บ้านไร่สายสมรตอนที่ 3
แท็กซี่มาส่งไหมตะวันแทนที่จะเป็นรถยนต์ของอัครา ทำให้ป้านิ่มรู้ได้ทันทีว่าสองคนนั่นอาจจะมีปัญหากันอีกแล้ว ยิ่งเห็นไหมตะวันเดินลงส้นหนักๆขึ้นห้อง นางก็ยิ่งไม่สงสัย
ป้านิ่มถอนใจยาว รู้ดีว่าไหมตะวันเป็นคนอย่างไร นี่แหละคุณหนูขี้วีนตัวจริง ถูกเลี้ยงดูมาอย่างชนิดที่ไม่เคยมีคำว่า ‘ไม่’อยู่ในพจนานุกรม นางไม่บังอาจรู้หรอกว่าอนาคตของไหมตะวันจะเป็นอย่างไร แต่ในฐานะคนที่คอยดูแลหล่อนมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูกหรือยิ่งกว่าลูก เพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา คนที่คอยดูแลไหมตะวันในเรื่องพื้นฐานทั่วไปก็คือนาง ไม่ใช่สุรีย์ฉายซึ่งเป็นแม่ประเภทที่ใช้นิ้วสั่งการ ต่อให้ไหมตะวันร้ายแค่ไหน สำหรับนางแล้วยิ่งรู้สึกว่ายิ่งต้องดูแลใกล้ชิด
คิดดังนี้แล้ว ป้านิ่มจึงชงนมอุ่นๆนำขึ้นไปที่ห้องของไหมตะวัน แต่ก็พบกับชลิตที่กำลังมุ่งหน้าไปที่ห้องของลูกสาวเหมือนกัน
“ผมเอาไปให้ไหมเองครับพี่นิ่ม ขอบคุณนะครับ”
“ค่ะ คุณผู้ชาย” ป้านิ่มส่งแก้วนมให้กับชลิตแล้วเลี่ยงจากมา แอบคิดในใจว่า โชคดีของไหมตะวันเหลือเกินที่ยังมีพ่อแบบชลิต ส่วนแม่แบบสุรีย์ฉาย...
“คืนนี้จะกลับมานอนบ้านหรือเปล่ายังสงสัย” ป้านิ่มบ่นพึมพำ
“เข้ามาสิคะคุณป้า ไหมไม่ได้ล็อกหรอกค่ะ”
เสียงของไหมตะวันดังออกมานอกห้อง ภายหลังชลิตเคาะประตู ผู้เป็นพ่อเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้อง ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นภาพของอัคราที่ผนังห้อง ถูกลูกดอกปาปักอยู่เต็มไปหมด
เจ้าของห้องยังอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินแค่เสียงสั่ง
“คุณป้าคะ ไหมยังไม่ได้ทานข้าวมาเลยค่ะ คุณป้าช่วยทำสลัดให้ไหมสักจานนะคะ”
ชลิตวางแก้มนมลงแล้วก้าวออกจากห้องนอนของลูกสาว เขาถอนใจ รู้สึกเป็นกังวลถ้าหากไหมตะวันยังคบหาอยู่กับอัครา ผู้ชายแบบนั้นทำไมเขาจะอ่านไม่ออก ชลิตเห็นความไม่เอาไหนของอัคราตั้งแต่แรกที่ไหมตะวันพามาแนะนำให้รู้จัก เพียงแต่เขาไม่สามารถไปบงการเรื่องแบบนี้กับลูกสาวได้ อีกอย่างสุรีย์ฉายก็ดูจะชื่นชมอัคราเป็นพิเศษ เพราะคุณหญิงโฉมอนงค์ แม่ของอัคราอยู่ในกลุ่มก๊วนของสุรีย์ฉายนั่นเอง
ชลิตชะงักเท้าขณะที่กำลังจะเข้าไปบอกแม่นมของไหมตะวัน เพราะเวลานั้นป้านิ่มทำสลัดเสร็จเรียบร้อยกำลังจะยกออกมาจากครัว ชลิตรู้ได้ทันทีว่าป้านิ่มคือคนที่รู้ใจของไหมตะวันที่สุด รู้ใจมากกว่าคนเป็นพ่อแม่เสียด้วยซ้ำ
เขายิ้มให้กับแม่นม “ไหมกำลังอยากทานครับพี่”
“คุณผู้ชายจะยกเอาไปให้คุณไหมเองหรือคะ”
“ไม่ดีกว่าครับ ไหมคงอยากคุยกับพี่มากกว่า”
ป้านิ่มขมวดคิ้วกับคำพูดทิ้งท้ายของชลิต
----------------
เสียงตะหลิวกระทบกับกระทะดังแบบกระแทกกระทั้นพร้อมกับเสียงบ่นกระปอดกระแปดของแด๊ะแด๋ กะเทยพันธุ์ถึกผู้มีกล้ามแขนเป็นมัดๆ
“นายสะอิ้งขา กับข้าวสามอย่างนี่ก็พอแล้วล่ะค่ะ มากมายเกินเหตุ”
สะอิ้ง สาวใหญ่วัย 45 ปี ผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวต่างมารดาของปราณี ยืนกอดอกท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิด หล่อนเป็นสาวใหญ่เจ้าอารมณ์ ชอบวางอำนาจกับคนงานของไร่ ด้วยความที่มีศักดิ์เป็นน้องของปราณี คนงานจึงค่อนข้างเกรงใจ เกรงกลัว และเกลียดชังในเวลาเดียวกัน
“ทำไปเหอะน่านังแด๊ะแด๋ จวนได้เวลาตั้งโต๊ะอาหารแล้วด้วย”
“นายสะอิ้งไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ” แด๊ะแด๋แปลกใจมาก เพราะปกติสะอิ้งมักมีท่าทีต่อต้านคำสั่งเกือบทุกชนิดของปราณี ที่แม้ว่าจะต่อต้านไม่ได้จนต้องมาลงเอยกับพวกคนงานก็ตาม
“รู้สิ รู้สึกมากด้วย แต่ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า มีอะไรเป็นพิเศษ ถึงได้นัดคุณขุนศึกให้มาทานข้าวด้วย”
“อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด นายอำเภอขุนศึกมาด้วยเหรอคะ”
“ย่ะ” สะอิ้งค้อนให้กับลูกน้องคนสนิท เพราะแด๊ะแด๋เห็นคนหล่อเป็นต้องเก็บอาการเอาไว้ไม่ได้ทุกครั้งไป “คุณขุนศึกไม่ใช่เพิ่งมาสักหน่อย แกยังไม่ชินเหรอยะนังแด๊ะแด๋”
“แหม นายสะอิ้งเจ้าขา เรื่องแบบนี้ แด๊ะแด๋ห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆค่ะ” เจ้าหล่อนไม่ได้พูดต่อให้จบว่า สะอิ้งเองก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอกที่นิสัยชอบกินเด็กหนุ่มหล่อ
“เอาละๆ เรายกอาหารไปที่เรือนใหญ่เถอะ” สะอิ้งตัดบท เพราะขืนเล่นกับแด๊ะแด๋มาก หล่อนชักลามไม่เกรงใจ
เมื่ออยู่ต่อหน้าปราณี สะอิ้งจะเปลี่ยนบุคลิกเป็นอีกอย่างหนึ่ง ทั้งๆที่ในหัวอกของหล่อนแทบจะระเบิดด้วยไฟแห่งริษยา หล่อนอิจฉาทุกๆอย่างที่เป็นของปราณี เริ่มตั้งแต่รูปกาย ความรัก และไร่สายสมรทั้งหมด ทั้งๆที่หล่อนไม่มีสิทธิ์
“มีอะไรเป็นพิเศษหรือคะพี่ณีถึงได้ชวนคุณขุนมาเป็นแขกของบ้านเรา” สะอิ้งถามระหว่างร่วมรับประทานอาหาร
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะสะอิ้ง แค่อยากปรึกษาคุณขุนเกี่ยวกับเรื่องงานมะรืนนี้เท่านั้น”
“วันมะรืนนี้หรือคะ สะอิ้งเตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของไร่เราไปเปิดตัวในงานด้วยนะคะพี่ มีไวน์เกรดรองที่เรากำลังจะเปิดตลาดในประเทศ กับแยมองุ่นเป็นหลักค่ะ”
“ดีจ้ะ”
“ไร่สายสมรของเราได้รางวัลด้วยนะคะคุณน้า” ธารใสบอกข่าวดี
“จริงหรือคะ ก็ดีซีคะ” สะอิ้งยินดีอย่างเสแสร้ง หัวใจลุกโพลงด้วยไฟริษยาทับทวี
“สะอิ้งมีชุดสวยๆไหม” ปราณีถาม
“ไม่มีหรอกค่ะพี่ณี พี่ก็รู้นี่คะว่าเงินเดือนน้องนิดเดียวเอง”
มุกเรียงเบะปาก ด้วยไม่ชอบสะอิ้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หล่อนรู้ทันสะอิ้งว่าคิดอย่างไรกับมารดา ปากกับใจของสะอิ้งไม่ตรงกันสักนิด
“สะอิ้งเลือกเอาชุดสวยๆของพี่ไปก็ได้ พี่อยากให้สะอิ้งเป็นตัวแทนของไร่สายสมรขึ้นรับรางวัลกับอธิบดี”
“จะดีหรือคะพี่ณี”
“ดีซี่ สะอิ้งเป็นน้องสาวของพี่ ความสำเร็จของไร่สายสมร สะอิ้งก็มีส่วนมาตั้งแต่ต้นนี่จ้ะ”
“งั้นสะอิ้งไม่ปฏิเสธนะคะพี่ณี ขอบคุณนะคะ พี่ณีน่ารักจังเลย”
หลังทานอาหารเสร็จ มุกเรียงเดินมาส่งขุนศึกที่รถ
“ท่าทางคุณมุกไม่ค่อยชอบคุณน้าสะอิ้งเลยนะครับ”
“ค่ะพี่ขุน” มุกเรียงตอบตามตรง
“ทำไมล่ะครับ” ขุนศึกถาม เขาไม่ได้รู้อะไรมาก
มุกเรียงหัวเราะ ไม่อยากคุยเรื่องอื่นให้เสียอารมณ์ จึงปฏิเสธ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ขุน ก็แค่ไม่ค่อยชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ”
“สมัยยังเด็ก ผมแวะมาที่ไร่กับคุณแม่ ก็เห็นคุณน้าสะอิ้งเป็นลูกมือคุณอาปราณีแล้วละ”
“ค่ะพี่ขุน เหตุนี้มั้งคะจึงทำให้คุณแม่รักคุณอาสะอิ้งมากค่ะ รักมากๆ... ว่าแต่พี่ขุนเถอะค่ะ อาหารมื้อนี้เป็นไงบ้างคะ”
“อร่อยครับ ฝีมือคุณน้าสะอิ้งไม่เคยตกเลยนะครับ”
“หือ รู้ด้วยเหรอคะว่าฝีมือคุณอาสะอิ้ง”
“รู้สิครับ ผมเคยทานมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้วนี่ครับ”
มุกเรียงอดค้อนไม่ได้ ภาพในอดีตผุดพรายขึ้นมาในหัวของหล่อน ขุนศึกสมัยโน้นเป็นเด็กผอมเก้งก้าง หน้าตาเด๋อด๋า ไม่คิดว่าพอมาเจอกันอีกที เขาจะกลายเป็นชายหนุ่มคมสัน จนทำให้หัวใจของหล่อนยังต้องหวั่นไหว
“คุณมุกกลับเข้าบ้านเถอะครับ น้ำค้างลงแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ชายหนุ่มกล่าวเมื่อถึงรถ
“ขับรถดีๆนะคะพี่ขุน”
“ขอบคุณครับ...” เขาก้าวขึ้นรถแล้วยังยื่นหน้าออกมาพูด “ฝันดีนะครับ”
“ค่ะ” มุกเรียงยิ้มหวาน หัวใจเบิกบานเป็นพิเศษ
----------------
สุรีย์ฉายตื่นมาพร้อมกับอาการหนักอึ้งเพราะอาการเมาค้าง นางเดินลงมายังห้องโถงเห็นป้านิ่มกำลังปัดกวาดอยู่ตามลำพัง
“อ้าวคุณผู้หญิง” ป้านิ่มหันมาทัก สุรีย์ฉายยังอยู่ในชุดของเมื่อวาน
“ไปไหนกันหมดเนี่ย”
“คุณผู้ชายไปกรมค่ะ ส่วนคุณไหมไปกับคุณผู้ชายค่ะ”
“ไปที่ทำงานนะเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะคุณผู้หญิง เห็นตื่นมาเมื่อเช้านั่งคุยกันสักพักก็พากันออกไปค่ะ หนูไหมเป็นคนขับรถให้คุณพ่อด้วยนะคะ”
“งั้นเหรอ”
“สองพ่อลูกสมานฉันท์กันดีนะคะ นานๆจะได้เห็นที” ป้านิ่มอมยิ้มเมื่อนึกถึงภาพอันน่าประทับใจนั้น แต่สุรีย์ฉายปั้นหน้าขึง นางไม่ได้ต้องการให้เกิดภาพแบบนั้นบ่อยครั้งนัก ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง ป้านิ่มยิ้มค้างเมื่อเห็นใบหน้าขึงตึงของสุรีย์ฉาย รู้ทันทีว่าไม่สบอารมณ์ จึงรีบถามเพื่อเอาใจ
“คุณผู้หญิงจะรับอะไรไหมคะ”
สุรีย์ฉายไม่ตอบ หมุนร่างก้าวออกจากห้องนั้นทันที ป้านิ่มหน้าเสียพึมพำเบาๆว่า “องค์ลงอีกแล้วสิเนี่ย เฮ้อ...”
----------------
ชลิตจะเป็นลมขณะควักดูใบเสร็จรับเงินที่พนักงานของห้างหรูนำมาให้เขาเซ็นกำกับ มันขาดแค่สองร้อยจะครบห้าหมื่น
ไหมตะวันใช้เงินแบบนี้เอง ชลิตถึงอดเป็นห่วงไม่ได้ อันที่จริงเขารู้เต็มอกว่าปัจจุบันนี้ลำพังแค่เงินเดือนของเขา แทบไม่พอ ต้องหยิบยืมเงินจากอนาคตมาใช้ สุรีย์ฉายไม่ได้มีธุรกิจเป็นหลักแหล่ง อาศัยขายมรดกเก่าๆจนร่อยหรอ
“ได้อะไรมั่งล่ะไหม” คุณชลิตถาม หลังขึ้นรถเพื่อให้ไหมตะวันขับไปส่งที่กรม
“มีเสื้อเชิ้ตลายสก๊อต กางเกงยีน แล้วก็รองเท้าบู๊ทค่ะคุณพ่อ”
“แค่นี้เองเหรอ”
“ค่ะคุณพ่อ” ไหมตะวันตอบอย่างอารมณ์ดี “บู๊ทของชาแนลนะคะคุณพ่อ ค่ะหมื่นนิดๆเองค่ะคุณพ่อ พอดีรู้จักกัน ได้ส่วนลดเป็นพิเศษค่ะ”
ชลิตกลืนน้ำลายเหนียวคอ ได้ยินเสียงพูดเจื้อยแจ้วร่าเริงของไหมตะวัน แต่ใจหวิวอย่างไรชอบกล ถ้าอนาคตไหมตะวันยังเป็นแบบนี้ เกิดเขาเป็นอะไรไป หล่อนจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร สุรีย์ฉายเลี้ยงไหมตะวันมาอย่างผิดๆ เลี้ยงในแบบที่นางเป็น ไหมตะวันจึงเป็นคนแบบนี้
ไหมตะวันหยุดพูด ชำเลืองมองบิดานิดหนึ่งอย่างผิดสังเกต “คุณพ่อเป็นอะไรหรือเปล่าคะ หน้าซีดจังเลยค่ะ”
“เปล่าๆ” ชลิตปด
“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณพ่อ พรุ่งนี้ไหมไปอำเภอสายทองกับคุณพ่อแน่นอนค่ะ ไหมสัญญาแล้ว ไม่งั้นไม่ลงทุนซื้อชุดชาวไร่แบรนด์นอกเตรียมใส่ไปงานหรอกนะคะ” ไหมตะวันเข้าไปใจอีกอย่าง และหล่อนไม่มีวันเข้าใจว่าสถานะการเงินของอธิบดีอย่างชลิตนั้น ไม่ได้มั่งคั่งถึงขั้นสามารถซื้อรองเท้าบู้ทคู่ละหมื่น หล่อนยังไม่เข้าใจอะไรอีกมาก
ชลิตให้ไหมตะวันส่งลงแค่หน้าอาคาร เขาถอนใจยาว ขณะมองตามหลังรถของลูกสาวที่กำลังเคลื่อนจากไป ชลิตยกมือกุมที่หัวใจ ใบหน้าซีดเผือดและรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนอย่างเร็ว
“ท่านคะ ท่านเป็นอะไรคะ”
เสียงเอะอะของเลขาสาวที่บังเอิญออกมาเห็นแล้วรีบเข้ามาช่วยประคองได้ทัน หล่อนร้องให้รปภ.เข้ามาช่วยประคองชลิตไปที่ห้องทำงาน
“ไปหาหมอไหมคะท่าน”
“ไม่ ไม่ต้อง” ชลิตปฏิเสธ เริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว
----------------
สุรีย์ฉายมองไหมตะวันในชุดแบบชาวไร่ แต่เป็นชาวไร่ไฮโซ หล่อนหมุนร่างให้มารดาดูแล้วถามความเห็น “เป็นไงบ้างคะคุณแม่”
“สวยจ้ะ ลูกสาวแม่ต้องสวยอยู่แล้ว”
“เกือบห้าหมื่นแน่ะค่ะ”
“ห้าหมื่น”
“ค่ะ” ไหมตะวันตอบกลั้วเสียงหัวเราะ “คุณพ่อเกือบเป็นลม”
สุรีย์ฉายจึงยิ้มออกมา ราวกับว่าการสุรุ่ยสุร่ายของไหมตะวันคือความปรารถนาของนาง ถึงกระนั้น พอคิดว่าพรุ่งนี้ไหมตะวันจะต้องไปงานกับชลิต นางก็ไม่ชอบใจอยู่ดี เพราะจนบัดนี้นางไม่เคยไว้ใจชลิต มีอำเภอตั้งมากมาย ทำไมต้องเจาะจงไปจัดงานกันที่อำเภอสายทอง สถานที่ที่ชลิตเคยมีความหลังอยู่ที่นั่น
“สรุปว่าพรุ่งนี้หนูจะไปงานกับคุณพ่ออยู่ดีใช่มั้ยคะลูก”
“ค่ะคุณแม่ คุณแม่อยากไปด้วยเหรอคะ”
สุรีย์ฉายทำหน้าเบื่อ “ลูกก็รู้ว่าแม่ไม่ชอบบ้านนอก กลิ่นโคลนสาบควาย”
“ไหมก็ไม่ชอบค่ะ แต่รับปากคุณพ่อไปแล้ว อีกอย่าง...ไหมยังไม่อยากเจอหน้าพี่อัคด้วย คุณพ่อบอกว่าไปไม่นานหรอกค่ะ แป๊บๆเดียวก็กลับแล้ว แค่ไปเป็นประธานในพิธีเองค่ะ”
----------------
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 732
แสดงความคิดเห็น