในบ้านให้ดีล่ะ” วิวไม่สนใจเหมือนจะชินกับลูกไม้เดิม ๆ เป็นร้อยรอบแล้ว เขาเดินออกไปและปิดประตูล็อกจากด้านนอก
“เชอะ ไอ้พี่บ้า” เธอเดินไปห้องนอนของเธอที่อยู่ชั้นสอง นั่งลงตรงเตียงของเธอและล้มตัวลงนอนด้วยสีหน้าเหงา ๆ
ทั้งแม่ทั้งพี่และก็พวกแฟรี่ทั้งหลาย พวกเขาต่างก็บินได้กันทั้งนั้น แต่ทำไมฉันถึงบินไม่ได้ ทำไมฉันถึงเกิดมาพร้อมกับปีกห่วย ๆ นี้ อยากได้ปีกแบบราชินีจังเลย ทั้งใหญ่ทั้งสวยเวลาเธอกางปีกบินที พวกผู้ชายก็เอาแต่มองกันตาค้างไปเลย เธอบ่นอยู่ในใจพร้อมกับกลิ้งตัวไปมาบนเตียง
อิจฉาจริง ๆ เลยเว้ย!! เธอคว้าโคมไฟที่หัวเตียงและขว้างมันออกไปที่หน้าต่างจนกระจกของหน้าต่างแตกออก
ซวยแล้ว ๆ โดนแม่ดุอีกแน่เลย เธอหายใจถี่ หัวใจเต้นแรง เดินไปที่หน้าต่างที่แตก
เดี๋ยวก่อนนะ ฉันออกไปทางนี้ก็ได้นี่ ใช้ผ้าปูที่นอนพันตรงขอบหน้าต่างที่แตกไว้และพยายามปีนออกมา
สูงเหมือนกันนะเนี่ย แต่ยังดีที่เราเรียนเวทมนตร์มาจากพี่แล้ว “ [ลมโบกสะบัด] ” เธอร่ายเวทและโดดลงมาจากหน้าต่าง มีสายลมที่พัดสวนขึ้นไปหาเธอทำให้เธอลงถึงพื้นอย่างนิ่มนวลและปลอดภัย
“สำเร็จ!!” เธอตะโกนสุดเสียงด้วยท่าทางกระโดดโลดเต้นไปทั่ว
“เอาล่ะ ถึงเวลาออกไปเที่ยวแล้ว แค่กลับมาก่อนพวกพี่ก็พอ” รอบบ้านของเธอมีแต่ป่า เดินตรงเข้าไปในป่าที่มีต้นไม้สูงใหญ่ ขนาดหญ้าตามพื้นก็ยังเกือบสูงเท่าเธอเลยล่ะ
เธอเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ในป่า ชมดอกไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติมันช่างสวยและดูสดมากกว่าดอกไม้ที่ประดับในห้องของเธออีก อีกทั้งยังเจอแมลงมากมายหลากหลายชนิดที่เธอไม่รู้จัก เธอตื่นเต้นสุด ๆ มากกว่าตอนที่เห็นแม่วางของขวัญไว้ให้ในวันครบรอบวันเกิดซะอีก เธอรู้สึกอิสระอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ระหว่างที่เดินไปเรื่อย ๆ เธอก็ฮัมเพลงเพลงหนึ่ง
LOVE FOREVER เพลงที่เธอชอบฟังเป็นประจำจนเวลาล่วงเลย เธอที่เพลิดเพลินกับความสุขมากเกินไปจนลืมตัว แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลงเธอรู้ได้เลยว่ามันกำลังจะพรบค่ำแล้ว
“ซวยละ ต้องรีบกลับบ้าน” เธอรีบวิ่งกลับทางเดิมที่เดินมาเธอรีบซะจนไม่ได้ดูสิ่งรอบข้างบ้างเลย กว่าเธอจะรู้ตัวอีกทีเธอก็หลงทางซะแล้ว เธอเริ่มเดินแทนที่จะวิ่ง เหงื่อมากมายที่ไหลจากการวิ่งอย่างสุดกำลัง เธอเริ่มเดินช้าลงอีก จากที่เดินอยู่เธอก็นั่งลงกับพื้นแทนเนื้อตัวมอมแมมไปหมดทั้งดินทั้งเหงื่ออีกทั้งยังมีรอยขีดข่วนจากใบไม้ใบหญ้าอยู่บางจุด
“ให้ตายสิ! ถ้าฉันบินได้ก็คงไม่หลงอยู่บนพื้นแบบนี้หรอก” น้ำเสียงเธอเหมือนจะโมโหสุด ๆ แต่น้ำตาเธอกลับไหลแทน ซ้ำร้ายไม่พอฝนก็ดันมาตกอีก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมันเอาแต่นั่งกอดเข่าใช้แขนเล็ก ๆ ของเธอ ซับน้ำตาไว้
“พี่…แม่…หนูขอโทษ…ถ้าหนูเชื่อฟังพี่กับแม่ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้” เธอบ่นพึมพำเบา ๆ
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!” เธอลุกขึ้นพยายามตะโกนสุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ
“นั่นมันอะไรน่ะ” ท่ามกลางป่าลึกและฝนที่ตกหนัก เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ใหญ่มาก ๆ กำลังมาใกล้ ๆ
เธอพยายามมองหาจึงได้พบมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังทำอะไรสักอย่างกับก้อนหินก้อนหนึ่งซึ่งมันใหญ่กว่าตัวชายคนนั้นเป็นเท่าตัวเลยล่ะ เธอยังคงพยายามเข้าไปดูใกล้ ๆ เธอขึ้นไปบนเนินสูง ๆ เพื่อจะได้มองได้อย่างชัดขึ้น
“อ๊าก!” ด้วยฝนที่ตกหนักทำให้พื้นดินเปียกจนทำให้เธอลื่นไถลลงมาตรงหน้าชายคนนั้นพอดี แต่ไม่ทันไรก็มีแสงสว่างขึ้นมา มันสว่างมากจนมองอะไรไม่เห็นไปพักหนึ่ง
“ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย!!” เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าที่ที่เธอยืนอยู่ไม่ใช่ป่าที่มีฝนตกหนักแต่เป็นป่าที่ฟ้าโล่งจนมองเห็นพระจันทร์ที่กำลังส่องแสงสีเหลืองอย่างชัดเจน
“ซวยแล้วไง ไม่อยากจะมีเรื่องกับพวกแฟรี่ซะด้วยสิ ต้องรีบทำให้เสร็จแล้วกลับจะได้ไม่มีปัญหา” ชายคนนั้นพึมพำอยู่ข้าง ๆ
“นายเป็นตัวอะไรกันแน่ แล้วทำไมพูดภาษาฉันได้ล่ะเนี่ย แล้วฉันมาอยู่นี่ได้ยังไง” เธอถามรัว ๆ ไม่หยุดปาก
“เงียบน่า เธอรออยู่ที่นี่ห้ามไปไหนเด็ดขาด ฉันจะไปทำธุระเดี๋ยวมา” ชายคนนั้นเดินออกไปทิ้งเธอแฟรี่ตัวน้อย ๆ ไว้ลำพัง
บ้าเอ๊ย ฉันงงไปหมดแล้วนะเนี่ย เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นจะทำอะไรกันแน่ ยังดีที่มันไม่ได้ทำอะไรเรา เดินวนไปวนมาอยู่แถว ๆ นั้น
“อ๊ากกก!!” เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างจ้องอยู่จึงหันไปมอง และก็พบกับสัตว์ประหลาดสี่ขาตัวใหญ่ อีกทั้งยังมีน้ำลายหยดใส่หัวเธอจนเหนียวเหนอะหนะไปหมด
“สัตว์ประหลาดอีกแล้ว ฉันไม่น่าออกมาจากบ้านเลย คุณแม่ขาช่วยหนูด้วยยย!!” เธอวิ่งหนีสุดชีวิต แต่เจ้าสัตว์ประหลาดสี่ขานั่นก็วิ่งไล่ตามเธอไม่ยอมหยุด
“เจ้าหลง!” เสียงตะโกนจากใครสักคน
เมื่อเจ้าสัตว์ประหลาดสี่ขาได้ยินเสียงมันก็วิ่งไปหาที่มาของเสียงนั่นทันที
“อยู่นี่ นี่เองเจ้าหลง ฉันตามหานา- อ๊าก! นี่นายคาบตัวอะไรมาด้วยเนี่ย” เธอวิ่งหนีไม่พ้นและถูกเจ้าสัตว์ประหลาดสี่ขาเล่นงาน ถูกคาบอยู่คาปากจนเธอสลบไปโดยไม่รู้ตัว
อา..ที่นี่มันสวรรค์ยังงั้นเหรอ? ถ้าฉันยอมเชื่อฟังพี่ก็คงไม่ต้องมาโดนสัตว์ประหลาดกินหรอก เธอลืมตาขึ้นมองเห็นแต่ท้องฟ้าสีขาวอยู่ตรงหน้า พอเธอพยายามมองไปรอบ ๆ ก็เห็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ถึงจะมัว ๆ อยู่เพราะพึ่งตื่นก็เถอะ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเดินเข้ามาหาเธอ
“เธอเป็นยังไงบ้าง? นี่ฟังภาษาเราได้ไหมนะ?” เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นพยายามพูดคุยกับเธอ
“เดี๋ยวก่อนนะ นี่ฉันยังไม่ตายนี่ กรี๊ด!!” เธอเริ่มได้สติกลับมาแต่พอเห็นสัตว์ประหลาดก็กรี๊ดขึ้นมาทันที
“อย่าส่งเสียงดังแบบนี้สิ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก” สัตว์ประหลาดพยายามพูดคุยกับเธอ
“แกเป็นตัวอะไร นี่แกพยายามจะขู่ฉันด้วยเสียงแบบนั้นเหรอ? กรี๊ด!” เธอฟังที่สัตว์ประหลาดพูดไม่รู้เรื่อง แน่นอนเพราะทั้งคู่ไม่ได้ใช้ภาษาเดียวกัน
“ใจเย็น ๆ ก่อนครับ” เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเริ่มเดินถอยห่างออกไปแทน
“เป็นไงล่ะเจอฉันหน่อยหัวหดไปเลยเจ้าสัตว์ประหลาด กรี๊ด!” เธอยังคงกรี๊ดสุดเสียงอยู่
“ชู่ ๆ ๆ เงียบ ๆ หน่อย” จากที่เหมือนจะถอยออกแต่กลับพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วและใช้มือคว้าเธอไว้พร้อมกับเอามือปิดปาก
“เธอเป็นตัวอะไร? ทำไมถึงหน้าตาเหมือนคนที่ตัวเล็กอย่างงี้ทั้งยังมีปีกอยู่ข้างหลังอีก?” สัตว์ประหลาดพูดกับเธอแต่เธอก็ไม่เข้าใจ เริ่มผ่อนมือที่ปิดปากออก
“กรี๊ด!” ทันทีที่มือออกจากปากเธอก็กรี๊ดทันที
“ให้ตายสิ ชักท่าไม่ดีละ ต้องบอกด้วยวิธีอื่น” เจ้าสัตว์ประหลาดมองไปทั่ว
“อันนี้น่าจะใช้ได้” เจ้าสัตว์ประหลาดคว้าของบางอย่างมา
วินาทีที่เอามือออกจากปาก เจ้าสัตว์ประหลาดก็ยัดอะไรบางอย่างมาที่ปากของเธอแทน
“หวาน หวานสุด ๆ” เธอเริ่มผ่อนคลายลง
“เหมือนจะได้ผลนะ ยังดีที่ฉันกินลูกอมไม่หมด ไม่งั้นไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดี” เจ้าสัตว์ประหลาดถอนหายใจสั้น ๆ
“อย่างน้อยก็ได้กินของอร่อย ๆ ก่อนตาย” เธอเริ่มไม่กลัวเจ้าสัตว์ประหลาดแล้ว และยังคงถือลูกอมก้อนเท่าหน้าเธอไว้
“เธอมาจากไหน” เจ้าสัตว์ประหลาดเริ่มใช้ท่าทางช่วยในการสื่อสาร
เหมือนมันพยายามจะพูดกับเรานะเนี่ย เธอพยายามอ่านท่าทางของเจ้าสัตว์ประหลาด
“ฉัน หมายถึงฉันงั้นเหรอ?” เธอชี้ที่ตัวเองหลังจากเห็นเจ้าสัตว์ประหลาดชี้มาที่เธอ เจ้าสัตว์ประหลาดพยักหน้าตอบกลับ ทั้งคู่เริ่มสื่อสารกันด้วยท่าทาง
“นายคงจะไม่ทำอะไรฉันหรอกนะ” เธอชี้ไปที่เจ้าสัตว์ประหลาดแล้วชี้กลับมาที่ตัวเองและใช้ท่าทุบตีตัวเอง
“ฉันไม่ทำหรอก” เจ้าสัตว์ประหลาดส่ายหน้าพร้อมกับทำมือกากบาท
“ฉันชื่อ นัตโตะ นัตโตะ” เจ้าสัตว์ประหลาดชี้ที่ตัวเองย้ำ ๆ
“นัตโตะมันพยายามอยากบอกอะไรทำไมถึงเน้นคำนี้ แปลว่าตัวฉัน? แปลว่าเป็นมิตร? แปลว่าอะไรกันล่ะเนี่ย?” เธอเอามือกุมขมับหัวไว้
“นัตโตะ นัตโตะ” เจ้าสัตว์ประหลาดยังชี้ไปที่ตัวเองย้ำ ๆ อยู่
“นัตโตะ นัตโตะ ไม่ต้องย้ำบ่อย ๆ หรอกน่า ถึงฉันจะไม่รู้ว่าแกพูดอะไร แต่ก็ขอเรียกนัตโตะก็แล้วกัน” จากที่กุมขมับอยู่ก็ปล่อยออกแต่เกร็งแขนและมืแทน พร้อมด้วยรอยเส้นเลือดที่เห็นได้บนหน้าและหัวของเธอ
“เหมือนจะอารมณ์ไม่ดีแหะ แต่อย่างน้อยก็พูดนัตโตะได้” จากที่ชี้ตัวเองนัตโตะก็เริ่มชี้ไปที่ตัวเธอย้ำ ๆ แทน
“อะไร? คือต้องการอะไรจากฉัน? จะถามชื่อหรืออะไร?” เธอกางแขนและมือไปด้านหน้า หยักไหล่เล็กน้อย
“ถ้าชื่อก็เป็น ชาร์ลอท ๆ ๆ ชาร์ลอท ชาร์ลอท” ชาร์ลอทชี้ที่ตัวเองย้ำ ๆ
“ชาร์ลอทชาร์ลอท นั่นคงจะเป็นชื่อของเธอสินะ” นัตโตะยิ้มเล็กน้อย
โครกกกก ชั่วขณะที่ต่างคนต่างเงียบก็มีเสียงบางอย่างมาจากท้องของชาร์ลอท เธอเอามือกุมท้องไว้
“หิวใช่ไหม” นัตโตะเอามือชี้ที่ปาก
“อืม” ชาร์ลอทพยักหน้าตอบ ถึงเธอจะหลบสายตาแต่ก็เห็นหน้าของเธอที่แดงนิดหน่อย
“นี่มันบ้าไปแล้วแน่ ๆ” ชาร์ลอทเริ่มมองไปรอบ ๆ หลังจากที่นัตโตะเดินออกไป เธอพึ่งจะสังเกตได้ว่าที่นี่เป็นห้องห้องหนึ่งที่ใหญ่มาก ๆ ท้องฟ้าสีขาวเป็นเพดานสีขาว และที่ ๆ เธอยืนอยู่ก็เป็นเตียงที่ใหญ่กว่าบ้านของเธอทั้งหลัง
เวลาผ่านไปสักพักนัตโตะก็กลับมา
“นี้เป็นขนมของฉันเอง” นัตโตะชี้ที่ขนมแล้วก็ชี้ที่ปาก
ชาร์ลอทไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่หยิบขนมขบเคี้ยวแผ่นกลม ๆ จากถุงที่นัตโตะวางไว้ให้
ทั้งสองเงียบไม่ได้พูดคุยกัน ชาร์ลอทก็เอาแต่กินขนมเพราะหิวไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว ส่วนทางนัตโตะก็เอาแต่จ้องชาร์ลอทที่กำลังกินขนมอยู่
“ฉันไปล่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารนะ” ชาร์ลอทคำนับแทนคำขอบคุณและพยายามเดินออกไปจากที่นี่ เธอลงจากเตียงโดยใช้วิธีเดียวกับตอนที่หนีออกจากบ้าน
“ช่วยฉันหน่อยสิ” ชาร์ลอทส่งเสียงเรียกนัตโตะและชี้ไปที่หน้าต่างที่อยู่สูงเกินกว่าที่เธอจะขึ้นไปได้ นัตโตะไม่ได้พูดอะไรเดินเข้ามาอุ้มเธอขึ้นไปที่ขอบหน้าต่าง
เธอมองลงมาอีกฟากของหน้าต่างที่มีความสูงมากซะจนเธอขาสั่น เธอลังเลอยู่หลายนาทีแต่สุดท้ายเธอก็โดดลงมาพร้อมกับใช้เวทเหมือนเดิม
“อ๊าก!” เธอใช้เวทมนตร์ผิดจังหวะไปนิดหน่อยทำให้เธอตกลงมากระแทกพื้นดินยังดีที่เวทที่ใช้ถึงจะผิดจังหวะแต่มันก็ลดระยะลงให้ไม่บาดเจ็บอะไรมากนักแต่ก็ยังเท้าพลิกอยู่ดี
“บ้าเอ้ย!” เธอเดินต่อไปทั้งอย่างงั้น ทางนัตโตะก็ชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างคอยดูชาร์ลอทอยู่ตลอดเวลา จนชาร์ลอทเริ่มเดินออกห่างจากบ้านของนัตโตะไป ทางที่เธอเดินไปเป็นถนนรุกรังเส้นเล็ก ๆ ไม่ค่อยมีผู้คนสักเท่าไหร่
“มีแต่สิ่งก่อสร้างมหึมา ที่นี่มันรังของพวกสัตว์ประหลาดชัด ๆ เลย ให้ตายสิแล้วไอ้สัตว์ประหลาดที่พาเรามาดันหายไปไหนซะล่ะ แล้วฉันจะกลับไปที่ป่าเดิมได้ยังไงล่ะเนี่ย ทำไมเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ต้องเกิดกับฉันด้วยกะอีแค่หนีออกจากบ้านมาเที่ยวนิดหน่อยเอง” ชาร์ลอทบ่นตลอดทาง
เธอยังคงเดินไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่รู้ทางกลับ
“จริงด้วยสิ แค่หาที่ ๆ เป็นป่าก็พอ” ชาร์ลอทเดินไปทั่วทั้งหมู่บ้านนั้น จนได้เจอกับทางเข้าป่าเธอไม่ลังเลเดินตรงเข้าไปทันที
ให้ตายสิป่ากว้างใหญ่ขนาดนี้จะกลับถูกได้ยังไง ชาร์ลอทพยายามมองไปทั่ว โชคยังดีที่มีแสงจากพระจันทร์ทำให้พอจะเดินตามทางได้อยู่
เหมือนจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังตามมา เธอหลบตรงด้านหลังต้นไม้ใหญ่
“เธอมาทางนี้ใช่ไหมเจ้าหลง” ไม่นานนักเสียงก็ใกล้เข้ามา นัตโตะที่กำลังจูงเจ้าหลงเดินตามรอยชาร์ลอทมา
เสียงแบบนี้ไอ้เจ้านัตโตะอีกแล้วหรอ? ทำไมถึงตามมากันล่ะ ชาร์ลอทออกมาจากที่ซ่อนเดินตรงเข้าไปหาต้นเสียง
“อ๊าก!” เสียงร้องของชาร์ลอท
“เจ้านี้คืออะไรเนี่ย ทำไมถึงปวดขาขนาดนี้ต้องรีบหนี” ชาร์ลอทเห็นตัวอะไรบางอย่างและมันก็โจมตีเธอจนได้รับบาดเจ็บ เธอทำได้แค่วิ่งหนีสุดชีวิตเท่านั้น
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย” เธอเริ่มหายใจถี่ ๆ เหงื่อไหลพลัก หน้าซีด เรี่ยวแรงเริ่มหายไป แม้แต่แรงที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือยังแทบไม่มี
“ชาร์ลอท ๆ” ชาร์ลอทล้มลงกับพื้น ก่อนที่ตาเธอจะปิดลง ภาพสุดท้ายที่เห็นคือนัตโตะที่กำลังวิ่งมาหาเธอพร้อมกับเจ้าหลง
“โอ๊ย ๆ ปวดหัวจังเลย” ชาร์ลอทตื่นและลุกมานั่งลงตรงหัวมุมเตียงภายใต้แสงสีขาวจากหลอดไฟ เอามือลูบหัวไปมา
“ที่นี่มันที่ไหนอีกแล้วล่ะเนี่ย?” เธอลุกขึ้นจากเตียงและมองไปรอบ เห็นทั้งประตูและเฟอร์นิเจอร์ขนาดมหึมามากมายแต่สีของกำแพงและเพดานเป็นสีฟ้าสว่าง จุดที่เธอยืนอยู่คือบนโต๊ะมีเครื่องเขียน โคมไฟ และกระดาษอยู่บนนั้น
“อย่าบอกนะฉันกลับมาที่รังเจ้าสัตว์ประหลาดอีกแล้ว” เธอนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง คิ้วขมวด มือยันคาง
ไม่มีเวลาแล้วต้องรีบกลับไปที่เดิม ชาร์ลอทเดินไปทั่วโต๊ะมองหาทางที่ที่จะลง
“ตรงนี้น่าจะปลอดภัยที่สุดละ [ลมโบกสะบัด] ” เธอกระโดดลงมากตรงเก้าอี้ และกระโดดต่ออีกทีลงตรงพื้น
ไปยังไงต่อดีล่ะ มองไปรอบ ๆ ห้อง เธอเดินไปที่หน้าต่างบานหนึ่งแต่มันกลับปิดอยู่เธอจึงเดินไปที่ประตูบานยักษ์แทน
ลูกบิดประตูเป็นแบบดึงลงสินะ แต่สูงขนาดนี้จะขึ้นไปได้ยังไง ในขณะที่เธอกำลังรวบรวมความคิดอยู่เธอพยายามมองไปรอบๆ เพื่อหาวิธีที่จะเปิดประตูได้
“ลองดูสักตั้งก็ได้วะ” เธอเดินไปที่ลิ้นชักที่มีโคมไฟตั้งอยู่ข้างบนข้าง ๆ โต๊ะเครื่องเขียน โชคดีที่ลิ้นชักปิดไม่สนิท เธอกระโดดสุดกำลังที่จะทำได้ขึ้นไปเกาะที่ขอบชั้นลิ้นชัก
“ [ลมโบกสะบัด] ” ชาร์ลอทใช้เวทของเธอใส่แรงไปที่ลิ้นชักในตำแหน่งเหนือมือของเธอ ทำให้แรงลมผลักตัวเธอออกมาพร้อมกับชั้นของลิ้นชัก แต่ก็ยังออกมาได้ไม่มากพอเธอยังคงทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนชั้นของลิ้นชักออกมาสุดขอบแล้ว
“ [ลมโบกสะบัด] ” เธอใช้เวทช่วยผลักตัวเองเพื่อที่จะปีนขึ้นไปบนชั้นของลิ้นชักที่เกาะอยู่
“ฉันเดาไว้ไม่มีผิด ลิ้นชักแบบนี้ที่บ้านฉันก็มีและมันมักจะไว้เก็บพวกหนังสือ” ชาร์ลอทพยายามยกหนังสือในชั้นออกมา สำหรับเธอแล้วมันเหมือนกับยกเตียงหนัก ๆ อยู่อย่างงั้นเลยล่ะ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ถึงแม้เหงื่อจะเต็มตัว แขนและขาเริ่มสั่น ๆ
หลังจากเอาออกมาจากชั้นได้เธอก็ลากมันไปที่เตียง แต่หนังสือแค่เล่มเดียวมันยังไม่พอเธอกลับไปเอาหนังสือออกมาอีก หลายเล่มใช้เวลาเป็นชั่วโมง กว่าเธอจะเอาหนังสือออกมาได้หมด
“สำเร็จ!” หนังสือวางกองกันสูงพอที่เธอจะขึ้นไปบนเตียงได้ เธอแสดงท่าทีดีใจที่เต็มไปด้วยเหงื่อและฝุ่น เธอรีบตรงไปที่หัวเตียงขึ้นไปบนหมอนและไต่ขึ้นไปตามชั้นวางของตรงหัวเตียงจนเธอขึ้นไปที่หัวเตียงได้
“ใจเย็น ๆ ไว้ เล็งดี ๆ แล้วกระโดด” ชาร์ลอทหายใจเข้าออกช้า ๆ เพ่งสายตาไปที่ลูกบิดประตูเมื่อพร้อมเธอจึงวิ่งสุดกำลังและกระโดดไปคว้าลูกบิดประตูและใช้น้ำหนักของตัวเองในการที่จะกดลูกบิดลงมา
“ [ลมโบกสะบัด] ” เธอใช้เวทช่วยออกแรงจนกระทั่งเธอสามารถดึงลูกบิดลงมาได้ทำให้ประตูเปิดออกช้า ๆ และเธอก็หย่นตัวลงมาที่พื้นใช้เวทเหมือนเดิมเพื่อความปลอดภัยตอนลงพื้น
“ในที่สุดก็สำเร็จ” ก้าวเท้าข้ามประตูไปเพียงไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงอะไรบางอย่างเข้ามาใกล้
“อ้าวตื่นแล้วเหรอ? ฉันเป็นห่วงมากเลยนะ” นัตโตะยืนอยู่หน้าชาร์ลอทพร้อมกับก้มตัวลงมาใกล้ ๆ
“พูดบ้าอะไรของมันอยู่วะ” ชาร์ลอทสะบัดมือไล่ คิ้วขมวดใส่
“เอาเป็นว่าเราควรเรียนรู้ภาษากันและกันนะ คุยแบบนี้มันลำบากมากเลย” นัตโตะเอามือคว้า ชาร์ลอทขึ้นวางไว้ที่เตียงถึงชาร์ลอทจะพยายามดิ้นแต่ก็ไม่สามารถสลัดมือออกไปได้
“นายทำบ้าอะไรเนี่ย กว่าฉันจะเปิดประตูนั่นได้ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ฉันจะไปจากที่นี่นายจะเอาฉันกลับมาทำไม!!” ชาร์ลอทตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด ควันออกหู
“นี่ฉันทำอะไรผิดเนี่ย” นัตโตะพูดขณะที่เกาหัวเล็กน้อย แล้วเอาลูกอมยัดปากชาร์ลอทเหมือนเดิม
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงที่ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่บนเตียง ถึงแม้จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะบ่อยครั้งที่ชาร์ลอทมักจะวีนใส่นัตโตะ พวกเขาเริ่มสื่อสารกันได้มากขึ้นจนเข้าใจคำบางคำได้มากพอที่จะถามตอบ ชาร์ลอทเป็นฝ่ายเรียนรู้ภาษาของนัตโตะเพราะดูเข้าใจง่ายกว่า
“เอ๋ นายโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งเหรอ?” ชาร์ลอทลุกขึ้นยืนเดินเข้าหานัตโตะ
“อืม ประจำเลยแหละ ทั้งที่ฉันแค่อยากเป็นเพื่อนด้วยเฉย ๆ” นัตโตะคอตก
“ถ้าใครทำอะไรให้นายไม่พอใจก็เล่นมันเลย ง่าย ๆ แค่เนี่ย” ชาร์ลอทกำหมัดชกมาที่ด้านหน้า
พวกเขาทั้งสองยังคงหาเรื่องพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ
“เธอโดนลักพาตัวมาโดยสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง แล้วเขาบอกให้รออยู่ที่เดิมแล้วจะกลับมาพากลับบ้านสินะ” นัตโตะพูด
“ใช่ ๆ เพราะฉะนั้นรีบพาฉันกลับไปที่ป่าเดี๋ยวนี้” ชาร์ลอทพูดเสียงดัง
“คงจะยากหน่อยละ เพราะฉันพึ่งกลับมาจากบ้านยายที่อยู่ที่นั่น ถ้าจะไปก็คงต้องรอจนพรุ่งนี้แหละ” นัตโตะพูด
“อ๊าก แล้วฉันจะได้กลับบ้านไหมเนี่ยให้ตายสิ” ชาร์ลอทร้องเบา ๆ
“ถ้าเธอกลับไม่ได้จริง ๆ ก็อยู่กับฉันก็ได้นะ” นัตโตะยิ้มเล็กน้อย
“ใครมันจะอยากอยู่กับสัตว์ประหลาดล่ะ เช๊อะ” เธอสะบัดหน้าหนี
แต่ถ้าเกิด ฉันกลับไม่ได้จริง ๆ ขึ้นมาล่ะ ทั้งแม่และพี่คงเสียใจน่าดู เอ๊ะ หรือจะดีใจที่ภาระของครอบครัวหายไป ชาร์ลอทนั่งเหม่อเงยหน้ามองเพดาน
ฉันที่ทำอะไรไม่ได้แม้แต่จะบินก็ไม่ต่างอะไรกับแฟรี่พิการหรือฉันควรจะไม่กลับไปดีนะ น้ำตาเริ่มซึมหยดลงบนแก้มเล็ก ๆ ของเธอ
“เธอเป็นอะไรร้องไห้ทำไม?” นัตโตะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ๆ
“อย่ามายุ่งน่า” ชาร์ลอทหันมาพูดกับนัตโตะ โดยที่จมูกแทบจะชนกัน
“โทษที” นัตโตะสะดุ้งหันหน้าหนี
“เดี๋ยวฉันไปหาอะไรมาให้กินละกัน” นัตโตะเดินออกจากห้องไปและกลับมาพร้อมกับน้ำและอาหารจานยักษ์
“เอ่อ ขอเป็นลูกอมได้ไหม” ชาร์ลอทพูดหลังจากที่มองไปที่จานยักษ์ ภายในนั้นมีข้าวสวยราดด้วยน้ำอะไรสักอย่างเขียว ๆ ดูแล้วไม่น่าปลอดภัย
นัตโตะไม่ได้ขัดอะไรแค่เดินออกไปหยิบลูกอมมาให้ ทั้งสองนั่งกินอาหารด้วยกัน กินไปคุยไปเรื่อย ๆ ถึงแรก ๆ ชาร์ลอทจะวีนใส่นัตโตะตลอดแต่พอเริ่มคุยกันมากขึ้น เธอเริ่มไว้ใจและสนุกไปกับการพูดคุยที่มักจะไม่มีให้ทำเพราะเธออยู่แต่บ้าน คนรู้จักมีน้อยแทบจะไม่มีเพื่อนเลยด้วยซ้ำเหมือน ๆ กับนัตโตะ
“อ-เอ่อ นัตโตะนายพอจะมีที่ที่ไว้ทำธุระส่วนตัวไหม?” ชาร์ลอทพูดในขณะที่หน้าแดงนิดหน่อย
“ที่ที่ไว้ทำธุระส่วนตัวเหรอ? ก็ห้องนี้ไง ห้องของฉัน” นัตโตะตอบ
“อ๊ากก ไม่ใช่แบบนั้น” ชาร์ลอทยืนตัวโก้งเริ่มบิดตัวไปมา
“อ-อ๋อ เข้าใจละ” นัตโตะตกใจเล็กน้อยหลังจากเห็นท่าทางของชาร์ลอท และอุ้มเธอพาไปที่ห้องน้ำทันที
“ฉันใช้ที่นี่แหละ” นัตโตะเปิดประตูเข้าไปและชี้ไปที่ชักโครก
“รีบปล่อยฉันลงเหอะ แล้วก็ห้ามแอบมองนะ” ชาร์ลอทรีบจนลุกลี้ลุกลน หลังจากที่นัตโตะวางลงบนชักโครกยักษ์เขาก็เดินออกและปิดประตูทันที
“นัตโตะ!” ไม่นานนักก็มีเสียงชาร์ลอทตะโกนเรียก นัตโตะเปิดประตูเข้าไปทันที
“ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” นัตโตะถามแล้วอุ้มชาร์ลอทขึ้นมา เอื้อมมือไปกดชักโครกให้น้ำไหลแล้วจึงเดินกลับห้อง
“ว่าแต่ ทำไมสัตว์ประหลาดอย่งนายถึงช่วยฉันไว้ล่ะ?” ชาร์ลอทถามทันทีที่นั่งลงบนเตียง
“ก็แค่ รู้สึกว่าต้องช่วย แค่นั้นแหละ แล้วฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดแต่เป็นมนุษย์ต่างหาก” นัตโตะนอนคว่ำหน้าบนเตียง เอามือยันคางไว้หันหน้ามาทางชาร์ลอท
“ยังไงก็ขอบใจละกันที่ช่วยฉันไว้ตั้ง 2 ครั้ง” ชาร์ลอทพูดในขณะที่พยายามเบือนหน้าหนีเล็กน้อยหน้าแดงนิดหน่อย
“ฉันเริ่มรู้สึกง่วงแล้วสิ เดี๋ยวฉันอุ้มเธอไปที่เตียงตุ๊กตาให้” นัตโตะห้าวหนึ่งครั้งตาใกล้จะปิด ก่อนที่จะอุ้มชาร์ลอทไปที่โต๊ะเครื่องเขียน
“ฉันพึ่งจะตื่นมาไม่นานนะ จะให้นอนอีกแล้วหรอ?” ชาร์ลอทกอดอกคุย
“งั้นถ้าเธอยังไม่ง่วงฉันจะเอาหนังสือให้อ่านเล่น ๆละกัน เปิดโคมไฟเอานะฉันจะปิดไฟนอน” หลังจากหยิบหนังสือมาวางบนโต๊ะและกดเปิดโคมไฟ เขาก็เดินไปปิดไฟที่หัวมุมห้องและล้มตัวลงนอนที่เตียงทันที
“ให้ตายสิ หนังสือก็อ่านไม่ได้อีกถึงจะคุยกันได้แต่เรื่องอักษรก็ไม่รู้เรื่องสักนิด” ชาร์ลอทออกแรงดึงหนังสือด้านบนสุดจากกองหนังสือที่นัตโตะวางไว้ให้
“นี้มันนิทานหรืออะไรเนี่ย” ชาร์ลอทดึงหนังสือออกมาหลายเล่มจนมาเจอหนังสือเล่มหนึ่งแทบจะไม่มีตัวหนังสือมีแต่รูปภาพเล่าถึงเรื่องราวอะไรบางอย่าง
“ก็เพลินดีอยู่หรอก แต่ชักจะเริ่มง่วงแล้วสิ” เธอดูภาพเหล่านั้นจนหมดเล่มแต่มันเหมือนจะยังไม่จบ จุดเริ่มต้นจากการสาปแช่งสู่สงครามหลังจากได้ผู้ชนะสงครามก็หมดเล่มพอดี ไม่นานตาของเธอก็เริ่มปิดลงและนอนหลับคากองหนังสือพวกนั้น
เช้าวันต่อมามีทั้งเสียงนกร้องและเสียงไก่ขันที่น่ารำคาญ
“ชาร์ลอท ชาร์-ลอท” นัตโตะเขย่าตัวชาร์ลอทที่นอนบนกองหนังสือ
“หืม ว่างาย” ชาร์ลอทตื่นลุกขึ้นนั่งแต่ตายังมัว ๆ อยู่
“เรากำลังจะไปที่นั่นกัน แต่เธอต้องซ่อนตัวในกระเป๋าเสื้อฉันก่อนนะ ถ้าคนอื่นรู้เรื่องเธอเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่” นัตโตะอุ้มชาร์ลอทขึ้นมาใส่ที่กระเป๋าเสื้อแล้วเดินออกไปนอกบ้านที่มีรถยนต์สี่ล้อจอดรออยู่
“ทำไมเจ้าเครื่องใหญ่ ๆ นี้ถึงเคลื่อนที่ได้เร็วเป็นบ้า?” ชาร์ลอทกระซิบถามระหว่างที่กำลังนั่งรถเดินทางอยู่
“ฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก รู้แค่ว่ายังมีเครื่องที่เร็วกว่านี้อีกเพียบ” นัตโตะกระซิบตอบ
เวลาเดินทางผ่านไปเกือบชั่วโมงก็ถึงที่หมาย พวกเขาและนัตโตะลงจากรถเดินเข้าบ้านไปแต่ไม่นานนัตโตะก็หาโอกาสที่จะออกมาจากบ้านได้สำเร็จ
“ฉันว่าน่าจะใกล้ถึงแล้วนะ” นัตโตะเดินไปตามทางที่มีทั้งกิ่งไม้และหนาม โดยให้ชาร์ลอทอยู่ในกระเป๋าเสื้อตลอดเวลา
“อึดอัดชะมัดเลย ให้ตายสิ” ชาร์ลอทชะโงกหัวขึ้นมาเหนือกระเป๋าเสื้อเพื่อพูดคุยกับนัตโตะ
“ถึงแล้วตรงแถวนั่นแหละที่ฉันเจอเธอ” นัตโตะอุ้มชาร์ลอทออกมาจากกระเป๋าเสื้อและอุ้มไว้ที่มืออย่างทะนุถนอม
ทั้งสองรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นที่ชาร์ลอทบอกไว้เลย จนฟ้าเริ่มมืดลง
“นายแน่ใจนะว่าเป็นตรงนี้” ชาร์ลอทนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นใต้ต้นไม้ข้าง ๆ นัตโตะ นัยน์ตาของเธอเริ่มมืดมนลงเอาแต่ก้มมองพื้นตลอดเวลา
“ถึงตอนนั้นจะมืดแต่ฉันจำหินก้อนใหญ่นั่นได้แม่นเลยล่ะ” นัตโตะตอบขณะที่เอาหลังพิงต้นไม้
“ฉันว่าเจ้านั่นคงกลับไปแล้วล่ะ ก็ดีที่บ้านฉันจะได้หมดภาระสักที” เธอเอาหน้ามุดเข้าไปในแขนได้ยินแต่เสียงสะอึกสะอื้นไม่หยุด
“อย่างน้อยเธอก็ยังมีฉันอยู่นะ” นัตโตะอุ้มเธอขึ้นมาและใช้มืออีกข้างลูบหัวเธอเบา ๆ
“LOVE FOREVER” ทำไมเพลงนี้ถึงก้องเข้ามาในหัวล่ะ ทำนองที่เชื่องช้าแต่กลับทำให้มีแรงใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
“งั้นพรุ่งนี้เราค่อยมาใหม่ละกัน” นัตโตะลุกขึ้นพาเธอกลับบ้านแสงสีส้มในยามเย็นคงสว่างได้อีกไม่นานก่อนที่จะพลบค่ำ
ก่อนที่พวกเขาจะออกจากป่าได้ก็มืดเสียแล้ว ไม่เหมือนกับคืนพระจันทร์เต็มดวงที่มีแสงทำให้มองพื้นได้ ตอนนี้ทั้งพื้นและรอบข้างเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ จนมองไม่เห็นอะไร
“ฉันชักกลัวขึ้นมาแล้วสิ เราเอาไงต่อล่ะนัตโตะ” ชาร์ลอทที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเริ่มสั่นกลัวมองไปมารอบ ๆ แต่ก็มองไม่เห็นอะไรเลย
“นี้ก็เดินมานานแล้วด้วย ฉันว่าเดินไปอีกหน่อยก็คงจะออกจากป่าแล้วล่ะ” นัตโตะยังคงเดินต่อไปช้า ๆ อย่างระมัดระวัง
ช่วงขณะที่เสียงรอบ ๆ ตัวเงียบสนิท พวกเขาก็ได้ยินเสียงเศษใบไม้ที่ถูกเหยียบดังเป็นระยะอยู่ใกล้ ๆ พวกเขา
“น-นัตโตะฉันกลัวอ่า” ชาร์ลอทพูดด้วยเสียงที่สั่นและกระตุก
“มันอาจจะเป็นแมลง สัตว์ป่าหรืออะไรประมาณนั้นแหละ เธอไม่ต้องกลัวหรอกเพราะฉันจะปกป้องเธอเอง” นัตโตะเอามือลูบหัวชาร์ลอทในขณะที่เสียงยังคงดังอยู่และเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ มันกำลังใกล้เข้ามา จู่ ๆ เสียงนั่นก็เงียบหายไปดื้อ ๆ
“มันไปแล้วเหรอ?” ชาร์ลอทชะโงกหน้าจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดู
“อ๊าก!!” ชาร์ลอทกรี๊ดเพราะจู่ ๆ ก็อะไรบางอย่างพุ่งตรงเข้ามาชนกับนัตโตะถึงแม้มันจะดูเล็กก็ตามแต่ก็ทำให้นัตโตะตกใจล้มลงกับพื้น
“แมลง กระรอกหรืออะไรไม่รู้ โชคดีที่มันไม่โดนเธอ” นัตโตะพยายามลุกขึ้นยืนโดยเร็ว ถึงจะพยายามมองหาเจ้าตัวนั้นก็มองไม่เห็นเพราะมืดเกินไป
“เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด” นัตโตะเริ่มวิ่งแต่ด้วยความมืดบวกกับสถานที่ที่มีต้นไม้ หนาม พุ่มหญ้ามากมายทำให้นัตโตะล้มแล้วล้มอีกทุกครั้งที่ล้มเขาจะพยายามไม่ให้กระทบกับชาร์ลอทที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเขาจะเอามือยันพื้นไว้ทุกครั้งและลุกขึ้นวิ่งต่อทันที
“หวังว่ามันจะไม่ตามเรามานะ” น้ำเสียงชาร์ลอทยังสั่นกลัวอยู่
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น” นัตโตะยังคงวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ
เวลาผ่านไปหลายนาทีพวกเขาก็ยังไปเจอทางออกจากป่าได้แต่วิ่งไปเรื่อย ๆ จนเริ่มช้าลงเรื่อย ๆ จากการวิ่งกลายเป็นเดินช้า ๆ แล้วอยู่ ๆ นัตโตะก็หยุดเดิน
“นัตโตะ ๆ นายเป็นอะไร” ชาร์ลอทได้ยินเสียงหัวใจดังจากตรงกระเป๋าเสื้อ นัตโตะหายใจถี่มากแม้จะเป็นตอนกลางคืนก็มีเหงื่อไหล นัตโตะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“นัตโตะ ๆ!” ชาร์ลอทออกมาจากกระเป๋าเสื้อในขณะที่นัตโตะล้มตัวลงนอนกับพื้น เธอเดินตรงไปที่ใบหน้าของนัตโตะพยายามเขย่าเรียกสุดแรง
“นายเป็นอะไร” นัตโตะนอนแน่นิ่งไป เธอยังคงร้องเรียกด้วยเสียงสั่น ๆ ทั้งน้ำตาคลอ
เสียงอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้เหมือนกับก่อนหน้านี้
“ฉันจะทำยังไง ถ้าฉันตัวใหญ่เท่านายก็ดีจะได้ปกป้องนายได้ แต่ฉันทั้งตัวเล็กบินก็ไม่ได้ ฉันมันก็แค่ภาระของนาย” เธอไม่หนีไปไหนนั่งอยู่บนพื้นข้าง ๆ นัตโตะจากน้ำตาคลอก็เริ่มไหลออกมา ในขณะที่เสียงนั่นยังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
“ออกไปให้ห่างเลยนะ” ในที่สุดก็เห็นตัวเจ้าของเสียงนั่น สัตว์ประหลาดที่ตัวใหญ่กว่าเธอเป็นเท่าตัวอีกทั้งมันยังมีหลายขายั้วเยี้ย ด้านหน้ามีขาที่ใหญ่กว่าขาคู่อื่นมีกรงเล็บคล้ายกรรไกร และยังมีเขี้ยวทั้งสองข้างที่ปากอีก มันกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ข้าง ๆ ตรงหน้าของชาร์ลอท
“ไม่ต้องห่วง ฉ-ฉันจะปกป้องนายเอง [ใบมีดลม] ” เธอใช้หนึ่งในเวทที่ได้เรียนมาจากพี่วิวจู่โจมสัตว์ประหลาดตัวนั้น มันกระโดดหลบข้ามมาด้านหลังของชาร์ลอท
“ [ใบมีดลม] ๆ ๆ” เธอพยายามโจมตีด้วยเวทมนต์ของเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นก็สามารถหลบได้ตลอด
“อ๊าก!” มันพุ่งตรงเข้ามาโจมตี ชาร์ลอทได้เอาแขนไปกันทำให้มันกัดเข้าที่แขนของเธอ
“อีกแล้วความรู้สึกแบบนี้ เหมือนกับก่อนหน้านี้เลย” ชาร์ลอทล้มลงเรี่ยวแรงหายไปหมด ตากำลังจะปิดลง เจ้าสัตว์ประหลาดกำลังตรงไปหานัตโตะที่นอนหมดสติอยู่
…..ฉันกำลังจะตาย นัตโตะ พี่ แม่ หนูขอโทษ ถ้าหนูเชื่อฟังตั้งแต่แรกเรื่องพวกนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น นัตโตะต้องมาซวยเพราะเรา เรากำลังจะทำให้นัตโตะต้องตาย…..
ฉันขยับตัวได้แล้วเกิดอะไรขึ้น ชาร์ลอทยันตัวเองลุกขึ้นมามีแสงสีขาวสว่างมาจากด้านหลังของเธอ ปีกสีขาวใสจนมองทะลุได้เดิมทีมันเล็กมากจนไม่สามารถใช้บินได้แต่ ตอนนี้มันกลับใหญ่ขึ้นและเปล่งแสงสว่างสีขาวออกมา ปีกนั่นใหญ่มากกว่าของพี่ชายเธอเสียอีกเป็นปีกที่คล้ายกับแมลงปอไม่เหมือนกับแฟรี่ตัวอื่น ๆ ที่ปีกจะมีลวดลายที่สวยงามเหมือนกับผีเสื้อ
เกิดอะไรขึ้นกับปีกของฉัน เธอหันไปมองปีกของตัวเองทั้งทางซ้ายและขวา เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเลิกสนใจนัตโตะและตรงเข้ามาหาชาร์ลอทแทน
“ [ใบมีด-] ” ยังไม่ทันได้ร่ายเวทเสร็จ มันก็หายไปจากตรงหน้าชาร์ลอท เธอพยายามมองหารอบ ๆ
“ฉันบินได้แล้ว ๆ!” ชาร์อลทลองกระพือปีกดู เธอได้พบกับความรู้สึกของการบินที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อนเธอบินขึ้นไปสูงและมองหาเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น
“เร็วมาก!” เธอเห็นว่ามันยังอยู่แต่มันเคลื่อนที่ไปมาเร็วมากจนไม่สามารถโจมตีด้วยเวทได้เลย
“เราต้องพานัตโตะหนีให้ได้” เธอบินลงมาพยายามดึงนัตโตะขึ้น แต่ด้วยขนาดที่ต่างกันมากมายหลายเท่านัตโตะไม่แม้จะขยับสักนิด
“ [ลมโบกสะบัด] ” ปกติเวทนี่ที่เธอใช้ทำได้แค่ช่วยพยุงตัวเธอ แต่ตอนนี้มันกลับยกตัวนัตโตะลอยขึ้นเหมือนกับบินได้
พลังเวทของฉันเพิ่มขึ้นเหรอ? ตอนนี้ช่างมันก่อนต้องพานัตโตะหนี ชาร์ลอทพานัตโตะบินหนีไป ปีกของเธอส่องแสงทำให้สามาถมองทางข้างหน้าได้บ้าง
“ตื่นสินัตโตะ!” ทำไมล่ะ? ทำไมถึงยังไม่ตื่นล่ะ–ไม่นานเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ตามทัน
“อ๊าก!” มันกระโดดพุ่งเข้าหาเธอโดนจัง ๆ จนเธอหล่นลงมาที่พื้นถึงอย่างงั้นเธอก็ยังคุมเวทของเธอเพื่อให้นัตโตะลงมาบนพื้นอย่างปลอดภัย
“ [ใบมีดลม] ” ชาร์ลอทโจมตีทันทีที่ตั้งตัวได้แต่เวทที่เธอใส่กลับทรงพลังมากกว่าตอนแรก มันทั้งเร็วและรุนแรงจนเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นกระเด็นไปไกลมาก ๆ
“ [รักษา] ๆ ๆ ทำไมถึงไม่ได้ผลล่ะฟื้นสักทีสิไอ้บ้าเอ๊ย!” ชาร์ลอทใช้เวทรักษาซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะเธอใช้เวทมาต่อเนื่องทำให้เริ่มเหนื่อยหอบ พร้อม ๆ กับเสียงที่ตะโกนเรียกทั้งน้ำตา และจู่ ๆ แสงจากปีกของเธอก็เริ่มเลือนหายไปกลับมาสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
สติมันกำลังจะคุมไม่อยู่แล้วคงเพราะใช้เวทมากไป ไม่ว่ายังไงฉันก็จะขออยู่ข้าง ๆ นายไปตลอด ฉัน..รัก…นาย เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นยังไม่ตาย มันกลับมาหาเธอและกำลังจะโจมตีเธอที่นอนกอดนัตโตะอยู่
“ให้ตายสิ กว่าจะหาตัวเจอ” เสียงใครบางคนที่คว้าเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นไปอย่างง่ายดาย
“ช่วย..เขา..ด้วย” นั่นเป็นสิ่งที่ชาร์ลอทพยายามพูดกับชายคนนั้นก่อนที่จะหมดสติไป
จนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่กับนัตโตะ เธอนอนอยู่หน้าก้อนหินใหญ่ที่เห็นตอนเจอกับเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ก่อนที่จะได้พบกับนัตโตะ
“เกิดอะไรขึ้น?” ชาร์ลอทพยายามลุกขึ้นยืน ใกล้ ๆ กันก็มีเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์อยู่ด้วย
“ฉันพาเธอกลับมาที่เดิมแล้วก็กลับบ้านไปซะ แล้วก็ห้ามพูดเรื่องของฉันให้ใครฟังเด็ดขาด” เจ้าสัตว์ประหลาดพูดขณะที่กำลังถือโหลแก้วอยู่ ชาร์ลอทไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นหน้าของเขาเลย
“นัตโตะ! นัตโตะล่ะ” ชาร์ลอทมองไปมารอบ ๆ
“ถ้าหมายถึงเด็กผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ? ฉันรักษาแล้วก็พากลับบ้านไปแล้ว” เขาเริ่มหันหน้ามาทางชาร์ลอท
“ค่อยยังชั่ว เป็นไปได้ไหมถ้าฉันอยากกลับไปหาเขา?” ชาร์ลอทเดินเข้าหาชายคนนั้น
หลังจากที่พวกเขาคุยกันอยู่สักพัก ชายคนนั้นบอกทางกลับบ้านให้แล้วก็หายตัวไป ชาร์ลอทเดินเท้าไปตามทางที่บอก
“ชาร์ลอท! ชาร์ลอท!!” เสียงแฟรี่หญิงที่กำลังบินไปทั่วและตะโกนเรียกสุดเสียงถึงแม้ใบหน้าของเธอจะโทรม มีรอยคล้ำรอบตา อีกทั้งเสียงก็แหบแห้ง หน้าซีดไร้เรี่ยวแรง
เธอร่วงลงมาจากความสูงเกือบถึงยอดต้นไม้แถวนั้น บังเอิญชาร์ลอทที่กำลังเดินอยู่ด้านล่างสังเกตเห็นเธอรีบวิ่งเข้าไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มันก็ดูเหมือนจะไกลเกินไป
แฟรี่ที่กำลังร่วงลงมาถูกรับไว้ได้โดยชาร์ลอทที่กำลังกระพือปีกขาวใสเหมือนกับตอนที่สู้กับสัตว์ประหลาดเพื่อปกป้องนัตโตะ
“ม-แม่” เสียงสะอื้นของเธอทำให้แฟรี่ตนนั้นถึงหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นใบหน้าของเธอ ชาร์ลอทค่อย ๆ บินลงพื้นอย่างช้า ๆ และกอดแฟรี่ตนนั้นไว้แน่น พร้อมกับน้ำตาของทั้งสองที่ไหลลงบนบ่าของพวกเธอ
ชาร์ลอทพาแม่ของเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัยและได้เห็นพี่วิวและเพื่อน ๆ ของเขาอยู่พร้อมหน้า สีหน้าแต่ละคนเศร้าหมองแต่พอเห็นพวกชาร์ลอท พวกเขาก็ยิ้มขึ้นมาทันที ก่อนหน้าที่จะออกจากป่าปีกของเธอก็กลับมาเล็กเหมือนเดิม ไม่สามารถบินได้
“ทำไมแม่โทรมแบบนี้ล่ะ” ชาร์ลอทมองหน้าแม่แล้วถาม
“ตั้งแต่เธอหายไป แม่เขาก็ออกตามหาตลอดเลยล่ะ ไม่ได้พักหรือกินอะไรเลย” พี่วิวพูดแทรกขึ้นมาแทน
“หนูขอโทษ หนูขอโทษจริง ๆ” เสียงสะอื้นของชาร์ลอทพร้อมน้ำตา
“แค่เห็นลูกปลอดภัยดี แม่ก็สบายใจแล้วล่ะ” เธอยิ้มและเอามือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของชาร์ลอท
ช่วงเวลาของการร่ำไห้ได้จบลง แฟรี่ทุกตนปลอดภัย และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิมแต่
“พี่วิว หนูจะไปโรงเรียน หนูมีเรื่องที่อยากทำอยู่” ชาร์ลอทเดินไปดึงแขนของพี่วิวไว้ก่อนที่จะออกจากประตูไป
ฉันจะเก่งกว่านี้ ฉันจะต้องเรียนเวทมนตร์ให้มาก ๆ และฉันจะกลับไปหานายให้ได้
เหตุการณ์ตอนที่คุยกับชายคนนั้น
“ค่อยยังชั่ว เป็นไปได้ไหมถ้าฉันอยากกลับไปหาเขา?” ชาร์ลอทเดินเข้าหาชายคนนั้น
“ถ้าอยากไปก็หาทางเอาเองสิ” เขากำลังเดินหนีไป
“ยังไงมันก็เปล่าประโยชน์อยู่แล้ว เพราะฉันลบความทรงจำที่เกี่ยวกับเธอของเด็กคนนั้นไปหมดแล้ว” และชายคนนั้นก็หายตัวไป
เรื่องราวของแฟรี่ตัวน้อยที่ไม่สามารถบินได้ก็เริ่มต้นขึ้นการผจญภัยและการเดินของเธอที่ต้องการกลับไปหาชายผู้เป็นรักแรกของเธอ
- 👁️ ยอดวิว 1195
แสดงความคิดเห็น